ตอนที่ 825
จื่อเซียงทดแทนคุณ
โชคร้าย ที่เวลาคือความฟุ่มเฟือยที่เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะมีได้!
เขาถูกห้อมล้อมโดยผู้ถูกเลือกและผู้พิทักษ์เต๋า จากสำนักและตระกูลต่างๆ แห่งตี้จิ่วซานไห่ (ขุนเขาทะเลที่เก้า) คนทั้งหมดแทบจะอยู่กันครบในที่แห่งนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถใช้การเคลื่อนร่างย้ายตำแหน่งได้ ก็ยังคงมีข้อจำกัดอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ถูกเลือกและผู้พิทักษ์เต๋าในตอนนี้ ได้สติกลับคืนมาจากการตกตะลึง ที่เมิ่งฮ่าวสามารถหลบหนีออกไปจากการลอบโจมตีของพวกมันได้ และต้องไล่ติดตามเขาไปอีกครั้ง
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวซีดขาวขณะที่มุ่งหน้าต่อไป ถูกไล่ตามมาด้วยหวังมู่ และผู้ถูกเลือกบางคน อย่างช้าๆ เริ่มมีเงาร่างไล่ติดตามเขามามากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้ว เมิ่งฮ่าวจะมองไม่เห็นพวกมัน แต่ก็สามารถรับรู้ถึงพวกมันได้ และรู้ว่ากำลังไล่ล่าติดตามมาอย่างมากมาย
เห็นได้ชัดว่าฝานตงเอ๋อร์ที่มีแขนอยู่ข้างเดียว กำลังไล่ติดตามเขามาจากด้านหลัง แต่ก็มองไม่เห็นว่าจ้าวอีฝานอยู่ที่ไหนกันแน่
เมิ่งฮ่าวยังมองเห็นฟางเซียงซานแห่งตระกูลฟางอยู่ในกลุ่มฝูงชนอีกด้วย
เท่าที่เห็น การต่อสู้อันยิ่งใหญ่ใกล้จะเกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตามในตอนนี้เองที่เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องขึ้น พื้นดินที่ด้านล่างเท้าเมิ่งฮ่าวสั่นสะเทือน และรอยแยกขนาดใหญ่ก็กระจายออกไป ขณะที่ยอดเขาซึ่งอยู่สูงขึ้นไปที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าวพังทลายลงกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ขณะที่มันระเบิดออก ลำแสงขนาดใหญ่ก็พุ่งออกมาจากภูเขาที่พังทลายลงไปนั้น ของวิเศษอันล้ำค่าบางอย่างได้ปรากฏขึ้นเปิดเผยออกมาด้วยตัวของมันเอง และทันใดนั้นก็ไปดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนทั้งหมดที่ไล่ล่าติดตามเมิ่งฮ่าวมาในทันที
ในเวลาเดียวกันนั้น พื้นดินก็ดูเหมือนว่าแทบจะพังทลายลงไปได้ทุกเมื่อ พายุขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้น ขณะที่มัจฉาสีเหลืองขนาดใหญ่ซึ่งมีความยาวเกือบพันจ้าง จู่ๆ ก็พุ่งทะยานขึ้นมาจากพื้นดิน ไม่ใช่มีแค่ตัวเดียว แต่ปรากฏขึ้นทั้งหมดเก้าตัว
ทันใดนั้น สถานการณ์ในสนามรบได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“เยาชิว! (มัจฉาอสูร)”
“ไปมีมัจฉาอสูรอยู่ในที่แห่งนี้ได้อย่างไรกัน!?!?”
“บัดซบ! มัจฉาอสูรไม่ใช่มีแหล่งกำเนิดอยู่ที่ดาวเป่ยหลู!? (ขลุ่ยทิศเหนือ)”
ทั่วทั้งบริเวณนั้นตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย ขณะที่มัจฉาอสูรเก้าตัวพุ่งทะยานขึ้นมาให้เห็น พื้นดินสั่นสะเทือนและทันใดนั้น น้ำเสียงที่เร่งรีบก็ถูกส่งเข้ามาในจิตใจเมิ่งฮ่าว
“เมิ่งฮ่าว มุ่งหน้าตรงไปยังมัจฉาอสูรตัวที่สาม!”
เนื่องจากเสียงนั้น ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกตัว ตื่นขึ้นมาจากจิตใจที่เลื่อนลอยก่อนหน้านี้ เขามองไปยังมัจฉาอสูรตัวที่สาม และจากนั้นก็เริ่มพุ่งตรงไปอย่างรวดเร็วในทันที ขณะที่เข้าไปใกล้มัจฉาอสูรขนาดใหญ่ก็อ้าปากของมันขึ้น และกลืนเขาเข้าไป จากนั้นมันก็พุ่งลงไปในพื้นดิน
ผู้คนที่อยู่บนพื้นดินในบริเวณนั้นเริ่มร้องตะโกนออกมา มีอยู่หลายคนพยายามที่จะขัดขวางไม่ให้มัจฉาแหวกว่ายหนีไป แต่ในตอนนี้เองที่มัจฉาอสูรที่เหลืออยู่ทั้งหมดได้ระเบิดขึ้นมาเอง เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกไปทั่วทั้งดินแดนแถบนั้น ในเวลาเดียวกันนั้น แสงอันเจิดจ้าที่สาดประกายออกมาจากภูเขาก็เริ่มเข้มข้นขึ้นอย่างถึงที่สุด ปกคลุมพื้นดินแถบนั้นไว้ทั้งหมด จนกระทั่งไม่มีใครสามารถมองเห็นอะไรได้นอกจากแสงอันเจิดจ้านั้น
ในที่สุด แสงที่สว่างจ้านั้นก็กลับมาเป็นความมืดมิด!
สำหรับเมิ่งฮ่าว ทุกสรรพสิ่งเริ่มดำมืด หลังจากที่ถูกมัจฉาอสูรกลืนลงไป อย่างไรก็ตามเขาสามารถรับรู้ได้ว่าสิ่งมีชีวิตนี้กำลังเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงนั่งลงขัดสมาธิ และโคจรหมุนเวียนพื้นฐานฝึกตน เขาเริ่มขับไล่จิตมารออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลืนเม็ดยาลงไปเป็นจำนวนมาก เพื่อเริ่มต้นรักษาอาการบาดเจ็บ
เมิ่งฮ่าวค่อนข้างจะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสในการต่อสู้เมื่อครู่นี้ แต่ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เขาเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาก็ยังคงมีจิตใจที่สงบนิ่ง
เวลาผ่านไป สองสามวันต่อมา ในที่สุดมัจฉาอสูรก็หยุดการเคลื่อนที่ และมุดลงไปในพื้นดินแทน เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมา และเขาก็มองเห็นว่ามีอยู่สามคนอยู่ภายในร่างที่คล้ายกับเป็นอุโมงค์ของมัจฉาอสูร
บุคคลที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำเป็นหญิงสาวที่สวมใส่ผ้าคลุมหน้า ยากที่จะมองเห็นหน้าตาของนางได้อย่างชัดเจน แต่ดวงตาของนางงดงาม และภายในแววตาคู่นั้นก็บอกได้ว่าหญิงสาวนางนี้กำลังตกตะลึงอยู่
ที่กำลังยืนอยู่ข้างกายซ้ายขวาของนางเป็นสองหญิงชรา คนทั้งคู่ดูเก่าแก่โบราณ ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยที่เหี่ยวย่น ดูเหมือนว่าคนทั้งสองจะมีอายุที่ยืนยาวมานานมากแล้ว และดวงตาก็ดูสลัวเลือนลาง แน่นอนว่าภายในความมืดสลัวนั้น ได้ซุกซ่อนความรุนแรงที่คล้ายกับลมพายุอยู่ข้างใน
เมิ่งฮ่าวมองไปยังหญิงสาวนางนั้นและกล่าวเสียงราบเรียบว่า “พวกเราไม่ได้พบกันมานานหลายปีแล้ว”
หญิงสาวนางนี้ คือจื่อเซียงนั่นเอง!
หนึ่งในหญิงชราที่ยืนอยู่ข้างกายจื่อเซียงกล่าวเสียงราบเรียบขึ้น “ความเมตตาที่ท่านมีต่อสำนักเซียนอสูร ได้ถูกพวกเราตอบแทนแล้วในช่วงสองสามวันมานี้ มัจฉาอสูรของพวกเราได้นำท่านออกมาจากการลอบโจมตีอันร้ายแรงที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาโดยจี้ยิน”
หญิงชรามองไปยังตะเกียงสัมฤทธิ์ที่อยู่เหนือศีรษะเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็มองไปทางอื่นและไม่กล่าวอะไรออกมาอีก นางและผู้พิทักษ์เต๋าอีกคนนั่งลงขัดสมาธิ
จื่อเซียงก้าวเท้าตรงมายืนอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว หลังจากที่มองไปยังเขาอยู่ชั่วขณะ นางก็ยกมือขึ้นมาปิดปากและหัวเราะออกมา
ถึงแม้ว่าใบหน้าของนางจะถูกปิดบังไว้ด้วยผ้าคลุมหน้า แต่เสียงหัวเราะของนางก็อ่อนหวานและมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง
“เหมือนที่ข้าเคยกล่าวไว้ สำนักเซียนอสูรเป็นหนี้ท่านอย่างลึกล้ำ” นางกล่าวพร้อมกับยื่นมือตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ภายในมือเป็นขวดหยก “นี่คือเม็ดยา เป็นเม็ดยาโบราณจากสำนักเซียนอสูร มันน่าจะช่วยรักษาบาดแผลของท่านได้เร็วมากขึ้น”
เมิ่งฮ่าวไม่กล่าวตอบ และไม่ได้รู้สึกประหลาดใจใดๆ เสียงเร่งรีบที่ส่งผ่านเข้ามาในจิตใจซึ่งเขาได้ยินจากก่อนหน้านี้เป็นเสียงของจื่อเซียงนั่นเอง
เขาหยิบขวดหยกมาและเปิดมันออก มีเม็ดยาสีแดงอยู่ข้างใน จากทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาของเขา ทำให้สามารถบอกได้ในทันทีว่ามันเป็นเม็ดยาที่ไม่ธรรมดา หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็หยิบเม็ดยาขึ้นมา ตรวจสอบดูอย่างละเอียด จากนั้นก็กลืนมันลงไป
“ท่านไม่กลัว?” จื่อเซียงถามขึ้นในทันที
“ไม่มีใครในดินแดนแห่งดาวหนานเทียน จะสามารถทำร้ายข้าได้” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ
“โอ? แล้วเรื่องที่ถูกลอบโจมตีที่ผ่านมา?”
“ข้ากำลังอยู่ในช่วงการฝึกฝนตนเองอยู่ ถ้ามีโอกาสที่ข้ากำลังจะตายไปจริงๆ เรื่องราวก็จะเปลี่ยนไป” ด้วยเช่นนั้นเขาก็หลับตาลง ทำให้สองหญิงชราต้องลืมตาขึ้นเพื่อมองมาที่เขา
เม็ดยานั้นไม่ได้ประกอบขึ้นมาจากพิษ ทันทีที่กลืนลงไป มันก็กลายเป็นความอบอุ่นที่ไหลผ่านไปทั่วร่างเขาในทันที อาการบาดเจ็บที่แผ่นหลังถูกรักษาขึ้นในทันใด และกลุ่มหมอกสีดำก็ค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากฝ่ามือข้างขวาของเขา
สองสามวันผ่านไป เมื่อเมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง มือเขาก็เต็มไปด้วยกลุ่มหมอกสีดำซึ่งก็คือร่างมาร ที่ในตอนนี้ได้ถูกบีบบังคับให้ออกไปจากร่างเขาโดยสิ้นเชิง
เมื่อกำจัดร่างมารออกไปได้แล้ว เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกว่าจิตใจกำลังหนักอึ้งด้วยความวิตกกังวล อันตรายที่เขาเผชิญหน้าอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ได้คุกคามต่อชีวิตของเขาเท่าใดนัก แต่อิทธิพลของจิตมารกลับมีผลต่อเขามากกว่า ถึงแม้ว่าร่างมารจะทำให้เขามีพลังอันน่าเหลือเชื่อ แต่เขาก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนที่สูงลิ่วต่อการกระทำเช่นนี้
ตอนนี้เมื่อกำจัดร่างมารออกไปได้แล้ว อาการบาดเจ็บของเมิ่งฮ่าวก็แทบจะฟื้นฟูกลับคืนมาได้อย่างสมบูรณ์
“ขอบคุณท่าน” เขากล่าวกับสองหญิงชราที่นั่งอยู่และจื่อเซียง
จื่อเซียงมองไปยังร่างมารที่อยู่ในมือเมิ่งฮ่าว ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ และจากนั้นก็มองไปยังเมิ่งฮ่าว
“จี้ยินผนึกร่างจริงที่สองของท่านไว้และนำมันจากไป”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยความเย็นชา
“ไม่เป็นไร ข้าจะไปนำมันกลับมาเอง” เขากล่าวตอบ ลุกขึ้นมายืน ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำให้กับจื่อเซียงและสองหญิงชรา “ขอบคุณพวกท่านมาก”
“ไม่จำเป็นต้องมากมารยาทเช่นนี้” จื่อเซียงกล่าวตอบ “พวกเราก็แค่ตอบแทนบุญคุณท่านจากเมื่อหลายปีก่อน” สองหญิงชราแค่มองมายังเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้งเท่านั้น
จื่อเซียงยิ้มออกมา เมื่อเห็นว่าเมิ่งฮ่าวต้องการจะจากไป นางก็โบกสะบัดมือ ทำให้กระแสน้ำวนปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว ภายในกระแสน้ำวนมองเห็นเทือกเขาของโลกที่ด้านนอก
“ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะขอจดจำสิ่งที่พวกท่านได้ทำเพื่อข้าในวันนี้ไว้” เมิ่งฮ่าวกล่าว โค้งตัวลงอีกครั้ง จากนั้นก็มองไปยังจื่อเซียงเป็นครั้งสุดท้าย จิตใจจื่อเซียงสั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่นางรำลึกนึกย้อนไปยังทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนที่อยู่ในสำนักเซียนอสูรโบราณ
เมิ่งฮ่าวหันหลังและเดินตรงไปยังประตูเคลื่อนย้ายทางไกล
“ข้าได้ข่าวว่าท่านแต่งงานแล้ว เป็นความจริงหรือไม่?” จื่อเซียงถาม
เมิ่งฮ่าวหยุดเดิน
“เป็นความจริง”
“ยินดีด้วย” จื่อเซียงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่สงบนิ่งเหมือนเช่นเคย “โอ มีข่าวคราวเล็กน้อยที่ข้าอยากจะบอกท่าน อีกไม่นานจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในตี้จิ่วซานไห่ สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่จะเป็นเจ้าภาพในการจัดงานรับสมัครศิษย์ ซึ่งจะมีห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์, สามนิกายหกสำนักช่วยหนุนหลัง!”
“เรื่องเช่นนี้มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และเมื่อถึงเวลานั้น ผู้ฝึกตนใดๆ ก็ตามที่อยู่ในตี้จิ่วซานไห่ ซึ่งอยู่สูงกว่าขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งและต่ำกว่าอาณาจักรเซียนก็จะไปเข้าร่วม”
“บางคนก็ไปด้วยความคาดหวังว่าจะได้เข้าสังกัดสำนัก บางคนก็ไปเพราะของวิเศษอันล้ำค่าที่ถูกจัดเตรียมไว้เป็นรางวัลในโอกาสที่สำคัญยิ่งเช่นนี้!”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความจดจ่อ หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ เขาก็พยักหน้าและจากนั้นก็เดินเข้าไปในกระแสน้ำวนและหายตัวไป
ความเงียบปกคลุมอยู่ภายในท้องของมัจฉาอสูร ดวงตาของสองหญิงชราแวบขึ้น ขณะที่พวกนางสบตากันด้วยความลังเล
“มันเคยช่วยข้าไว้อย่างมากมาย” จื่อเซียงกล่าวเสียงราบเรียบ
สองหญิงชราพยักหน้า
“ถึงมันจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันมีความระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ผู้ถูกเลือกเช่นมันต้องมีไพ่ไม้ตายซ่อนอยู่อย่างแน่นอน”
“นอกจากนี้ หลังจากที่ตื่นขึ้นมา มันก็มีความเชื่อมั่นว่ามีใครบางคนคอยหนุนหลังมันอยู่ ตอนนี้เมื่อข้าคิดถึงเรื่องนี้ ก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดว่ามันสามารถจะเข้าไปในวิหารพิธีเต๋าเซียนโบราณได้ก่อนคนอื่นๆ”
ที่ด้านนอกมัจฉาอสูร เมิ่งฮ่าวโผล่ออกมาจากกระแสน้ำวน ท้องฟ้าในตอนนี้เป็นเวลาสนธยา เปลวไฟปรากฏขึ้นที่ตะเกียงสัมฤทธิ์เหนือศีรษะ ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา
ตะเกียงยังคงไม่ดับลง และถ้าการคิดคำนวนของเมิ่งฮ่าวไม่ผิดพลาด ก็จะเหลืออีกเพียงแค่สี่วันเท่านั้น ก็จะครบช่วงเวลาสี่สิบเก้าวัน
“สี่วัน…” เขาคิด แสงอันเย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตา
“เมื่อครบสี่วัน โชควาสนาของตะเกียงสัมฤทธิ์ก็จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ เมื่อเกิดขึ้นเช่นนั้น ข้าก็จะทำให้คนทั้งหมดเหล่านั้นซึ่งมายังที่แห่งนี้ต้องจ่ายค่าตอบแทนออกมา!” เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชาและแวบหายไปยังที่ห่างไกล
สิ่งแรกที่เขาทำก็คือ ค้นหาสถานที่อันเหมาะสมเพื่อใช้เป็นถ้ำแห่งเซียนหลบซ่อนตัว เขานั่งลงขัดสมาธิเพื่อเข้าฌาณ และรอคอยให้เวลาเลื่อนผ่านไป
ขณะที่วันเวลาได้ผ่านไป เหตุการณ์ที่ด้านนอกก็เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ในเขตเทือกเขาที่ยาวเหยียดไร้จุดสิ้นสุด ผู้ถูกเลือกและผู้พิทักษ์เต๋าจำนวนมาก ได้กระจายออกไปทั่วทุกทิศทางเพื่อทำการค้นหาเมิ่งฮ่าว
พวกมันได้ติดตั้งเวทผนึกไว้ทั่วเทือกเขา เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเมิ่งฮ่าวไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้ พวกมันยังได้ทำสิ่งทุกอย่างเพื่อค้นหาร่องรอยของเขาอย่างเต็มกำลัง
การต่อสู้ที่เป็นผลลัพธ์มาจากการลอบโจมตี ทำให้กลุ่มคนที่ไล่ล่าเขาทั้งหมด ไม่มีใครกล้าดูถูกเขาอีกต่อไป อันที่จริงสำหรับพวกมันแล้วในตอนนี้ ต่างก็มองว่าเขาคือผู้ถูกเลือกที่เก่งกาจมากที่สุด
นอกจากนี้ ผู้ถูกเลือกใดๆ ก็ตามที่มาติดกับดักของการลอบโจมตีเช่นนั้น คงต้องถูกสังหารไปอย่างแน่นอน!
ในทางกลับกัน เมิ่งฮ่าวได้ทำให้จ้าวอีฝานได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ตัดแขนฝานตงเอ๋อร์ออกไปหนึ่งข้าง และทำร้ายผู้พิทักษ์เต๋าไปหลายคน ตลอดช่วงขั้นตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส แต่ก็ยังคงสามารถหลบหนีออกไปจากการลอบโจมตีนั้นได้
ถึงแม้ว่ามีผู้คนอยู่ไม่น้อยที่คิดว่าเขาได้รับความช่วยเหลือในช่วงสุดท้าย แต่ชื่อเสียงของเมิ่งฮ่าวก็ยังคงจะกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว!
สามารถคาดคิดได้ว่า หลังจากที่กลุ่มคนเหล่านี้ทั้งหมดออกไปจากดาวหนานเทียน พวกมันก็จะกระจายข่าวของเมิ่งฮ่าวนี้ออกไปทั่วทั้งตี้จิ่วซานไห่อย่างแน่นอน!
เขาได้สะกดข่มไท่หยางจื่อ ผนึกซ่งหลัวตานไว้ จับกุมหลี่หลิงเอ๋อร์ บดขยี้ซุนไห่และฟางอวิ๋นอี้
เนื่องจากเมิ่งฮ่าว ทำให้ฝานตงเอ๋อร์ต้องเปลี่ยนจากเสินหนี่ว์ (สตรีศักดิ์สิทธิ์) กลายเป็นหญิงสาวที่ถูกผีสิง และยังต้องสูญเสียแขนไปหนึ่งข้างอีกด้วย จ้าวอีฝานก็ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส และต้องหลบหนีออกไปจากการต่อสู้ เขายังทำให้ผู้พิทักษ์เต๋าได้รับบาดเจ็บ และสามารถหลบหนีการค้นหาของผู้คนนับพันได้หลายวัน ทั้งหมดนี้…ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ถูกเลือกใดๆ ต่างก็ต้องสั่นสะท้านไปทั่วทุกตัวคน
ในตอนนี้ การทดสอบของเมิ่งฮ่าวได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ลงแล้ว
แต่ว่า…เขายังไม่พอใจ!
“ใกล้จะจบลงแล้ว!”
ช่วงเวลาสี่วันได้ผ่านไป ขณะที่ทางด้านนอกยังคงทำการค้นหาต่อไป ดวงตาเมิ่งฮ่าวลืมขึ้นมา และเต็มไปด้วยความมุ่งหวังต่อตะเกียงสัมฤทธิ์