ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ ภาค 6
นามที่เขย่าขุนเขาที่เก้า
ตอนที่ 801
พวกเราจะได้พบกันอีก!
บิดามารดาเมิ่งฮ่าวไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตราบเท่าที่ยังมีโอกาสทำให้เมิ่งฮ่าวดีขึ้น คนทั้งสองยินดีที่จะจ่ายค่าตอบแทนใดๆ ก็ได้ ถ้าค่าตอบแทนนั้นคือการที่ต้องสูญเสียอิสรภาพ ต้องเสียสละตำแหน่งฐานะและศักดิ์ศรี ต้องไปยังดาวหนานเทียนเพื่อเป็นผู้พิทักษ์อยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งแสนปีก็ตามที
ดังนั้นพวกท่านจึงมีแต่ความยินดี!
พวกท่านจะจากดาวตงเซิ่ง นำเมิ่งฮ่าวและพี่สาวไปด้วย พวกเขาจะออกจากตระกูลฟางไป!
ก่อนที่พวกเขาจะจากไป ผู้อาวุโสทั้งหมดของตระกูลฟางได้ออกมาดู เพราะว่าพวกเขาไม่อาจจะนำสิ่งใดๆ ติดตัวไปด้วย ซึ่งจะทำให้กรรมของพวกเขาต้องแปดเปื้อน บิดาเมิ่งฮ่าวจึงต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่เบื้องหลัง
มีเพียงสิ่งเดียวที่ท่านนำไป ก็คือกระบี่เหล็ก
พวกเขาไม่ได้นำผลเนี่ยผานของเมิ่งฮ่าวทั้งสองผลไปด้วย ผู้อาวุโสของตระกูลรวมทั้งท่านปรมาจารย์ เลือกที่จะเก็บพวกมันไว้ในที่ปลอดภัยของตระกูล เมื่อเมิ่งฮ่าวฟื้นฟูร่างกายและกลับมาได้ ผลเนี่ยผานทั้งสองผลนี้ก็จะเป็นของเขา
บิดาเมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชาเพื่อตอบรับกับข้อเสนอนี้ ทำไมท่านจะไม่เข้าใจถึงความเป็นจริงที่แอบซ่อนอยู่เบื้องหลังคำสั่งนี้? เดิมทีท่านไม่คิดจะทิ้งผลเนี่ยผานไว้
“ผลเนี่ยผานนี้จะอยู่ที่นี่กับผู้นำตระกูล” ท่านกล่าวด้วยดวงตาที่สาดประกายอันคมกริบ “อีกไม่กี่ปี ฮ่าวเอ๋อร์จะกลับมาเพื่อนำพวกมันไปด้วยตนเอง!” ด้วยเช่นนั้น ท่านจึงโยนผลเนี่ยผานที่เป็นของวิเศษอันล้ำค่าออกไป
แน่นอนว่าสิ่งที่ผู้อาวุโสไม่รู้ก็คือว่า สำหรับบิดามารดาเมิ่งฮ่าวแล้ว ของวิเศษล้ำค่าทั้งสองชิ้นนี้คือต้นเหตุแห่งความโศกเศร้า
หลังจากนั้นไม่กี่วันพวกท่านก็จากไป นำเมิ่งฮ่าวและพี่สาวเขาไปด้วย ตั้งแต่การเกิดใหม่ของเนี่ยผานเมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนว่าบิดามารดาค่อนข้างจะเซื่องซึมไร้ชีวิตชีวาไป
เมื่อพวกเขามาถึงดาวหนานเทียน ก็ไปยังแคว้นจ้าวที่อยู่ห่างไกล ไปตั้งรกรากอยู่ที่เมืองหยุนเจี๋ยใกล้กับเชิงเขาต้าชิง พี่สาวเมิ่งฮ่าวไม่ได้อยู่ด้วย นางไปยังดินแดนตะวันออก ไปอยู่ร่วมกับสาขาตระกูลฟางที่ดินแดนตะวันออก และมุ่งเน้นไปที่การฝึกตน นางต้องการจะปล่อยให้บิดามารดาอยู่กันตามลำพัง เพื่อใช้เวลาที่เหลืออยู่เจ็ดปีร่วมกับน้องชาย
ในช่วงเจ็ดปีนั้น เมิ่งฮ่าวมีความสุขมากอย่างแท้จริง เขาค่อยๆ ฉลาดมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมุ่งเน้นไปที่การศึกษาเล่าเรียน ก่อนถึงวันครบรอบเจ็ดปีของเขา สายลมสีม่วงก็กรรโชกขึ้นที่นอกบ้าน บิดามารดาหัวใจสลายและกระวนกระวายใจ แต่เพื่อช่วยชีวิตเขา พวกท่านจึงต้องจากไปอย่างไร้ทางเลือก
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาและเริ่มร้องไห้ บิดามารดาก็ยิ่งเสียใจมากขึ้นกว่าเดิม…
เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้น หยดน้ำตาไหลลงมานองหน้า ทำให้เสื้อผ้าต้องชุ่มโชก สายตาพล่าเลือน และเขาก็มองเห็นบิดามารดากำลังนั่งอยู่ที่ตรงเบื้องหน้า
ตอนนี้เขามองเห็นผมหงอกขาวบนศีรษะของมารดา ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน ใบหน้าของบิดาดูแก่ชราลงไปกว่าเดิม
พวกท่านกำลังมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความรัก จนทำให้จิตใจเขาต้องสั่นสะท้าน
ตอนนี้เขาเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ความสงสัยของเขาได้คลี่คลายลงแล้ว ปัญหาของเขาได้รับคำตอบที่แจ่มชัด เมื่อเขามองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสองชีวิตก่อนหน้านี้ ซึ่งดูเหมือนจะคล้ายกับเป็นความฝัน แต่ตอนนี้เขาได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงของความฝันนั้นยังคงอยู่ภายในจิตใจ และไม่มีทางจะลบให้เลือนหายไปได้
“ทัณฑ์ทรมานเจ็ดปี…บิดามารดายินยอมที่จะเป็นผู้พิทักษ์อยู่ในสถานที่แห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งแสนปี…เพื่อข้า หนึ่งแสนปี…” เมิ่งฮ่าวอดคิดไปถึงช่วงเวลาที่ยาวนานเช่นนั้นอย่างช่วยไม่ได้ ความรู้สึกเจ็บปวดในจิตใจหายไปโดยสิ้นเชิง เขาไม่รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมอีกต่อไป แต่กลับรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจ
บิดามารดาเขาไม่สมควรจะได้รับคำตำหนิใดๆ
พวกท่านได้ทุ่มเทออกไปมากแล้ว มากเป็นอย่างยิ่ง และไม่เคยที่จะบ่นออกมาแม้แต่ครั้งเดียว พวกท่านไม่เรียกร้องขอค่าตอบแทนใดๆ พวกท่านต้องการเพียงแค่…ให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้เท่านั้น
เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน หยดน้ำตาเริ่มไหลลงมานองหน้ามากยิ่งขึ้น
“ท่านแม่…”
“ท่านพ่อ…”
มารดาสั่นสะท้านโน้มตัวมาข้างหน้า โอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขน นางกำลังร้องไห้ด้วยเช่นกัน
“ฮ่าวเอ๋อร์ เรื่องทั้งหมดกำลังดีขึ้น เจ้าเอาชนะทัณฑ์ทรมานนั้นได้แล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้น…”
บิดาเมิ่งฮ่าว ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบุตรชายคนโต และเป็นทายาทสายโลหิตโดยตรงแห่งตระกูลฟาง เป็นผู้ถูกเลือกอันน่าประหลาดใจ ซึ่งยังคงเป็นผู้ที่น่ามหัศจรรย์ในโลกด้านนอก โน้มตัวลงมาโอบกอดไปรอบๆ ร่างภรรยาและบุตรชาย
“ตอนนี้พวกเราผ่านมันได้แล้ว ฮ่าวเอ๋อร์ ทุกสิ่งทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว…” เสียงของท่านสั่นสะท้านอยู่เล็กน้อย และท่านก็กำลังร้องไห้ด้วยเช่นกัน นี่เป็นครั้งที่สองที่ท่านร้องไห้หลังจากที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่
ครั้งแรกเกิดขึ้นตอนที่เมิ่งฮ่าวต้องพบเจอกับการเกิดใหม่เป็นครั้งที่สอง เมื่อท่านมองเห็นบุตรชายย้อนกลับจากเด็กเจ็ดขวบไปเป็นทารก เมื่อท่านเห็นความเจ็บปวดบนใบหน้าน้อยๆ ของเมิ่งฮ่าว เมื่อท่านเห็นดวงตาของเขาค่อยๆ เริ่มไร้ประกายลงไปทีละน้อย…ท่านก็ร้องไห้
“เจี่ยเจียนาง…” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงแผ่วเบา เขาไม่เคยลืมภาพของพี่สาวที่กำลังปกป้องเขาในช่วงชีวิตที่สองไปได้
และไม่เคยจะลืมคำพูดที่นางได้พูดออกมา
“เสี่ยวตี้ (น้องชาย) ไม่ต้องหวาดกลัว เจี่ยเจีย (พี่สาว) จะคอยปกป้องเจ้าเอง!”
มารดาร้องไห้ด้วยความดีใจกล่าวตอบว่า “นางอยู่ในช่วงการเข้าฌาณตามลำพัง ในดินแดนตะวันออก หลังจากที่พวกเรากลับไป พวกเราจะรอให้นางออกมา และจากนั้นพวกเราก็จะได้พบหน้ากันทั้งครอบครัว!”
“แล้วจู่ฟู่ (ท่านปู่) ไว่กง (ท่านตา)…?” เมิ่งฮ่าวถาม
เมื่อเขาเอ่ยขึ้น บิดาเขายืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ชั่วขณะ จิตใจเมิ่งฮ่าวเริ่มเต้นรัว เขาจำได้ว่าท่านปู่ท่านตาได้จากไปพร้อมกัน เพื่อไปค้นหาบุคคลภายนอกที่จะมาช่วยเขาได้
คนภายนอกมา แต่ท่านปู่ท่านตาไม่เคยกลับมาอีกเลย
หลังจากที่ผ่านไปนาน บิดากล่าวว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างมาพร้อมกับค่าตอบแทน ตะเกียงชีวิตของท่านปู่ท่านตาเจ้ายังคงลุกไหม้อยู่ พวกท่านยังคงมีชีวิตอยู่ แต่…พวกเราไม่รู้ว่าพวกท่านอยู่ที่ไหน”
เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ จิตใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้เมื่อเขารับรู้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ก็ทำให้รู้สึกผิดอย่างลึกล้ำต่อท่านปู่ท่านตาทั้งสอง
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะพวกท่าน คนภายนอกก็ไม่มีทางจะปรากฏขึ้น และเขาก็คงจะกลายเป็นเถ้าธุลีไปนานแล้ว เหลือไว้แต่เพียงผลเนี่ยผานสี่ผลเท่านั้น
สืบเนื่องมาจากเขา ทำให้ท่านปู่ท่านตาทั้งสองไม่เคยจะกลับมาอีกเลย
ยิ่งไปกว่านั้น บิดามารดาก็ต้องติดอยู่ที่ดาวหนานเทียน กลายเป็นผู้พิทักษ์ไปหนึ่งแสนปี เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกเลวร้ายลงไปมากขึ้น เขามองไปยังบิดามารดา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ความรู้สึกของเขาก็กัดกร่อนอยู่ลึกๆ ในจิตใจ
เขาไม่เคยได้ตอบแทนความเมตตาของบิดามารดาและญาติๆ เลย
ปรมาจารย์อสูรโลหิตไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย และในที่สุดก็ถึงเวลาที่เมิ่งฮ่าวต้องจากไปพร้อมกับบิดามารดา บิดาและมารดาเขาหันหน้าไปยังภูเขาอสูรโลหิต ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ
ไม่กี่วันหลังจากนั้น เมื่องานซ่อมแซมบูรณะดินแดนด้านใต้กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี เมิ่งฮ่าวและบิดามารดาก็จากไป ก่อนที่จะกลับไปยังดินแดนตะวันออก พวกเขาไปเยี่ยมอาจารย์ของเมิ่งฮ่าว, ตานกุ่ย
บิดามารดาเขารู้สึกขอบคุณในทุกสิ่งทุกอย่างที่ตานกุ่ยได้ทำลงไปเป็นอย่างมาก และยังได้มอบของกำนัลราคาแพงให้อีกด้วย แต่ตานกุ่ยก็มีสีหน้าหมองคล้ำลง ถ้าไม่ใช่ว่าท่านกำลังเผชิญหน้ากับคนที่มีพื้นฐานฝึกตนอันยิ่งใหญ่อยู่แล้วละก็ ท่านก็คงจะปฏิเสธที่จะรับมอบของกำนัลนี้ไปแล้ว
“เมิ่งฮ่าวเป็นศิษย์ของข้า! แล้วข้าจะรับของกำนัลจากพวกท่านได้อย่างไร!?” ท่านกล่าว
บิดาเมิ่งฮ่าวประสานมือและโค้งตัวลงต่ำให้กับท่าน จากนั้นก็ยื่นส่งเส้นใยเจตจำนงแห่งเต๋า ซึ่งไปตกผลึกอยู่ภายในร่างตานกุ่ย และทำให้เกิดเป็นแรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่าง
เจตจำนงแห่งเต๋าเช่นนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญต่อตานกุ่ยเป็นอย่างยิ่ง และจะช่วยให้ท่านสามารถตรวจสอบวิถีทางแห่งการฝึกตนของท่านได้
“พวกเราวู่วามไป” บิดาเมิ่งฮ่าวกล่าว “ขอต้าซืออย่าได้ตำหนิ โปรดรับเส้นใยเจตจำนงแห่งเต๋านี้ไว้ ฮ่าวเอ๋อร์ไม่ได้เกิดในดินแดนแห่งดาวหนานเทียน ดังนั้นโชคชะตาเซียนในช่วงหนึ่งหมื่นปีนี้จะไม่เป็นของมัน ความมุ่งมั่นในวิถีเซียนของต้าซือทำให้ฟางโหม่วรู้สึกนับถือนัก เมื่อทัณฑ์เซียนแท้ของท่านมาถึง ฟางโหม่วจะมาเป็นผู้พิทักษ์เต๋าให้กับท่านด้วยตนเอง!”
พวกเขาอยู่ในสำนักจื่อยิ่นเป็นเวลาหลายวัน ฉู่อวี้เยียนหลบหน้าเมิ่งฮ่าวอยู่ตลอดเวลา ทำให้เขาต้องถอนหายใจออกมา อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้บังคับเรื่องนี้ และในที่สุดก็จากไปพร้อมกับบิดามารดา พวกเขาไปเยี่ยมปรมาจารย์ซ่ง และจากนั้นก็จากดินแดนด้านใต้ไป
เมื่อพวกเขากลายเป็นลำแสงพุ่งจนหายลับตาไป ฉู่อวี้เยียนกำลังยืนด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรีอยู่บนยอดเขาในสำนักจื่อยิ่น นางไม่พูดอะไรออกมา เพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่น ดูท่าทางอ้างว้างโดดเดี่ยว เมื่อตานกุ่ยมองเห็นนาง ท่านก็ถอนหายใจออกมา
ด้วยเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวจึงจากดินแดนด้านใต้ไปพร้อมกับบิดามารดา
ระหว่างการเดินทาง เมิ่งฮ่าวแจ้งว่าเขาต้องการจะไปหยุดอยู่ที่ทะเลเทียนเหอเพื่อค้นหาเต่าชราเอกะเทวะ มารดาเมิ่งฮ่าวส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มออกมา
“เต่าที่เจ้าพูดถึงจากไปเมื่อนานมาแล้ว มันไม่ได้อยู่ในดินแดนแห่งดาวหนานเทียนอีกต่อไป”
เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้าง จากนั้นสีหน้าเกลียดชังก็ปรากฏขึ้น คิดอยู่ในใจว่า “โชคดีที่มันจากไปอย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้นข้าจะให้มันได้เห็นดีกัน!”
เวลาเดียวกันนั้น ที่อยู่ห่างออกไปในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาว…
เต่าขนาดใหญ่กำลังลอยอยู่ในท่ามกลางกลุ่มดาว มีพื้นดินทั้งทวีปอยู่บนหลังของมัน สิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่บนนั้น รวมทั้งผู้ฝึกตนและสำนักมากมาย
แน่นอนว่าพวกมันได้ตระหนักว่ากำลังลอยออกไปในท่ามกลางกลุ่มดาว เมื่อพวกมันมองขึ้นไป สิ่งที่เห็นก็คือท้องฟ้าอันน่ามหัศจรรย์
เต่าตัวนี้แน่นอนว่าเป็นปรมาจารย์เอกะเทวะ ตอนนี้ศีรษะมันซุกเข้าไปอยู่ในกระดอง และมันกำลังฮึมฮำเป็นเสียงเพลงเบาๆ อยู่ ดูท่าทางมีความสุขและภาคภูมิใจในตนเองเป็นอย่างยิ่ง
“ฮี่ ฮี่ ฮี่! เหลาจู่ (ปรมาจารย์) ช่างเก่งกาจเป็นอย่างยิ่งอีกครั้ง! ตอนนี้ข้าหลบหนีมาอยู่ที่ด้านนอกนี้ เจ้าสารเลวน้อยนั่นไม่มีทางจะค้นหาข้าพบ!”
“ฮา ฮา ฮา! นับจากนึ้ไป อนาคตของข้าก็จะไร้ขอบเขตเช่นเดียวกับท้องฟ้าและทะเล! เหลาจู่เป็นอิสระแล้ว!”
“มาดูกันว่าเจ้าสารเลวน้อยนั่นจะมีปฏิกิริยาเช่นไร เมื่อมันพบว่าเหลาจู่ไม่ได้อยู่บนดาวหนานเทียนอีกต่อไป มันคงต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน! ฮา ฮา ฮา!” เมื่อคิดว่าเมิ่งฮ่าวกำลังไปยังทะเลเทียนเหอเพื่อค้นหามัน แต่ก็ไม่อาจจะหาพบได้ ก็ทำให้จิตวิญญาณของปรมาจารย์เอกะเทวะเฟื่องฟูขึ้นไปในทันที มันรำพึงอยู่ในใจต่อไปถึงความฉลาดของมันที่มีมากกว่าเมิ่งฮ่าว
“เจ้าต้องการให้เหลาจู่เป็นผู้พิทักษ์เต๋าของเจ้า? ไม่มีทาง! อ้าย…ทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของเจ้าสารเลวชราแห่งพันธมิตรผู้ผนึกอสูร พวกมันคงต้องทำลายสมองของข้าไปบางส่วนเป็นแน่ ทำไมเหลาจู่ถึงไม่คิดจะบินออกมาจากดาวหนานเทียนก่อนหน้านี้กันนะ?!”
“ถึงจะช้าไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าไม่มาเลย ในที่สุดก็หลบหนีออกมาจากดาวหนานเทียนได้แล้ว เหลาจู่รู้สึกว่าตัวเองฉลาดขึ้นอย่างแท้จริง!”
“ไอ้หยา ควรไปที่ไหนดีในตอนนี้? อา, ไม่เป็นไร เหลาจู่จำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน ข้ามีคนรักอยู่บนดาวตงเซิ่ง ไม่รู้ว่าหลายปีมานี้นางเป็นอย่างไร ข้าน่าจะไปหาคนรักเก่าบ้าง” ปรมาจารย์เอกะเทวะถอนหายใจด้วยอารมณ์ความรู้สึก จากนั้นก็แวบขึ้นขณะที่มันพุ่งตรงไปยังดาวตงเซิ่ง นำแคว้นจ้าวไปพร้อมกับมัน
ขณะที่บินไป มันก็ฮึมฮำเป็นเพลงเบาๆ ออกมา รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง…
ยังมีใครบางคนกำลังพุ่งผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวด้วยความรวดเร็วอยู่เช่นกัน เป็นชายชราที่บ้าคลั่งซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เซียน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้มันกระจายปราณเซียนอันเข้มข้นออกมา และสามารถที่จะบินอยู่ในท่ามกลางกลุ่มดาว
“กลายเป็นเซียน…กลายเป็นเซียน…” ขณะที่เสียงมันดังก้องออกมา การเปลี่ยนแปลงที่แปลกๆ บางอย่างดูเหมือนว่ากำลังจะเกิดขึ้น ใบหน้ามันดูแก่ชราไปชั่วขณะ…แต่จากนั้นก็ดูเยาว์วัยในทันใด
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าที่แก่ชราและใบหน้าที่เยาว์วัย ดูแตกต่างกันเป็นอย่างมาก พวกมันทั้งสองเป็นสองคนที่แตกต่างกัน!
นี่คือปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ขณะที่รูปร่างหน้าตามันมีการเปลี่ยนแปลง…ถ้าเมิ่งฮ่าวอยู่ที่นี่ เขาก็คงจะตระหนักได้ว่าใบหน้าที่เยาว์วัยนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเป็น…หวังเถิงเฟย ซึ่งวิญญาณของมันถูกกลืนกินลงไปโดยบรรพบุรุษของมันเอง!
ในเวลาเดียวกันนั้น สองเงาร่างได้ปรากฏขึ้นตรงเขตชายขอบระหว่างดินแดนทางเหนือและดินแดนตะวันออก แอบลักลอบคลืบคลานตรงไปข้างหน้า หนึ่งในนั้นเป็นบุรุษหนุ่มในชุดยาวสีดำ ซึ่งดูน่ารักและอ่อนแอ แทบจะคล้ายกับเป็นนักศึกษา ถ้ามองดูให้ละเอียด ก็จะพบว่าดูคล้ายคลึงกับเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็มีท่าทางแปลกๆ ผิดปกติอยู่ในแววตามัน ทำให้ภาพลักษณ์ที่ดูดีทั้งหมดของมันถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง
ด้านข้างมันเป็นบุรุษอ้วนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ซึ่งมักจะบ่นพึมพำออกมาเป็นระยะ
“หนี หนี หนี เจ้ารู้จักแต่หลบหนี ข้าได้บอกกับเจ้ามานานแล้วว่ามันผิด มันไร้ศีลธรรม! มันน่าละอายเป็นอย่างยิ่ง! พวกเราไม่ควรจะหลบหนีออกมา…พวกเราจบสิ้นแล้ว จบสิ้นโดยสิ้นเชิง! เมิ่งฮ่าวกลายเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อไปแล้ว…พวกเราควรจะทำอย่างไรดี? ซานเหยียควรทำอย่างไรในตอนนี้?”
“หุบปากไปเลย!” บุรุษหนุ่มกล่าวตอบด้วยท่าทางทรนง มองไปยังบุรุษอ้วนด้วยหางตา “อู่เหยียยังไม่ทันได้พูดอันใด แล้วเจ้าจะจู้จี้จุกจิกไปเพื่ออะไร? เจ้าคิดว่ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลังจากสามแล้วเป็นอะไร? เจ้าสามารถนับได้ถึงห้าหรือไม่?”
“อู่เหยียสามารถ!”
“เชื่อมั่นในอู่เหยีย มีชีวิตนิรันดร์! อู่เหยียกำลังจะพาเจ้าไปยังดินแดนตะวันออก! ด้วยขนที่ตกลงมาจากท้องฟ้านี้ พวกเราต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน!” บุรุษหนุ่มสะบัดร่างไปมา ด้วยท่าทางเดียวกับที่วิหคทำ เพื่อให้ขนของมันชี้ตรงขึ้นไป