บทที่ 1037 วัฏสงสารแห่งชีวิต
“ฉินอิน?” สีหน้าจ้าวเฟิงตกตะลึง
กริ๊ง กริ๊ง!
เงาของเจ้าแมวขโมยน้อยปรากฏขึ้นบนบ่าของจ้าวเฟิงทันใด มันโยนเหรียญทองแดงโบราณสองสามเหรียญออกมา มองเพียงแวบเดียวแล้วส่ายหน้า
“ทำไมรึ?”
หลิ่วฉินอินรู้สึกว่าจ้าวเฟิงค่อนข้างให้ความสนใจกับสองคำนี้
“ไม่มีอะไร ชื่อนี้เหมาะกับแม่นางยิ่งนัก”
จ้าวเฟิงยิ้มๆ ก่อนจะรีบพูด
เมื่อครู่แมวขโมยน้อยเริ่มทำนาย ท่าทีของมันบอกว่าไม่ได้ผลสรุปอะไร
หากสตรีเบื้องหน้าคือหลิวฉินซินแล้วละก็ แมวขโมยน้อยน่าจะทำนายอะไรออกมาได้
“ว้าว แมวน้อยน่ารักจริง!”
ดวงตาทั้งสองของหลิ่วฉินอินกะพริบปริบๆ จ้องเจ้าแมวขโมยน้อย เผยสีหน้าชอบใจ
เหมียว เหมียว!
แมวขโมยน้อยได้ยินดังนี้ก็รีบกลืนเหรียญทองแดงลงไป ไต่ไปมาบนไหล่ของจ้าวเฟิงอยู่รอบหนึ่ง ก่อนจะวางท่าหล่อเต็มที่
“ฮ่าๆ!” ท่าทางของเจ้าแมวน้อยทำให้หลิ่วฉินอินชอบใจ
จ้าวเฟิงมองหลิ่วฉินอินที่ร่าเริงสดใส สลัดความคิดที่ว่านางคือหลิวฉินซินทิ้งไป
“คุณชายจ้าวก็มาร่วมรบสร้างคุณงามความดีหรือ?”
หลิ่วฉินอินและจ้าวเฟิงเดินเข้าไปในกระท่อมไม้ ทั้งสองเริ่มสนทนา
จากการพูดคุยกัน จ้าวเฟิงก็ได้รู้ว่าตั้งแต่เล็กหลิ่วฉินอินตามอาจารย์ของนางพเนจรไปทั่ว ไม่ได้สัมผัสคนหรือเรื่องราวภายนอกมากนัก
ส่วนหลิ่วฉินอินก็สนใจจ้าวเฟิงเป็นอย่างมาก ซักถามเรื่องราวนู่นนี่จากเขา
จ้าวเฟิงเอ่ยถึงเรื่องของตนเองบ้างบางครั้ง และก็เล่าเรื่องอันแปลกประหลาดบางอย่างในโลกนี้
“คุณชายจ้าวมีคู่หมั้นแล้วงั้นรึ?” หลิ่วฉินอินตกใจเป็นอย่างมาก
จ้าวเฟิงดูไปแล้วก็เพียงยี่สิบกว่าๆ เท่านั้น
ต้องรู้ว่า จักรพรรดิธรรมดามีอายุขัยเกือบหมื่น ดังนั้นจึงมีน้อยคนที่นักที่เริ่มคิดเรื่องแต่งงานเร็วถึงเพียงนี้
“นับว่าเป็นเช่นนั้นก็ได้”
จ้าวเฟิงคิดไปชั่วครู่ ไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไร
ตามทฤษฎีแล้ว เขามีสัญญาแต่งงานกับหลิวฉินซิน แต่หลิวฉินซินตายไปแล้ว ‘การเกิดใหม่’ ของนางอาจจะลืมทุกอย่างเกี่ยวกับภพที่แล้วก็เป็นได้ เช่นนั้นจะยังมีความสัมพันธ์อะไรกับจ้าวเฟิงอีก?
หลิ่วฉินอินเผยสีหน้าสงสัย คู่หมั้นมีนับว่าด้วยหรือ?
“จริงๆ แล้วตอนนี้ข้ากำลังตามหานางอยู่”
จ้าวเฟิงอธิบาย
“แม่นางฉินอินน่าจะเคยได้ยินเรื่องแปดเนตรเทพเจ้ามาก่อนกระมัง หนึ่งในนั้นคือเนตรสังสารวัฏ มีพลังฝืนชะตาฟ้าลิขิต ฟื้นคืนความเป็นตาย หากได้เขาช่วยเหลือ ข้าก็สามารถตามหา ‘นาง’ ได้อย่างราบรื่น….”
จ้าวเฟิงเริ่มเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
เขาเชื่อว่าหลิ่วฉินอินน่าจะค่อนข้างสนใจเรื่องของแปดเนตรเทพเจ้า
“ท่านต้องการความช่วยเหลือจากเนตรสังสารวัฏ?”
หลิ่วฉินอินถามอย่างตกใจ
ส่วนในยามนี้ กลางป่าไม้ด้านนอก ผู้เฒ่าชุดเทาเดินมาช้าๆ
จ้าวเฟิงอดตะลึงไม่ได้ ลุกขึ้นยืนทันใด
คิดไม่ถึงเลยว่าในยามที่เขากำลังคุยกับหลิ่วฉินอิน ด้านนอกมีคนเดินใกล้เข้ามา แต่เขากลับไม่รู้ตัวเลย ทว่านี่ก็เป็นการพิสูจน์ถึงพลังของผู้เฒ่าชุดเทาผู้นี้
“ผู้อาวุโส ผู้น้อยไม่ได้ตั้งใจมายังที่นี่ ในวันนั้นที่ตำหนักค่ายกลข้ามเมือง ผู้อาวุโสลงมือช่วยเหลือไว้ ผู้น้อยซาบซึ้งน้ำใจเป็นอย่างยิ่ง!”
จ้าวเฟิงรีบพูดทันใด
ผู้อาวุโสผู้นี้ลึกซึ้งเกินหยั่งถึง อีกทั้งจ้าวเฟิงบุกรุกที่ของเขา ก่อนอื่นต้องอธิบายเรื่องราวให้ชัดสักหน่อย
“ท่านอาจารย์ คุณชายจ้าวผู้นี้พูดว่าท่านช่วยเขาตามหาคู่หมั้นของเขาได้!”
หลิ่วฉินอินรีบเดินไปหา พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขอร้อง
“อะไรนะ!” จ้าวเฟิงยืนตะลึงอยู่ที่เดิม ในหัวเหมือนมีสายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา แววตามองมายังผู้เฒ่าท่านนี้
เขามั่นใจได้ว่าแม่นางฉินอินไม่หลอกเขาแน่ เช่นนั้นแล้ว ผู้เฒ่าชุดเทาก็คือผู้ครอบครองเนตรสังสารวัฏ!
จ้าวเฟิงคลาดจากผู้ถือครองเนตรสังสารวัฏไปแล้วหนึ่งครั้ง
แต่ดวงตาปกติของผู้เฒ่าผู้นี้ก็ไม่ได้แสดงเสวียนอ้าววัฏสังสารที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นเรื่องปกติที่จ้าวเฟิงจะจับไม่ได้
ทว่าในขณะที่ดีใจ สีหน้าท่าทางของจ้าวเฟิงก็สงบลงทันควัน
เขายังไม่ลืมเรื่องของจักรพรรดิแห่งความตาย!
หากเนตรสังสารวัฏเป็นผู้บงการให้จักรพรรดิแห่งความตายไปสังหารตน เช่นนั้นสถานการณ์ในตอนนี้ก็เลวร้ายนัก แต่ว่า หากเนตรสังสารวัฏคิดอยากฆ่าตน ครั้งที่แล้วไยจึงไม่ลงมือ?
ด้วยพลังของผู้เฒ่าชุดเทาผู้นี้ หากคิดอยากฆ่าจ้าวเฟิงก็ง่ายเสียยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ
จ้าวเฟิงตกอยู่ในภวังค์ทันใด ความคิดทะลักเข้าไปในมนตราอากาศ
หากมีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วละก็ จ้าวเฟิงจะใช้ศรสังหารเทพทันที!
ผู้เฒ่าชุดเทาสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน เดินเข้ามาในกระท่อมไม้อย่างช้าๆ
“เจ้ารู้จักพลังเนตรวัฏสังสารของข้า?”
ผู้เฒ่าชุดเทานั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง จากนั้นจึงพูดขึ้น
“ได้อ่านมาบ้างจากตระกูลจี”
จ้าวเฟิงอึ้งไป ไม่คิดว่าผู้เฒ่าชุดเทาจะพูดถึงสิ่งนี้เป็นประโยคแรก
จริงๆ แล้วจาก ‘เนตรมรณะวัฏสังสาร’ เล่มนั้นของตระกูลจี จ้าวเฟิงไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเนตรสังสารวัฏจะช่วยเขาหาที่อยู่ของหลิวฉินซินได้
แต่ตอนนี้ดูไปแล้วเนตรสังสารวัฏคงมีพลังด้านนี้จริงๆ ดูท่าปราชญ์ลิ่วอูพูดไม่ผิดเลย
“คนที่เจ้าต้องการหา ฟื้นคืนชีพด้วยวิธีอะไรสักอย่าง?”
ผู้เฒ่าชุดเทาถามต่อ
“ใช่แล้ว!”
สีหน้าท่าทางของจ้าวเฟิงเป็นธรรมชาติ
ถึงแม้ว่าในตอนนี้ผู้เฒ่าชุดเทาจะพูดคุยกับเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่จ้าวเฟิงก็ยังระวังตัวแจ
ในเมื่อเขายังไม่ค่อยเข้าใจในพลังของเนตรสังสารวัฏ หากฝั่งตรงข้ามลงมือขึ้นมาฉับพลัน เขาก็ต้องใช้ศรสังหารเทพทันที
“เนตรวัฏสังสารแบ่งเป็นสองชนิดคือวัฏสงสารแห่งชีวิตและวัฏสงสารแห่งความตาย เนตร ‘วัฏสงสารแห่งชีวิต’ ของข้าก็สามารถทำนายได้จริงๆ โดยใช้วิธีการบางอย่างทำให้รู้ถึงรายละเอียดตำแหน่งของคนที่ได้รับการฟื้นคืนชีพ!”
ผู้เฒ่าชุดเทาไม่ได้ถามอะไรขึ้นอีก แต่พูดถึงความลับบางส่วนของเนตรสังสารวัฏของเขา อีกทั้งมีท่าทียินดีจะช่วยเหลือจ้าวเฟิง
แววตาของจ้าวเฟิงจับจ้อง ไม่ได้พูดอะไร
ตอนนี้หาเนตรสังสารวัฏพบแล้ว และก็พิสูจน์แล้วว่าเนตรสังสารวัฏมีพลังทางด้านนี้
แต่เนตรสังสารวัฏคงไม่ตอบตกลงช่วยจ้าวเฟิงโดยไร้ซึ่งข้อแม้ใดๆ
ในเมื่อยามนี้จ้าวเฟิงก็ยังไม่แน่ใจว่าผู้เฒ่าชุดเทาผู้นี้ ตกลงแล้วเป็นมิตรหรือศัตรู
“คนที่เจ้าต้องการหาตายไปนานเท่าใดแล้ว?” ผู้เฒ่าชุดเทาถาม
“สิบหกปีกว่าแล้ว” จ้างเฟิงมีสีหน้าเศร้าสลด เวลาผ่านไปนานเพียงนี้โดยที่ไม่รู้ตัวเลย
หลิ่วฉินอินที่อยู่ด้านข้างตกใจเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เวลาผ่านไปนานถึงเพียงนี้ นอกเสียจากร่างของนางถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี ข้าจึงจะสามารถทำนายถึงสถานที่ที่นาง ‘ไปเกิดใหม่’ ได้!”
ผู้เฒ่าชุดเทาท่าทางนิ่งสงบโดยตลอด
“นี่….” จ้าวเฟิงอึ้งไป
ในยามที่เข้าไปในชั้นที่สี่สิบเก้าของตำหนักฟั่นหลุนกู่อิน ร่างของหลิ่วฉินอินก็แตกสลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
ไม่ผิดคาด พลังที่ฝืนชะตาฟ้าลิขิตเช่นนี้ อย่างไรเสียก็ต้องมีข้อจำกัดมากมาย
ต่อให้เป็นเนตรสังสารวัฏ ก็ไม่สามารถทำนายถึงสถานที่ของคนคนหนึ่งโดยไร้ซึ่งข้อมูลใดได้
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่บอกกล่าว!” จ้าวเฟิงประสานมือคารวะ
ต่อให้เรื่องของจักรพรรดิแห่งความตายเกี่ยวข้องกับผู้เฒ่าชุดเทา
แต่ยามนี้ผู้เฒ่าชุดเทาบอกความลับของเนตรสังสารวัฏให้กับจ้าวเฟิง จึงขจัดความสงสัยในใจที่มีมาตลอดของเขาไปจนสิ้นแล้ว ต่อไปนี้จ้าวเฟิงก็ไม่ต้องตามหาเนตรสังสารวัฏอีกต่อไป
“สหายน้อย เจ้าต้องสงสัยเรื่องของจักรพรรดิแห่งความตายเป็นแน่!”
จู่ๆ ผู้เฒ่าชุดเทาก็ยิ้มขึ้น
แววตาของจ้าวเฟิงจับจ้อง ระวังตัวขึ้นมาอีกครั้ง
“เมื่อพันปีก่อน ยามที่ข้าพบกับจักรพรรดิแห่งความตายก็ได้ลงตราวัฏสังสารเอาไว้ หลังจากที่ฟื้นคืนชีพเขาแล้ว จักรพรรดิแห่งความตายก็ร้องอ้อนวอนข้า ให้โอกาสเขาได้ทำความปรานาให้สำเร็จสักครั้ง เห็นแก่ที่ต่างก็เป็นผู้สืบทอดแปดเนตรเทพเจ้าเหมือนกัน ข้าจึงให้อิสระเขาหนึ่งครั้ง!”
ผู้เฒ่าชุดเทาเล่าช้าๆ เหมือนกำลังอธิบาย
“ไม่คิดว่าสหายน้อยจะสามารถทำให้จักรพรรดิแห่งความตายที่ได้พลังจากความตายพ่ายแพ้ไปอีกครั้ง ดวงตาของเจ้ามีพลังแฝงที่ไม่แพ้แปดเนตรเทพเจ้าเลย!”
ผู้เฒ่าชุดเทามองมายังดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง เอ่ยอย่างมั่นใจ
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชมเชย” จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ
จากคำพูดของผู้เฒ่า จ้าวเฟิงจับสัมผัสเจตนาร้ายไม่ได้เลยสักนิดเดียว ตรงกันข้าม ผู้เฒ่าชุดเทากลับอธิบายเรื่องของจักรพรรดิแห่งความตายให้ฟัง อีกทั้งจ้าวเฟิงยังสัมผัสได้ว่า ผู้เฒ่าชุดเทาเพียงแค่ค่อนข้างสนใจตาซ้ายของเขา
“ความปราถนาของผู้น้อยสำเร็จแล้ว ข้ายังมีธุระด่วน วันหลังหากผู้อาวุโสมีอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือ ผู้น้อยจะช่วยอย่างเต็มที่แน่นอน!”
เมื่อได้รู้ทุกสิ่งแล้ว จ้าวเฟิงก็เอ่ยลาผู้เฒ่าชุดเทา
หากเนตรสังสารวัฏไม่มีจิตคิดเป็นศัตรู จ้าวเฟิงก็ยินดีที่จะเป็นมิตรกับเขาอย่างยิ่ง
“เช่นนั้นข้าก็ไม่ส่งแล้ว!” ผู้เฒ่าชุดเทาเอ่ย
“แม่นางฉินอิน หวังว่าในวันหน้าจะมีโอกาสได้ฟังเพลงของเจ้าอีก”
จ้าวเฟิงมองไปยังหลิ่วฉินอิน ก่อนเอ่ยลากับนาง
เมี้ยว เมี้ยว! แมวขโมยน้อยก็โบกอุ้งเท้าตัวโยน
“ท่านอาจารย์ คุณชายจ้าวก็คือศัตรูของจักรพรรดิแห่งความตายงั้นรึ?”
หลังจากที่จ้าวเฟิงจากไปแล้ว หลิ่วฉินอินก็ถามขึ้น
ผู้เฒ่าชุดเทาพยักหน้า
หลิ่วฉินอินมองไปยังทิศที่จ้าวเฟิงจากไปไกล แววตาพลันผันเปลี่ยน
“อาจารย์ ฉินอินรู้สึกว่าเหมือนกับจะมีเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้น!”
หลิ่วฉินอินกลับมายังข้างกายผู้เฒ่าทันใด
ตั้งแต่เด็ก หลิ่วฉินอินก็มีความลึกซึ้งและความเข้าใจในศาสตร์ดนตรีกับศาสตร์โชคชะตามากเกินกว่าคนทั่วไป ดังนั้นนางจึงเชื่อความรู้สึกของตนเองเป็นอย่างมาก
“วางใจเถอะ มีข้าอยู่!”
ผู้เฒ่ามีแววตาตื่นตะลึง จากนั้นก็เผยรอยยิ้มที่ราวกับมีความหมายซ่อนลึก
ฟิ้ว! จ้าวเฟิงนั่งพาหนะเพลิงวายุ บินไปอย่างรวดเร็วกลางท้องฟ้า
หลังออกจากที่อยู่ของเนตรสังสารวัฏแล้ว จ้าวเฟิงมีความรู้สึกเสียใจอย่างน่าประหลาด
“ช่างมันก่อน ยังมีเรื่องสำคัญอีก!”
จ้าวเฟิงสงบจิตใจ
เสียเวลามาระยะหนึ่ง จ้าวเฟิงสังเกตว่ายามนี้ผู้เฒ่าผมขาวผู้นั้นอยู่ห่างจากเขาไกลระยะหนึ่ง อีกทั้งยังไปคนละทิศกัน
“เอาชีวิตไร้ค่าของมันมาได้ทุกเมื่อ!”
สีหน้าของจ้าวเฟิงเรียบนิ่ง ไม่ไล่ตามผู้เฒ่าผมขาวนั่นต่อ แต่กลับมุ่งบินไปยังตำหนักรบมณฑลหลาน
ในเมื่อบนร่างของผู้เฒ่าคนนั้นก็ตีตราดวงตาเทพจับเป้าหมายเอาไว้แล้ว หากจ้าวเฟิงคิดอยากจะฆ่าเขา เขาก็ไม่สามารถหลีกหนีไปได้
หลายสิบวันหลังจากนั้น จ้าวเฟิงมาถึงยังตำหนักรบมณฑลหลาน
ตำหนักรบมณฑลหลานเป็นตำหนักหยกขาวที่เผยกลิ่นอายเก่าแก่โบราณ แต่ต่างจากรูปแบบลักษณะของตำหนักรบมณฑลหลิ่งอย่างสิ้นเชิง รอบตำหนักรบด้านนอก ผู้แข็งแกร่งและกลุ่มคนจำนวนนับไม่ถ้วนเดินสวนกันขวักไขว่
แต่หากต้องการจะเข้าไปในตำหนักรบ จะต้องใช้หลักฐานแสดงตัวหรือเข้าไปภายใต้การนำและการควบคุมจากทหารองครักษ์
จ้าวเฟิงไม่ได้ใช้หลักฐาน และเข้าไปในตำหนักรบด้วยการควบคุมดูแลจากทหารองครักษ์
แววตาของจ้าวเฟิงกวาดไปทั่ว ก็เห็นแผ่นป้ายศิลาขนาดยักษ์ตั้งตระหง่าน บนนั้นสลักอักษรประกายแสงสีทองนับไม่ถ้วน
บนหลักศิลาด้านหนึ่งในนั้นแสดงรายชื่อผลงานการรบพันอันดับแรกของตำหนักรบเมืองหลาน ชื่อยิ่งอยู่อันดับต้นๆ ประกายสีทองก็ยิ่งเจิดจ้า
“เห็นรึยัง บนสุดของแผ่นศิลาหลักแรก ก่อนหน้านั้นไม่กี่วันจู่ๆ ก็มีชื่อปรากฏขึ้น! ”
“เป็นจ้าวเฟิง แต่ว่าเขาก็ใช่ว่าจะเป็นคนไร้ชื่อเสียง ในศึกชิงตำแหน่งรัชทายาท ผลงานของเขาได้รับการยอมรับจากขั้วอำนาจทั้งหลาย”
“เรื่องนี้ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว แต่เจ้ารู้ไหม? เดิมตำแหน่งเขาอยู่ที่พันเก้าร้อยกว่าๆ แต่จู่ๆ กลับกระโดดมาถึงที่นี่แล้ว!”
“ได้ยินมาว่าเขาจัดการเซียนหมื่นปรากฏการณ์ของพวกต่างเผ่าพันธุ์จนพ่ายแพ้ไปแล้ว!”
รอบด้านรายชื่อคุณงามความดี มักจะมีกลุ่มคนมากมายรายล้อมอยู่เสมอ คนส่วนมากมายังหลักศิลาหลักนี้เพื่อปลุกใจตนเองไม่ขาดสาย และยังมีบางพวกที่เปรียบเทียบกับศัตรูคู่แค้นของตน แน่นอน มีหน่วยข่าวกรองมืออาชีพบางกลุ่มจัดคนไว้ที่นี่เพื่อคอยสังเกตตัวเลขข้างบน
“ฮึๆ การคาดเดาขององค์ชายเก้านี่ไม่ผิดเลยจริงๆ!”
จ้าวเฟิงยิ้ม พอใจกับอันดับผลงานการรบของตนเป็นที่สุด