Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 843

ตอนที่ 843

มุ่งมั่นสู่ความเป็นหนึ่ง!

เมิ่งฮ่าวไม่ได้สังหารบุรุษหนุ่มไปในทันที เขาแค่กวักมือไปอย่างเยือกเย็น ทำให้หลัวผานลอยตรงมาอยู่บนฝ่ามือ เพราะว่าบุรุษร่างสูงใหญ่ได้ตายไป สิ่งของนี้จึงไม่มีเจ้าของแล้วในตอนนี้ ดังนั้นหลังจากที่เมิ่งฮ่าวส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์บางส่วนเข้าไป มันก็ถูกประทับให้กลายเป็นของเขา

“มันช่างลี้ลับอย่างแท้จริง แต่น่าเสียดายที่ไม่ทรงพลังมากพอ” เขากล่าวขึ้นพร้อมกับโบกสะบัดมือไปอีกครั้ง ทำให้หินลมปราณระดับสูงพิเศษที่ยังเหลืออยู่ไม่มากนักลอยออกมาจากถุงสมบัติ เขากดพวกมันลงไปบนหลัวผานอย่างรวดเร็ว ก่อนที่กลิ่นอายของหินลมปราณจะกระจายออกไปและถูกตรวจจับได้

ในชั่วพริบตาหลัวผานก็เปลี่ยนไป ถึงแม้ว่ามันจะดูปกติธรรมดา แต่ตอนนี้ก็กระจายเวทป้องกันที่ทรงพลังมากกว่าก่อนหน้านี้ออกมา กลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งนี้ไป เมิ่งฮ่าววางมันลงไปที่ด้านข้างอย่างรวดเร็ว เวทป้องกันกระจายออกมาปกคลุมไปทั่วทั้งเชิงเทียนนั้น

“จนกว่าจะมีบุคคลที่คล้ายกับไท่หยางจื่อ หรือหนึ่งในผู้ถูกเลือกเหล่านั้นแสดงตัวขึ้น ของสิ่งนี้น่าจะยืนหยัดได้ชั่วเวลาธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก ผู้ฝึกตนขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าธรรมดาไม่อาจจะทำลายมันไปได้” เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นมายืน และมองไปรอบๆ ตอนนี้เวลาได้ผ่านไปครึ่งทางแล้ว และเขาก็ดับเทียนลงไปได้แค่เล่มเดียวเท่านั้น มีคนอื่นๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไป ได้ดับเทียนไปแล้วเจ็ดถึงแปดเล่มด้วยกัน บางทีอาจจะมีใครบางคนดับเทียนได้มากกว่านั้นอีกด้วย

ในตอนที่เมิ่งฮ่าวออกไปจากแท่นเวทีของเขา กลุ่มคนที่อยู่ในโลกด้านนอกของตี้จิ่วซานไห่ กำลังมองขึ้นไปยังสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นแค่กระแสน้ำวนที่หมุนตัวไปมา แต่ตอนนี้มันได้กลายเป็นจอภาพขนาดใหญ่ไปแล้ว

จอภาพเหล่านั้นได้แสดงให้เห็นถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นบนเส้นทางโบราณ ถึงแม้ว่าภาพเหล่านั้นจะเล็กมาก แต่ก็แน่นอนว่าถ้าใครที่มีพื้นฐานฝึกตนที่สูงส่งเพียงพอ ก็จะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงแต่ละภาพเหล่านั้น ถึงแม้ว่าพวกมันจะเล็กมากก็ตามที

ผู้คนมากมายในตี้จิ่วซานไห่กำลังมองไปยังภาพเหล่านั้น กลุ่มคนเหล่านี้มาจากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่, สี่ตระกูลใหญ่, ห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์, สามนิกายหกสำนัก รวมทั้งผู้ฝึกตนเร่ร่อนที่แข็งแกร่งต่างๆ

สำนักทั้งหมดกำลังให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ พวกมันไม่ใช่ตระกูลจึงต้องรับศิษย์จากด้านนอกเข้ามา ดังนั้นพวกมันจึงต้องให้ความสนใจต่อการแข่งขั้นครั้งนี้เป็นอย่างมาก หลายสำนักอาจจะไม่รอให้เหตุการณ์นี้สิ้นสุดลงไป แต่จะเตรียมรับศิษย์ในช่วงขั้นตอนนี้

แน่นอนว่าเสียงพูดคุยมากมายเริ่มได้ยินออกมา จากท่ามกลางกลุ่มคนทั่วทั้งตี้จิ่วซานไห่

“สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ได้สร้างด่านขึ้นมาอยู่ภายในสามเส้นทางโบราณของเศษซากเซียนทั้งหมดสิบด่าน แต่ละด่านมีการทดสอบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งช่วยให้พวกมันค่อยๆ คัดกรองผู้เข้าแข่งขันได้อย่างช้าๆ เหลือไว้แต่คนที่จะกลายเป็นผู้ถูกเลือกในอนาคตเท่านั้น”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่า ใครบางคนที่ถูกกำจัดออกไป อาจจะมีความศักยภาพที่ดี แต่ต้องโชคร้ายถูกสังหารไป”

“ดูนั่น ผู้นำในตอนนี้บนเส้นทางโบราณของขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ได้ดับเทียนไปแล้วสามสิบเก้าเล่ม ถึงแม้ว่าพื้นฐานฝึกตนของขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งจะไม่สูงมากนัก แต่พวกมันก็มีเจตจำนงที่ต้องการจะต่อสู้อย่างเข้มข้น!”

“เทียนที่ถูกดับไปมากที่สุดบนเส้นทางโบราณของขั้นตัดวิญญาณอยู่ที่ยี่สิบเจ็ด!”

“บุรุษหนุ่มสวมหน้ากากบนเส้นทางโบราณของขั้นค้นหาเต๋านั่นคือใคร…? มันดับเทียนไปแล้วสิบเก้าเล่ม!”

“เส้นทางโบราณของขั้นค้นหาเต๋าน่าสนใจมากที่สุด เห็นคนผู้นั้นหรือไม่? มันอาจจะเป็นศิษย์ของตระกูลหลี่ มันได้เปลี่ยนแปลงรูปโฉมไป แต่ก็สามารถจะจดจำได้ว่ามันคือใคร จากความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่มันกำลังใช้ออกมา มันดับเทียนไปแล้วสิบห้าเล่ม”

ขณะที่เสียงพูดคุยกำลังดำเนินต่อไปอยู่ที่ด้านนอก เมิ่งฮ่าวบินตรงไปยังแท่นเวทีสิบจ้างที่อยู่บนเส้นทางโบราณค้นหาเต๋า ทันทีที่เขาเหยียบย่างเท้าลงไปบนแท่นเวที เสียงแผดร้องด้วยโทสะก็ดังก้องออกมา ชายชราที่ผมยุ่งเหยิงเป็นกระเซิงปรากฏขึ้น ความบ้าคลั่งกระจายออกมาขณะที่มันพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

“ตาย!” มันตวาดเป็นเสียงดัง ขยับมือร่ายเวททำให้รอยแตกปรากฏขึ้น จากนั้นก็กลายเป็นดาบใบกว้าง!

“ตัดความว่างเปล่า!” มันร้องออกมา ทำให้ใครบางคนในบริเวณอื่นๆ ต้องมองมาด้วยความตกตะลึงและผงะถอยไปทางด้านหลัง เมิ่งฮ่าวหมุนตัวไป สีหน้าสงบนิ่งขณะที่จ้องมองไปยังการโจมตีตัดความว่างเปล่าที่ใกล้เข้ามา เขาไม่ได้ล่าถอยหลบหนี แต่กลายร่างเป็นวิหคยักษ์สีทองแทน ในเวลาเดียวกันนั้นก็ใช้พลังของขนนกสีดำที่อยู่ภายในเสื้อ ทำให้วิหคยักษ์สีทองดูเหมือนเป็นคฤธรสีดำสนิทแทน

คฤธรพุ่งผ่านอากาศตรงไปยังการโจมตีตัดความว่างเปล่าที่ใกล้เข้ามา เมื่อทั้งสองปะทะเข้าหากัน เสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังก้องออกมา และการโจมตีตัดความว่างเปล่าก็พังทลายไป ไม่อาจจะทำอันตรายต่อเมิ่งฮ่าวได้เลยแม้แต่น้อย เมื่อชายชราเห็นเช่นนี้ สีหน้ามันก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงพุ่งถอยไปทางด้านหลัง แต่ก่อนที่มันจะทันไปได้ไกล สายลมอันรุนแรงก็พุ่งตรงมาที่มัน ขณะที่เมิ่งฮ่าวซึ่งอยู่ในรูปแบบคฤธรโฉบลงมา กรงเล็บขยุ้มลงไป และเสียงสาดกระเซ็นก็ได้ยินมา ขณะที่ศีรษะของชายชราถูกบดขยี้ไป

นี่คือการแข่งขันถึงตาย เป็นการต่อสู้เพื่อโชควาสนา ถ้าไม่สังหารคู่ต่อสู้ คู่ต่อสู้ก็จะสังหารเราแทน

เมิ่งฮ่าวเคยมีประสบการณ์ต่อความโหดร้ายรุนแรงมามาก ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับเรื่องเช่นนี้ เขาจะไม่ปล่อยให้เรื่องเช่นนี้มีผลกระทบต่อจิตใจ เมื่อชายชราตายไป เปลวเทียนของมันก็ดับลง และเมิ่งฮ่าวก็มุ่งหน้าต่อไปยังแท่นเวทีอื่น ถ้าไม่มีใครมาขัดขวาง เขาก็แค่ทำให้เปลวเทียนดับลงไป ถ้ามีคนพยายามจะสังหารเขา เขาก็จะตอบสนองไปเช่นเดียวกัน จบชีวิตของพวกมันไป

ในช่วงเวลาสั้นๆ เมิ่งฮ่าวพุ่งผ่านไปทั่วทั้งบริเวณนั้น ไม่มีใครจะสามารถต่อต้านได้แม้แต่แค่อึดใจเดียว ถ้าไม่จบลงด้วยความตาย ก็จะถูกดับเปลวเทียนไป

เมิ่งฮ่าวดำเนินการต่อไป ราวกับว่าเขากำลังเดินผ่านหญ้าแห้งไป พลังอันแข็งแกร่งของเขา ทำให้เริ่มพุ่งทะยานขึ้นมาเหนือคนอื่นๆ อย่างรวดเร็ว

เทียนสามเล่ม สี่เล่ม ห้าเล่ม…

เมิ่งฮ่าวโจมตีไปอย่างดุร้ายและเฉียบขาด ตอนนี้ในบริเวณใกล้เคียงมีกลุ่มคนอยู่ประมาณสิบกว่าคน มีอยู่สี่ถึงห้าคนที่ได้ปกปิดพื้นฐานฝึกตนของพวกมันไว้ เมื่อเมิ่งฮ่าวโจมตีไป พลังของพวกมันก็ระเบิดออก หนึ่งในพวกมันดูเหมือนจะอยู่ในระดับเดียวกับไท่หยางจื่อและผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ พวกมันยังมีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่โดดเด่นเป็นพิเศษอีกด้วย

ยังมีใครบางคนสามารถที่จะควบคุมพลังซึ่งคล้ายกับลู่ปั๋ว ที่เป็นผู้ถูกเลือกจากดินแดนทางเหนือ ซึ่งใช้เวลาเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย เมื่อคนผู้นี้โจมตีมา ก็ดูเหมือนว่ามันจะสามารถควบคุมช่องว่างแห่งกาลเวลาได้อย่างน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง

ผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดค้นหาเต๋าใดๆ ก็ตาม ที่ต้องมาต่อสู้กับบุคคลเช่นนี้ โดยเฉพาะคนที่สามารถควบคุมกาลเวลา ส่วนใหญ่แล้วมักจะถูกกำจัดไป แต่เมิ่งฮ่าวมีพลังของเซียนแท้อยู่ถึงแปดในสิบส่วน สามารถจะสังหารได้แม้แต่เซียนเทียม แต่ละการโจมตีของเขา ก็มักจะสังหารใครบางคนไปทุกครั้ง หรือไม่ก็ทำให้เปลวเทียนดับลงไปได้ เกิดเป็นเสียงระเบิดดังกึกก้องออกไปอย่างต่อเนื่อง

มีแต่ตอนที่เมิ่งฮ่าวต้องมาเผชิญหน้ากับชายชราที่สามารถควบคุมกาลเวลาได้เท่านั้น เขาจึงยังไม่ได้โจมตีไปในทันที หลังจากที่สังเกตดูอยู่เล็กน้อย ก็ตระหนักว่าเต๋าแห่งกาลเวลานี้เป็นเช่นเดียวกับที่เขาเคยพบเจอมาในตอนที่ต่อสู้กับลู่ปั๋ว ในช่วงเวลานั้นเขารู้สึกอยากได้วิชาเวทนี้จนน้ำลายสอ แต่เป็นสิ่งที่เขายังคงไม่ค่อยจะเข้าใจนักจนกระทั่งถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะพยายามครุ่นคิดสักเพียงใดก็ตามที

เมื่อเมิ่งฮ่าวโจมตีไป เขาก็ให้ความสนใจต่อผลลัพธ์อย่างใกล้ชิด เมื่อเขามีพลังของเซียนแท้อยู่แปดในสิบส่วน ก็ทำให้สามารถจะรับรู้ได้ถึงร่องรอยบางอย่าง ขณะที่คนทั้งสองต่อสู้กันไปมา ชายชราก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดมันก็รู้สึกหวาดกลัวจนแทบบ้า จากมุมมองของมัน มันกำลังต่อสู้อยู่กับบุรุษหนุ่มที่ดูธรรมดา แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงจะสามารถวิเคราะห์และลอกเลียนแบบเต๋าแห่งกาลเวลาของมันไปได้ ในบางครั้งก็ดูเหมือนว่าเขาสามารถใช้พลังเดียวกันนี้ออกมาได้ด้วย ทำให้ชายชราเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกโดยสิ้นเชิง

“อมนุษย์! คนผู้นี้ต้องเป็นหนึ่งในตำนานผู้ถูกเลือกอย่างแน่นอน!!” จิตใจชายชราสั่นสะท้าน โดยไม่ลังเลทันใดนั้นมันก็ดับเปลวเทียนของตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่าจะยังคงมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายต่อการตัดสินใจที่เฉียบขาดของชรา และเขาก็ไม่ได้โจมตีต่อไปอีก หลังจากที่เปลวเทียนดับลง เขาก็มองไปยังชายชราแวบหนึ่ง และเคลื่อนย้ายทางไกลพุ่งผ่านมันไปทางข้างหน้าต่อไป

ธูปได้เผาไหม้ไปจนเหลืออยู่ประมาณแค่สามส่วนเท่านั้น แต่เมิ่งฮ่าวก็ดับเปลวเทียนไปแล้วถึงสิบเก้าเล่ม!

แท่นเวทีส่วนใหญ่ในบริเวณนั้นว่างเปล่าไปหมดแล้ว สำหรับกลุ่มคนที่เปลวเทียนดับลงแต่ไม่ได้ถูกสังหารไป พวกมันเริ่มจางหายไปทีละคน ถูกเคลื่อนย้ายทางไกลออกไปด้วยพลังของเส้นทางโบราณ สูญเสียคุณสมบัติที่จะทำการแข่งขันต่อไปได้อีก

มีอยู่หลายคนที่ตกตะลึงต่อเรื่องนี้ ไม่ว่าจะตกตายหรือสูญเสียคุณสมบัติไป ก็จะถูกให้ออกจากการแข่งขัน นี่คือระเบิดขนาดใหญ่ของใครก็ตามที่หวังไว้อย่างสูง ว่าจะมายังที่แห่งนี้และสามารถจะผ่านการทดสอบไปได้บ้าง

“เต๋าแห่งกาลเวลาก็เหมือนกับพลังแห่งกาลเวลาของข้า มันมีความคล้ายคลึงกัน แต่จริงๆ แล้วก็แตกต่างกัน!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสงบนิ่ง แต่ก็มองเห็นประกายแห่งความครุ่นคิดแวบขึ้นมาอยู่ในม่านตา การต่อสู้เมื่อครู่นี้ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ และเมิ่งฮ่าวก็ได้ผลประโยชน์บ้างอย่างแท้จริง

ในตอนนี้เขายืนอยู่บนหนึ่งในแท่นเวที และดวงตาก็กวาดมองไปมาทั่วบริเวณนั้น ในที่สุดร่างเขาก็แวบขึ้น บินออกไปยังบริเวณอื่น

ในตอนนี้เองที่เสียงเก่าแก่โบราณของหลิงอวิ๋นจื่อจากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าจู่ๆ ก็ดังก้องออกมาอีกครั้ง

“เวลาชั่วธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก ตอนนี้เหลืออยู่แค่หนึ่งร้อยลมหายใจเท่านั้น…หลังจากหนึ่งร้อยลมหายใจ ด่านแรกก็จะจบลง ใครก็ตามที่สามารถจะดับเปลวเทียนได้มากที่สุดในช่วงเวลานี้ และป้องกันไม่ให้เปลวเทียนของตัวเองดับลง ก็จะได้รับรางวัลตอบแทนเป็นพิเศษ!”

คำประกาศนี้ทำให้ทั่วทั้งเส้นทางโบราณของขั้นค้นหาเต๋า เดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น คำประกาศเดียวกันนี้ได้เกิดขึ้นในเส้นทางโบราณของวิญญาณแรกก่อตั้ง และเส้นทางโบราณของตัดวิญญาณด้วยเช่นเดียวกัน รังสีสังหารของผู้ฝึกตนที่มาเข้าร่วมการแข่งขัน พุ่งทะยานขึ้นไปในทันที

ในเวลาเดียวกันนั้นที่โลกด้านนอก กลุ่มฝูงชนขนาดใหญ่ กำลังมุ่งความสนใจไปที่สามจอภาพที่มองเห็นได้จากภายในกระแสน้ำวนยักษ์ เส้นทางโบราณของวิญญาณแรกก่อตั้งกำลังตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย บนเส้นทางโบราณของตัดวิญญาณ มีการต่อสู้กันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่า

แต่บนเส้นทางโบราณของค้นหาเต๋าแตกต่างกันออกไป บนจอภาพมองเห็นได้ชัดว่าตรงตำแหน่งหนึ่งหมื่นจุดนั้น เปลวเทียนรอบๆ บริเวณนั้นได้ถูกดับลง ทำให้คล้ายกับเป็นสูญญากาศไป

จากตำแหน่งหนึ่งหมื่นหรือมากกว่านั้น บ้างก็มีขนาดใหญ่ บ้างก็มีขนาดเล็ก แต่ถ้ามีใครสามารถจะพุ่งทะยานขึ้นไปอยู่เหนือผู้แข่งขันคนอื่นๆ ราวกับเป็นสว่านที่เจาะทะลวงผ่านกระสอบป่าน ก็ยืนยันได้ว่าคนผู้นั้นคือผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลัง ในที่สุดผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นก็เริ่มต่อสู้ด้วยกันเอง

“บนเส้นทางค้นหาเต๋า มีใครบางคนสามารถดับเปลวเทียนไปได้ถึงเจ็ดสิบเล่มแล้ว!”

“เวลาเหลืออยู่ไม่มากแล้ว! การแข่งขันนี้ช่างดุร้ายอย่างแท้จริง! มีผู้คนมากมายต้องถูกกำจัดไป!”

โลกด้านนอกเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย ย้อนกลับไปยังเส้นทางโบราณของขั้นค้นหาเต๋า ผู้คนมากมายเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจ จนดวงตาพวกมันกลายเป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง บางคนกำลังโจมตีไปด้วยพลังอันร้ายแรง บางคนก็บรรลุถึงเป้าหมายแล้วและกำลังเฝ้ารอคอยให้เวลาหมดไป เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ จากนั้นก็พุ่งเข้าไปในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งมีอยู่แปดคนที่กำลังต่อสู้กันไปมาอยู่ในเวลาเดียวกัน กลุ่มคนเหล่านี้คือผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลัง ซึ่งได้จัดการพื้นที่รอบๆ บริเวณนั้นไปเรียบร้อยแล้ว

อย่างน่าตกใจยิ่ง หนึ่งในพวกมันเป็นตัวลิ่นอันดุร้าย เป็นสัตว์อสูรที่ประกายตาของมัน ดูฉลาดไม่น้อยไปกว่ามนุษย์ผู้ใด

ยังมีสตรีที่รูปร่างยังดูเยาว์วัย แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยที่เหี่ยวย่น มีภาพลวงตาเป็นสีชมพู ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นภาพแห่งธรรมขั้นต้น อยู่ที่ด้านหลังนาง

กลุ่มคนเจ็ดถึงแปดคนเหล่านี้ ต่อสู้กันไปมาอย่างดุร้าย ส่งผลให้เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครในพวกมันที่จะได้เปรียบเหนือกว่าคนอื่นๆ อันที่จริง ยังมีใครบางคนได้รวมพลังกันโจมตีอีกด้วย

ทันทีที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้ พวกมันก็มองมาที่เขา ไม่มีใครในพวกมันที่จะรู้จักเขา หรือรู้จักคนอื่นๆ พวกมันทั้งหมดมาจากสถานที่ที่แตกต่างกันในตี้จิ่วซานไห่ พวกมันมาต่อสู้ยังที่แห่งนี้เพื่อโชควาสนา ดังนั้นทันทีที่พวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว ตัวลิ่นก็แวบฝ่าอากาศพุ่งตรงมายังเขา คนอื่นๆ บางคนก็พุ่งมาด้วยเช่นกันด้วยดวงตาที่สาดประกายขึ้น

“ไม่ว่าพวกเราจะต่อสู้กันอย่างไร ก็ไม่อาจจะเอาชัยเหนือคนอื่นๆ ได้! แทนที่จะเสียเวลามาต่อสู้กันเอง พวกเรามาช่วยกันสังหารคนผู้นี้กันเถอะ! โชควาสนาจะมายังใครก็ตามที่โชคดีพอในการต่อสู้สังหารนี้!”

“ใช่แล้ว! คนผู้นี้มาปรากฏตัวขึ้นหลังจากพวกเรา เห็นได้ชัดว่าพลังการต่อสู้ของมันธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง มิเช่นนั้นมันก็คงจะกวาดล้างคนอื่นๆ ในอาณาเขตของมันไปหมดแล้ว!”

“มันโชคร้ายเอง! สังหารมัน!”

กลุ่มคนเจ็ดถึงแปดคน พุ่งตรงมาด้วยรังสีสังหารที่อยู่ในแววตา แน่นอนว่าถึงแม้พวกมันจะพูดเช่นนั้น แต่ก็ยังคงระมัดระวังตัวซึ่งกันและกันอยู่ ดูเหมือนว่าพวกมันจะร่วมมือกันโจมตีมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พวกมันจะไม่โจมตีซึ่งกันและกันอีก

ขณะที่กลุ่มคนทั้งแปดเข้ามาใกล้ ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเรียบเฉย และหยุดชะงักนิ่ง มีเวลาเหลืออยู่เพียงแค่หกสิบเอ็ดลมหายใจเท่านั้น ก่อนที่ด่านนี้จะได้ข้อสรุป เวลากำลังเดินไปอย่างรวดเร็ว

ในชั่วพริบตากลุ่มคนทั้งแปดก็มาอยู่ที่ด้านบน ตัวลิ่นที่มีเกล็ดอยู่นับไม่ถ้วนลอยตัวขึ้น ขณะที่ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของมันกระจายออกมา ดูเหมือนจะมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้ภูเขาแยกออกเป็นส่วนๆ ได้ สตรีนางนั้นก็โบกสะบัดมือขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้กลิ่นอายสีชมพูกระจายออกไปจากด้านหลัง กลายเป็นหัวกระโหลกสีชมพู

คนอื่นๆ ก็ปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างกันออกมา ขณะที่ช่วยกันโจมตีมาอย่างน่าตกใจ

เมิ่งฮ่าวมองไปอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็กำมือขวาเป็นหมัด ต่อยผ่านความว่างเปล่าตรงไปยังพวกมัน

เมื่อหมัดนั้นกระแทกเข้าไป แรงระเบิดอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้พุ่งขึ้นไป กวาดผ่านไปทั่วทั้งคนทั้งแปด สีหน้าพวกมันสลดลงขณะที่เมิ่งฮ่าวเริ่มขยับตัว!

——————

หมายเหตุ

  1. 1. ลู่ปั๋วเริ่มมีบทบาทในตอนที่ 720 : ทุกสรรพสิ่งระเบิดออก มันและเมิ่งฮ่าวได้ผ่านเข้าไปในโลกด้านล่างของทะเลสาบเต๋าโบราณ บทบาทครั้งสุดท้ายของมันคือกำลังพยายามต่อสู้อยู่ในด่านที่สอง ในขณะที่เมิ่งฮ่าวออกมาแล้ว
  2. 2. ความสามารถของลู่ปั๋วแตกต่างไปจากพลังที่เมิ่งฮ่าวใช้ แต่ทั้งสองก็ใช้เวลาเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน พลังแห่งกาลเวลาของเมิ่งฮ่าวทำให้เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ลู่ปั๋วสามารถย้อนเวลากลับไปได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!