ตอนที่ 789
วิกฤตอันร้ายแรง!
ขณะที่เสียงของผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิดังก้องออกไป ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แวบขึ้น และความรู้สึกถึงอันตรายอันยากจะอธิบายออกมาได้ ก็พุ่งขึ้นมาอยู่ในจิตใจ
เมิ่งฮ่าวไม่ได้เรียกขุนเขาที่เก้ากลับมา แต่ปล่อยให้มันตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นดิน กระจายแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวออกมา
ผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้าและชี้ลงมายังพื้นดิน สายฟ้าสีน้ำเงินทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้น ทะลวงผ่านสวรรค์และปฐพี…
ที่ห่างไกลออกไปจากสนามรบเป็นบริเวณที่ก่อนหน้านี้ถูกผ้าคลุมไว้ แต่ตอนนี้ก็มองเห็นได้ในทันที ราวกับว่าผ้าม่านได้ถูกดึงออกไปเพื่อเผยให้เห็น…กรงขนาดใหญ่!
ภายในกรงเป็นวานร ร่างกายมันถูกปกคลุมด้วยสัญลักษณ์เวท ดวงตาเป็นสีแดงราวโลหิต ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ที่สามารถจะกลืนกินสวรรค์ลงไปได้
ทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นกรงและวานร จิตใจก็หมุนคว้าง แม้แต่เขา…ก็ยังไม่อาจจะตรวจพบได้ถึงการคงอยู่ของกรงนี้
นั่นเป็นการบ่งชี้ให้เห็นถึงพลังอันเข้มข้นของกรง ที่เกินกว่าพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวมากมายหลายเท่านัก!
ตอนนี้ แม้แต่เซียนเทียมก็ยังไม่อาจจะรอดพ้นไปจากการตรวจจับของเมิ่งฮ่าวได้ ซึ่งบ่งบอกได้ว่ากรงนั้น…สามารถเทียบได้กับเซียนแท้!
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิก็ไม่เคยจะใช้สิ่งใด ที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับรูปปั้นบรรพบุรุษของพวกมันมาก่อน!
มันเป็นของวิเศษอันล้ำค่า ที่ก่อตัวขึ้นมาจากการรวบรวมสะสมพลังปราณมานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน
กรงนั้นค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศอย่างช้าๆ ถูกห้อมล้อมด้วยสายฟ้า ซึ่งโผล่ขึ้นมาจากพื้นจนพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า ผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิคุกเข่าลงไปสักการะในทันที ยกมือขึ้นไปในอากาศ และเริ่มส่งเสียงสวดด้วยเวทมนตร์ที่แปลกๆ
ทันใดนั้นอากาศก็เต็มไปด้วยบทเพลงแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ เป็นเสียงที่คล้ายกับเสียงสวดมนตร์มากมายนับไม่ถ้วน เป็นเสียงหึ่งๆ จนไม่อาจจะได้ยินอย่างชัดเจน แต่ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็ได้ยินจนต้องสั่นสะท้านอยู่ในจิตใจ ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าที่อยู่ในกลางอากาศ มองลงไปด้วยความตกตะลึง
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ความรู้สึกถึงวิกฤตอันร้ายแรงพุ่งขึ้นมาจนถึงจุดสูงสุดอยู่ในจิตใจ ยกกระถางสายฟ้าขึ้นมา และสายฟ้าก็กระจายออกมาปกคลุมไปทั่วร่าง ทันใดนั้นเขาก็สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกับผู้ฝึกตนที่อยู่ใกล้กับผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิ เขาบินขึ้นไปในอากาศ ขยับมือร่ายเวท ทำให้เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตปรากฏขึ้น ขณะที่พุ่งตรงไปยังผู้นำตระกูล
เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะปล่อยให้มันทำการร่ายเวทต่อไปได้ กรงโบราณแปลกๆ นั้น เป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ตูม!
ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเขากระแทกลงไปยังผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิ ซึ่งไม่ได้หลบเลี่ยงใดๆ แม้แต่น้อย มันคุกเข่ากราบสักการะอยู่ที่นั่นเหมือนก่อนหน้านี้ บทสวดมนตร์ดังลอยออกมาจากปากมัน ขณะที่ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวพุ่งเข้าไป และถูกขวางกั้นโดยพลังที่มองไม่เห็น จากนั้น…ก็กระจายหายไป
สีหน้าเมิ่งฮ่าวสลดลง
ในตอนนี้เองที่ภายในกรง ดวงตาของวานรทันใดนั้นก็แวบขึ้นมา สัญลักษณ์เวทมากมายนับไม่ถ้วนบนร่างมันเริ่มดีดดิ้นบิดตัวไปมา และจากนั้นก็ลอยขึ้นมาจากผิวหนังของร่างมัน แสงสีทองกระจายออกมา ตามมาด้วยกลิ่นอายที่คล้ายกับเป็นเทพเซียน
หนังศีรษะเมิ่งฮ่าวด้านชาขนลุกตั้งชี้ชัน ความรู้สึกถึงวิกฤตอันร้ายแรงพุ่งขึ้นมามากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าไม่อาจจะโจมตีไปยังผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิได้ เขาก็เริ่มถอยไปทางด้านหลัง เตรียมตัวที่จะออกไปจากสนามรบและกรงอันน่ากลัวนี้
แต่ในตอนที่เขากำลังจะเริ่มถอยไปที่ด้านหลัง…
ผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิก็มองขึ้นมา และสีหน้าก็กลายเป็นความบ้าคลั่ง “ท่านรูปปั้นบรรพบุรุษ โปรดสังหารคนผู้นี้!” มันร้องตะโกนออกมาเป็นเสียงดัง
สายฟ้าเต้นไปมาอยู่รอบๆ กรง ทำให้ดูคล้ายกับเป็นดวงตะวันแห่งสายฟ้าในกลางอากาศ
สัญลักษณ์เวทบนร่างวานรเริ่มเคลื่อนย้ายออกไปรวดเร็วมากยิ่งขึ้น จากนั้นสัญลักษณ์เวททั้งหมดที่อยู่บนแขนขวาของมันฉับพลันนั้นก็หายไป กระจัดกระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายมัน
สัญลักษณ์เวทเหมือนกับเป็นผนึกที่จะทำให้มันตกอยู่ภายใต้การถูกสะกด แต่ตอนนี้…แขนขวาของมันถูกปลดผนึกออกไปแล้ว
ต่อมา ส่วนของกรงที่อยู่ตรงหน้าวานรก็กระเพื่อมขึ้นและบิดเบี้ยวจนเปิดออก!
แสงอันดุร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาของวานร และทันใดนั้นมันก็แผดร้องคำรามออกมา “โลกแห่งเซียนคือรากเหง้าแห่งปีศาจทั้งมวล! เซียน…ต้องถูกสะกดไว้!”
ขณะที่เสียงของมันดังก้องออกมา ก็ยื่นแขนขวาออกไปผ่านช่องว่างที่ปรากฏขึ้นที่กรงด้านนอก ยื่นตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
หนังศีรษะเมิ่งฮ่าวด้านชา กระถางสายฟ้าปะทุขึ้นและเขาก็หายตัวไป ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในที่ห่างไกลออกไป กลายเป็นดาวตกพุ่งออกไปในทันที
ทันทีที่เขาบินจากไป แขนที่ยื่นออกมาจากกรงก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นในทันใด ในชั่วพริบตาก็มีความยาวถึงหนึ่งร้อยจ้าง อีกพริบตาต่อมา ก็ยาวถึงหนึ่งพันจ้าง จากนั้นก็หนึ่งหมื่นจ้าง!
แขนนั้นพุ่งไล่ตามเมิ่งฮ่าวไป มีขนาดใหญ่โตจนเต็มอยู่ในท้องฟ้า บดบังแสง ใหญ่กว่าภูเขาและแม่น้ำ ขณะที่มันเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว
ยากที่จะบอกว่านั่นเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์อะไร เมิ่งฮ่าวรู้สึกประหลาดใจ ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋า
เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมา ขณะที่ผลักดันให้ตนเองพุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ แต่มือขนาดใหญ่นั้นก็ดูเหมือนว่าจะไร้ขีดจำกัด ราวกับว่าตัวมันเองเป็นทวีป ขณะที่พุ่งไล่ตามเขามา กระจายออกไปปกคลุมเขาไว้โดยสิ้นเชิง ที่ด้านหน้าเมิ่งฮ่าว สิ่งที่ดูคล้ายกับเป็นยอดเขาขนาดใหญ่ห้ายอด กำลังตกลงมาจากด้านบน!
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจที่เกี่ยวข้องกับรูปปั้นบรรพบุรุษนี้ แต่แสงอันเย็นชาก็ปรากฏขึ้นภายในดวงตา และภาพของคุนเผิงก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผาก เขาพุ่งตรงไปขณะที่ภาพของมัจฉาปรากฏขึ้นในอากาศรอบๆ ตัว หางของมันโบกสะบัดไปมาอยู่ในอากาศ ขณะที่เขาผลักดันตัวเองให้พุ่งตรงไป รถศึกปรากฏขึ้น และเขาก็โคจรหมุนเวียนปราณแห่งเซียนชี้ทาง เสียงกระหึ่มดังก้องไปทั่วสนามรบขณะที่เขาพุ่งตรงไป
ด้วยการใช้พลังจากรถศึก ทำให้เขาพุ่งผ่านช่องว่างระหว่างภูเขาทั้งห้าที่ตกลงมาได้
ด้านหลังเมิ่งฮ่าวในสนามรบ ผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิกระอักโลหิตออกมากองโต ทันใดนั้นสัญลักษณ์เวทก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งบนแขนของวานรที่อยู่ภายในกรง มันเต็มไปด้วยโทสะ ไม่เคยจะคาดคิดว่ารูปปั้นบรรพบุรุษไม่อาจจะจับเมิ่งฮ่าวไว้ได้
“บัดซบ ช่างน่าเหลือเชื่อนัก!” ผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิกัดปลายลิ้นเล็กน้อย และพ่นโลหิตออกมาบางส่วน จากนั้นก็หยิบเอาชิ้นส่วนของกระโหลกศีรษะออกมา กดลงไปบนหน้าผากของมัน ร่างกายมันเริ่มสั่นสะท้าน และเสียงกระหึ่มก็ได้ยินมา ประกายอันเจิดจ้าอย่างไร้ขอบเขตลุกโชนขึ้นมาจากร่างมัน และเสียงมากมายนับไม่ถ้วนก็ดังขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกัน
“รูปปั้นบรรพบุรุษ โปรดช่วยผนึกคนผู้นั้น!”
ขณะที่ผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิแผดร้องเป็นเสียงดังก้องออกมา ดวงตาของวานรก็แวบขึ้น มันไม่ได้เปล่งประกายเป็นแสงสีแดงอีกต่อไป แต่เริ่มกลายเป็นสีดำ ราวกับว่าเปลวไฟแห่งพลังชีวิตของมันกำลังถูกเผาไหม้ออกไป ในตอนนี้เองที่วานรได้กลายเป็นรูปปั้นศิลา
เมื่อเกิดขึ้นเช่นนั้น กรงก็เริ่มสาดประกายด้วยแสงอันเจิดจ้าออกมา ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีขนาดใหญ่มากขึ้น จากนั้นก็หายไปอย่างฉับพลัน
ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวกำลังพุ่งออกไปในที่ห่างไกล ใช้พลังที่เป็นไปได้ทั้งหมดของรถศึกออกมา เพียงชั่วพริบตาเขาก็อยู่ห่างไกล ไกลออกไปมากๆ เขาหันหลังกลับไปมอง และเมื่อไม่เห็นมือขนาดใหญ่ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา จากนั้นรังสีสังหารก็แวบขึ้นมาในดวงตา และกำลังจะกลับเข้าไปในสนามรบ แต่ทันใดนั้นจิตใจก็ต้องหมุนคว้างด้วยความตกตะลึง
ทุกสรรพสิ่งรอบๆ ตัวเขาแบนราบและหมองคล้ำลง โลกทั้งหมดดูสงบเยือกเย็น จนดูเหมือนว่าจะไร้สิ่งมีชีวิตใดๆ อยู่ที่นี่
เขามองขึ้นไป และมองเห็นเทือกเขาอยู่ในที่ห่างไกลออกไป
“เมื่อพิจารณาถึงพลังของรถศึก และการผลักดันอย่างหนักของข้าเมื่อครู่นี้ ข้าก็น่าจะมองเห็นทะเลเทียนเหอได้จากที่นี่แล้ว…” จิตใจเมิ่งฮ่าวหมุนคว้าง และความรู้สึกอันเลวร้ายก็พุ่งขึ้นมาในจิตใจ ดวงตาแวบขึ้น เขาพุ่งตรงไปยังเทือกเขาที่เพิ่งจะมองเห็น จากนั้นสีหน้าก็สลดลง
ที่นั่น…ไม่มีภูเขาอยู่! แต่พวกมันเป็นเสาขนาดใหญ่!
หนังศีรษะเมิ่งฮ่าวด้านชา หันหลังไปอีกครั้ง แต่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าตนเองกำลังมองไปยังรูปปั้นขนาดยักษ์
มันเป็นรูปปั้นของวานร และสีหน้าก็เต็มไปด้วยการดูถูกเยาะเย้ย
เสียงกระหึ่มดังก้องอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว ถ้าตอนนี้เขายังไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เขาก็คงจะไม่ใช่เมิ่งฮ่าวแล้ว
“ข้าอยู่ภายในกรง!” เขาคิดด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขาเพิ่งจะใช้ความเร็วไปอย่างสูงสุดเท่าที่จะทำได้ และเห็นได้ชัดว่าได้หลบหนีออกไปจากฝ่ามือของวานรไปแล้ว พร้อมกับหอบหายใจเมิ่งฮ่าวพุ่งออกไปยังที่ห่างไกลอีกครั้ง เพียงไม่นานที่บินไปเขาก็คิดว่าน่าจะไม่ได้อยู่ในดินแดนด้านใต้แล้ว แต่อยู่ในโลกที่มีพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมแทน
ในแต่ละด้านทั้งสี่ เมิ่งฮ่าววิ่งตรงไปที่เสา ตรงจุดกึ่งกลางของแต่ละด้านเป็นรูปปั้นวานรยักษ์ ในที่สุดสีหน้าเมิ่งฮ่าวก็สลดลง
ในตอนนี้เองที่เสียงสวดมนต์เริ่มดังตรงมาที่เขาจากทั่วทุกทิศทาง เสียงนั้นดูเหมือนจะประกอบไปด้วยพลังอย่างที่ยากจะพูดออกมาได้ ขณะที่พวกมันลอยไปมา โลกนี้ก็เริ่มสั่นสะเทือน สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาสำหรับเมิ่งฮ่าวก็คือ เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าโลกแห่งนี้ทั้งหมด…เริ่มหดตัวเล็กลงไป!
ในเวลาเดียวกันนั้น แรงกดดันอันน่าตกใจก็กดทับลงมา
ยิ่งโลกนี้หดเล็กลงไปมากขึ้นเท่าใด แรงกดดันก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น มันเป็นพลังสะกดข่มที่ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องสั่นสะท้าน รู้สึกราวกับว่าภูเขากำลังบดขยี้ลงมาบนร่าง
ในเวลาเดียวกันนั้น ที่โลกด้านนอก ตานกุ่ย, ปรมาจารย์ซ่ง และคนอื่นๆ ที่ลอยตัวอยู่บนสนามรบ ต่างก็สั่นสะท้าน ที่ด้านล่างผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้มีท่าทางสิ้นหวัง
คนทั้งหมดสามารถมองเห็นกรงที่ลอยอยู่ในกลางอากาศ ถูกปกคลุมด้วยสายฟ้ามากมายนับไม่ถ้วน ตอนนี้ประกอบด้วยเงาร่างที่ติดอยู่ด้านในซึ่งก็คือเมิ่งฮ่าว!
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้มีขนาดเล็กลง และกำลังถูกสะกดข่มด้วยพลังบางอย่างที่อยู่ภายในกรง
แสงอันโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นในดวงตาของผู้นำตระกูลสายโลหิตจักรพรรดิ มันเก็บเศษชิ้นส่วนของหัวกระโหลกไว้ จากนั้นก็พ่นโลหิตออกมา เห็นได้ชัดว่าร่างกายมันแก่ชราลงไป การใช้รูปปั้นบรรพบุรุษด้วยวิธีการเช่นนี้ ทำให้มันต้องจ่ายค่าตอบแทนที่สูงลิ่ว
“การต่อสู้นี้ยากที่จะคาดเดาได้ แต่ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ถูกสะกดข่มไว้แล้ว อีกไม่นานสงครามในดินแดนด้านใต้ก็จะจบลง ตอนนี้ดินแดนทางเหนือสามารถจะควบคุมอาณาเขตแห่งนี้ไว้ได้แล้ว!”
“เจตจำนงแห่งชะตาเซียน ต้องปรากฏขึ้นในผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนืออย่างแน่นอน!” มันเงยหน้าขึ้นและหัวเราะออกมา ราคาที่มันต้องจ่ายช่างสูงลิบลิ่วแต่ก็คุ้มค่าเมื่อคิดว่า ผลลัพธ์ก็คือเมิ่งฮ่าวถูกสะกดไว้
รังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตาของมัน ขณะที่พุ่งขึ้นไปในอากาศ มุ่งหน้าตรงไปยังการต่อสู้ของปรมาจารย์ซ่งและตานกุ่ย หลังจากที่สังหารคนทั้งสอง สนามรบนี้ก็จะตกอยู่ในกำมือมันโดยสิ้นเชิง
ที่ด้านล่างผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ต่างก็ตกอยู่ในสถานะที่สิ้นหวัง ในขณะที่ผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือกำลังคึกคักร่าเริง พวกมันแผดร้องคำรามพุ่งตรงเข้ามาโจมตี เพียงชั่วพริบตา ดินแดนด้านใต้ก็ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส และถูกผลักดันให้ต้องล่าถอยไปทางด้านหลัง สิ่งเดียวที่พวกมันสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือ กลับเข้าไปที่ด้านหลังการปกป้องคุ้มครองของค่ายกลเวทป้องกัน
ค่ายกลเวทป้องกันมีความแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะป้องกันการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของผู้ฝึกตนนับแสนได้ ประตูสีทองขนาดใหญ่ถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง โดยผู้ฝึกตนนับหมื่น ค่ายกลเวทป้องกันอันดับสี่ถูกทำลายไป จากนั้นก็สาม ถึงแม้ว่าจะมีผู้ฝึกตนดินแดนทางเหนือบางคนตายไปในขั้นตอนนี้ก็ตามที แต่ค่ายกลเวทป้องกันอันดับสองก็พังทลายลงไปเช่นเดียวกัน
ขุนเขาที่เก้ายังไม่ได้จางหายไป มันยังคงอยู่ที่นั่น กระจายเสียงอันกึกก้องออกมา ราวกับว่ามีใครบางคนที่ติดอยู่ด้านใน กำลังพยายามที่จะทะลวงผ่านออกมา!
ดินแดนด้านใต้กำลังตกอยู่ในช่วงวิกฤตอันร้ายแรง!