ตอนที่ 942
ความสามารถศักดิ์สิทธิ์อันดับสาม
เจ็ดวันหลังจากนั้น ดาวตงเซิ่งได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติเหมือนเช่นเคย ปรากฏการณ์ตงเซิงจือหยาง (ตะวันรุ่งบูรพา) ได้กลายเป็นอดีตไปแล้วในตอนนี้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากการแสดงออกอย่าน่ามหัศจรรย์ใจ ในการได้ครอบครองโชควาสนา ทำให้นามฟางฮ่าวโด่งดังมากขึ้นไปกว่าเดิม
ตระกูลฟางทั้งหมดกำลังพูดคุยเกี่ยวกับฟางฮ่าว และนามนี้ก็เริ่มแพร่กระจายออกไปยังส่วนที่เหลือของดาวตงเซิ่งด้วยเช่นกัน
เขามีลำแสงสายโลหิตหนึ่งหมื่นจ้าง!
เขาได้ทดสอบอยู่ในศาลาโอสถไปจนถึงชั้นที่เจ็ด!
เขาได้ปรุง…หนึ่งในสามเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์, เม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้า!
เขาได้กายเนื้อเซียนแท้!
เขาก้าวเท้าเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เพื่อเผชิญหน้ากับดวงตะวัน!
คำพูดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของเมิ่งฮ่าวได้แพร่กระจายออกไป และตระกูลฟางก็สั่นสะเทือนไปโดยสิ้นเชิง ตอนนี้ผู้ฝึกตนอื่นๆ บนดาวตงเซิ่งได้มองเมิ่งฮ่าวในฐานะที่เป็นดวงตะวันอันเจิดจ้าของตระกูลฟางไปแล้ว
ตลอดช่วงเวลาทั้งหมดนั้น เมิ่งฮ่าวยังคงนั่งขัดสมาธิเข้าฌาณอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เผชิญหน้ากับดวงตะวันอันน่าตกใจในฐานะที่เป็นโชควาสนาสำหรับตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามองเห็นขุนเขาที่เก้าได้บดบังมัน ภาพนั้นทำให้เขาต้องตกตะลึงอยู่ภายในใจ
เขาไตร่ตรองใคร่ครวญความรู้แจ้งนั้นเป็นเวลาเจ็ดวัน ตลอดช่วงเวลานั้นร่างกายเขาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า เมื่อแสงนั้นกระจายออกไป ภาพแห่งธรรมก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังอย่างน่าตกใจยิ่ง
ภาพแห่งธรรมมีความสูงเจ็ดพันจ้าง เมื่อกลุ่มคนสายโลหิตหลักมองเห็น พวกมันก็ต้องจ้องนิ่งไป
นั่นเป็นเพราะว่าทันทีที่มันปรากฏกายขึ้น ภาพแห่งธรรมก็เริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้น!!
ในเวลาเดียวกันนั้น ชีพจรเซียนที่อยู่ในร่างเมิ่งฮ่าวก็ยิ่งตกผลึกเพิ่มมากขึ้น เห็นได้ชัดว่า ช่วงเวลาแห่งความรู้แจ้งนี้ ได้ผลักดันให้เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้เซียนแท้มากขึ้นกว่าเดิม
เวลาผ่านไป อีกสามวันต่อมา ทั่วทั้งร่างเมิ่งฮ่าวกระจายแสงอันเจิดจ้างออกมา และภาพแห่งธรรมของเขาก็ไม่ได้สูงเจ็ดพันจ้างอีกต่อไป แต่กลับสูงเจ็ดพันห้าร้อยจ้าง
ความสูงเช่นนั้นเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนในอาณาจักรเซียนที่มีชีพจรเซียนเจ็ดสิบห้าจุด และทำให้จิตวิญญาณของกลุ่มคนสายโลหิตหลังเฟื่องฟูขึ้นมาในทันที
ผ่านไปอีกห้าวัน ตอนนี้เมิ่งฮ่าวได้ใคร่ครวญความรู้แจ้งเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว ในตอนนี้เองที่แสงได้ระเบิดออกมาจากร่างเขามากขึ้นกว่าเดิม และภาพแห่งธรรมของเขาก็เริ่มสูงขึ้นจากเจ็ดพันห้าร้อยจ้างเป็นแปดพันจ้าง!
ภาพแห่งธรรมเช่นนี้สามารถทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือนได้ และทำให้กลุ่มคนสายโลหิตหลักต้องจ้องมองไปด้วยความตื่นเต้น
ตอนนี้เมิ่งฮ่าวเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนที่อยู่ในอาณาจักรเซียนซึ่งมีชีพจรเซียนเปิดออกแปดสิบจุด นั่นคือระดับของอาณาจักรเซียนที่มีแต่ศิษย์สายในของสำนักใหญ่เท่านั้นที่จะบรรลุได้
“มันยังไม่ได้กลายเป็นเซียนแท้เลยแม้แต่น้อย แต่ก็สามารถเทียบได้กับศิษย์สายในเหล่านั้นได้แล้ว!”
“ท่านทั้งหลายลองดูให้ดี…ภาพแห่งธรรมของฮ่าวเอ๋อร์…ไม่มีต้นเถาวัลย์ประกายเซียนอยู่บนร่างมันเลย!!”
จิตใจของกลุ่มคนสายโลหิตหลักเริ่มเต้นรัว ขณะที่พวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าว และจากนั้นก็พูดขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“มันไม่ได้ใช้ต้นเถาวัลย์ประกายเซียน เป็นไปได้หรือไม่ว่า…มันกำลังเดินไปบนเส้นทางของตนเองเพื่อที่จะกลายเป็นเซียนแท้!?!?”
“การเดินไปบนเส้นทางเซียนของตัวเอง ช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างน่าเหลือเชื่อนัก! แต่ดูนั่น ภาพแห่งธรรมของมันสูงขึ้นไปแปดพันจ้างแล้ว!!”
“สายโลหิตหลักถูกลิขิตให้รุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้งแล้ว!”
ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวค่อยๆ ได้สติกลับคืนมา และลืมตาขึ้น ภายในจิตใจแวบภาพของทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้เรียนรู้มาจากดวงตะวัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับกฎธรรมชาติ ในตอนนั้นเองที่จู่ๆ พวกมันก็หลอมรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์
ความรู้แจ้งในดวงตะวันของเขา และภาพของขุนเขาที่เก้าที่กำลังบดบังมันไป ช่วยให้เขาสร้างเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์อีกอย่างขึ้นมา เป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามของเขาเอง!
เมิ่งฮ่าวยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆ ภายในมีประจุแสงปรากฏขึ้น แสงนั้นเริ่มกลายเป็นรูปทรงกลม จากนั้นก็ดูดความร้อนทั้งหมดในบริเวณนั้นเข้าไป ทำให้ภาพของเมิ่งฮ่าวเริ่มกลายเป็นระลอกคลื่นและบิดเบี้ยวไปมา
เมื่อได้เห็นว่าเมิ่งฮ่าวเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก็ทำให้กลุ่มคนสายโลหิตหลักมีความตื่นเต้นขึ้นเป็นอย่างมาก แต่สีหน้าพวกมันก็สลดลงอย่างรวดเร็ว และถอยห่างออกไปทางด้านหลัง
พวมันเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าทั่วทั้งร่างได้เริ่มเย็นเยียบราวน้ำแข็งในช่วงเวลาแค่สั้นๆ เท่านั้น ราวกับว่าความร้อนทั้งหมดกำลังถูกดูดซับออกไปจากพวกมัน
ที่ยิ่งน่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือ เห็นได้ชัดว่าดาวตงเซิ่งได้รับผลกระทบไปทั้งหมด กระแสความร้อนนับไม่ถ้วนได้พุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน จากสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนดาวดวงนี้
ความร้อนนั้นทำให้ทุกสรรพสิ่งบิดเบี้ยวไปมา ขณะที่มันพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว สีหน้าเขาสงบนิ่งขณะที่จับตามองไปยังภาพที่เกิดขึ้นนี้ จากแววตาคู่นั้นดูเหมือนว่าเขายังคงจมอยู่ในการครุ่นคิดใคร่ครวญ
แสงลูกทรงกลมในมือเมิ่งฮ่าวยังคงดูดความร้อนเข้าไปอย่างต่อเนื่อง รวดเร็วมากขึ้นไปเรื่อยๆ สุดท้ายเขาก็ยกมือขึ้นไป และลูกทรงกลมนั้นก็มีขนาดถึงสิบจ้าง ภายในนั้นมีแสงอันเจิดจ้าหมุนวนไปมา กระจายกลิ่นอายอันน่าตกใจออกมา
กลิ่นอายนั้นดูเหมือนจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น ขณะที่มันดูดซับความร้อนเข้าไปจนกระทั่งแม้แต่แสงมันก็ยังเริ่มดูดซับเข้าไปได้
ลูกทรงกลมเริ่มมีขนาดใหญ่มากขึ้น และกลิ่นอายก็ยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้น แสงและความร้อนทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว กำลังถูกดูดเข้าไป เหลือไว้เพียงความหนาวเย็นราวน้ำแข็ง…
ที่ด้านล่างบนดาวตงเซิ่ง ผลกระทบนี้ยิ่งสังเกตเห็นได้ชัดมากขึ้น อย่างช้าๆ ความร้อนทั่วทั้งดวงดาวเริ่มลดลงไป
ไม่เพียงแต่เป็นเช่นนี้เท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มมืดสลัวลงไป ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดบนดาวตงเซิ่งเริ่มสังเกตเห็น และส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปตรวจดูในทันที ในที่สุดพวกมันก็มองเห็นเมิ่งฮ่าว และลูกทรงกลมแห่งแสงขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านบน ตอนนี้มันมีความกว้างนับร้อยจ้าง
มันดูคล้ายกับเป็นดวงตะวันดวงเล็กๆ และคนทั้งหมดที่มองเห็นมันก็ต้องรู้สึกตกตะลึงไปตามๆ กัน กลิ่นอายที่ประกอบกันขึ้นมานั้นช่างบ้าคลั่งและโหดร้ายเป็นอย่างยิ่ง และ…ทำให้กลุ่มคนที่มองมาต้องรู้สึกราวกับว่าพวกมันกำลังมองไปยังดวงตะวัน!!
หลังจากที่เวลาชั่วธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป ความร้อนบนดาวตงเซิ่งก็ลดลงไปมากขึ้นกว่าเดิม และเริ่มมืดลงไปมากขึ้น แสงลูกทรงกลมในตอนนี้มีความกว้างมากกว่าหนึ่งพันจ้าง และทำให้คนทั้งหมดที่มองไป ต้องรู้สึกได้ถึงวิกฤตอันร้ายแรงที่ใกล้เข้ามา
ถ้าพลังที่อยู่ด้านในลูกทรงกลมระเบิดออก มันก็คงทำให้แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในอาณาจักรโบราณก็ยังต้องประหลาดใจและมีใบหน้าที่ขาวซีดอย่างแน่นอน
ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นทั้งหมดก็คือว่า ถ้าเมิ่งฮ่าวมีเวลามากพอ ลูกทรงกลมนั้นก็จะขยายขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไร้ขีดจำกัด ทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมายบนดาวตงเซิ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ต้องระมัดระวังตัวขึ้น แม้แต่กระแสแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์มากมายยังได้มารวมตัวกันอยู่ในคฤหาสน์โบราณของตระกูลฟางอีกด้วย
กลุ่มคนสายโลหิตหลักที่อยู่ใกล้กับเมิ่งฮ่าว เริ่มส่งข้อความด้วยเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์เข้าไปอย่างเร่งด่วนในทันที
“เมิ่งฮ่าว!!”
“ฮ่าวเอ๋อร์ ตื่นขึ้น!!”
เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านขณะที่กลุ่มคนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นร้องตะโกนออกมา ดวงตาค่อยๆ เริ่มแจ่มใสขึ้น และแสงเจิดจ้าก็สาดประกายขึ้นขณะที่เขาได้สติกลับคืนมา ตอนแรกเขามีท่าทางสับสน แต่จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมองยังแสงลูกทรงกลมซึ่งมีขนาดหนึ่งพันจ้างที่ด้านบน
“เมิ่งฮ่าว หยุดใช้วิชาเวทนั้น!” บิดาฟางซีตวาดขึ้น
ความรู้สึกถึงวิกฤตค่อยๆ พุ่งขึ้นมาจากกระแสสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าว และจากการที่เขาตระหนักได้ว่ากำลังเริ่มไม่อาจจะควบคุมแสงลูกทรงกลมนั้นได้
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้นด้วยความจดจ่อ ส่งเสียงกู่ร้องออกมา และยกชูสองมือขึ้นไปเหนือศีรษะ ใช้พลังทั้งหมดที่สามารถจะรวบรวมขึ้นมาได้ ทำการควบคุมเส้นใยสุดท้ายที่เชื่อมต่อเขาเข้ากับลูกทรงกลมนั้นเพื่อทำให้มันยกเลิกการดูดซับ
ลูกทรงกลมค่อยๆ หยุดการดูดซับแสงและความร้อน จากนั้นก็เริ่มหดตัวลงไป หลังจากที่ธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป ลูกทรงกลมก็เริ่มจางหายไป เหงื่อจำนวนมากไหลลงมาจากหน้าผากเมิ่งฮ่าว
เขาใช้พลังทั้งหมดจากภายในร่าง และรู้ว่าถ้าเสียสมาธิไปแม้แต่น้อยนิด ก็จะทำให้ลูกทรงกลมนั้นระเบิดขึ้นได้
หลังจากที่สุดท้ายแล้วลูกทรงกลมนั้นได้หายไป กลุ่มคนสายโลหิตหลักก็เข้าไปใกล้เขา มองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของพวกมัน
เมิ่งฮ่าวมองกลับไปยังภาพแห่งธรรมที่สูงแปดพันจ้างที่ด้านหลัง และรับรู้ได้ถึงชีพจรเซียนที่อยู่ภายในร่าง รู้ว่ามันจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์หลังจากที่เพียรพยายามอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ในไม่ช้า วันที่พื้นฐานฝึกตนของข้าจะเข้าไปสู่อาณาจักรเซียนก็จะมาถึง!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น
“ฮ่าวเอ๋อร์” หนึ่งในผู้อาวุโสกลุ่มสายโลหิตหลักกล่าวขึ้น ยิ้มออกมา “วิชาเวทนั้นคืออะไร?”
“มันเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าสร้างขึ้นมาหลังจากที่ได้รับความรู้แจ้งที่เกี่ยวข้องกับดวงตะวัน…” เมิ่งฮ่าวตอบ หันหน้าไปประสานมือให้กับผู้อาวุโส ตอนนี้เขาสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้สามแบบแล้ว หนึ่งคืออำนาจแห่งกรรม อีกหนึ่งคือสุดยอดสะพาน และแบบที่สาม…คือแสงลูกทรงกลมนี้
“มันจะถูกเรียกว่า…เวทระเบิดดวงตะวัน!” เขากล่าว ดวงตาสาดประกายเจิดจ้าขึ้น
“เวทระเบิดดวงตะวัน…ฮ่าวเอ๋อร์ ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเจ้านี้…ช่างแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง! มันสามารถดูดซับแสงและความร้อนเข้าไปได้มากมายไร้ขีดจำกัด และสร้างเป็นแบบจำลองของดวงตะวันขึ้นมาได้ ซึ่งก็ขึ้นกับการที่มันดูดซับเข้ามาได้มากมายเท่าใด พลังการระเบิดของมันก็จะยิ่งมากมายเท่านั้น” ผู้อาวุโสจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้ง “แต่มันก็มีข้อบกพร่องที่ร้ายแรงอยู่ เป็นเรื่องง่ายที่จะทำการขัดขวางในขณะที่เจ้าใช้มัน ยิ่งไปกว่านั้นมันยังต้องใช้เวลานานในการเตรียมตัว มันมีความกว้างเพียงแค่หนึ่งพันจ้างเท่านั้นหลังจากที่ธูปเผาไหม้หมดไปหนึ่งดอก เพื่อให้บรรลุถึงหนึ่งหมื่นจ้าง…ก็คงต้องใช้เวลาเป็นชั่วยาม”
“นอกจากนี้ ข้ายังบอกได้ว่าเจ้ายังไม่อาจจะควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์ ถ้ามันมีขนาดใหญ่มากขึ้น เจ้าก็คงไม่อาจจะควบคุมมันได้ในที่สุด”
“เจ้าจำเป็นต้องวิเคราะห์เวทนี้ให้ถ่องแท้ก่อนที่จะใช้มันออกมาอีกครั้ง” ชายชราพูดเพียงไม่กี่ประโยค ก็สามารถวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของเวทนี้ออกมาได้อย่างถูกต้อง
เมิ่งฮ่าวพยักหน้า จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำให้กับกลุ่มคนสายโลหิตหลักทั้งหมด ที่มาคอยดูแลในฐานะที่เป็นผู้พิทักษ์เต๋าให้กับเขา เขารู้สึกขอบคุณพวกมันเป็นอย่างยิ่ง และความรู้สึกว่าเป็นญาติสายโลหิตเดียวกันก็ยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้น
ในที่สุดกลุ่มคนทั้งหมดก็กลายเป็นลำแสงหลากสี พุ่งกลับลงไปยังพื้นผิวของดาวตงเซิ่ง ขณะที่เข้าไปใกล้ เมิ่งฮ่าวก็มองเห็นกลุ่มคนจำนวนมากบินออกมาจากคฤหาสน์โบราณ สีหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ
“ขอคารวะ ฮ่าวกงจื่อ!”
คำพูดนี้ทำให้เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง หลังจากที่กระพริบตาไปสองสามครั้ง รอยยิ้มอันอบอุ่นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า และเขาก็คารวะกลับไปอย่างเป็นทางการกับกลุ่มคนสายโลหิตหลักทั้งหมด จากนั้นก็กลับไปยังถ้ำแห่งเซียนของตนเอง
ในตอนที่จากมา ผู้อาวุโสที่ได้ชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องในความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเขาเมื่อครู่นี้ ได้ส่งข้องความด้วยเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์มาให้
“ระวังฟางซิ่วซานให้มากไว้!”
สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย เขารู้ว่าฟางซิ่วซานก็คือบิดาของฟางเว่ย ดังนั้นเขาพยักหน้าเพื่อตอบรับและจากไป
หลังจากที่กลับไปถึงที่พัก เขาก็นั่งลงขัดสมาธิเพื่อเข้าฌาณ หลังจากที่พิจารณาอย่างละเอียด ก็ได้ข้อสรุปว่าชีพจรเซียนของเขาในตอนนี้สมบูรณ์แบบไปแล้วมากกว่าเก้าสิบเก้าในร้อยส่วน
“อีกแค่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ถึงหนึ่งร้อยวัน มันก็จะสมบูรณ์แบบ และจากนั้น…” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาสาดประกายด้วยแสงอันเย็นชาขึ้น “ข้าก็จะกลายเป็นเซียนแท้!”
“สำหรับเวทระเบิดดวงตะวันของข้า มันยังมีข้อบกพร่องอยู่ แต่เมื่อไหร่ที่พื้นฐานฝึกตนของข้าสูงเพียงพอ ข้าก็สามารถจะแก้ไขมันได้ และจากนั้นข้าก็จะมีไพ่ไม้ตายอีกอย่างที่จะใช้ในการต่อสู้!” เมิ่งฮ่าวยกมือขึ้น และแสงลูกทรงกลมก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ ขณะที่มันขยายขนาดใหญ่ขึ้น ทันใดนั้นตระกูลฟางก็เริ่มหนาวเย็นลง ตอนแรกเมิ่งฮ่าวไม่ได้ทำอะไร ปล่อยให้มันมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง จากนั้นเขาก็ตัดการดูดซับพลังของมันไป
“ข้าได้รับมามากมายในช่วงปรากฏการณ์ตงเซิงจือหยาง (ตะวันรุ่งบูรพา) นี้ ภาพแห่งธรรมของข้ามีขนาดใหญ่ขึ้นถึงแปดพันจ้าง และข้าก็ได้รับความรู้แจ้งแห่งดวงตะวัน รวมทั้งกายเนื้อของข้า…ในที่สุดก็จะสามารถทะลวงผ่านและบรรลุเป็นเซียนแท้!”
“ข้าอยากรู้นักว่าจะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าใด เมื่อพื้นฐานฝึกตนของข้าได้ทะลวงผ่านไปเช่นนั้น!?” สีหน้าเมิ่งฮ่าวแวบขึ้นด้วยความมุ่งหวัง