ตอนที่ 813
เสี่ยวชิงและเสี่ยวฮวา
ผู้ถูกเลือกทั้งหมดที่มายังวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณแห่งนี้ ต่างก็สั่นสะท้านอยู่ภายในใจ ยกเว้นจื่อเซียง พวกมันในตอนนี้…เริ่มรู้สึกเชื่อถือเมิ่งฮ่าวขึ้นมาบ้างแล้ว
บางคนที่รู้สึกสงสัยก่อนหน้านี้ แต่เมื่อสิ่งแปลกๆ ได้ปรากฏขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า ภาพที่แปลกประหลาด สายลมที่เย็นเยียบ กลิ่นอายอันน่าตกใจ…ทำให้พวกมันไร้ทางเลือกนอกจากต้องเชื่อเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาพเหล่านั้นปรากฏขึ้น เสียงร้องไห้และเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของเมิ่งฮ่าว ที่ดังก้องไปมากับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ บริเวณนั้น ทำให้หนังศีรษะของพวกที่มุงดูอยู่ต้องด้านชา ปรากฎการณ์ที่แปลกๆ ในสถานที่แห่งนี้ เส้นผมที่ดำสนิทเหมือนหมึก ชิงช้าเถาองุ่นที่แกว่งตัวไปมา เสียงที่ดังขึ้นมาจากใต้พื้นดิน ทั้งหมดนี้ทำให้พวกมันเชื่อว่ามีสาเหตุมาจากเมิ่งฮ่าว
แม้แต่จื่อเซียงก็ยังต้องจ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ถ้านางไม่เคยรู้จักเมิ่งฮ่าวมาก่อน นางก็คงจะประหลาดใจไปแล้วโดยสิ้นเชิง
ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างนี้เป็นไปตามแผน มันก็คงจะสามารถช่วยซื้อเวลาให้กับเมิ่งฮ่าวได้บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก กลุ่มคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ทั้งหมดต่างก็ไม่ธรรมดา แค่ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้พวกมันรู้สึกสงสัยขึ้นมาได้ ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งโจมตีมาที่เขา และปริศนาทั้งหมดก็จะถูกทำลายไป
อันที่จริงในตอนนี้เองที่ผู้อาวุโสแห่งตระกูลจี้ ทันใดนั้นก็เคลื่อนที่ตรงไป ดวงตาสาดประกาย เห็นได้ชัดว่ามีความตั้งใจที่จะลองทดสอบเมิ่งฮ่าวดู
เมิ่งฮ่าวถอนหายใจออกมา ขณะที่เขาตระหนักว่ากลุ่มคนเหล่านี้ยากที่จะหลอกลวงได้อย่างง่ายดาย ในตอนนี้เองที่ชายชราแห่งตระกูลจี้จู่ๆ ก็หยุดชะงักนิ่ง และใบหน้ามันก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ สีหน้าของคนทั้งหมดต่างก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน และมีคนอยู่ไม่น้อยที่อ้าปากค้างขึ้นมาจริงๆ
เมิ่งฮ่าวผงะไปเล็กน้อย และสงสัยว่าเขาได้ทำอะไรที่จะไปกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาเช่นนั้นขึ้นได้
ในตอนนี้เองที่สายลมอันหนาวเหน็บได้กระโชกมาที่แผ่นหลังเขา รู้สึกราวกับว่ามีก้อนน้ำแข็งมาวางอยู่ที่ต้นคอ ทำให้ต้องหมุนตัวกลับไปในทันทีเพื่อมองเห็น…
ศีรษะกำลังลอยขึ้นมาจากบ่อน้ำที่อยู่ด้านหลัง เป็นศีรษะที่ดูคล้ายกับว่า มันได้เน่าเปื่อยอยู่ในน้ำของบ่อมานานนับล้านปี!
เมื่อเมิ่งฮ่าวหมุนตัวไป ศีรษะก็ลอยตรงมาที่เขา และดูเหมือนว่ามันกำลังจะมาสัมผัสโดนตัว เขากระพริบตา จากนั้นก็หันหน้ากลับไปยังกลุ่มฝูงชน และกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “นี่คือเสี่ยวชิง พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวนาง”
เมิ่งฮ่าวกระแอมไอออกมา จากนั้นก็ชี้ไปยังชิงช้าเถาองุ่น ซึ่งมีโลหิตสีดำหยดลงมา “ตรงนั้นคือเสี่ยวฮวา มา มา มา เสี่ยวฮวามาทักทายคนทั้งหมด”
ทันทีที่เขาพูดออกมา เถาองุ่นก็หยุดการแกว่งไปมา จากนั้นหยดโลหิตก็เริ่มเคลื่อนที่มา ราวกับว่ามีเงาร่างที่มองไม่เห็นกำลังเดินมายืนอยู่ที่ข้างกายเมิ่งฮ่าว
แม้แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังต้องตกตะลึงต่อเรื่องนี้ เขามองไปยังโลหิตสีดำที่กำลังหยดอยู่บนพื้นข้างกาย แทบจะนึกขึ้นได้ถึงภาพของเด็กหญิงตัวน้อยกำลังยืนอยู่ที่นั่น แต่ก็ไม่แน่ใจว่านางกำลังมองไปยังกลุ่มฝูงชนหรือมองมาที่เขากันแน่
เมิ่งฮ่าวไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถทำให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปได้นานแค่ไหน มองไปยังกลุ่มฝูงชนนับพันด้วยจิตใจที่แน่วแน่ นั่งลงขัดสมาธิและหลับตาลงเข้าฌาณ
ลึกลงไปในจิตใจเขาเริ่มรู้สึกว่า เรื่องนี้ได้เลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว…
ในสายตาของพวกที่มุงดูอยู่ทั้งหมด เมิ่งฮ่าวพร้อมกับเสื้อผ้าที่เก่าขาดรุ่งริ่ง สีหน้าที่ราบเรียบ และบรรยากาศที่เก่าแก่โบราณ ดูเหมือนจะกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับวิหารแห่งนี้ ขณะที่เขานั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น ศีรษะที่ซีดขาวก็ลอยอยู่ที่ด้านหลัง ห้อมล้อมด้วยเส้นผมที่ดำสนิทของเสี่ยวชิงที่ลอยไปมา
ข้างกายเมิ่งฮ่าวเป็นบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็น ซึ่งมีโลหิตสีดำหยดลงไปบนพื้น แต่ละหยดตกลงไปบนพื้นจนเป็นเสียงดังก้อง ด้วยพลังที่แปลกๆ จนทำให้จิตใจของพวกที่มุงดูอยู่ต้องสั่นสะท้านด้วยความตกตะลึง
ไม่มีใครกล้าขยับตัวเคลื่อนไหว ไม่แม้แต่จ้าวอีฝานแห่งสำนักกระบี่ไท่สิง ซึ่งกำลังยืนลังเลอยู่ที่นั่น ที่ห่างไกลออกไปฝานตงเอ๋อร์กำลังมองมายังเมิ่งฮ่าว แสงเจิดจ้าแวบขึ้นมาในดวงตา
จี้ยินนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ห่างไกลออกไป มีกรรมหมุนวนอยู่รอบๆ ร่างมัน ทำให้ยากที่จะมองเห็นรูปร่างหน้าตามันได้ชัดเจน
สามผู้ถูกเลือกจากตระกูลฟางทุกคนต่างก็นั่งลง ฟางอวิ๋นอี้มักจะมองไปยังจื่อเซียงด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักเป็นระยะ ฟางตงหานจ้องมองไปยังวิหาร ดวงตาสาดประกายด้วยการตัดสินใจที่แน่วแน่
ซ่งหลัวตานนั่งอยู่กับตระกูลซ่งด้วยท่าทางเย่อหยิ่งและกีดกันผู้คนจนห่างไกล มันมองไปยังเมิ่งฮ่าวเป็นระยะ และความต้องการต่อสู้ก็แวบขึ้นมาในแววตา
สำหรับหลี่หลิงเอ๋อร์ ยากที่จะบอกได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ นางก้มศีรษะลง ดูเหมือนว่ากำลังศึกษาสำรวจดูพื้นดินที่อยู่ตรงหน้า นางมักจะลากเส้นไปทั่วบนพื้นดินเป็นระยะ เห็นได้ชัดว่ากำลังใช้วิชาพยากรณ์บางอย่างอยู่
หวังมู่นั่งอยู่ที่นั่นพร้อมกับดวงตาที่สาดประกาย ทำให้ยากที่จะรับรู้ได้ถึงความคิดของมัน
ผู้ถูกเลือกของสำนักอื่นๆ นิกายและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด ต่างก็จมอยู่ในห้วงภวังค์ในความมืดมิดของยามราตรี อย่างน่าตกใจยิ่ง พวกมันนั่งอยู่ที่นั่นตรงหน้าวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณตลอดทั้งคืน
เมื่อถึงยามรุ่งอรุณ ตะเกียงน้ำมันกระพริบไปมา เมิ่งฮ่าวรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ยามราตรีได้ผ่านไป ตะเกียงก็จะดับลง อย่างไรก็ตาม มันจะดับลงอย่างแท้จริงในตอนที่การทดสอบได้จบลงไปจริงๆ เท่านั้น
ทันทีที่ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น เมิ่งฮ่าวก็ลืมตาขึ้นมา ศีรษะที่กำลังลอยอยู่ได้หายไป และหยดโลหิตก็หายไปด้วยเช่นเดียวกัน ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม ผู้คนมากมายในกลุ่มคนเหล่านั้นลืมตาขึ้นมามองไปยังเมิ่งฮ่าว
จ้าวอีฝานเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมายืนและเดินเข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าว ฝานตงเอ๋อร์ก็ยืนขึ้นมาแทบจะในเวลาเดียวกัน และใกล้เข้ามาจากอีกทิศทาง หลี่หลิงเอ๋อร์มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่เย็นชา และเคลื่อนที่ตรงมาที่เขาด้วยเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ จี้ยินก็ยืนขึ้น กรรมหมุนวนอยู่รอบๆ ร่างมัน ขณะที่เริ่มเดินเนิบนาบตรงมายังเมิ่งฮ่าว
ยังมีผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ต่างก็เริ่มเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าวด้วยเช่นกัน ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยโทสะ
“หยุดอยู่ที่นั่น!” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ
คนอื่นๆ ไม่กล่าวอะไรเพื่อโต้ตอบ แต่เร่งความเร็วขึ้น จ้าวอีฝานรวดเร็วมากที่สุด มันโบกสะบัดมือขณะที่เข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าว ทำให้กระแสปราณกระบี่ปรากฏขึ้น ปราณกระบี่ที่คล้ายกับมังกรกระจายออกไป กลายเป็นมังกรกระบี่อันน่าตกใจเก้าตัว เสียงแผดร้องคำรามของพวกมันทำให้อากาศสั่นไปมา ขณะที่พวกมันม้วนตัวพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวโดยพร้อมเพรียงกัน
“สหายเต๋า ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งดาวหนานเทียนจากตัวเจ้า! เจ้าไม่ใช่ผู้กวาดพื้น!” จ้าวอีฝานกล่าว
เมื่อมันพูดจบลง มังกรกระบี่ก็แทบจะมาอยู่ที่ด้านบนเมิ่งฮ่าวแล้ว
“เต๋าแห่งกระบี่คงอยู่ในจิตใจ และภายในนั้นคือเจตจำนงของคนผู้นั้น” จ้าวอีฝานกล่าวต่อ เก้ามังกรกระบี่กลายเป็นกระบี่เก้าเล่มแทงลงมายังเมิ่งฮ่าว
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น ขณะที่ความต้องการต่อสู้ระเบิดขึ้น เขาลุกขึ้นมายืน มือขวากำเป็นหมัดต่อยออกไปยังกระบี่ทั้งเก้าเล่มนั้น
ขณะที่เขาต่อยออกไป ภูเขาก็ปรากฏขึ้นอยู่ที่ด้านหน้าของหมัด ส่งเสียงดังกระหึ่มไปทั่วในอากาศ กระแทกเข้าไปยังเก้ากระบี่ เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมา ระลอกคลื่นกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง
“กรรมของเจ้าไม่ได้เป็นของใครบางคนจากในสมัยโบราณ” เสียงอันเย็นชานี้เป็นของจี้ยิน ขณะที่เสียงนั้นดังก้องออกไป ร่างมันก็เลือนลางลง จากนั้นก็ไปปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว มือขวามันแวบขึ้นเพื่อร่ายเวท จากนั้นก็กดลงไปที่แผ่นหลังของเมิ่งฮ่าวด้วยความรวดเร็วราวกับเป็นสายฟ้า
การเคลื่อนไหวนี้ทำให้วิญญาณเมิ่งฮ่าวต้องสั่นสะท้าน ความทรงจำทั้งหมดในชีวิตเขาดูเหมือนจะปรากฏขึ้น กลายเป็นกรรมที่ปั่นป่วนวุ่นวายอยู่ในจิตใจ
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าราบเรียบ แค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมา เมื่อการแสดงของเขาได้ถูกมองออกจนทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องบากหน้ากระทำอีกต่อไป เขายกมือซ้ายขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว และชี้ตรงไปยังจี้ยิน
เวทตัวอักษรแห้งเหี่ยวพุ่งออกมา อากาศที่อยู่ระหว่างเมิ่งฮ่าวและจี้ยินดูเหมือนจะพังทลายลงไป ขณะที่หลุมดำขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้น แรงดึงดูดอันน่าเหลือเชื่อก็พุ่งขึ้นมาในทันที ทำให้เกิดเป็นเสียงดังกระหึ่มกึกก้อง เมิ่งฮ่าวพุ่งทะยานไปทางด้านหลัง ขณะที่หลี่หลิงเอ๋อร์ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า ใบหน้าที่งดงามของนางบิดเบี้ยวขึ้นด้วยความต้องการสังหาร
“ความทรงจำของสถานที่แห่งนี้บอกว่า เจ้ามายังที่แห่งนี้แค่หนึ่งเดือนก่อนหน้าพวกข้าเท่านั้น!” นางกล่าว มือที่งดงามของนางขยับร่ายเวท และเครื่องหมายใบหลิวที่อยู่ตรงหว่างคิ้วก็แวบขึ้น ทันใดนั้น ก็มีใบหลิวหนึ่งใบปรากฏขึ้นในมือนาง
ทันทีที่ใบหลิวปรากฏขึ้น พลังชีวิตอันไร้ขอบเขตก็ระเบิดออก เมื่อมันบรรลุถึงจุดสูงสุด ก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงสัญญาณแห่งความตายออกมาในทันที ใบหลิวเปลี่ยนเป็นสีดำ และจากนั้นก็ลอยขึ้นไปในอากาศตรงมายังเมิ่งฮ่าว
“ผนึก!” หลี่หลิงเอ๋อร์กล่าวเสียงราบเรียบ ใบหลิวกระจายเสียงกึกก้องขึ้นขณะที่มันระเบิดออก กลายเป็นเส้นใยของใบไม้สีดำที่พันกันไปมา จนแทบจะดูคล้ายกับเป็นตาข่าย จากนั้นก็ตกลงมายังเมิ่งฮ่าว
เมื่อได้เห็นว่าตนเองกำลังจะถูกผนึกไว้ เมิ่งฮ่าวก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา และจากนั้นก็ผลักสองแขนออกไป เงยหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา ทำให้เวทแห่งเต๋าที่เขาเพิ่งจะเรียนรู้มาทำงานขึ้น มีขนงอกออกมาเต็มตัว อย่างน่าตกใจยิ่ง เขากลายร่างเป็นวิหคยักษ์สีดำขนาดใหญ่ ที่มีรูปร่างดุร้ายน่ากลัว หลบหนีออกมาจากเส้นใยสีดำที่ปกคลุมลงมาได้อย่างหวุดหวิด
ทันทีที่เขาพุ่งขึ้นไปในอากาศ ก็ได้ยินเสียงอันไพเราะดังขึ้นอยู่ในหู
“เต้าเซียง (พี่ชายเต๋า) ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ ตงเอ๋อร์แทบจะหลงเชื่อท่านแล้ว” ขณะที่เสียงนั่นส่งผ่านเข้ามาในหู ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ว่าเส้นขนกำลังลุกตั้งชี้ชัน ขณะที่ความรู้สึกถึงอันตรายอย่างลึกล้ำเต็มอยู่ในจิตใจ โดยไม่ลังเล เขาหยิบเอากระถางสายฟ้าออกมา สายฟ้าปกคลุมไปทั่วร่าง และเขาก็สลับตำแหน่งกับหลี่หลิงเอ๋อร์ในทันที
ทันทีที่เขาสลับสับเปลี่ยนตำแหน่ง ก็มองไปยังฝานตงเอ๋อร์ และมองเห็นว่านางมีดอกบัวสีเขียวอยู่ในมือ ก่อนหน้านี้มองเห็นเป็นเด็กผู้ชายกำลังยืนอยู่บนดอกบัว กำลังกวักมือเรียกเขาราวกับว่าต้องการจะเปลี่ยนให้เขากลายเป็นเมล็ดบัว และใส่เข้าไปในปากมันเพื่อขบเคี้ยว
ยังมีเข็มสีดำที่ขึ้นสนิมอยู่อีกด้วย กระจายกลิ่นอายที่ผุพังออกมา ซึ่งถูกขว้างตรงมาที่เขาโดยหนึ่งในชายชราที่กำลังยืนอยู่ข้างกายซ่งหลัวตานแห่งตระกูลซ่ง ถ้าเข็มเล่มนั้นแทงเข้าไปในร่าง เขาก็คงจะกลายเป็นแอ่งโลหิตไปแล้ว
ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาในการอธิบาย แต่จริงๆ แล้วก็เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่จุดประกายหินเหล็กไฟเท่านั้น เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะปะทะกับจ้าวอีฝานแห่งสำนักกระบี่ไท่สิง หนึ่งในสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่, จี้ยินแห่งตระกูลจี้, หลี่หลิงเอ๋อร์แห่งตระกูลหลี่ และฝานตงเอ๋อร์ จากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า
ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่การเผชิญหน้ากันอย่างเรียบง่าย แต่อันที่จริงก็เต็มไปด้วยรังสีสังหาร ถ้าผิดพลาดแม้แต่เพียงน้อยนิด โลหิตของเมิ่งฮ่าวก็คงจะสาดกระจายคล้ายกับเป็นหยาดพิรุณ ขณะที่ความต้องการต่อสู้ลุกไหม้ขึ้นมาในดวงตา สีหน้าของหลี่หลิงเอ๋อร์ก็สลดลง เครื่องหมายใบหลิวที่ตรงหว่างคิ้วนางส่องแสงระยิบระยับอย่างรวดเร็ว ฝานตงเอ๋อร์ร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ และชะงักการโจมตีไป เนื่องจากเช่นนั้น ทำให้หลี่หลิงเอ๋อร์สามารถหลีกเลี่ยงจากเวทบัวเขียวอันน่ากลัวได้
คนทั้งหมดที่กำลังมองดูอยู่ ต่างก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง แสงแปลกๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาของผู้ถูกเลือกบางคน ขณะที่พวกมันบินขึ้นไปในอากาศตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
“คนผู้นี้เป็นใครกัน? จ้าวอีฝานและคนอื่นๆ ทั้งหมดโจมตีไปพร้อมกัน แต่ก็ดูเหมือนว่ามันยังไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย!”
“มันต้องไม่ใช่คนที่ไร้นามเป็นแน่! ข้าอยากรู้นักว่ามันฝึกตนมานานเท่าใดแล้ว ถ้าน้อยกว่าหนึ่งพันปี มันก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!”
“มันเพิ่งจะหลบเลี่ยงเวทดอกบัวเขียวของเสินหนี่ว์ (สตรีศักดิ์สิทธิ์) ฝานตงเอ๋อร์ จากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าไปได้! กระถางสายฟ้านั่นมีพลังแห่งการเคลื่อนร่างย้ายตำแหน่ง!”
“เจ้ากำลังพลาดส่วนที่สำคัญมากที่สุดไป นั่นก็คือ…มันมายังที่แห่งนี้ก่อนพวกเรา! มันต้องได้ครอบครองโชควาสนาของวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณไปแล้วอย่างแน่นอน!”