ตอนที่ 815
ฝานตงเอ๋อร์!
ผู้ฝึกตนทั้งหมดในดินแดนแห่งดาวหนานเทียน รู้จักนามเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างดี ถ้าผู้ถูกเลือกของสำนักและตระกูลต่างๆ แห่งตี้จิ่วซานไห่ ได้ใช้เวลาอยู่นั่นสักเล็กน้อย พวกมันก็จะรู้จักนามนี้ด้วยเช่นกัน
นี่คือครั้งแรกที่พวกมันได้ยินนามนี้ แต่ถึงกระนั้นมันก็จะคงอยู่ในความทรงจำของพวกมันไปตลอดตราบชั่วนิรันดร์
เมิ่งฮ่าว!
สายตาจื่อเซียงจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว ที่กำลังยืนอยู่ที่นั่น ตรงประตูใหญ่ของวิหารด้วยท่าทางที่เหม่อลอย ดูเหมือนว่านางกำลังระลึกไปถึงผู้ฝึกตนหนุ่ม ที่นางได้รู้จักเมื่อหลายปีก่อนโน้น และจากนั้นก็เป็นเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสำนักเซียนอสูรโบราณ
เมื่อนึกย้อนไปถึงความทรงจำทั้งหมดเหล่านั้น ก็ทำให้นางต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ในตอนนี้มีนางเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่า เมิ่งฮ่าวได้ฝึกตนมายังไม่ถึงห้าร้อยปี
“แค่ไม่ถึงห้าร้อยปี มันก็มีปราณเซียนแล้ว…ยิ่งไปกว่านั้น มันก็…อยู่ห่างจากเซียนแท้แค่ครึ่งก้าวเท่านั้น!”
“ภาพแห่งธรรมของมันแสดงให้เห็นตัวตนของมันเอง ความเป็นเซียนของมัน…ไม่ใช่ของปลอม มันก้าวเดินไปบนวิถีทางแห่งเซียนแท้!”
“มันมีแรงบันดาลใจที่สูงส่ง เช่นเดียวกับพวกเราทั้งหมด มันไม่ปรารถนาที่จะกลายเป็นเซียนเทียม มันต้องการจะเอาชนะทัณฑ์เซียนแท้ และกลายเป็นเซียนที่แท้จริง!”
“ไม่รู้ว่ามันมาจากสำนักไหน เถาวัลย์เซียนนี้เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากในตี้จิ่วซานไห่ ถ้าไม่มีเถาวัลย์เซียน มันก็ได้แต่ต้องออกไปหาโชคชะตาเซียนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และจากนั้นก็รอคอยไปอีกหนึ่งหมื่นปี เพื่อที่จะมีโอกาสได้กลายเป็นเซียนแท้”
ท่ามกลางเสียงกระหึ่มที่ดังเต็มอยู่ในอากาศ หวังมู่จากตระกูลหวังแห่งดาวเป่ยหลู (ขลุ่ยทิศเหนือ) ทันใดนั้นก็กล่าวขึ้น “เจ้ามาอยู่ในที่แห่งนี้นานเท่าใดแล้ว?”
เมิ่งฮ่าวมองไปยังมันแต่ก็ไม่ได้กล่าวตอบ เขายืนอยู่ที่นั่นตรงหน้าประตูวิหาร ความต้องการต่อสู้ลุกโชนร้อนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
“เห็นได้ชัดว่ามันอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว” ซ่งหลัวตานกล่าว ลอยตัวอยู่กลางอากาศ “และตอนนี้มันกำลังป้องกันไม่ยอมให้พวกเราผ่านเข้าไปในวิหารพิธีเต๋านี้!” ทันใดนั้น ผู้ถูกเลือกหลายคนก็ลอยออกมาจากกลุ่มฝูงชน รวมทั้งไท่หยางจื่อ แสงหลากสีแวบขึ้นมา และพลังก็พุ่งขึ้นขณะที่พวกมันกลายเป็นสำแสงแปดสายพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
“หลีกไป!” เสียงของคนทั้งแปดดังก้องออกมาราวกับเป็นเสียงฟ้าร้อง
ด้านหลังคนทั้งแปดเป็นผู้พิทักษ์เต๋าจากสำนักและตระกูลของพวกมัน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้สังเกตดูเรื่องราวต่างๆ ด้วยดวงตาที่สาดประกายเจิดจ้า ตอนนี้มีผู้คนที่เข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าวอยู่สิบกว่าคน
ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะแข็งแกร่งไปมากกว่านี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดมากมายเช่นนี้ได้ แม้แต่บิดาเมิ่งฮ่าวก็คาดไม่ถึงว่า การมายังวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณของเขานี้ จะจบลงด้วยการต่อสู้เช่นนี้
บิดาเมิ่งฮ่าวคิดว่าเขาคงจะมีการต่อสู้แบบตัวต่อตัว และยังได้คิดว่าการมาถึงก่อน จะช่วยให้เมิ่งฮ่าวได้เปรียบมากกว่าคนอื่นๆ และท่านก็ไม่เคยจะคาดคิดว่าโชควาสนาหลักๆ ของสถานที่แห่งนี้จะถูกครอบครองได้ภายในเวลาไม่ถึงเดือน
แต่…เมิ่งฮ่าวก็ทำไปแล้ว
ตอนนี้เขาไม่อาจจะถอยไปทางด้านหลังได้อีก เขาจะไม่ปล่อยให้คนทั้งหมดผ่านเข้าไปในวิหาร ขณะที่กลุ่มคนสิบกว่าคนโจมตีมาที่เขา ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอาเม็ดยาเปลือกสีดำออกมาสิบกว่าเม็ด ขว้างออกไปที่ด้านหน้าในทันที ขณะที่พวกมันกระแทกกันเองในกลางอากาศ ก็เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงขึ้น
เม็ดยานี้แค่เพียงเม็ดเดียวก็สามารถจะทำให้เกิดเป็นพลังอันน่าประหลาดใจได้แล้ว แต่เมื่อสิบกว่าเม็ดเกิดการระเบิดขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน ก็ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน ภูเขาสั่นสะท้าน เสียงกระหึ่มกึกก้องดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของคนทั้งหมดที่อยู่ใกล้กับแรงระเบิด มีอยู่สองคนที่ร่างกายของพวกมันยังได้ถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ อีกด้วย
เสียงแผดร้องจนขนหัวลุกดังเต็มอยู่ในอากาศ
“มันนั่นเอง! มันนั่นเอง!” ไท่หยางจื่อร้องตะโกนออกมาเสียงหลง “มันคือคนที่ฝังเม็ดยาเปลือกสีดำซึ่งพวกเราพบเจอมาทั้งหมด!” แขนข้างหนึ่งของไท่หยางจื่อถูกระเบิดจนขาดหายไปทั้งข้าง
กลุ่มคนที่ได้รับบาดเจ็บบนเส้นทางที่มายังวิหารนี้ มองมายังเมิ่งฮ่าวพร้อมกับรังสีสังหารที่แวบขึ้นมาในดวงตา พวกมันได้สงสัยตั้งแต่ตอนที่ผู้พิทักษ์เต๋าของซ่งหลัวตานตายไป แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนไม่มีทางที่จะยืนยันในรายละเอียดนี้ได้
ตอนนี้พวกมันจดจำเม็ดยาเปลือกสีดำนี้ได้ในทันที ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับเม็ดยาที่ถูกฝังอยู่ที่ด้านนอก ทำให้เกิดเป็นความเกลียดชังเพิ่มขึ้นมาจากก่อนหน้านี้มากยิ่งขึ้น
ทันใดนั้น กลุ่มคนที่บินขึ้นไปในอากาศเพื่อจะโจมตีเมิ่งฮ่าวได้เพิ่มมากขึ้น
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น รวมทั้งฟางอวิ๋นอี้ ที่บินตรงไปยังกำแพงของวิหาร พยายามที่จะผ่านเข้าไปในช่องทางนั้น แต่ก่อนที่มันจะผ่านเข้าไปได้ ฟางอวิ๋นอี้ก็จมอยู่ในความรู้สึกอันน่ากลัว และหยุดชะงักนิ่ง แต่คนอื่นๆ สิบกว่าคน บินผ่านเข้าไปในช่องว่างของกำแพงโดยไม่ลังเล
ทันทีที่พวกมันผ่านเข้าไปในลานวิหาร พวกมันก็เริ่มตัวสั่นสะท้าน และจากนั้นก็แผดร้องเสียงโหยหวนออกมา ร่างกายพวกมันเริ่มเน่าเปื่อยลงไปในทันที เพียงชั่วพริบตา พวกมันก็กลายเป็นแอ่งน้ำสีดำไป
เมื่อได้เห็นเช่นนี้ ก็ทำให้จิตใจของพวกที่มองดูอยู่ทั้งหมดต้องหมุนคว้าง สีหน้าพวกมันสลดลง บางคนที่เพิ่งจะตกตายไปนั้นเป็นผู้พิทักษ์เต๋า แต่ก็ยังไร้พลังที่จะต่อสู้กลับไป และถูกสังหารไปในทันที
“พวกเราต้องผ่านเข้าไปทางประตูใหญ่เท่านั้น! ทางอื่นๆ เข้าไปไม่ได้!”
“ประตูใหญ่คือเส้นทางเดียวเท่านั้น!”
“เมิ่งฮ่าวกำลังปิดกั้นประตูใหญ่อยู่ เห็นได้ชัดว่าไม่อาจจะเข้าไปโดยทางอื่นได้! สังหารมันพวกเราก็จะเข้าไปได้แล้ว!”
ตอนนี้เมื่อทุกอย่างเปิดเผยแล้วว่ามีทางเข้าเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้น แรงกดดันที่ตกลงมายังเมิ่งฮ่าวก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น เสียงระเบิดดังก้องขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แม้แต่จะมีเม็ดยาเปลือกสีดำที่ทรงพลัง แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่อาจจะต่อต้านไว้ได้นานมากนัก นอกจากนี้เขาก็มีเม็ดยาเหลืออยู่ไม่มากแล้ว
รังสีสังหารกดทับลงมาบนร่างเขาจากทั่วทุกทิศทาง แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้ล่าถอยออกไป เขากลับไปยืนอยู่ใกล้กับประตูใหญ่ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ปราณกระบี่ของจ้าวอีฝานพุ่งขึ้นมาอย่างเต็มกำลัง จากนั้นก็กลายเป็นกระบี่ที่ถูกห้อมล้อมด้วยทะเลสาบแห่งกระบี่เล่มเล็กๆ นับไม่ถ้วน จากนั้นมันก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความรวดเร็วสูงสุด ทำให้คนทั้งหมดเคลื่อนที่ออกไปด้านข้างเพื่อเปิดเป็นช่องทางให้กับมัน ในขณะที่ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกได้ถึงจุดวิกฤตอันร้ายแรงพุ่งขึ้นมาในจิตใจอย่างเข้มข้น
“คนผู้นี้แข็งแกร่งยิ่ง!” เขาคิด โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก และเขาก็ได้รับบาดเจ็บอยู่หลายแห่ง เมื่อเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะต่อสู้เป็นครั้งสุดท้าย เมิ่งฮ่าวก็ชำเลืองมองไปยังจ้าวอีฝานที่ใกล้เข้ามา จากนั้นดวงตาเขาก็แวบขึ้น ขณะที่ล่าถอยไปทางด้านหลังของประตู
ทันทีที่เมิ่งฮ่าวผ่านประตูวิหารเข้าไป กระบี่ของจ้าวอีฝานที่พุ่งมาถึงคล้ายกับเป็นดวงตะวันอันเจิดจ้า ปราณกระบี่เปล่งประกายอย่างงดงาม ด้านหลังมันเป็นดวงตาที่สาดประกาย ขณะที่มองไปยังประตูวิหารที่ถูกเปิดออก ทันใดนั้น คนทั้งหมดก็พุ่งตรงเข้าไปในวิหาร
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เมิ่งฮ่าวผ่านเข้าไปในวิหาร กลิ่นอายฆ่าฟันอันน่ากลัวก็ระเบิดออกมาอยู่ที่ด้านข้าง รังสีสังหารและความหนาวเหน็บราวน้ำแข็งปรากฏขึ้น ตามติดมาด้วยเจตจำนงแห่งมาร กลุ่มควันสีดำที่ลอยพริ้วไปมาได้ปรากฏขึ้นอยู่ภายใต้ท้องฟ้ายามสนธยา
เงาร่างที่ดูเหมือนกับเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นก็เดินออกมาจากด้านหลัง
ร่างจริงที่สองของเมิ่งฮ่าว!
มันเดินออกมาจากประตูวิหาร และโบกสะบัดมือ ทำให้กระบี่ไม้แห่งกาลเวลาปรากฏขึ้น พลังแห่งกาลเวลากระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง ขณะที่กระบี่แห่งกาลเวลาปะทะเข้ากับกระบี่ของจ้าวอีฝาน
เสียงระเบิดดังก้องออกมา สีหน้าของจ้าวอีฝานเปลี่ยนไป และมันก็ล่าถอยไปทางด้านหลัง ร่างจริงที่สองแค่นเสียงอยู่ในลำคอขณะที่มันก้าวไปข้างหน้า พลังแห่งกาลเวลากระจายออกไป ทำให้สีหน้าของพวกที่มองมาทั้งหมดต่างก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง คนทั้งหมดรับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงอายุขัยที่กำลังเหือดแห้งหายไปของพวกมัน
“ซุ่ยเยี่ยจือซิว!! (ผู้ฝึกตนกาลเวลา)”
“บัดซบ พวกมันมีถึงสองคน ไม่ใช่แค่คนเดียวเท่านั้น!”
ขณะที่ร่างจริงที่สองยืนอยู่ที่ด้านนอกวิหาร เมิ่งฮ่าวก็หยิบเม็ดยาออกมาบางส่วน หลังจากกลืนกินพวกมันลงไป เขาก็นั่งลงขัดสมาธิเป็นเวลาสิบลมหายใจเข้าออก จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมาและเดินออกไปจากประตูใหญ่ ไปยืนอยู่ที่ด้านข้างร่างจริงที่สอง เสียงระเบิดดังก้องออกมา ขณะที่คนทั้งสองเริ่มต่อสู้ขึ้นอีกครั้ง พลังอันน่าประหลาดใจถูกปลดปล่อยออกมา ขณะที่เกิดการต่อสู้อย่างรุนแรงขึ้น
บุคคลแรกที่โจมตีมายังร่างจริงที่สองคือฝานตงเอ๋อร์ ในเวลาเดียวกันนั้น คนอื่นๆ ก็พยายามที่จะพุ่งเข้าไปในประตู
เมิ่งฮ่าวคำรามออกมา และกระแสน้ำวนสีโลหิตก็ปรากฏขึ้น เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตในที่สุดก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ ทันใดนั้นสีหน้าของคนทั้งหมดก็สลดลง และพวกมันก็ล่าถอยออกไปทางด้านหลัง
เมิ่งฮ่าวรู้สึกรำคาญและปวดศีรษะต่อคนทั้งหมดในที่แห่งนั้นอย่างแท้จริง ร่างจริงที่สองมีรังสีสังหารและความเย็นชาอย่างน่ากลัว มันโจมตีอย่างโหดเหี้ยม และถูกห้อมล้อมด้วยเจตจำนงมารที่หมุนวนไปมา รวมทั้งพลังแห่งกาลเวลา ทำให้ยากที่จะจัดการได้
เมิ่งฮ่าวต่อสู้ไปมากับฟางตงหาน และเสียงระเบิดก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ เมื่อใดที่เมิ่งฮ่าวถูกบังคับให้ต้องถอยออกไปจากหน้าประตู เขาก็จะขว้างเม็ดยาเปลือกสีดำออกไป ซึ่งมักจะทำให้เกิดเป็นเสียงก่นด่าสาปแช่งด้วยโทสะขึ้นนับไม่ถ้วน
เขายังได้ใช้กระถางสายฟ้าอีกด้วย เมื่อไหร่ที่ผู้ถูกเลือกใดๆ ใกล้จะสามารถผ่านเข้าไปในวิหารได้ เมิ่งฮ่าวก็จะรีบสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกับพวกมันอย่างรวดเร็ว
เขาสับเปลี่ยนตำแหน่งกับจ้าวอีฝาน, ฝานตงเอ๋อร์, หวังมู่, ไท่หยางจื่อ, จี้ยิน, ฟางเซียงซาน…จริงๆ แล้วก็เป็นผู้ถูกเลือกทั้งหมดที่มีโอกาสจะผ่านเข้าไปในวิหาร แต่เมิ่งฮ่าวก็ดูเหมือนจะเฝ้าจับตาดูอยู่ตลอดเวลา เมื่อไหร่ที่หนึ่งในพวกมันเข้ามาใกล้ สายฟ้าก็จะปะทุขึ้น และเขาก็จะใช้เวทเคลื่อนร่างย้ายตำแหน่งออกมา
ตอนนี้กำลังเริ่มมืดลง และสายลมอันหนาวเย็นก็โชยพัดขึ้นมา เถาองุ่นในลานวิหารเริ่มห้อยตกลงมาอีกครั้ง และเริ่มแกว่งไปมา โลหิตสีดำหยดลงไปบนพื้น และกลุ่มควันสีเขียวก็เริ่มลอยขึ้นมาจากภายในบ่อน้ำ
ตะเกียงน้ำมันเริ่มลุกไหม้อย่างเลือนลางอยู่ภายในห้องโถงของวิหารอีกครั้ง และภาพสะท้อนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้น เมื่อพวกที่มาใหม่ทั้งหมดเห็นภาพเหล่านี้ พวกมันก็อ้าปากค้าง สำหรับเมิ่งฮ่าวเขารู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่กระจายออกมาจากด้านหลัง
ในตอนนี้เองที่ดวงตาของฝานตงเอ๋อร์สาดประกายขึ้น ทันใดนั้น ภาพของประตูก็ปรากฏขึ้นในม่านตาของนาง
“ภายในช่องว่างระหว่างหยินและหยาง เทพแห่งท้องทะเลที่เก้า!” ทันใดนั้นทั่วทั้งร่างของนางถูกดูดเข้าไปในม่านตาของนางเอง! นางหายตัวไป และเมื่อปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ก็ไปอยู่ที่ภายในลานวิหาร!
ทันใดนั้นสีหน้าเมิ่งฮ่าวก็เปลี่ยนไป เขาพยายามที่จะใช้เวทเคลื่อนร่างย้ายตำแหน่ง แต่เป็นครั้งแรกที่ล้มเหลว!
สีหน้าฝานตงเอ๋อร์สงบนิ่ง ขณะที่นางเตรียมตัวจะเข้าไปในห้องโถงวิหาร ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็บินตรงไปยังนาง ยื่นมือออกไปในท่ากรงเล็บ ทำให้ประตูใหญ่เปิดเป็นช่องขึ้น และร่างจริงที่สองก็ไม่อาจจะต่อต้านเพียงลำพังได้ ในช่วงเวลาสั้นๆ หนึ่งในผู้พิทักษ์เต๋าก็บินเข้าไปในลานวิหาร
เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ ทันใดนั้นมันก็แผดร้องออกมาในทันที และหายตัวไปกลายเป็นแอ่งน้ำสีดำ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันนี้ทำให้คนทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกต้องอ้าปากค้าง และหยุดความคิดที่จะผ่านเข้าไปในทันที
เมิ่งฮ่าวไม่มีเวลาที่จะพิจารณาถึงสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้ เขากลายเป็นวิหคยักษ์พุ่งตรงไปยังฝานตงเอ๋อร์โดยตรง
“บัดซบ! ข้าลืมไปว่าชายชราที่สติไม่ดีนั้นได้บอกว่า ห้ามผู้คนผ่านเข้ามาในเขตวิหารทั้งหมด หรือแค่ห้องโถงของวิหารเท่านั้น!!” เขาคิดด้วยโทสะ เรียกร่างจริงที่สองมาโจมตีออกไปพร้อมกัน
ดวงตาร่างจริงที่สองสาดประกาย คนทั้งหมดมองไปด้วยจิตใจที่จดจ่อ เมื่อร่างจริงที่สองผ่านเข้าไปในประตูใหญ่โดยไร้ปัญหาใดๆ
เมื่อเห็นว่าร่างจริงที่สองของเมิ่งฮ่าวใกล้เข้ามา สีหน้าฝานตงเอ๋อร์ก็เปลี่ยนไปกล่าวว่า
“มันเข้ามาในนี้ได้อย่างไรกัน!? อา, มันไม่ใช่ผู้ฝึกตน มันเป็นร่างจำแลง!”
เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ สีหน้าฝานตงเอ๋อร์สงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่นางเริ่มต่อสู้ไปมากับเมิ่งฮ่าว ในชั่วพริบตา ก็ปะทะกันไปนับร้อยครั้ง คนทั้งหมดที่ด้านนอกมองมาด้วยดวงตาที่สาดประกาย ผู้ฝึกตนบางคนพยายามที่จะใช้วิชาเวทที่พิเศษเฉพาะเพื่อผ่านเข้าไปในประตูใหญ่ แต่ผลลัพธ์ก็คือ ต้องแผดร้องตกตายไป ตอนนี้คนทั้งหมดต่างก็เข้าใจในสถานการณ์นี้แล้ว
“พวกเราสามารถเข้าไปในช่วงตอนกลางวันเท่านั้น ไม่อาจจะเข้าไปในตอนกลางคืนได้!”
“บัดซบ ฝานตงเอ๋อร์รู้ดีถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงไม่ได้ใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ จนกระทั่งหยินและหยางสับเปลี่ยนกัน และกลางคืนก็มาแทนที่กลางวัน! นั่นคือตอนที่นางผ่านเข้าไป!”
“นางปล่อยให้เมิ่งฮ่าวใช้เวทเคลื่อนร่างย้ายตำแหน่งที่ร่างนางมาสองสามครั้ง ก่อนที่จะให้มันคิดว่าเวทนี้ใช้กับนางได้ผล!”
“นางช่างเจ้าเล่ห์ลึกซึ้งนัก! ข้าเกลียดคนจากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า!”