Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 905

ตอนที่ 905

ต่อสู้เรื่องพืชสมุนไพร!

กระท่อมปรุงยาบนยอดเขาที่เจ็ดหนึ่งเก้าหนึ่งในตอนนี้ ถูกห้อมล้อมเต็มไปด้วยเด็กฝึกปรุงยานับหมื่น คนทั้งหมดกำลังจ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าวและฟางสวีจงบนแท่นเวที

สิ่งที่น่าสนใจมากเป็นพิเศษก็คือ เดิมพันระหว่างคนทั้งสอง เด็กฝึกปรุงยาทั้งหมดแทบไม่อาจรอคอยที่จะได้เห็นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น คนส่วนใหญ่พอจะอ่านสถานการณ์นี้ออกได้ และรู้ว่าฟางสวีจงมายังที่แห่งนี้เพื่อสร้างปัญหาให้กับเมิ่งฮ่าว แต่เมื่อคิดไปว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบกับพวกมันโดยตรง กลุ่มคนเหล่านี้จึงยิ่งมีความตื่นเต้นมากขึ้นกว่าใครๆ พวกมันอยากจะเห็นว่าใครกันแน่ที่จะมีความรู้ดีกว่ากัน ในเรื่องของต้นพืชสมุนไพร

ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่ได้พูดบรรยายเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานถึงสามวัน เด็กฝึกปรุงยาก็คงไม่ลังเลที่จะกล่าวว่า ฟางสวีจงจะต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้…ยากที่จะกล่าวเช่นนั้นได้

เมิ่งฮ่าวมีท่าทางเขินอายเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านไปยังถุงสมบัติของฟางสวีจงด้วยความกระอักกระอ่วนใจ จากนั้นก็เลียริมฝีปากและมองกลับไปยังฟางสวีจง รู้สึกว่ายิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งโชคดีมากขึ้น เขาไม่เคยคาดคิดว่าแค่มายังแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาเพียงไม่กี่วัน ก็จะมีใครบางคนนำหินลมปราณมาส่งมอบให้ด้วยตัวเอง

เมื่อเขาตระหนักถึงสิ่งที่กำลังคิดอยู่ จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

เมื่อได้เห็นสายตาทุกคู่กำลังจ้องมองมา ฟางสวีจงก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา มันได้ทุ่มเทให้กับเต๋าแห่งการปรุงยามาเป็นเวลานานหลายปี และมีความชำนาญเป็นพิเศษเกี่ยวกับทักษะด้านพืชสมุนไพร ถ้าจะให้พูดไป ทักษะในการปรุงยาของมันเป็นที่เลื่องลือไปทั่วด้วยแสงสีเขียวอันเจิดจ้าแห่งความสมบูรณ์แบบ จริงๆ แล้วมันมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้เลื่อนขั้นเป็นนักปรุงยาระดับสาม และด้วยเช่นนั้น มันจึงมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะสามารถเอาชนะการต่อสู้ในครั้งนี้

ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่ามันจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรในการปรุงยาเป็นอย่างมากแล้วละก็ มันไม่มีทางจะมายังที่แห่งนี้อย่างแน่นอน นอกจากนั้นการมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องเช่นนี้เป็นการทำให้ศักดิ์ฐานะของมันต้องลดต่ำลง

ฟางสวีจงมีสีหน้าเย่อหยิ่งและทรนง ยกมือสูงขึ้นไป จากนั้นก็ตบลงไปยังถุงสมบัติของมัน ทันใดนั้นต้นสมุนไพรก็ปรากฏขึ้นอยู่ในมือ เป็นสีเขียวและดูไม่แตกต่างไปจากต้นหญ้าธรรมดาทั่วไป มันโบกสะบัดมือ ทำให้ต้นสมุนไพรนั้นลอยฝ่าอากาศ ไปหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว

“ฟางโหม่วจะไม่สร้างความลำบากให้กับเจ้า จะทดสอบเจ้าด้วยต้นสมุนไพรแค่สามชนิด เจ้าแค่บอกมาว่าพวกมันมีชื่อว่าอะไรและมีคุณสมบัติอะไรบ้างเท่านั้น นี่คือชนิดแรก” จากมุมมองของมัน แค่ต้นสมุนไพรนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้คู่ต่อสู้ของมันต้องเสื่อมเสียศักดิ์ศรีแล้ว มันคิดว่าจะแสดงให้ฟางอ่าวผู้นี้รู้ว่าสวรรค์สูงแค่ไหนปฐพีต่ำเพียงใด มันจะช่วยให้ฟางฮ่าวรู้ดีถึงความแตกต่างระหว่างคนทั้งสอง ในแง่ของความรู้ความเชี่ยวชาญด้านพืชสมุนไพร

ในฐานะที่เป็นนักปรุงยาระดับสอง มันต้องการจะได้รับชัยชนะอย่างรวดเร็ว เมื่อคิดไปถึงศักดิ์ฐานะของมันในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา การจัดการคู่ต่อสู้ไปได้ด้วยหมัดเดียว จึงน่าจะเป็นผลลัพธ์ที่เหมาะสมมากที่สุดแล้ว

ฟางสวีจงยิ้มอย่างเย็นชา โบกสะบัดชายแขนเสื้อ จากนั้นก็ประสานมือไว้ที่ด้านหลัง และมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่เย่อหยิ่ง คิดอยู่ในใจ “อย่าว่าแต่มันเลย แม้แต่นักปรุงยาระดับแรก ก็ยังไม่อาจจะจดจำได้ว่านี่คือต้นสมุนไพรอะไร”

เมิ่งฮ่าวยิ้มออกมาเหมือนก่อนหน้านี้ ขณะที่มองไปยังต้นสมุนไพรนั้น

เด็กฝึกปรุงยาทั้งหมดก็จ้องมองไปเช่นเดียวกัน พยายามที่จะคาดเดาว่ามันคือต้นอะไร นักปรุงยาระดับแรกในบริเวณนั้น กำลังรื้อฟื้นความทรงจำของพวกมันด้วยเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่มีใครจะสามารถรำลึกได้ถึงข้อมูลของต้นสมุนไพรเช่นนี้แม้แต่น้อยนิด

ทันใดนั้น เสียงพูดคุยก็ดังขึ้นไปทั่ว

“ไม่ถูกต้อง ต้นไม้นั่นดูปกติธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง มันดูไม่เหมือนกับเป็นต้นสมุนไพรเลย! มันเป็นแค่ต้นไม้ธรรมดาจากโลกมนุษย์หรือไม่?”

“ข้าอาจจะไม่มีทักษะที่น่าเหลือเชื่อเมื่อพูดถึงเรื่องต้นพืชสมุนไพร แต่ก็มีความรู้อยู่เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ต้นไม้นี้…เป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”

“มันสมควรแล้วที่เป็นนักปรุงยาระดับสอง มันสามารถจะหยิบเอาต้นสมุนไพรที่ไม่มีใครจดจำได้ออกมา!”

ฟางสวีจงมองอย่างวางมาดไปยังเมิ่งฮ่าว

“ถ้าเจ้าไม่รู้จักมัน ก็ให้คุกเข่าอยู่บนยอดเขานี้เป็นเวลาสามวัน และจากนั้นก็ไสหัวไป” แทบจะในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากของมัน จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็มองขึ้นมาที่มันและยิ้มน้อยๆ ออกมา

“คิดไม่ถึงเลยว่าฟางตานซือจะมีฟงหลิงเฉ่า (หญ้าวิญญาณสายลม) อยู่ในครอบครองจริงๆ หญ้าชนิดนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับการปรุงยา แต่เมื่อมันไปปะทะกับสายลมอันรุนแรง ดอกวิญญาณของมันก็จะบานขึ้น ดอกไม้นี้จะบานออกเป็นเจ็ดสี ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงสุด ดอกไม้สมุนไพรนี้คือหนึ่งในส่วนผสมที่สำคัญมากที่สุด ซึ่งจะถูกใช้เมื่อทำการปรุงเม็ดยาที่มีคุณสมบัติของธาตุลม”

“แต่น่าเสียดาย ฟางตานซือ ต้นไม้นี้ของท่านไม่มีความสมบูรณ์แบบเหลืออยู่เลย มันสามารถจะสร้างดอกออกมาได้แค่สามสีเท่านั้น”

คำพูดของเมิ่งฮ่าวทำให้เด็กฝึกปรุงยาที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมดตกตะลึง แม้แต่นักปรุงยาระดับแรกก็รู้สึกประหลาดใจ พวกมันไม่ได้เคยได้ยินคำว่าฟงหลิงเฉ่ามาก่อน ถึงแม้ว่าจะมีอยู่หลายคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับฟงหลิงฮวา (ดอกวิญญาณสายลม) ก็ตามที ในตอนนี้พวกมันรู้สึกว่าได้เปิดหูเปิดตาขึ้นมาในทันที และตระหนักถึงต้นกำเนิดที่แท้จริงของฟงหลิงฮวา

ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวได้เป่าลงไปยังกลุ่มใบหญ้าเหล่านั้น เนื่องจากระดับพื้นฐานฝึกตนของเขาในตอนนี้ ทำให้ลมหายใจนั้นคล้ายกับเป็นสายลมอันรุนรแง เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในบริเวณนั้น และกลุ่มใบหญ้าก็เริ่มส่ายไหวไปมา คนทั้งหมดมองไปขณะที่ดอกไม้สามสีได้บานขึ้นมาอยู่ที่ส่วนปลายสุดของใบหญ้าเหล่านั้น และกลิ่นหอมของตัวยาก็กระจายเต็มไปทั่วบริเวณนั้น

“มันมีสามสีจริงๆ!”

“ทักษะเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรของฟางฮ่าวช่างน่าประหลาดใจยิ่ง! มันไม่เพียงแต่จะจดจำต้นไม้นี้ได้ แต่ยังสามารถบอกได้ถึงธรรมชาติทั้งหมดของมันอีกด้วย!”

กลุ่มฝูงชนที่อยู่รอบๆ ทั้งหมดตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย ตอนนี้นักปรุงยาระดับแรกได้มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่นับถืออย่างสูงสุด ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาของตระกูลฟาง นักปรุงยาที่แข็งแกร่งมักจะถูกปฏิบัติด้วยความศรัทธาและเลื่อมใส

ดวงตาของฟางสวีจงเบิกกว้าง จากนั้นก็จ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าว สีหน้าอันเคร่งขรึมกระจายปกคลุมไปทั่วทั้งใบหน้า ฟงหลิงเฉ่าอาจจะดูเหมือนกับต้นสมุนไพรธรรมดาทั่วไป แต่จริงๆ แล้วก็เป็นการแบ่งเขตของทักษะที่เกี่ยวข้องกับต้นพืชสมุนไพร แม้แต่นักปรุงยาระดับสองที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้ก็ยังมีอยู่อย่างมากมาย ที่ทำให้มันรู้สึกตกตะลึงมากไปกว่านั้นก็คือว่า คู่ต่อสู้สามารถที่จะแยกแยะได้ว่าดอกที่บานออกมาจะมีกี่สี นี่เป็นสิ่งที่มีแต่นักปรุงยาระดับสามเท่านั้น ที่สามารถจะทำได้เช่นนี้

“คนผู้นี้มีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ ดูเหมือนว่าข้าจำเป็นต้องจริงจังให้มากกว่านี้แล้ว” ฟางสวีจงคิด โบกสะบัดมือดึงเอาฟงหลิงเฉ่ากลับเข้าไปในถุงสมบัติ จากนั้นก็หยิบเอาต้นสมุนไพรอื่นออกมา

ต้นไม้นี้มีใบอยู่มากกว่าหนึ่งร้อยใบ ซึ่งได้ก่อตัวกันเป็นรูปสามเหลี่ยม เกสรดอกตัวผู้ของต้นไม้นี้ยาวมาก แทบจะดูคล้ายกับเป็นหนวด ขณะที่พวกมันลอยพลิ้วไปมา

เพียงมองไปที่ต้นสมุนไพรนี้แค่แวบแรก ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง คนทั้งหมดที่มองไปยังรู้สึกได้ถึงอันตรายจางๆ ที่มันได้กระจายออกมาอีกด้วย

“เพื่อหลีกเลี่ยงคำกล่าวหาเรื่องการกลั่นแกล้งใดๆ เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงคุณสมบัติของต้นไม้ชนิดนี้ เพียงแค่บอกชื่อมันมาก็พอแล้ว” ฟางสวีจงกล่าวขึ้น จ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างเย็นชา ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก แต่ภายในใจมันกำลังหัวเราะอย่างเย็นชา ในความคิดของมัน มันคิดว่าได้ประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไปเล็กน้อย ในตอนที่นำต้นสมุนไพรออกมาเป็นครั้งแรก แต่ในครั้งที่สองนี้ มันเชื่อมั่นว่าจะต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน

“เมื่อข้าได้รับต้นสมุนไพรนี้มาในครั้งแรก ก็ไม่รู้เลยว่ามันคือต้นอะไร มันถูกนักปรุงยาระดับห้าปลูกขึ้นมาด้วยตัวเอง และข้าก็โชคดีที่ได้มันมาครอบครอง”

“มันมีแค่หนึ่งเดียวในโลกนี้ ไม่มีคู่มือของต้นสมุนไพรใดๆ จะมีคำอธิบายเกี่ยวกับมันอยู่ มันถูกทาบกิ่งมาจากต้นสมุนไพรอื่นๆ ที่แตกต่างกัน ด้วยการใช้วิชาลับสุดยอดของนักปรุงยาระดับห้าสร้างขึ้นมา”

“ข้าไม่เชื่อว่าเด็กฝึกปรุงยาที่กระจ้อยร่อยนี้ จะสามารถบอกชื่อมันได้!” ฟางสวีจงยิ้มอย่างเย็นชา ยืดหน้าอกขึ้นยืนอยู่ที่นั่น ไพล่มือไว้ที่ด้านหลัง ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว

มันจินตนาการไปว่า คู่ต่อสู้กำลังมีหยดน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม เอามือกุมขมับขณะที่พยายามจะนึกชื่อต้นไม้นี้ออกมา และอาจจะพูดพ่นสิ่งที่ไร้สาระออกมา ซึ่งฟางสวีจงได้เตรียมคำพูดที่เหมาะสมเพื่อตอบโต้กลับไปแล้ว

ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบกริบไปโดยสิ้นเชิง สายตาทุกคู่เพ่งมองไปยังต้นสมุนไพรนั้น เนื่องจากรู้สึกได้ถึงอันตรายที่มันกระจายออกมาได้อย่างเลือนลาง ทำให้ตอนนี้คนทั้งหมดกำลังให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด อย่างช้าๆ กลิ่นหอมของตัวยาเริ่มลอยออกมาจากต้นไม้นั้น ทำให้จิตใจของคนทั้งหมดในบริเวณนั้นสดชื่นมีชีวิตชีวาขึ้นมา

“นั่นคือต้นสมุนไพรอะไรกัน!?!?”

“ข้าค่อนข้างมั่นใจว่าไม่เคยเห็นมันมาก่อน ถึงแม้จะดูเหมือนคุ้นเคยก็ตามที ช่างแปลกนัก!”

แม้แต่นักปรุงยาระดับแรกทั้งหมดต่างก็ต้องขมวดคิ้ว และพยายามที่จะนึกอย่างหมดท่าว่านี่คือต้นอะไร บางคนยังได้หยิบเอาแผ่นหยกที่มีข้อมูลเกี่ยวกับพืชสมุนไพรออกมา เริ่มต้นค้นหาเงื่อนงำเบาะแสอีกด้วย

“ต้นไม้นั่นยังดูลึกลับมากกว่าฟงหลิงเฉ่าก่อนหน้านี้อีก!!” ขณะที่กลุ่มผู้ชมเริ่มคาดเดาเกี่ยวกับต้นไม้นี้ไปต่างๆ นาๆ เมิ่งฮ่าวมองไปยังมันและดวงตาก็เริ่มสาดประกายขึ้น

“คิดไม่ถึงว่าเต๋าแห่งการปรุงยาของตระกูลฟาง จะมีทักษะเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรเช่นนี้” เขากล่าวขึ้น ทันใดนั้นกลุ่มฝูงชนก็เริ่มเงียบลง และทุกคนก็มองไปยังเมิ่งฮ่าว

ฟางสวีจงหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา

“เจ้าบอกชื่อมันมาได้หรือไม่ได้? ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งทำเป็นลึกลับไป”

เมิ่งฮ่าวยิ้มน้อยๆ เพื่อตอบรับคำพูดของมัน

“ต้นสมุนไพรนี้เป็นสิ่งที่ท่านไม่อาจจะปลูกมันขึ้นมาได้” เขากล่าว เมื่อพวกที่มุงดูอยู่ได้ยินเช่นนี้ พวกมันก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่จิตใจฟางสวีจงเริ่มเต้นรัว

“มันไม่มีชื่อ” เมิ่งฮ่าวกล่าวต่อไปอย่างช้าๆ “หรืออาจจะกล่าวได้ว่า…มีเพียงคนเดียวที่จะตั้งชื่อมันได้ ก็คือนักปรุงยาที่สร้างมันขึ้นมา”

เมื่อฟางสวีจงได้ยินเช่นนี้สีหน้ามันก็เปลี่ยนไป คำพูดสองประโยคของเมิ่งฮ่าว คล้ายกับเป็นสายฟ้าที่ฟาดลงมาในจิตใจมัน มันจะคาดคิดได้อย่างไรว่า คู่ต่อสู้จะสามารถรับรู้เบาะแสได้จากการมองมาแค่นั้น? มันเตรียมที่จะดึงเอาต้นสมุนไพรนั้นกลับไปและเก็บเอาไว้อย่างรวดร็ว แต่สองประโยคหลังของเมิ่งฮ่าว ก็เผยให้เห็นถึงความจริง เกี่ยวกับชื่อของต้นไม้นี้

มันนึกไปถึงครั้งแรกที่ได้มองเห็นต้นไม้นี้เมื่อหลายปีก่อน มันได้จ้องมองไปด้วยความตกตะลึง สำหรับมันแล้วนั่นดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดและน่ามหัศจรรย์ จนกระทั่งนักปรุงยาระดับห้าได้อธิบายให้มันเข้าใจถึงความจริงเกี่ยวกับต้นไม้นี้ ทำให้มันแทบจะหมอบกราบด้วยความชื่นชมนับถือ

“ฟางฮ่าวผู้นี้มีทักษะถึงระดับใดกันแน่? คาดไม่ถึงว่ามันจะจดจำได้จากการมองไปแค่แวบเดียว! บัดซบ! ดูเหมือนว่าข้าจะต้องนำกลยุทธ์ที่แท้จริงออกมาใช้แล้ว!” มันรู้สึกว่าต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้นกว่าเดิม ฉับพลันนั้นมันคิดว่าจะต้องใส่ร้ายคู่ต่อสู้ ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา ชื่อเสียงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ด้วยการมีผู้คนมากมายกำลังมองมา คำพูดก็จะถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

ฟางสวีจงกัดฟันแน่น และกำลังจะหยิบเอาต้นสมุนไพรกลับมา และใส่กลับเข้าไป แต่ทันใดนั้น เมิ่งฮ่าวก็เริ่มพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“ต้นสมุนไพรนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิธีการทาบกิ่ง ขอข้าดูก่อน…ดูเหมือนว่าจะมีการทาบกิ่งจากต้นสมุนไพรที่แตกต่างกันออกไปถึงสิบเก้าชนิด ต้นสมุนไพรทั้งสิบเก้าชนิดนั้นประกอบด้วยสุยอวิ่นเกิน (รากต้นน้ำ), หลิงเมิ่งเฉ่า (หญ้าความฝันวิญญาณ), เทียนซานเยี่ย (ใบภูเขาสวรรค์), เฉินฝานฮวา (ดอกฝุ่นโลกันต์)…” เมิ่งฮ่าวขานรายชื่อของต้นสมุนไพรทั้งสิบเก้าชนิดออกมาอย่างใจเย็น

ดวงตาของฟางสวีจงเบิกกว้าง และเริ่มหอบหายใจออกมา มันโซเซถอยไปทางด้านหลังโดยไม่รู้ตัวสองสามก้าว สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ สำหรับต้นสมุนไพรต่อไปที่มันคิดว่าจะหยิบออกมา เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะกล่าวไปในรายชื่อที่เขาได้พูดออกมา ดังนั้นฟางสวีจงจึงไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องยกเลิกความคิดที่จะใช้ต้นสมุนไพรนั้นไป มันจะคาดคิดได้อย่างไรว่าคนผู้นี้จะสามารถ…

จะสามารถบอกชื่อของต้นสมุนไพรทั้งหมดที่นำมาทาบกิ่งได้! จิตใจฟางสวีจงกำลังหมุนคว้าง แน่นอนว่ามันก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เมิ่งฮ่าวพูดออกมาทั้งหมดนั้นถูกต้องหรือไม่ เพราะมีแต่นักปรุงยาระดับห้า ซึ่งได้สร้างต้นไม้นี้ขึ้นมาเท่านั้นที่จะสามารถยืนยันได้

นอกจากนั้น นี่คือ…วิชาลับสุดยอด!

ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ได้ข้อสรุปและกล่าวว่า “…ต่อจากนั้นก็ใช้เวทแห่งสี่ฤดูกาล เปลี่ยนหยินและหยาง ทำการทาบกิ่งของสามต้นโดยพร้อมเพรียงกัน หลอมรวมเข้ากับต้นสมุนไพรทั้งสิบเก้าต้นทั้งหมด ห้ามไม่ให้พวกมันโดนแสงตะวัน ปล่อยให้ปราณหยินรวมตัวกัน ก็จะเสร็จสิ้นกระบวนการโดยสมบูรณ์”

“เพราะว่าต้นสมุนไพรนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยการทาบกิ่งของต้นไม้อื่นๆ เข้าด้วยกันสิบเก้าต้น ถ้านำมันไปปรุงเป็นเม็ดยา ก็จะได้สูตรยาออกมาเป็นจำนวนมาก นักปรุงยาธรรมดาทั่วไปไม่อาจจะใช้มันมาปรุงเป็นอะไรได้แม้แต่น้อย สันนิษฐานว่านักปรุงยาที่มอบต้นสมุนไพรนี้มาให้ท่าน จะต้องมอบสูตรยาที่จัดทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อนำมันไปใช้ด้วยเช่นกัน”

“ฟางตานซือ ข้าพูดถูกหรือไม่?” เมิ่งฮ่าวยิ้มออกมา และมองไปยังฟางสวีจง

คำพูดของเมิ่งฮ่าวทำให้เกิดเป็นความเงียบกริบอย่างน่ากลัว คนทั้งหมดกำลังมองไปยังฟางสวีจง ซึ่งมีสีหน้าเปลี่ยนไปมาด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย มันรู้สึกคล้ายกับว่าสายฟ้ากำลังฟาดลงมาอยู่รอบๆ ศีรษะ ทำให้ต้องก้าวถอยไปทางด้านหลังโดยไม่รู้สึกตัวในทันที ตอนนี้มันกำลังมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ราวกับว่าเขาเป็นภูตผีปีศาจบางอย่าง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!