Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 933

ตอนที่ 933

ดิ้นรนเพื่อความเป็นหนึ่ง!

แน่นอนว่า กลุ่มคนที่อยู่ในอาณาจักรเต๋า ไม่จำเป็นต้องอาบไล้อยู่ในแสงแห่งดวงตะวัน พวกมันสามารถจะบินออกไปจากดวงดาวด้วยตนเอง และไปเผชิญหน้ากับแสงนั้นได้โดยตรง!

ตอนนี้ภายในบริเวณรอบๆ ทะเลสาบจันทร์เจิดจ้าสามพันจ้าง คนทั้งหมดนั่งลงขัดสมาธิ อาบไล้อยู่ภายในแสงของตงเซิงจือหยาง (ตะวันรุ่งบูรพา) ทันใดนั้นฟางเว่ยก็บินออกไปจากศาลารุ่งบูรพา พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าโดยที่ไม่หยุดชะงักนิ่งเลยแม้แต่น้อย

แสงตะวันอันไร้ขอบเขตนี้มีความร้อนแรงอย่างน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง โลกทั้งหมดดูเหมือนจะละลายไป ราวกับว่าความชื้นในอากาศทั้งหมด ถูกดูดซับไปโดยสิ้นเชิง ทั่วทั้งทะเลสาบจันทร์เจิดจ้าดูเหมือนจะมีการระเหยจนกลายเป็นกลุ่มหมอก และตอนนี้ก็เหือดแห้งไปโดยสิ้นเชิง

รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของพื้นดิน ขณะที่สมาชิกตระกูลฟางที่อยู่รอบๆ ทะเลสาบจันทร์เจิดจ้า ถูกแช่อยู่ในพลังของดวงตะวัน และใช้มันสร้างความแข็งแกร่งให้กับกายเนื้อ จนถึงระดับที่น่าตกใจ

เมื่อฟางเว่ยบินออกไป ก็กลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งหมด มันเป็นผู้ถูกเลือก เป็นดวงตะวันอันเจิดจ้าของตระกูลฟาง ทันใดนั้นมันก็พุ่งขึ้นไปที่ความสูงหนึ่งพันจ้างด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อในทันที ที่นั่นมันสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นหลุมดำที่ดูดซับแสงตะวันเข้าไปอย่างรวดเร็ว

เสียงพูดคุยอย่างวุ่นวายดังก้องขึ้นมาในทันที

“เว่ยกงจื่อช่างเหมาะสมกับชื่อเสียงของมันจริงๆ!”

“มันไม่เพียงแต่จะดูดซับแสงตะวันเข้าไปเท่านั้น มันยังได้กลืนกินเข้าไปอีกด้วย! ช่างมีความเข้าใจต่อตงเซิงจือหยางได้อย่างลึกซึ้งนัก!”

แม้แต่ผู้แข็งแกร่งและผู้อาวุโสที่อยู่ในคฤหาสน์โบราณ ก็ยังต้องพยักหน้าให้อย่างเงียบๆ

คนที่สองที่บินขึ้นไปท้องฟ้าคือหวังมู่ ซึ่งเป็นผู้ถูกเลือกแห่งตระกูลหวัง ดวงตามันแวบขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่บินขึ้นไปในอากาศ สีหน้ามันเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ท่านปรมาจารย์มีเวทที่เรียกว่าแยกราตรี ซึ่งท่านได้สร้างขึ้นมาหลังจากที่ได้รับความรู้แจ้งในช่วงที่ดวงตะวันกำลังขึ้น…วันนี้ ข้า, หวังมู่จะไตร่ตรองใคร่ครวญในปรากฏการณ์ตงเซิงจือหยางนี้ ซึ่งจะทำให้ความรู้แจ้งเกี่ยวกับเวทแยกราตรีของข้าก้าวหน้าขึ้น!”

หลังจากหวังมู่ ก็เป็นไท่หยางจื่อ ซึ่งพุ่งขึ้นไปในอากาศพร้อมกับเสียงหัวเราะ มันมาจากหนึ่งในห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์, ภูเขาไท่หยาง (ดวงตะวัน) และมันก็ได้ฝึกฝนวิชาเวทที่เกี่ยวข้องกับดวงตะวันมาอย่างมากมาย ดังนั้นโชควาสนาในวันนี้ก็จะมีความหมายต่อมันมากกว่าคนอื่นๆ ทั้งหมด

ไท่หยางจื่อบินขึ้นไปยังตำแหน่งที่สูงเกือบแปดร้อยจ้าง สูดลมหายใจลึกๆ และจากนั้น…ก็กลายร่างเป็นบางสิ่งที่คล้ายกับเป็นดวงตะวัน! คนทั้งหมดที่มองเห็น ต่างก็ตกตะลึงขึ้นในทันที

ต่อมาก็เป็นฝานตงเอ๋อร์ และหลี่หลิงเอ๋อร์ สองหญิงสาวบินขึ้นไป คนหนึ่งไปนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ความสูงหนึ่งพันจ้าง และอีกคนอยู่ที่เก้าร้อยจ้าง ทั้งสองต่างก็มีความงดงาม เมื่อมาอยู่ใต้แสงแห่งดวงตะวัน ก็ยิ่งเปล่งประกายและกระจายความรู้สึกแห่งความศักดิ์สิทธิ์ออกมา ใครก็ตามที่มองไปก็จะรู้สึกว่าจิตใจต้องเต้นรัว ราวกับว่าพวกมันกำลังมองไปยังนางเซียน

ซ่งหลัวตานติดตามไปอย่างใกล้ชิด หลังจากมันเป็นผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ของตระกูลฟาง ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น ฟางตงหานคือผู้ที่รวดเร็วมากที่สุด มันไปหยุดอยู่ที่ตำแหน่งความสูงเกือบหกร้อยจ้าง สร้างความประหลาดใจให้กับสมาชิกในตระกูลคนอื่นๆ เป็นอย่างมาก

เมิ่งฮ่าวปล่อยซุนไห่ ซึ่งมีสีหน้าที่เศร้าหมองออกไป มันก้าวไปข้างหน้าและจากนั้นก็บินขึ้นไปที่ความสูงเจ็ดร้อยจ้าง กระจายพลังแห่งจักรพรรดิออกมา ทำให้แสงตะวันจำนวนมากมาก่อตัวอยู่รอบๆ ร่างมัน

จากผู้ถูกเลือกทั้งหมดที่บินขึ้นไปจากศาลารุ่งบูรพา ไม่มีใครหยุดอยู่ที่ตำแหน่งต่ำกว่าสี่ร้อยจ้างเลย ถึงแม้ว่าฟางซีจะบินขึ้นไปนั่งขัดสมาธิอยู่ที่จุดสี่ร้อยจ้าง แต่ก็มีกลุ่มคนในตระกูลอื่นๆ น้อยมากที่จะไปอยู่ในตำแหน่งเดียวกันนั้นได้ กลุ่มคนที่อยู่รอบๆ ทะเลสาบจันทร์เจิดจ้าต่างก็บินขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่

เมิ่งฮ่าวไม่ได้บินขึ้นไป เขายังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ในศาลา ความร้อนจากด้านนอกไหลซึมเข้าไปในร่างกาย ทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังจะลุกเป็นเปลวไฟ

ทำให้เหงื่อเท่าเม็ดถั่วเริ่มไหลลงมาจากใบหน้า ซึ่งมีสีดำสนิทไปทั้งหมด ราวกับว่าสิ่งปฏิกูลที่อยู่ภายในร่างกำลังถูกบังคับให้ออกมาอยู่ในตอนนี้ ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็เริ่มดูดซับความร้อนเข้าไปบางส่วน ทำให้เส้นลมปราณเหนียวแน่นขึ้น กระดูกแข็งแกร่งขึ้น ช่วยเพิ่มพลังของโลหิตและกายเนื้อ

“ตงเซิงจือหยาง! (ตะวันรุ่งบูรพา)” เมิ่งฮ่าวคิด สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ความร้อนพุ่งมาปะทะใบหน้า ไหลซึมเข้าไปในร่างกายซึ่งเริ่มสั่นสะท้าน หลังจากเวลาผ่านไป ในที่สุดเขาก็บินออกไปจากศาลา

ทันทีที่เขาปรากฏกายขึ้นที่ด้านนอก ก็ได้ยินเสียงโห่ร้องดังขึ้น กลุ่มคนไม่ได้พูดเกี่ยวกับเขา แต่พวกมันกำลังเพ่งมองไปยัง…ฟางเว่ย!

“เจ็ดพันจ้าง! คิดไม่ถึงว่าเว่ยกงจื่อจะบินสูงขึ้นไปถึงเจ็ดพันจ้าง!”

“เพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น มันก็ไปอยู่ที่เขตเจ็ดพันจ้างแล้ว! ความร้อนตรงจุดนั้นสามารถที่จะทำให้ผู้ฝึกตนในอาณาจักรวิญญาณทั่วไป ต้องละลายกลายเป็นไอไปได้ในช่วงเวลาแค่หนึ่งอึดใจเท่านั้น!”

“เว่ยกงจื่อช่างสมกับเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วจริงๆ!”

เมิ่งฮ่าวได้ยินเสียงร้องตะโกนด้วยความประหลาดใจดังก้องออกมา เขาใช้เวลาครึ่งชั่วยามอยู่ที่ด้านในศาลา เพื่อให้คุ้นเคยกับแสงตะวันแห่งตงเซิงจือหยาง ตอนนี้ขณะที่มองขึ้นไปในท้องฟ้า เขาก็เห็นผู้ถูกเลือกมากมายอยู่สูงขึ้นไปในท้องฟ้าที่ตำแหน่งแตกต่างกัน

ที่อยู่สูงมากที่สุด แน่นอนว่าคือ…ฟางเว่ย!

มันสวมใส่ชุดสีขาว และลอยอยู่ตามลำพังที่ความสูงเจ็ดพันจ้าง ดูสง่างามและยิ่งใหญ่ แสงสีทองปกคลุมอยู่รอบตัวมัน ขณะที่แสงตะวันไหลซึมเข้าไปในร่างมัน

เส้นผมฟางเว่ยพลิ้วไปมาอยู่รอบๆ ตัว ทำให้ความหล่อเหลาตามปกติของมัน ยิ่งดูสง่างามอย่างน่าตกใจมากขึ้นกว่าเดิม ใครก็ตามที่มองไปยังมัน ก็อดไม่ได้ที่จะต้องกล่าวขึ้นด้วยชื่นชมออกมา

อีกสามคนที่อยู่ด้านล่างฟางเว่ยคือ ไท่หยางจื่อ, ฝานตงเอ๋อร์ และ…อีกคนที่เมิ่งฮ่าวไม่รู้จัก เมื่อเขาได้พูดคุยและหัวเราะกับผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เมิ่งฮ่าวก็รู้ว่านี่คือผู้ถูกเลือกจากสำนักกระบี่ไท่สิง…โจวซิน!

เมื่อได้เห็นโจวซิน ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องนึกไปถึงใครบางคนที่มาจากสำนักกระบี่ไท่สิง…

“ไม่รู้ว่าจ้าวอีฝานกำลังทำอะไรอยู่ในตอนนี้…” เขาคิด

เมื่อเมิ่งฮ่าวได้รู้จักผู้ถูกเลือกเหล่านี้ทั้งหมดในตอนแรก พื้นฐานฝึกตนของไท่หยางจื่อไม่อาจจะเทียบเท่ากับฝานตงเอ๋อร์ได้ แต่วิชาเวทที่มันฝึกมา ทำให้สามารถที่จะเชื่อมต่อกับดวงตะวันได้ ดังนั้นมันจึงไปอยู่ที่ระดับเดียวกันกับคนอื่นๆ อีกสองคน ที่ความสูงหกพันห้าร้อยจ้าง ที่อยู่ด้านล่างพวกมันที่ความสูงหกพันจ้างเป็นหลี่หลิงเอ๋อร์และหวังมู่!

ซ่งหลัวตาน, ซุนไห่ และคนอื่นๆ ทั้งหมดอยู่ที่ระดับห้าพันจ้าง ฟางตงหานก็อยู่ในท่ามกลางพวกมัน และมีอยู่หลายคนกำลังให้ความสนใจไปที่มัน เหตุผลหลักก็คือโดยปกติแล้วมันมักจะทำตัวไม่โดดเด่นอยู่ในตระกูลฟาง แต่ในครั้งนี้คาดไม่ถึงว่ามันจะมาอยู่ที่ความสูงห้าพันจ้าง

ในเวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปในคฤหาสน์โบราณตระกูลฟาง ผู้อาวุโสมากมายและผู้แข็งแกร่งอื่นๆ ต่างก็มองออกไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ผู้เฒ่าสูงสุดเป็นหนึ่งในบุคคลเหล่านั้น และขณะที่มันมองไปยังตำแหน่งที่อยู่สูงขึ้นไปของฟางเว่ย ใบหน้ามันก็ไร้อารมณ์ความรู้สึกใดๆ ใครก็ตามที่มองไปยังมันไม่มีทางจะคาดเดาได้ว่าสิ่งที่มันกำลังคิดอยู่คืออะไร

บิดาและปู่ของฟางเว่ย นั่งอยู่ตรงจุดที่ห่างออกไปจากผู้เฒ่าสูงสุด คนทั้งสองกำลังยิ้มออกมา

“เว่ยเอ๋อร์ได้เตรียมตัวมานานหลายปี ใช้ทรัพยากรไปมากมาย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเป้าหมายให้บรรลุถึงความสูงหนึ่งแสนจ้าง…”

“ถ้ามีใครบางคนสามารถจะทำได้ ก็ต้องเป็นเว่ยเอ๋อร์อย่างแน่นอน!”

ที่ด้านนอกศาลารุ่งบูรพา เมิ่งฮ่าวมองไปยังคนทั้งหมด รวมทั้งฟางเว่ยและผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ค่อยๆ ไต่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ ขณะที่พวกมันทำเช่นนั้น ก็ได้รับโชควาสนาเพิ่มมากขึ้น

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น

“ข้าไม่เคยทำตัวต้อยต่ำเมื่ออยู่ในตระกูลฟาง และวันนี้ก็เหมือนกัน!”

“ยิ่งไปกว่านั้น แสงตะวันนี้ก็เป็นผลดีต่อกายเนื้อของข้าเป็นอย่างยิ่ง จริงๆ แล้ว มีความเป็นไปได้ที่ข้า…จะสามารถสร้างกายเนื้อ…ให้ถึงระดับของเซียนแท้!”

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจากนั้นก็เริ่มพุ่งขึ้นไปในอากาศ เพียงแค่เคลื่อนที่ไปอย่างเรียบง่าย เขาก็บรรลุถึงเขตความสูงหนึ่งพันจ้าง ไปหยุดอยู่ที่นั่นอยู่ชั่วขณะเพื่อสูดลมหายใจเข้าไป แสงตะวันบิดเบี้ยวไปมาขณะที่มันปกคลุมไปทั่วร่างเขา และจากนั้นก็ถูกดูดเข้าไปในปาก

เนื่องจากเมิ่งฮ่าวได้ดูดซับแสงตะวันเข้าไปเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกมาในทันที!

เป็นเสียงที่ถูกสร้างขึ้นมาจากแสงที่ประกอบไปด้วยกฎธรรมชาติ ที่กำลังถูกดูดซับเข้าไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด เป็นเสียงแปลกๆ ที่ครั้งแรกเกิดเป็นเสียงดังก้องขึ้นมา แต่จากนั้นถ้ามีใครตั้งใจฟังให้ชัดเจน ก็จะได้ยินเหมือนกับเป็นเสียงร้องคำรามด้วยโทสะออกมา

ขณะที่เสียงนั้นดังกระจายออกไป ก็ทำให้เกิดเป็นความสนใจขึ้นในทันที

“นั่นคือฟางฮ่าว!”

“เมื่อครู่นี้คือเสียงอะไรกัน?”

“มันดังออกมาจากรอบๆ ตัวฟางฮ่าว! ลำแสงกำลังบิดเบี้ยวไปมา มันกำลังกลืนกินลำแสงเหล่านั้นเข้าไป เหมือนกับที่เว่ยกงจื่อทำ!”

เมิ่งฮ่าวไม่สนใจเสียงพูดคุยเหล่านั้น ร่างกายรู้สึกราวกับว่ากำลังจะระเบิดออกเป็นเปลวไฟ สั่นสะท้านอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็หลับตาลง เพลิดเพลินกับความรู้สึกของการกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับเปลวไฟแห่งการเกิดใหม่ กายเนื้อเขากำลังลุกไหม้ขึ้น และเนื่องจากเช่นนั้น ทำให้เขาตกอยู่ในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง!

“ยอดเยี่ยม!” เมิ่งฮ่าวคิด ลืมตาขึ้น เปลวไฟเต้นไปมาอยู่ภายในม่านตา เขาเงยหน้าขึ้นและหัวเราะออกมา จากนั้นก็พุ่งสูงขึ้นไป ตอนนี้เขาอยู่ที่ความสูงสองพันจ้าง!

ทันทีที่เขามาถึง สมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลที่อยู่ในระดับสองพันจ้าง ต่างก็มองมาที่เขา ฟางซีอยู่ที่นั่นด้วย และเมื่อมองเห็นเมิ่งฮ่าว มันก็เริ่มตื่นเต้นขึ้น

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เป็นครั้งที่สอง ดูดซับแสงตะวันเข้าไปอีก ความร้อนอันเข้มข้นที่อยู่รอบๆ ตัวเขา กลายเป็นกระแสน้ำวน และเขาก็จมอยู่ภายใต้แสงตะวันอันเข้มข้นไปโดยสิ้นเชิง

อีกครั้งที่เสียงแปลกๆ ได้ดังก้องขึ้นมา!

จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็หัวเราะ และพุ่งขึ้นไปเป็นครั้งที่สาม จากนั้นก็สี่ และห้า!

สามพันจ้าง, สี่พันจ้าง, ห้าพันจ้าง!

เสียงอันน่าตกใจดังก้องออกมาอีกครั้ง ดังกระหึ่มขึ้นสามครั้ง! ตูมมมมม!

ทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณนั้นสั่นสะเทือน และสมาชิกของตระกูลที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น กำลังอาบไล้อยู่ในแสงตะวัน ก็เริ่มมองขึ้นไป รู้สึกสะดุ้งขึ้นด้วยเสียงนั้น เมื่อมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ สีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนไปด้วยความตกใจและประหลาดใจ

ไม่เพียงแต่พวกมันเท่านั้นที่รู้สึกประหลาดใจ คนทั้งหมดที่อยู่ในตำแหน่งความสูงห้าพันจ้าง ต่างก็สะท้านใจขณะที่พวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าวใกล้เข้ามาด้วยความรวดเร็วสูงสุดด้วยสองตาตนเอง ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว ก็จะพุ่งขึ้นไปหนึ่งพันจ้าง และทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มกึกก้องขึ้น!

“เพียงห้าก้าวก็ไปถึงเขตความสูงห้าพันจ้าง! ฟางฮ่าว…ไม่เพียงแต่จะมีทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาอย่างน่าประหลาดใจเท่านั้น กายเนื้อของมันก็แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อนัก!”

“ต้องมีพื้นฐานฝึกตนที่แข็งแกร่งเพื่อที่จะอาบไล้อยู่ในแสงตะวัน แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ ต้องมีกายเนื้อที่แข็งแกร่งเพื่อช่วยสนับสนุน! ไม่เช่นนั้นถ้าพุ่งสูงขึ้นมากเกินไป ก็จะต้องตายไปในทันที!”

ในคฤหาสน์โบราณ แสงแปลกๆ มองเห็นได้อยู่ในดวงตาของผู้เฒ่าสูงสุด ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว บิดาและปู่ของฟางเว่ยกำลังขมวดคิ้วอยู่ สำหรับกลุ่มคนในสายโลหิตหลักของตระกูล พวกมันเริ่มมีความตื่นเต้นขึ้น บิดาของฟางซี, สือจิ่วซูหัวเราะด้วยความยินดีออกมา

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่ลอยตัวอยู่ที่ความสูงห้าพันจ้าง ใช้เวลาอยู่ชั่วขณะเพื่อให้คุ้นเคยกับความร้อนที่น่าตกใจนี้ และเห็นได้ชัดว่าแสงตะวันสามารถที่จะกลั่นสกัดร่างกายของตัวเองได้ รู้สึกราวกับว่าตลอดทั้งร่างกำลังถูกกลั่นสกัดอยู่ที่ด้านในของบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายกับเป็นกระถางแห่งสวรรค์และปฐพี

“ด้วยการมีสวรรค์และปฐพีเป็นเหมือนกระถาง เม็ดยาก็สามารถจะกลั่นสกัดออกมาได้ เช่นเดียวกับคน!” เมิ่งฮ่าวเคลื่อนที่ต่อไป สร้างความตกตะลึงให้กับสมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลที่อยู่ในระดับความสูงห้าพันจ้าง ด้วยการเคลื่อนที่เพียงครั้งเดียว เขาก็พุ่งขึ้นไปอีกหนึ่งพันจ้าง ไปอยู่ที่ตำแหน่งหกพันจ้าง!

ในตอนนี้ ฟางเว่ยได้บรรลุถึงเขตความสูงเก้าพันจ้าง ไท่หยางจื่อ, โจวซินและฝานตงเอ๋อร์ อยู่ที่ตำแหน่งแปดพันจ้าง และหลี่หลิงเอ๋อร์ก็อยู่ห่างจากตำแหน่งของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้แค่หนึ่งพันจ้างเท่านั้น!

ตอนนี้คนทั้งหมดได้สังเกตเห็นเมิ่งฮ่าว แน่นอนว่าไม่มีใครรู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นเขา พุ่งขึ้นมาได้สูงเช่นนี้ ลึกลงไปในจิตใจพวกมัน ต่างก็คิดว่าเมิ่งฮ่าวคือผู้ถูกเลือกเช่นเดียวกับพวกมันมานานแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหลี่หลิงเอ๋อร์ ที่รู้ว่าเมิ่งฮ่าวและฟางมู่คือคนคนเดียวกัน เมื่อได้เห็นเขาอยู่ที่ด้านล่าง นางก็กัดฟันแน่นและผลักดันให้ตัวเองพุ่งสูงขึ้นไปอีก

ฟางเว่ย ที่อยู่ตรงตำแหน่งเก้าพันจ้าง มีสีหน้าที่ปกติเหมือนเช่นเคย เมื่อมันมองลงไปยังเมิ่งฮ่าวที่อยู่ด้านล่าง แสงแห่งความดูถูกก็แวบขึ้นมาในดวงตา มันไม่สนใจว่าเมิ่งฮ่าวจะพุ่งขึ้นมาได้สูงไปกว่านี้ มันเลือกที่จะไม่แยแสเขาตามนิสัยปกติของมัน

“เป้าหมายข้าคือหนึ่งแสนจ้าง ข้าไม่จำเป็นต้องไปเปรียบเทียบกับใคร” ฟางเว่ยพึมพำ

“ขณะที่ข้าก้าวหน้าต่อไปบนเส้นทางของตัวเอง ข้าก็จะข้ามผ่านคนทั้งหมดไป และปล่อยให้พวกมันตกอยู่ในกลุ่มฝุ่นที่เบื้องหลังของข้า…”

“ข้าจะเป็นผู้ที่คนทั้งหมดต้องพยายามจะไล่ตาม ฟางฮ่าว…เป้าหมายของเจ้าดูเหมือนต้องการจะเอาชนะข้า ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องพยายามให้มากขึ้น อย่าได้อยู่ห่างจากข้าไกลมากนัก” ด้วยเช่นนั้นฟางเว่ยก็ผลักดันให้ตัวเองพุ่งสูงขึ้นไปอีก ก้าวเข้าไปในตำแหน่งที่สูงหนึ่งหมื่นจ้าง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!