Skip to content

King of Gods 1066

King Of Gods

บทที่ 1066 เนตรดับสูญ

“รีบตามไปเร็ว จะให้มันหนีไปแบบนี้ไม่ได้!”

จ้าวเฟิงควบคุมเสืออัคคีทองปีกเพลิงและวัวคลั่งพสุธาทลาย ตามโจมตีไปทันใด

วานรสายฟ้านภาเพลิงไม่เชี่ยวชาญด้านความเร็ว ไม่นานก็ถูกจ้าวเฟิงและฝูงสัตว์อสูรไล่ตามมาได้ทัน

แต่ว่า วานรสายฟ้านภาเพลิงก็หลบหนีโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น จ้าวเฟิงและฝูงสัตว์อสูรก็หยุดฝีเท้าของมันไม่ได้ ทำได้เพียงแค่โจมตีมันอย่างไม่หยุดยั้ง สร้างอาการบาดเจ็บให้หนักขึ้น

ไม่นาน จ้าวเฟิงและฝูงสัตว์อสูรก็ไล่โจมตีวานรสายฟ้านภาเพลิงจนออกจากเขตป่า มาถึงยังกลุ่มทิวเขาขนาดเล็กที่ทอดตัวเป็นแนวยาว

“หนามจิตวิญญาณ!”

ตาซ้ายของจ้าวเฟิงพลันยิงหนามแหลมแสงอัสนีสีม่วงทองออกมา พุ่งเข้าไปในวิญญาณของวานรสายฟ้านภาเพลิง

วานรสายฟ้านภาเพลิงในยามนี้ ร่างกายได้รับบาดเจ็บหนัก

วิชาดวงตาวิญญาณของจ้าวเฟิงมีผลกับมันในระดับหนึ่ง การโจมตีวิญญาณของจ้าวเฟิงได้โอกาสเหมาะเจาะพอดี ทำให้วานรสายฟ้านภาเพลิงที่กระโดดอยู่ร่วงลงสู่พื้นทันใด

ครึก ครืน ครืน!

เขาสีทองหม่นบนหัวใหญ่โตของวัวคลั่งพสุธาทลายสิบกว่าตัวส่องประกายแสง โจมตีไปยังวานรสายฟ้านภาเพลิง

ฟู่ ฟิ้ว! ในท้องฟ้า เสืออัคคีปีกทองทั้งหมดเริ่มจู่โจมอย่างดุเดือด อีกทั้งจุดที่โจมตีล้วนเป็นบาดแผลที่มีมาแต่เดิมบนร่างวานรสายฟ้านภาเพลิง

จ้าวเฟิงก็ไม่ได้หยุดพัก ปลดปล่อยวิชาดวงตาวิญญาณ ลดพลังวิญญาณของวานรสายฟ้านภาเพลิงไม่หยุดยั้ง

“บัดซบ เจ้ามนุษย์ไร้ยางอาย!”

ทั่วทั้งร่างของวานรสายฟ้านภาเพลิงเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดไหลรินลงพื้น

“ถึงเวลาแล้ว!”

ตาซ้ายของจ้าวเฟิงพลันจับจ้อง ในนั้นทะลักคลื่นพลังดวงตาอันน่าหวาดหวั่นออกมา ก่อเป็นคลื่นวนสีม่วงที่ลึกไม่เห็นก้นบึ้ง เหมือนหุบเหวมายาสีม่วงที่แผ่ขยายออกไปอย่างไม่สิ้นสุด พลังต้องห้ามที่กักขังและฉุดดึงวิญญาณพลันเข้าปกคลุมร่างของวานรสายฟ้านภาเพลิง

“เนตรเพ่งเทพเจ้า!”

จ้าวเฟิงปลดปล่อยเนตรเพ่งเทพเจ้าสุดพลัง โคจรพลังวิญญาณและพลังดวงตาจนถึงจุดสูงสุด

ในเมื่อครั้งนี้เป้าหมายที่เขาดึงวิญญาณคือวานรสายฟ้านภาเพลิงที่เป็นขั้นราชาเซียน

“มนุษย์ ฝันไปเถอะ!”

วานรสายฟ้านภาเพลิงเหมือนจะรู้ว่าจ้าวเฟิงจะทำอะไร วิญญาณของมันดิ้นรนสุดชีวิต

‘ยากจริงๆ ด้วย!’ จ้าวเฟิงเผยอาการกลัดกลุ้ม

ภายใต้สภาพที่บาดเจ็บหนักและอ่อนแอ วิญญาณของวานรสายฟ้านภาเพลิงกลับไม่ห่างจากร่างแม้แต่น้อย

ความคิดของจ้าวเฟิงขยับ ให้เสืออัคคีปีกทองและวัวคลั่งพสุธาทลายโจมตีวานรสายฟ้านภาเพลิงต่อไป

การโจมตีของขอบเขตเทวาเร้นลับกระเทือนไปถึงขั้นวิญญาณ ก็นับว่าเป็นการลดพลังวิญญาณของวานรสายฟ้านภาเพลิงชนิดหนึ่งเช่นกัน

ในยามนี้ เจตจำนงดวงตาของจ้าวเฟิงก็แข็งแกร่งหาสิ่งอื่นใดเทียบเทียม เวลาที่สำแดงเนตรเพ่งเทพเจ้าก็ยืนหยัดต่อไปได้นานมากขึ้น

อีกทั้งวานรสายฟ้านภาเพลิงที่โดนเนตรเพ่งเทพเจ้าของจ้าวเฟิงควบคุมก็ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง วิญญาณค่อยๆ อ่อนแอลง และเริ่มหลุดลอยออกนอกร่าง

“เยี่ยม ทำต่อไป!”

ในใจของจ้าวเฟิงลิงโลด ยิ่งเพิ่มระดับของเนตรเพ่งเทพเจ้า ดึงเอาวิญญาณของวานรสายฟ้านภาเพลิงออกมา

หากสามารถเอาวานรสายฟ้านภาเพลิงมาทำเป็นทาสรับใช้ได้ จ้าวเฟิงก็จะยิ่งขุดค้นขุมทรัพย์ในห้วงฝันบรรพกาลได้สบายมากขึ้น

ครืน บึ้ม! ภายใต้การควบคุมความคิดของจ้าวเฟิง เสืออัคคีปีกทองและวัวคลั่งพสุธาทลายโจมตีวานรสายฟ้านภาเพลิงอย่างไม่หยุด

ไม่นานนัก ภายใต้การโจมตีแบบทวีคูณทั้งชั้นวิญญาณและวัตถุ ไอสวรรค์ของวานรสายฟ้านภาเพลิงบาดเจ็บอย่างหนัก วิญญาณค่อยๆ หลุดลอยออกมา

และในยามนี้เอง เนินเขาเล็กเบื้องหน้า จู่ๆ ก็มีเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น

จากนั้นเงาสีเทามหึมาก็กระโดดออกมาจากใต้ดิน ผืนดินสั่นสะเทือน ความกดอัดอันน่าหวาดหวั่นที่หนักอึ้งดั่งขุนเขาแผ่กระจายมาทันที

เมื่อเห็นเงามหึมาสีเทานี้ วัวคลั่งพสุธาทลาย เสืออัคคีปีกทอง และวานรสายฟ้านภาเพลิงล้วนแต่ตื่นกลัว สั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว

พลังต้านทานของวานรสายฟ้านภาเพลิงก็ลดลงถึงขีดจำกัดเพราะเหตุนี้เช่นกัน

“เยี่ยม!” จ้าวเฟิงเพิ่มพลังดึงดูดของเนตรเพ่งเทพเจ้าอีกครั้ง ดูดเอาวิญญาณของวานรสายฟ้านภาเพลิงเข้ามาในมิติดวงตาซ้ายทันใด

ส่วนเงาร่างสีเทาขนาดมหึมาก็มองมายังจ้าวเฟิงและวานรสายฟ้านภาเพลิง ก่อนคำรามขึ้น

“โฮก!” คลื่นพลังการโจมตีที่แข็งแกร่งจู่โจมเข้ามา

จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงวิกฤตอันตรายที่รุนแรง

มือซ้ายสะบัด เก็บร่างของวานรสายฟ้านภาเพลิงไป อีกทั้งควบคุมให้เสืออัคคีปีกทองและวัวคลั่งพสุธาทลายหลีกหนีไปทันที

“ลำพังแค่เสียงคำรามก็มีพลังมากมายถึงเพียงนี้แล้ว!”

ในใจของจ้าวเฟิงตื่นตระหนก นำเสืออัคคีปีกทองและวัวคลั่งพสุธาทลายกลับมายังป่าลึกอย่างรวดเร็ว เพื่อกันไม่ให้เผ่าพันธุ์บรรพกาลที่ทั่วทั้งร่างเหมือนหินผาสีเทานั่นตามมาได้

อย่างไรเสีย วิญญาณและเจตจำนงดวงตาของจ้าวเฟิงในยามนี้ก็ผลาญใช้ไปมาก ฝูงสัตว์อสูรทั้งสองที่ต่อสู้กับวานรสายฟ้านภาเพลิงก็บาดเจ็บหนัก

“นายท่าน นั่นคือเผ่าพันธุ์ผลึกธุลี!”

จ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองพูดกับจ้าวเฟิง

“เผ่าพันธุ์ผลึกธุลี!”

สีหน้าของจ้าวเฟิงตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก ไม่อยากจะเชื่อ

ในความทรงจำของเขา ไม่มีการบอกเล่าถึงหน้าตาของเผ่าพันธุ์ผลึกธุลี แต่มีคำอธิบายถึงพลังของมัน

เผ่าพันธุ์ผลึกธุลี อันดับที่เก้าพันหนึ่งร้อยสามสิบหกของหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ในกายของหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณชนิดนี้สามารถผลิตผลึกเริ่มต้นระดับสุดยอดได้ อีกทั้งเผ่าพันธุ์ผลึกธุลีที่โตเต็มวัย ก็สามารถผลิตผลึกเซียนระดับล่างได้ เล่ากันว่าหาก ‘เผ่าพันธุ์ผลึกธุลี’ ทะลวงขั้นเทพได้ จะผลิตได้กระทั่งผลึกเซียนเลยด้วยซ้ำ!

ในวันนี้ จ้าวเฟิงเพิ่งจะทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ ยังไม่รีบใช้ผลึกเซียนระดับล่าง แต่จ้าวเฟิงเข้มงวดกับความเร็วในการฝึกฝนของตนเป็นอย่างมาก ในอนาคตจะต้องใช้ผลึกเซียนระดับล่างมาฝึกฝนพลังศักดิ์สิทธิ์เทวเร้นลับอย่างแน่นอน

ผู้แข็งแกร่งขอบเขตเทวาเร้นลับในดินแดนทวีป โดยปกติแล้วล้วนเสียดายที่จะใช้ผลึกเซียนระดับล่าง และจะเอาไว้ใช้ยามทะลวงขั้นติดขัด นี่เห็นได้ถึงความหายากของผลึกเซียนระดับล่างในดินแดนทวีป

ถึงแม้ในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท จ้าวเฟิงจะได้รับผลึกเซียนระดับล่างมาบางส่วน แต่ผลึกเซียนระดับล่างเหล่านั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการในการฝึกฝนของจ้าวเฟิงอย่างแน่นอน

“แต่ช่วงนี้ยังจัดการกับเผ่าพันธุ์ผลึกธุลีไม่ได้!”

จ้าวเฟิงหยุดยั้งความปรารถนาในใจ

ลำพังแค่เผ่าพันธุ์ผลึกธุลีตัวนั้นก็มีพลังเทียบเคียงกับพลังของวานรสายฟ้านภาเพลิงแล้ว ส่วนพลังสายเลือดของมันสูงกว่าวานรสายฟ้านภาเพลิงอยู่มากโข มีพลังควบคุมในระดับหนึ่ง ที่สำคัญที่สุดก็คือเผ่าพันธุ์ผลึกธุลีเป็นเผ่าพันธุ์ที่อยู่เป็นฝูง

หลังจากที่ถอยกลับมายังป่าแล้ว

จ้าวเฟิงก็ใช้เวลาอยู่นานเพื่อจับวานรสายฟ้านภาเพลิงเป็นทาสรับใช้ สุดท้ายก็สำเร็จได้เพราะโชคช่วย สุดท้าย จ้าวเฟิงนำวิญญาณของวานรสายฟ้านภาเพลิงเข้าไปไว้ในกายของมัน ด้วยกายศักดิ์สิทธิ์อันแข็งแกร่งของวานรสายฟ้านภาเพลิง ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถฟื้นฟูได้ด้วยตนเอง

ในขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงก็สั่งให้วานรสายฟ้านภาเพลิงส่งทรัพยากรสะสมของมันออกมา

ถึงแม้จะเสียดายอยู่บ้าง แต่วานรสายฟ้านภาเพลิงก็ทำตามความต้องการของจ้าวเฟิง

ครืน~ วานรสายฟ้านภาเพลิงเททรัพยากรในโลกมิติส่วนตัวของตนเองออกมา

จ้าวเฟิงดวงตาวาววาบทันที ไม่เสียทีที่วานรสายฟ้านภาเพลิงเป็นจ้าวแห่งป่า ทรัพยากรที่เก็บซ่อนอยู่มีมากมายเหลือคณนา อีกทั้งยังคุณสมบัติค่อนข้างสูงอีกด้วย

จ้าวเฟิงจ้องหญ้าสีแดงหม่นต้นหนึ่งในนั้น รู้สึกถึงกลิ่นอายวิญญาณที่ไม่ธรรมดา

“นายท่าน นี่คือ ‘หญ้าแผดเผาวิญญาณ’!”

วานรสายฟ้านภาเพลิงอธิบายให้กับจ้าวเฟิง

หญ้าแผดเผาวิญญาณช่วยเพิ่มพลังวิญญาณให้กับผู้ที่กินมันเข้าไป ผ่านการเผาไหม้เคี่ยวกรำวิญญาณ แต่ส่วนมากแล้วจะนำหญ้าแผดเผาวิญญาณมาปรุงยาพิษ

“เป็นหญ้าที่น่าอัศจรรย์อะไรเช่นนี้!”

จ้าวเฟิงรู้สึกอัศจรรย์ใจเล็กน้อย เขาในตอนนี้ขาดแคลนทรัพยากรฝึกฝนดวงวิญญาณ หญ้าแผดเผาวิญญาณถึงแม้จะพิเศษอยู่บ้าง แต่จ้าวเฟิงก็หยิบมันไปอย่างไม่คิดอะไรมาก

ต่อมา จ้าวเฟิงก็เลือกวัตถุดิบยาล้ำค่าหลายอย่าง แล้วไปจากห้วงฝันบรรพกาล

หลังจากห้วงฝันบรรพกาลไปได้ไม่นาน เฒ่าประหลาดสวีก็รายงานสถานการณ์บนสนามรบมณฑลหลิงให้จ้าวเฟิงฟังผ่านจากตราผนึกดวงใจทมิฬ

“อะไรนะ? ผู้แข็งแกร่งครึ่งเทพปรากฏตัวบนสนามรบ!”

จ้าวเฟิงตื่นตะลึง

ช่วงก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเซียนนำทัพ ก่อสงครามขนาดเล็กแบบหยั่งเชิง คิดไม่ถึงว่าในวันนี้ ผู้แข็งแกร่งครึ่งเทพจะเริ่มเคลื่อนไหว

ครึ่งเทพตั้งตระหง่านอยู่จุดสูงสุดในแผ่นดินใหญ่ ผู้คนต่างเคารพศรัทธา เป็นกำลังรบชั้นยอดที่แข็งแกร่งที่สุดของแผ่นดินใหญ่

ขณะนี้สงครามสนามหนึ่งของครึ่งเทพ แผ่ขยายไปที่ท้องฟ้าสนามรบมณฑลหลิง

ฝั่งมนุษย์ ผู้ที่เคลื่อนไหวคือซงไท่หวง ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตำหนักไท่หวงที่ได้สมญาว่า ‘ครึ่งเทพไท่จี๋’! ส่วนฝั่งของต่างเผ่าพันธุ์ ผู้ที่ออกโรงคือผู้อาวุโสสูงสุดของวังเวหามาร ‘ครึ่งเทพพั่วเมี่ย’ (ดับสูญ)!

แน่นอน การลงมือของผู้แข็งแกร่งขั้นครึ่งเทพทั้งสองก็เป็นการหยั่งเชิงซึ่งกันและกัน ในเมื่อนี่คือสงครามของสองราชวงศ์ ทั้งสองฝ่ายล้วนหยั่งเชิงตื้นลึกหนาบางของอีกฝ่าย แค่เพียงประมาทก็อาจจะต้องจ่ายด้วยราคาแสนสาหัสที่ยากจะหวนกลับคืน

ด้านหลังเขตสนามรบมณฑลหลิง มีตำหนักขนาดใหญ่ที่เพิ่งจะสร้างเสร็จไม่นาน ห้อมล้อมด้วยแสงเงาต้องห้ามชั้นหนึ่ง ก่อขึ้นเป็นพื้นที่ต้องห้ามในสนามรบ ตัดขาดจากทุกสรรพสิ่ง

ภายในตำหนักขนาดใหญ่

“พวกต่างเผ่าพันธุ์มันมีความมั่นใจอะไรกันแน่ ถึงกล้าบุกมาประกาศสงครามกับพวกเรา?”

ผู้นำคือผู้อาวุโสที่คลุมเสื้อคลุมลายมังกรสีขาวไว้บนไหล่ ไร้ซึ่งกลิ่นอาย เอ่ยขึ้นอย่างช้าเนิบ

“พวกต่างเผ่าพันธุ์ไม่มีไม้ตาย ไม่มีทางลงมือกับพวกเราเด็ดขาด!”

ผู้อาวุโสผอมบางที่มีคิ้วดั่งกระบี่เอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ

“พวกเราก็ต้องเตรียมตัวเอาไว้ ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา!”

ผู้อาวุโสที่คลุมเสื้อลายมังกรสีขาวเอ่ยทันที

“ศึกนี้ ชัยชนะของ ‘ไท่จี๋’ มีไม่มาก…”

ผู้อาวุโสเสื้อคลุมลายมังกรสีขาวเงยหน้าขึ้นมอง แววตาราวกับมองทะลุทุกสรรพสิ่ง

สนามรบมณฑลหลิง บนผืนนภา ผู้แข็งแกร่งขั้นครึ่งเทพปะทะเข้าด้วยกัน พวกเขาเพียงโจมตีตามอารมณ์ ก็มีพลังทำลายล้างฟ้าดิน ทำให้ท้องฟ้าบิดเบี้ยวทลายลง

“ไท่จี๋ เจ้าไม่ใช่คู่มือของข้า!”

‘ครึ่งเทพพั่วเมี่ย’ ยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม ทั่วทั้งตัวมีเกล็ดสีดำ บนหัวมีเขาเดียวดุจก้นหอย

“งั้นเจ้าก็ลองนี่ดู”

ฝ่ามือทั้งสองของครึ่งเทพไท่จี๋สะบัดออก เสวียนอ้าวมหาศาลเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว บิดเป็นลูกทรงกลมเลือนราง แผ่กลิ่นอายต้องห้ามออกมา

“ฟ้าดินนิรันดร!” ครึ่งเทพไท่จี๋ซัดลูกทรงกลมนี้ออกไป

“แสงทำลายล้าง!”

ดวงตาของครึ่งเทพพั่วเมี่ยพลันเปลี่ยนไป ส่องประกายแสงสีทองวาววับ เส้นแสงสีทองสุกปลั่งเจิดจ้าพุ่งออกมาจากดวงตาที่ราวกับดวงอาทิตย์ แผ่กระจายกลิ่นอายพลังทำลายล้างที่ชวนให้ผู้คนหวาดหวั่น

ครืน ฟู่!

เส้นแสงสีทองซึ่งพุ่งจากดวงตาทั้งสองของ ‘ครึ่งเทพพั่วเมี่ย’ ยิงไปยังลูกทรงกลมเลือนรางที่ ‘ครึ่งเทพไท่จี๋’ ซัดออกมา

ทันใดนั้น จุดสัมผัสที่ผิวลูกทรงกลมปะทะกับเส้นแสงสีทองสว่างก็เริ่มถูกทำลายเป็นเถ้าธุลีอย่างช้าๆ

“นี่คือเสวียนอ้าวหยินหยางห้าธาตุ!”

ครึ่งเทพพั่วเมี่ยส่งเสียงตกใจ

สามารถผสานเสวียนอ้าวหยินหยางห้าธาตุได้อย่างสมบูรณ์แบบราวกับเป็นหนึ่งเดียวกันเช่นนี้ ก็มีเพียงครึ่งเทพไท่จี๋เท่านั้นที่ทำได้

มิฉะนั้น วัตถุทั่วไปคงสลายไปนานแล้วภายใต้การยิงแสงทำลายล้างของเขา

“หึ ทุกสรรพสิ่งในโลก เมื่ออยู่ต่อหน้าเนตรดับสูญก็ต้องกลายเป็นเถ้าธุลี!”

ตาทั้งสองของ ‘ครึ่งเทพพั่วเมี่ย’ ทะลักพลังดวงตาอันน่าพรั่นพรึงออกมา เส้นแสงสีทองที่พวยพุ่งออกมาเป็นประกายวาววับ ราวกับเป็นสิ่งที่สว่างเจิดจ้าที่สุดบนโลกนี้

ทุกที่ที่สาดส่องแสงทำลายล้างไปถึง เหมือนแม้กระทั่งอากาศก็ถูกทำลายไปทีละน้อย

ครืน บึ้ม!

ท้องฟ้าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง เสวียนอ้าวพลังที่น่ากลัวเสมือนสามารถเปลี่ยนแปลงฟ้าดิน หมุนกลับตะวันจันทรา

เขตสนามรบเบื้องล่าง ผู้แข็งแกร่งขั้นเซียนและปฐมเซียนตื่นตระหนกกันทั่ว โคจรพลังอย่างสุดกำลัง จึงจะสามารถต้านทานควันหลงจากพลังการต่อสู้อันน่าหวาดหวั่นกลุ่มนี้ได้ ไร้ซึ่งความคิดที่จะต่อสู้แล้ว

ฉับพลันนั้น!

ไอสวรรค์ฟ้าดินล้นทะลัก แสงสีขาวสายหนึ่งยิงลงมา

“ถอย!”

เห็นเพียงครึ่งเทพไท่จี๋ร่างแหลกสลายไปมากกว่าครึ่ง ถอยหนีไปยังค่ายทหารด้านหลังอย่างรวดเร็ว

“หนีเร็ว!”

“ถอนทัพ!”

เห็นผู้แข็งแกร่งขั้นครึ่งเทพพ่ายแพ้ เซียนและจักรพรรดิไร้เทียมทานบนสนามรบตกใจถอยหนีทันที

ส่วนฟากต่างเผ่าพันธุ์เลือดลมพลุ่งพล่าน รีบไล่ตามสังหาร

“จะหนีไปไหน!”

บนท้องฟ้า ครึ่งเทพพั่วเมี่ยลงมาเยือน

วู้ม ครืน!

แสงทำลายล้างกินพื้นที่กว้างที่พวยพุ่งออกมาจากสองตาเขา แผ่กระจายเสวียนอ้าวสูงสุดที่ทำลายทุกสรรพสิ่ง

ที่ที่แสงทำลายล้างปกคลุม ร่างกายและวิญญาณของเซียนกับจักรพรรดิไร้เทียมทานทั้งหมดแหลกสลายลง ดับสูญไปทีละชั้นๆ!

ผู้แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยสำแดงเคล็ดวิชาป้องกัน ไม่ก็ใช้พลังเงาโลกมิติทำการป้องกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นระดับขั้นวัตถุ ระดับขั้นวิญญาณ หรือเสวียนอ้าวกฎเกณฑ์ เมื่ออยู่ต่อหน้าเนตรดับสูญ จุดจบก็มีเพียงดับสลายไปเท่านั้น

“หนีเร็ว นี่คือเนตรดับสูญของผู้สืบทอดมรดกแปดเนตรเทพเจ้า!”

ครั้งนี้ทางฝั่งมนุษย์ ผู้แข็งแกร่งขั้นครึ่งเทพแพ้พ่าย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!