Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 986

ตอนที่ 986

หกผู้แข็งแกร่งสู้เมิ่งฮ่าว!

ขุนเขาทะเลที่เก้าตกอยู่ในความเงียบไปโดยสิ้นเชิง

ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่เพิ่งจะมองไปยังการต่อสู้ระหว่างเมิ่งฮ่าวและไท่หยางจื่อ ต่างก็ประหลาดใจไปตามๆ กัน แม้แต่กลุ่มคนในอาณาจักรโบราณต่างก็ถูกเมิ่งฮ่าวทำให้รู้สึกตกใจขึ้นเล็กน้อย

ในตอนนี้ไม่มีใครรู้ได้อย่างแท้จริงว่า…เขาแข็งแกร่งมากแค่ไหนกันแน่!

นั่นเป็นเพราะว่า ตราบเท่าที่คนทั้งหมดจดจำได้ ไม่เคยมีใครเหมือนกับเมิ่งฮ่าวมาก่อนในขุนเขาทะเลที่เก้านี้ เขาได้ยืนกรานเต๋าของตนเอง และเปิดชีพจรได้หนึ่งร้อยยี่สิบสามจุด จากนั้นก็สร้างวิญญาณเซียนขึ้นมาได้สามสิบสามดวง

“มัน…ไม่ได้ใช้แม้แต่ชีพจรเซียน หรือว่าวิญญาณเซียนของมันเลย…”

“มันต่อสู้กับไท่หยางจื่อด้วยการใช้แค่พลังจากกายเนื้อของมันเท่านั้น!!”

“ข้าคิดว่าพอจะเข้าใจบ้างแล้ว มันมีกายเนื้อเซียนแท้ และเพราะว่ามันมีชีพจรเซียนและได้รับการเกื้อหนุนจากปราณเซียน ทำให้กายเนื้อของมันอยู่ในจุดสูงสุดของอาณาจักรเซียน!!” หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ เสียงพูดคุยก็เริ่มดังก้องออกมา คนทั้งหมดต่างก็รู้สึกประหลาดใจต่อความลับอันลึกล้ำของเมิ่งฮ่าว

ใบหน้าไท่หยางจื่อซีดขาวขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความขมขื่น ถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าว และกำลังจะจากไป แต่ทันใดนั้นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็เกิดเป็นแสงเจิดจ้าของประตูเคลื่อนย้ายทางไกลออกมาอีก

ครั้งนี้มีอยู่สองประตูที่เปิดออกแทบจะในเวลาเดียวกัน แสงเจิดจ้าของการเคลื่อนย้ายทางไกลกระจายออกมา และในที่สุดก็มีผู้คนมาถึงเพิ่มมากขึ้น

สองเงาร่างโผล่ออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกล

หนึ่งเป็นซ่งหลัวตาน ซึ่งเป็นเต้าจื่อแห่งตระกูลซ่ง เป็นผู้ถูกเลือกเซียนแท้ของพวกมัน อีกคน…เป็นเซียนแท้จากกู่เซียนหลิง (สุสานเซียนโบราณ) เป็นบุรุษหนุ่มเยาว์วัยที่มีห่อสีแดงเข้มผูกติดอยู่ที่กลางหลัง

ห่อสีแดงเข้มที่ถูกมัดอยู่ในแนวตั้งนั้น ดูแคบและค่อนข้างจะยาว เท่าที่มองเห็นมันน่าจะมีซากศพอยู่ภายใน

นี่คือคนที่เมิ่งฮ่าวไม่เคยพบเห็นมาก่อน

“เมิ่งฮ่าว!” พลังของซ่งหลัวตานพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรงในทันทีที่ปรากฏกายขึ้น และฉับพลันนั้นมันก็ปลดปล่อยเวทลับของตระกูลซ่งออกมา ทำให้ชีพจรเซียนระเบิดเป็นพลังขึ้นมากกว่าตามปกติ เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง

ด้วยวิธีการเดียวกันกับไท่หยางจื่อ มันกำลังใช้เวทลับเพื่อทำให้ชีพจรเซียนมีพลังเพิ่มมากขึ้นอีกประมาณสองในสิบส่วน ราวกับว่ามันมีชีพจรเซียนมากกว่าหนึ่งร้อยสิบจุด ยิ่งไปกว่านั้นวิญญาณเซียนเก้าดวงได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของมัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อคนทั้งหมดคิดว่าพลังของซ่งหลัวตานได้พุ่งขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดแล้ว มันก็แหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา ทันใดนั้นวิญญาณเซียนดวงที่สิบก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของมัน และจากนั้นก็มีเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งดวง!

ซ่งหลัวตานมีวิญญาณเซียนทั้งหมดสิบเอ็ดดวง เกิดเป็นพลังกระจายออกไป มันยกมือขวาขึ้นมา ภายในมือมีหอกยาวปรากฏขึ้น

หอกนั้นเป็นสีเขียว และกระจายความเก่าแก่โบราณอันลึกล้ำออกมา ในทันทีที่หอกเล่มนั้นปรากฏขึ้น ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็สั่นสะท้าน

“เมิ่งฮ่าว มาสู้กับข้า!” ซ่งหลัวตานขว้างหอกออกไปด้วยพลังที่ระเบิดขึ้นมา

ในเวลาเดียวกันนั้น บุรุษหนุ่มเยาว์วัยจากกู่เซียนหลิง ซึ่งยืนอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและเงียบงัน จู่ๆ ก็ยกมือขวาขึ้นมา ทำให้ห่อสีแดงเข้มนั้นลอยออกมาจากด้านหลังของมัน เปิดออกอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นเป็นซากศพที่แห้งเหี่ยว!

ซากศพนั้นเหี่ยวแห้งไปโดยสิ้นเชิง และกระจายความรู้สึกที่เก่าแก่โบราณออกมา นี่ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็น…ซากศพจากในสมัยโบราณ!

บุรุษหนุ่มจากกู่เซียนหลิง กัดลงไปที่ปลายลิ้นเล็กน้อย จากนั้นก็พ่นโลหิตออกมา ในเวลาเดียวกันนั้นมันก็ลงไปนั่งขัดสมาธิ และหลับตาลง กดมือลงไปบนหน้าผากของมัน มีลำแสงพุ่งออกมาจากมือ หลังจากที่หลอมรวมเข้าไปในโลหิตของมัน ก็กลายเป็นลำแสงสีโลหิตพุ่งผ่านเข้าไปในซากศพ

แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างซากศพ ขณะที่เลือดเนื้อของมันดูเหมือนจะฟื้นฟูกลับคืนมา ในชั่วพริบตา มันก็กลายเป็นบุรุษวัยกลางคน ลืมตาขึ้นมาในทันที ร่างกายมันสั่นสะท้าน และกลิ่นอายแห่งชีพจรเซียนก็พุ่งออกไปในทันที

นี่คือเวทลับที่ถูกใช้ออกมาผ่านทางซากศพโบราณ ถึงแม้ว่าจะไม่มีวิญญาณเซียนปรากฏขึ้น แต่ก็กระจายแรงกดดันอันน่าตกใจออกมา จนกลายเป็นระลอกคลื่นแห่งพลังที่เทียบเท่ากับชีพจรเซียนหนึ่งร้อยยี่สิบจุด ในเวลาเดียวกันนั้น มังกรเซียนก็ได้ปรากฏขึ้นและเริ่มหมุนวนไปมาในอากาศ

ตอนนี้คนทั้งหมดกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้!

“ซ่งหลัวตานช่างยอดเยี่ยมยิ่ง! มันยังแข็งแกร่งกว่าไท่หยางจื่อซะอีก! สามารถจะฝึกฝนเวทลับของมันจนถึงระดับสองได้อีกด้วย สำหรับระดับแรกถึงแม้ว่ามันจะไม่มีความก้าวหน้ามากนัก และสามารถจะเพิ่มชีพจรเซียนได้แค่สองในสิบส่วนเท่านั้น แต่ก็ยังคงแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด!”

“ข้าเคยได้ยินมาว่าสำนักและตระกูลทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้ามีเวทลับ เห็นได้ชัดว่าพวกมันทั้งหมดเป็นเช่นเดียวกันคือมีอยู่สามระดับ ระดับแรกสามารถจะเพิ่มชีพจรเซียนภาพลวงตาเข้าไปได้ ในบางกรณีอาจจะสามารถเพิ่มได้เป็นสองเท่าของชีพจรจริงอีกด้วย! ระดับสองจะช่วยขยายจำนวนของวิญญาณเซียน และระดับสุดท้าย…ทำให้ภาพลวงตาเหล่านั้นกลายเป็นของจริงขึ้นมา!”

“อวี๋ซิงหลงแห่งกู่เซียนหลิงก็ไม่ธรรมดาด้วยเช่นกัน วิชาเวทของมันช่างน่ากลัวและแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่ามันจะฝึกยังไม่ถึงระดับสอง แต่ความก้าวหน้าในระดับแรกของมันก็ยังคงทำให้พลังของมันเพิ่มขึ้นได้มากกว่าสองในสิบส่วน เป็นพลังที่เทียบเท่ากับชีพจรหนึ่งร้อยยี่สิบจุด!”

ในขณะที่ผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลที่เก้าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันยังภาพที่มองเห็นอยู่นี้ เสียงของเมิ่งฮ่าวก็ดังก้องออกไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

“ตานตาน เจ้าก็เป็นหนี้ข้าด้วยเช่นกัน” เขามองไปพร้อมกับขมวดคิ้ว พูดทับถมซ่งหลัวตานด้วยการเรียกชื่อมันราวกับเป็นสัตว์เลี้ยง กิริยาท่าทางและคำพูดของเขาคล้ายกับเป็นผู้อาวุโสกำลังกล่าวตำหนิผู้เยาว์ที่ซุกซน

ในทันทีที่เขาพูดจบ ใบหน้าซ่งหลัวตานก็กลายเป็นสีม่วงไป เรื่องที่มันได้กลายเป็นลูกหนี้ของเมิ่งฮ่าว คือสิ่งที่มันถือว่าเป็นความอัปยศอันยิ่งใหญ่ในชั่วชีวิตของมัน มันส่งเสียงแผดร้องออกมาและพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็มองไปยังบุรุษหนุ่มจากกู่เซียนหลิง และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ

“ยังไม่มีใครในสำนักกู่เซียนหลิงเป็นหนี้ข้า แต่…ข้าเคยรู้จักใครบางคนที่มีนามว่าเซียวหลัว”

แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่ซ่งหลัวตานได้โจมตีมา อวี๋ซิงหลงแห่งกู่เซียนหลิงก็บังคับให้ซากศพพุ่งตรงมา พลังของมันพุ่งขึ้นไปขณะที่โจมตีไปพร้อมกับซ่งหลัวตาน ร่วมมือกันต่อสู้กับเมิ่งฮ่าว

พวกมันเคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ หอกของซ่งหลัวตานแหวกฝ่าอากาศมา ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายออกไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ขณะที่แทงตรงมายังเมิ่งฮ่าว จนเกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง

แสงอันดุร้ายปรากฏขึ้นในแววตาเมิ่งฮ่าว เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และทันใดนั้นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็ดูเหมือนจะหดตัวลงไป ในชั่วพริบตาเขาก็ไปอยู่ที่เบื้องหน้าซ่งหลัวตาน อีกครั้งที่เขายกมือขวาขึ้นและต่อยออกไป

ตูม!

เมื่อหมัดพุ่งออกไป หอกก็แตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากของซ่งหลัวตาน ในเวลาเดียวกันนั้น วิญญาณเซียนสิบเอ็ดดวงที่อยู่ด้านหลังมันก็ส่งเสียงแผดร้องดังกระหึ่มตรงมายังเมิ่งฮ่าว คล้ายกับเป็นภูเขาขนาดใหญ่สิบเอ็ดลูก อีกครั้งที่เมิ่งฮ่าวต่อยหมัดออกไป

ตูมมมมมมม!

หมัดกระแทกเข้าไปยังภูเขาทั้งสิบเอ็ดลูก ทำให้พวกมันสั่นสะเทือนและจากนั้นก็พังทลายลงไปกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในท่ามกลางเสียงกระหึ่มกึกก้องนั้น หมัดของเมิ่งฮ่าวได้ทำลายพวกมันไปทั้งหมดราวกับเป็นหญ้าแห้ง จากนั้นก็พุ่งกระแทกเข้าไปในหน้าอกของซ่งหลัวตาน

ซ่งหลัวตานส่งเสียงแผดร้องอยู่ในลำคอ โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก ขณะที่มันลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง

ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็หมุนร่างไปเผชิญหน้ากับซากศพโบราณที่ใกล้เข้ามาด้วยดวงตาที่เจิดจ้า สายตาของเขาคล้ายกับเป็นสายฟ้า ทำให้พลังที่พุ่งขึ้นมาของซากศพโบราณต้องหยุดชะงักไป

จากนั้น…เขาก็ต่อยออกไปอีกหนึ่งหมัด!

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ได้ยินมา สำหรับกับซ่งหลัวตานแล้ว เมิ่งฮ่าวได้ออมมือให้เล็กน้อย แต่บุรุษหนุ่มแห่งกู่เซียนหลิงไม่ได้เป็นหนี้เขา ดังนั้นเมื่อต่อยหมัดออกไป เขาจึงใช้พลังอย่างเต็มกำลังของกายเนื้อ ซากศพโบราณมีพลังเซียนเทียบเท่ากับชีพจรหนี่งร้อยยี่สิบจุด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญใดๆ ทันใดนั้นมันก็สั่นสะท้านไปมา และจากนั้นก็ระเบิดขึ้นอย่างง่ายดาย แตกกระจายออกไปเป็นเสี่ยงๆ ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง

ในตอนที่ซากศพระเบิดขึ้น อวี๋ซิงหลงก็พ่นโลหิตออกมาจากปาก ดวงตามันลืมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“ช่างแข็งแกร่งนัก!”

ในเวลาเดียวกันนั้น ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลอีกสามบานจู่ๆ ก็แวบขึ้นมาอยู่ในรอบๆ บริเวณนั้น แสงอันไร้ขอบเขตได้พุ่งขึ้นไป และระลอกคลื่นก็กระจายเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

สามเงาร่างลอยออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกลด้วยความรวดเร็วสูงสุด ไม่หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย ขณะที่พวกมันมุ่งหน้าตรงมายังเมิ่งฮ่าว

หนึ่งในสามคือ หวังมู่!

ด้วยการเป็นผู้ถูกเลือกแห่งตระกูลหวัง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันและเมิ่งฮ่าวได้ต่อสู้กัน มันคือผู้ถูกเลือกอายุน้อยมากที่สุดของกลุ่มผู้ถูกเลือกเหล่านั้น แต่ก็มีความทะเยอทะยานมากเกินกว่าคนอื่นๆ แทบทั้งหมด

“เมิ่งฮ่าว!” มันคำรามขึ้น ขณะที่บินออกมากลิ่นอายแปลกๆ ได้พุ่งขึ้นไป ชีพจรเซียนกระจายออกไปเป็นระลอกคลื่นแห่งเวทลับ ขณะที่พลังของมันพุ่งขึ้นไป พลังทั้งหมดของมันได้พุ่งเข้าไปในนิ้วชี้ ขณะที่มันชี้นิ้วตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

คนที่สองที่บินออกมาคือเซี่ยอีเซียนแห่งเซี่ยงหั่วเต้า! (เต๋าธูปเผาไหม้)

ตลอดช่วงของการแข่งขันสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ พลังของเซี่ยอีเซียนทำให้เกิดเป็นแรงดึงดูดความสนใจได้ไม่น้อย มันเป็นผู้ถูกเลือกที่ผ่านเข้าไปอยู่ในสี่อันดับแรกได้ ในทันทีที่มันปรากฏกายเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว กลุ่มหมอกก็ม้วนตัวไปมาอยู่รอบๆ ร่างมัน ก่อตัวขึ้นมาเป็นอาณาเขตที่คล้ายกับเป็นอาณาจักรของมันเอง!

“ฟางมู่!” ดวงตาเซี่ยอีเซียนแวบขึ้นด้วยความต้องการต่อสู้ ชีพจรเซียนของมันปะทุขึ้นด้วยพลังแห่งเวทลับที่ระเบิดออกมา

บุคคลสุดท้ายที่ปรากฏขึ้นคือเฉินฮ่าวแห่งเหยียนโม๋ไห่ (กระดูกแห่งเปลวไฟปีศาจ) หนึ่งในห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์!

ทันทีที่มันก้าวเท้าออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกล ทะเลแห่งเปลวไฟก็ปะทุออกมาอยู่รอบๆ ตัว กลายเป็นมังกรอัคคีมากกว่าหนึ่งร้อยตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้ส่งเสียงแผดร้องคำรามขณะที่หมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ร่างมัน ที่ด้านหลังของมัน วิญญาณเซียนสิบสองดวงได้ปรากฏขึ้น ซึ่งดูคล้ายกับเป็นยักษ์เปลวไฟขนาดใหญ่

คนทั้งสามโผล่ออกมาแทบจะในเวลาเดียวกัน และโจมตีไปยังเมิ่งฮ่าวโดยพร้อมเพรียงกัน

เวลาเดียวกันนั้น ซ่งหลัวตานก็กัดฟันแน่น ไม่สนใจความเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บ โจมตีออกไปอีกครั้ง ข้างกายมันเป็นไท่หยางจื่อ ซึ่งมีดวงตาที่สาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น ถึงแม้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ทั้งหมดจะเป็นผู้ถูกเลือก แต่เมิ่งฮ่าวก็แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง จนพวกมันไร้ทางเลือกนอกจากต้องรวมพลังกันเพื่อต่อสู้กับเขา

“ข้าต้องฟาดเจ้าให้ได้สักหนึ่งครั้ง! แค่ครั้งเดียวเท่านั้น!” ไท่หยางจื่อแผดร้อง ขณะที่พุ่งตรงมา

จากนั้นก็เป็นอวี๋ซิงหลง ซึ่งมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย ถึงแม้ว่าซากศพโบราณของมันจะถูกทำลายลงไปแล้ว แต่มันก็ยังสามารถจะต่อสู้ด้วยตัวเองได้ มันเข้าไปร่วมต่อสู้ด้วยเช่นกัน ร่างกายกระจายกลิ่นอายแห่งความตายออกมา และชีพจรเซียนของมันก็ปะทุพลังขึ้นขณะที่พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

หกผู้ฝึกตนรวมพลังกันเพื่อโจมตีไป!

ท้องฟ้าที่เต็มหมู่ดาวกระจายแสงอันเจิดจ้าออกไป ผู้ฝึกตนทั้งหมดในกลุ่มผู้ชมแทบจะกลั้นหายใจขณะที่เฝ้ามองไป ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีผู้ที่แข็งแกร่งปรากฏขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเซียนแท้แห่งขุนเขาทะเลที่เก้า แต่ไม่เคยมีรุ่นใดที่จะมีดวงตะวันอันเจิดจ้า ที่เหนือล้ำกว่าผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ทั้งหมดอย่างมากมาย จนทำให้พวกมันหลายคนต้องร่วมมือกันเพื่อทำการต่อสู้เช่นนี้

ดวงตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลงด้วยความจดจ่อ ในตอนนี้แม้แต่เขาก็ยังต้องรู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมากกว่าเดิมเล็กน้อย คู่ต่อสู้ทั้งหกคนมีชีพจรเซียนมากกว่าเก้าสิบจุด และกำลังใช้เวทลับออกมา กลุ่มคนเหล่านี้มีการเตรียมตัวจากสำนักและตระกูลของพวกมันมานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน และเป็นความหวังในอนาคตของพวกมัน

คนทั้งหมดเป็นเต้าจื่อในสำนักและตระกูลต่างๆ ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น พวกมันก็จะมีชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์

“น่าสนใจนัก” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความต้องการต่อสู้ และอยากจะเห็นว่าตนเองมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน

“พลังแห่งชีพจรเซียน…” เขาคิด ร่างกายเกิดเป็นเสียงกระหึ่มขึ้นหนึ่งร้อยยี่สิบสามครั้ง แต่ละครั้งเป็นตัวแทนของหนึ่งในชีพจรเซียนของเขาที่ถูกกระตุ้นขึ้นมา

“ข้าอยากเห็นด้วยเช่นกันว่า ตนเองจะสามารถต่อสู้กับผู้ถูกเลือกเซียนแท้แห่งขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมดนี้ได้หรือไม่!?” ร่างกายเขาส่งเสียงดังกระหึ่มขณะที่กระจายพลังออกไป กลายเป็นกลิ่นอายที่อยู่เหนือคนอื่นๆ ทั้งหมด

เขาไม่รอให้คู่ต่อสู้ทั้งหกเข้ามาใกล้ ร่างกายแวบขึ้นขณะที่พุ่งตรงไปยังพวกมัน!

ถึงเวลาที่จะต้องต่อสู้แล้ว!

———————

หมายเหตุ :

  1. เซียวหลัว เคยต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวในตอนที่ 874 : รอบก่อนรองชนะเลิศ!
  2. เซี่นอีเซียน เคยต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวในตอนที่ 876 : สู้สี่ครั้ง ชนะสี่ครา!
  3. เฉินฮ่าว เคยต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวในตอนที่ 871 : พลังที่ไร้พ่าย!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!