Skip to content

King of Gods 1040

King Of Gods

บทที่ 1040 มาเยือนเจินอู่

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ ยอดเขาจิตวิญญาณหลัก ในตำหนักเงียบสงบแห่งหนึ่ง

ชายผู้ชั่วร้ายผมยาวสีม่วงแดงคนหนึ่งอยู่ภายในเงาซ้อนสีม่วงเงิน

“หนานกงเซิ่ง เขตแดนของเจ้าเสถียรมั่นคงอย่างสมบูรณ์แล้ว สามารถดูดซับพลังเทพปีศาจต่อไปได้”

ในกายของหนานกงเซิ่ง จิตเทพปีศาจส่งเสียงยินดีออกมา

ยามนี้ ถึงแม้ว่าหนานกงเซิ่งจะยังคงเป็นเพียงเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่ม แต่ขอเพียงดูดซับพลังเทพปีศาจได้ ขอบเขตการฝึกฝนของเขาก็จะสามารถเพิ่มสูงได้อย่างรวดเร็วจนถึงเทวาเร้นลับชั้นต้น

“ไม่รู้ว่าพลังของจ้าวเฟิงในยามนี้จะถึงระดับใดแล้ว!”

หนานกงเซิ่งลืมตาสีแดงโลหิตคู่นั้นขึ้น มองไปยังที่ไกล

“ต่อให้เจ้าเด็กนั่นทะลวงขั้นเซียนได้ ก็ไม่มีทางเป็นคู่มือของเจ้า!”

จิตเทพปีศาจส่งเสียงไม่พอใจ

ทั้งที่ครอบครองพลังเทพปีศาจ หนานกงเซิ่งกลับมองคนธรรมดาทั่วไปเป็นคู่มือ ทำให้จิตเทพปีศาจรู้สึกว่าช่างไร้ค่ายิ่งนัก

ครืน ฟู่!

ทันใดนั้น โลกด้านนอกก็ส่งเสียงสะเทือนเลือนลั่น พลังสายมารที่แข็งแกร่งน่าหวั่นเกรงแทรกซึมไปทั่วผืนฟ้าและปฐพี

จากนั้น เงาร่างดำเย็นยะเยือกสองเงาก็บุกมายังใจกลางของดินแดนศักดิ์สิทธิ์

ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในยอดเขาจิตวิญญานหลักทั้งสองและยอดเขาจิตวิญญาณรองทั้งสามสิบสามล้วนตระหนกตกใจ ประสาทสัมผัสวิญญาณอันแข็งแกร่งกวาดออกมาจากด้านใน

“ใครกัน กล้าบุกใจกลางสำนักศักดิ์สิทธิ์!”

ในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจิน จักรพรรดิเก่าแก่ผู้หนึ่งตะโกนขึ้นโดยพลัน

ต่อมา ผู้อาวุโสผมสีดอกเลาทั้งหัว พร้อมด้วยพลังจักรพรรดิชั้นยอดผุดลุกออกไปทันที

ในสำนักหนึ่งพันเดียวดาย สตรีชุดดำผู้หนึ่งบินออกไปทันทีภายใต้แสงประกายสีดำเจิดจ้า

“นี่มัน!”

จักรพรรดิเก่าแก่ของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินมองไปยังเงาดำเย็นยะเยือกที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ทั่วทั้งร่างสั่นเทา

เขารู้สึกเพียงว่า ในยามที่เผชิญหน้ากับเงาร่างยิ่งใหญ่ทรงพลังทั้งสอง ตนเองเปรียบดั่งมดตัวเล็กจ้อย เพียงแค่ความคิดเดียวของอีกฝ่ายก็ฆ่าเขาได้แล้ว

ผู้อาวุโสผู้กุมอำนาจของสำนักหนึ่งพันเดียวดายอีกคนก็รีบหยุดร่างลงทันใด เขาพบว่าตนเองทำได้เพียงหยุดลงที่ตรงนี้ และคลานอยู่เบื้องล่างของเงาร่างคนทั้งสอง

“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสทั้งสองมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ด้วยเรื่องอันใด?”

จักรพรรดิเก่าแก่ของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินพลันถามขึ้นอย่างนอบน้อม

ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิชั้นยอดของสำนักศักดิ์สิทธิ์ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของคนทั้งสอง นี่อาจจะเป็นเซียนเทวาเร้นลับจากโลกภายนอก

แต่ต่อให้เผชิญหน้ากับผู้อาวุโสของสำนักศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่รู้สึกถึงแรงกดดันที่น่ากลัวเช่นนี้

“วังเก้านิรยจะมาลากตัวหนานกงเซิ่งไป!”

ชายวัยกลางคนชุดดำผมแดงที่ราวกับปีศาจกระหายเลือดเอ่ยอย่างเย็นชา

จากคำว่า ‘วังเก้านิรย’ ที่ดังออกมา ทั่วทั้งสำนักศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ ราชันและจักรพรรดิของขั้วอำนาจสำนักทั้งหมด รวมไปถึงจักรพรรดิเก่าแก่ที่ปิดด่านฝึกตนมายาวนาน สีหน้าท่าทางล้วนหวาดหวั่น รีบพุ่งออกมาทันที ในแววตาฉายความหวาดกลัว

ในเสี้ยววินาทีนั้น ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดทั่วทั้งสำนักศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ก็มายังกลางอากาศ ประหนึ่งโค้งคำนับ ก้มหัวเผยสีหน้าหวาดเกรงออกมา

วังเก้านิรย สำนักศักดิ์สิทธิ์สายมารในตำนานของดินแดนทวีป ในยุคเฟื่องฟูเคยเป็นสำนักศักดิ์สิทธิ์สี่ดาวที่สั่นสะท้านราชวงศ์มาแล้ว

‘วังเก้านิรย’ สามคำนี้ แทบจะเป็นคำต้องห้ามของสำนักศักดิ์สิทธิ์สองดาวหรือกระทั่งสามดาวในชางไห่

พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่า ในวันนี้จะได้พบเซียนสายมารของวังเก้านิรยด้วยตาของตนเอง

“วังเก้านิรย!”

ทิวทัศน์เซียนที่มีหมอกรายล้อมแห่งหนึ่งในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจิน ผู้แข็งแกร่งปฐมเซียนผู้หนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นและจุดกระสีเหลืองหม่นรีบลืมตาทันใด แววตาสั่นสะท้านเล็กน้อย

“สำนักของดินแดนทวีป!”

ใต้ผืนดินอันมืดมิดมุมหนึ่งของสำนักศักดิ์สิทธิ์หนึ่งพันเดียวดาย ผู้อาวุโสผมเงินที่ทั่วทั้งร่างมีเปลวเพลิงมารลุกโชนรีบผุดลุกขึ้นทันที

“หนานกงเซิ่ง!”

จักรพรรดิหมีคงแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินมีสีหน้าตื่นตระหนก

ในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจิน จักรพรรดิหมีคงก็คืออาจารย์ของหนานกงเซิ่งนั่นเอง

“คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าวังเก้านิรยจะไล่ตามสังหารข้ามาจนถึงที่นี่!”

ในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจิน เงาร่างสีแดงม่วงชั่วร้ายน่าหวาดกลัวพุ่งออกมาทันใด

“หนานกงเซิ่ง?”

ใบหน้าของจักรพรรดิหมีคงหวาดหวั่น มองไปยังเงาชั่วร้ายสีม่วงแดงที่พุ่งไปยังท้องฟ้า

“เซียนเทวาเร้นลับ!”

จักรพรรดิเก่าแก่ของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินผู้หนึ่งพูดออกมาทันที

สามารถเพิกเฉยพลังกดดันของเซียนวังเก้านิรยสองคน มีเพียงเซียนเท่านั้นที่จะทำได้

หนานกงเซิ่งกลับมาครั้งนี้ ผู้อาวุโสของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินทั้งหมดสามารถสัมผัสถึงความแตกต่างของเขาได้ แต่ภายในสำนัก นอกจากผู้อาวุโสสูงสุดที่ปิดด่านฝึกตนแล้ว ก็ไม่มีใครมองพลังบำเพ็ญของเขาออก เพียงแค่รู้สึกว่าหนานกงเซิ่งแข็งแกร่งอย่างผิดปกติ ยากที่จะหยั่งถึง

ไม่มีใครเคยคิดว่าหนานกงเซิ่งจะบรรลุขั้นเซียนแล้ว

เซียนเทวาเร้นลับที่อายุน้อยเช่นนี้ เปิดอ่านตำราประวัติศาสตร์ชางไห่ก็ล้วนไม่เคยมีมาก่อน

ราชันและจักรพรรดิทั้งหมดของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินพลันดีใจ

แต่ในยามที่พวกเขาเห็นร่างทั้งสองที่เหมือนเทพเจ้ากลางอากาศนั่น ก็สั่นเทาไปทั้งตัว จิตใจจมดิ่งสู่ก้นเหว

“เป็นไปได้เช่นไร หนานกงเซิ่งเขา?”

เมิ่งซี ยอดอัจฉริยะแห่งสำนักหนึ่งพันเดียวดายมองไปยังหนานกงเซิ่งที่ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน ในใจตกตะลึงอย่างยากจะสงบได้

นางคิดไม่ถึงว่า หนานกงเซิ่งที่กลับมาจากแผ่นดินใหญ่จะอยู่ในขอบเขตพลังขั้นเซียนแล้ว

ความแตกต่างของทั้งสองในยามนี้ ต่อให้เมิ่งซีไล่ตามร้อยปีหรือกระทั่งพันปีก็ไม่อาจตามได้ทัน

อีกทั้งจากคำพูดของหนานกงเซิ่ง เขาเหมือนกับจะถูกวังเก้านิรยไล่สังหารมาตลอดทางที่กลับมายังสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจิน

สามารถเผชิญหน้ากับการไล่สังหารของสำนักสายมารขั้นสุดยอดจากแผ่นดินใหญ่ ซ้ำยังรอดมาได้ทุกครั้ง เมิ่งซีไม่กล้าจะจินตนาการถึงพลังของหนานกงเซิ่ง

มิน่าเล่า ยามที่หนานกงเซิ่งกลับมา เพียงแค่สายตาก็ทำให้นางสูญเสียจิตต่อสู้ได้

“หนานกงเซิ่ง!”

เซียนวังเก้านิรยใบหน้าเย็นเยือก สายตาจับจ้องมาที่หนานกงเซิ่ง สีหน้าท่าทางจริงจัง

เมื่อเผชิญหน้ากับการล้อมสังหารของวังเก้านิรย หนานกงเซิ่งเผชิญกับอันตรายนับครั้งไม่ถ้วน กระทั่งทำให้เซียนโยวเหลียนแห่งวังเก้านิรยได้รับบาดเจ็บหนัก

ในยามนี้ พวกเขาทั้งสองเดินทางมาไกลถึงที่นี่ จะล้มเหลวไม่ได้เด็ดขาด

หนานกงเซิ่งใบหน้าเคร่งเครียด ให้เผชิญหน้ากับเซียนเทวาเร้นลับชั้นต้นสองคน เขาเองก็ไม่มั่นใจเท่าใดนัก

“ไม่ทราบว่าหนานกงเซิ่งของสำนักอันต่ำต้อยของข้าทำอะไรผิด จึงทำให้ผู้อาวุโสของวังเก้านิรยต้องมาเยือนถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่?”

ขณะนี้ สถานที่ต้องห้ามหลังเขาสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจิน

ผู้อาวุโสที่ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นและจุดกระสีเหลืองหม่นผู้หนึ่งค่อยๆ ลอยมา พูดขึ้นอย่างนอบน้อม

ในฐานะที่เป็นเซียน เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันน่ากลัวของผู้นำระดับสูงทั้งสองของวังเก้านิรยได้

“ผู้อาวุโสสูงสุด!”

ศิษย์ระดับสูงทั้งหมดของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินล้วนก้มหัวคำนับ

ในยอดเขาจิตวิญญานหลักอีกลูกหนึ่ง ผู้อาวุโสที่ผมขาวโพลนทั้งหัว ชุดคลุมดำทั้งตัว มองทุกอย่างของโลกภายนอกอย่างเงียบๆ

“ในมิติเทพลวงตา หนานกงเซิ่งลงมือสังหารกลุ่มอัจฉริยะชั้นยอดของวังเก้านิรยของข้า เจ้าปีศาจชั่วเหี้ยมโหดเช่นนี้ จะต้องได้รับการลงโทษจากวังเก้านิรย!”

กลางท้องฟ้า ชายวัยกลางคนเสื้อคลุมดำผมแดงพูดออกมา

สำหรับเรื่องที่หนานกงเซิ่งสังหารจักรพรรดิวังเก้านิรย ทำเซียนบาดเจ็บหนัก แน่นอนว่าเขาย่อมไม่พูดถึง

“หนานกงเซิ่ง ตามพวกข้ากลับไปเสียดีๆ มิฉะนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่จะต้องเผชิญหน้ากับไฟแค้นของวังเก้านิรย!”

สตรีงดงามในชุดชาววังสีดำอีกคนเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา

“อะไรนะ!”

ในดินแดนศักดิ์สสิทธิ์เจินอู่ สำนักสองดาวทั้งหมดพลันหวาดหวั่น

ในสายตาของพวกเขา สำนักสามดาวเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ห้ามขัดขืน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสำนักสายมารสามดาวขั้นสุดยอดของแผ่นดินใหญ่เลย

แต่ว่า สิทธิ์ในการเลือกทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่พวกเขา

ใบหน้าเซียนโยวเหลียนแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์หนึ่งพันเดียวดายฉายแววหวาดเกรง

สำหรับเขาแล้ว ลำพังแค่เซียนทั้งสองที่อยู่กลางอากาศ ก็สามารถทำลายทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ได้ราบคาบ

อีกทั้งหนานกงเซิ่งก็ไม่ใช่ศิษย์ของสำนักหนึ่งพันเดียวดาย และเขาก็ไม่อยากให้สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินมีเซียนที่อายุน้อยได้ถึงเพียงนี้

“ท่านผู้อาวุโสทั้งสอง ในนี้จะต้องมีอะไรเข้าใจผิดเป็นแน่ ศิษย์สำนักข้าจะสังหารอัจฉริยะของวังเก้านิรยไปได้อย่างไรกัน!”

เซียนเสวียนหมิงแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินเอ่ยอย่างอ้อมค้อม

สำนักมีเซียนที่อายุน้อยถึงเพียงนี้ ต่อให้หนานกงเซิ่งตกลงสู่เส้นทางสายมาร เขาก็จะต้องปกป้องเอาไว้ให้ได้

หนานกงเซิ่งมองไปยังเซียนเสวียนหมิง เผยความรู้สึกขอบคุณที่ยากจะได้เห็น

ในเมื่อที่นี่คือสถานที่ที่หนานกงเซิ่งฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก กลุ่มดินแดนเจินอู่ยิ่งเป็นบ้านเกิดของเขา ทั้งยังมีบิดามารดาของเขาอีกด้วย

“หึ พวกเจ้าสงสัยวังเก้านิรยของข้างั้นรึ!”

สตรีงามในชุดชาววังสีดำตวาดถามทันใด

กลิ่นอายพลังที่น่ากลัวเหมือนดั่งอำนาจสวรรค์ ทำให้สรรพสิ่งนับไม่ถ้วนเบื้องล่างกดดันหายใจไม่ออก ทรุดลงไปบนพื้น ทั่วทั้งร่างสั่นสะท้าน

“มิกล้า ข้าเพียงแต่หวังว่าวังเก้านิรยจะให้โอกาสสำนักอันต่ำต้อยของข้าสักครั้ง สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินยินดีชดใช้ทุกข้อเรียกร้อง”

เซียนเสวียนหมิงพูดต่อด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

ในขณะเดียวกัน เขาก็ส่งกระแสจิตไปยังผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักหนึ่งพันเดียวดาย ขอร้องให้เขายื่นมือช่วยเหลือ…

“หนานกงเซิ่งล่วงเกินวังเก้านิรย ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ยินดีจะชดใช้ทุกข้อเรียกร้อง”

ภายใต้สัญญาที่สมบูรณ์ ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักศักดิ์สิทธิ์หนึ่งพันเดียวดายรีบออกปากทันใด

“ฮ่าๆ มดปลวกกระจ้อยร่อยแห่งชางไห่ กล้าเมินเฉยต่ออำนาจของวังเก้านิรยงั้นรึ!”

บนท้องฟ้า เซียนสายมารเสื้อคลุมดำผมแดงท่าทางโกรธเคือง เงยหน้าหัวเราะ

“หนานกงเซิ่ง วันนี้ข้าจะทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ให้สิ้นซาก จากนั้นก็ลากเจ้ากลับวังเก้านิรย!”

ดวงตาทั้งสองของหญิงงามผู้เย็นชาในชุดชาววังสีดำจับจ้อง

ทั่วทั้งผืนฟ้าและปฐพี กลิ่นอายสายมารขั้นสุดยอดพลันทะลักล้นแผ่ปกคลุมลงไป ราวกับว่าฟ้าดินทลายลงมาแล้ว

“ไม่ดีแล้ว!”

ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินและสำนักหนึ่งพันเดียวดาย รวมทั้งหนานกงเซิ่ง โคจรพลังเซียนขึ้นพร้อมกัน ต้านทานพลังกดดันสายมารที่น่ากลัวเป็นที่สุดกลุ่มนี้

“แข็งแกร่งเหลือเกิน พลังนี่แทบจะถึงขั้นเทวาเร้นลับชั้นสูงแล้ว!”

เซียนโยวเหลียพูดขึ้นอย่างตกใจ

ถึงเป็นเซียนเหมือนกัน แต่เซียนที่กำเนิดในดินแดนชางไห่กับเซียนในดินแดนทวีปย่อมอยู่กันคนละชั้น

กึ่งกลางท้องฟ้า ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของยอดเขาทั้งสามสิบสามลูกล้วนกลับไปในสำนัก

“ตาเฒ่าเสวียน เจ้ายังไม่รีบเชิญเขามาอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะถอยแล้ว!”

เซียนโยวเหลียนรีบส่งกระแสจิต

เผชิญหน้ากับเซียนสายมารเทวาเร้นลับชั้นต้นสองคน ยิ่งหนึ่งในนั้นเป็นเทวาเร้นลับชั้นสูง ลำพังเพียงแค่ต้านทานกลิ่นอายพลังกลุ่มนี้ก็ยากเต็มทนแล้ว

ซ้ำร้ายเบื้องหลังของเซียนทั้งสองยังเป็นวังเก้านิรยอีกด้วย!

“ผู้อาวุโสสูงสุด ข้าขอตัว…”

ตอนนี้เอง เสียงของหนานกงเซิ่งดังขึ้นในหัวของเซียนเสวียนหมิง

หนานกงเซิ่งไม่อยากให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่แห่งนี้ต้องถูกทำลายย่อยยับเพราะตน ในเมื่อมันคือสถานที่ฝึกฝนของตนตั้งแต่ยังเล็ก มีผู้อาวุโสมากมายที่เคยดูแลเขา

ต่อให้จิตใจของเขาเริ่มบิดเบี้ยวก็ไม่อาจลืมเรื่องพวกนี้ได้!

หากเผชิญหน้ากับเทวาเร้นลับชั้นต้นโดยไม่สนใจผลที่ตามมา หนานกงเซิ่งยังพอเชื่อมั่นว่าจะหนีไปได้

“ช้าก่อน หนานกงเซิ่ง!”

ผู้อาวุโสใบหน้าเหี่ยวย่นตกกระฉายแววเด็ดเดี่ยว

ในมือของเขามีป้ายคำสั่งสีขาวโบราณป้ายหนึ่งหนึ่งปรากฏขึ้น ความคิดสายหนึ่งไหลเข้าไปข้างใน

ใจกลางยอดเขาจิตวิญญาณทั้งสาม ยอดเขาวั่นกู่

พลังอันแข็งแกร่งที่เป็นอนันต์กดอัดพื้นผิวเขตแดนมิติ เค้าโครงทิวทัศน์อุทยานที่ส่งแสงรุ้งลอยอวลค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้น

ในอุทยาน ประตูทองสัมฤทธิ์บานใหญ่ที่มีรอยสนิมพลันดิ่งลงมา ทั้งสองฝั่งมีสัตว์เทพกิเลนในตำนานโบราณยืนตระหง่าน

“เอ๋? นี่คือมิติลึกลับ?”

“ไม่คิดเลยว่าที่แบบนี้จะมีมิติลึกลับชั้นสูงเช่นนี้!”

ผู้นำระดับสูงของวังเก้านิรยทั้งสองมีสีหน้าท่าทางแปลกใจ

พวกเขาไม่เข้าใจว่าในยามนี้เซียนของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินจะเปิดมิติลึกลับออกเพื่ออะไร

“ไสหัวออกไปจากที่นี่เสีย!

จู่ๆ เสียงอัสนีทรงพลังที่สะเทือนไปทั่วผืนนภาดังออกมาจากประตูสัมฤทธิ์บานใหญ่

ฟิ้ว! ร่างสีทองสูงใหญ่ที่แก่นแท้พลังส่องประกายสีทองพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!