บทที่ 1067 มังกรวารีทมิฬ
จ้าวเฟิงรับรู้สถานการณ์สงครามล่าสุดแบบครอบคลุมทุกด้านจากเฒ่าประหลาดสวีที่อยู่บนสนามรบมณฑลหลิง
‘ครึ่งเทพไท่จี๋’ ผู้อาวุโสสูงสุดของตำหนักไท่หวง และครึ่งเทพพั่วเมี่ยผู้อาวุโสสูงสุดของวังเวหามาร การประมือของผู้แข็งแกร่งขั้นครึ่งเทพทั้งสอง สุดท้ายแล้วฝั่งมนุษย์พ่ายแพ้
“คิดไม่ถึงเลยว่าต่างเผ่าพันธุ์จะมีทายาทแปดเนตรเทพเจ้าขั้นครึ่งเทพอยู่ด้วย!”
จ้าวเฟิงตื่นตกใจ
ครึ่งเทพพั่วเมี่ยก็คือทายาทผู้สืบทอดของเนตรดับสูญ
เนตรดับสูญ แปดเนตรเทพเจ้าที่มีการโจมตีแข็งแกร่งที่สุด ควบคุมเสวียนอ้าวทำลายล้างสูงสุด มีพลังน่าหวาดหวั่นที่ทำลายฟ้าดิน
สำหรับครึ่งเทพไท่จี๋ จ้าวเฟิงก็เคยได้ยินมาเช่นกัน
ว่ากันว่าคนผู้นี้เป็นครึ่งเทพที่อายุน้อยที่สุดของตำหนักไท่หวง จากการฝึกฝนเสวียนอ้าวห้าธาตุ บรรลุหยินหยาง สุดท้ายแล้วจึงสัมผัสได้ถึงพลังขั้นเทพได้เสี้ยวหนึ่ง
“ขอบเขตเซียนสวรรค์!”
แววตาของจ้าวเฟิงมีจิตกระหายต่อสู้โชติช่วง
พรึ่บ จ้าวเฟิงนำ ‘หญ้าแผดเผาวิญญาณ’ เข้าไปในมิติตาซ้าย และเริ่มลอกเลียนแบบ
หลายวันหลังจากนั้น จ้าวเฟิงก็เอาหญ้าแผดเผาวิญญาณออกมาต้นหนึ่ง ส่วนอีกต้นหนึ่งทิ้งไว้ในมิติตาซ้าย รอให้จ้าวเฟิงฟื้นคืนสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดแล้วค่อยลอกเลียนแบบต่อไป
จ้าวเฟิงกินวัตถุดิบล้ำค่าฟื้นฟูและบำรุงไอสวรรค์บางอย่างลงไปบ้าง แล้วโคจร ‘หมื่นห้วงคิดเซียน’ ดูดซับสรรพคุณยาของ ‘หญ้าแผดเผาวิญญาณ’
ฟู่! เห็นเพียงกลิ่นอายพลังจิตวิญญาณสีแดงเยือกเย็นแต่ละสายค่อยๆ ทะลักเข้าไปในวิญญาณของจ้าวเฟิง
ทันใดนั้นเอง วิญญาณของจ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดแสบร้อนจากการฉีกทึ้ง พื้นผิวของกายวิญญาณอัสนีเกิดรอยบิดเบี้ยวขึ้นรอยหนึ่ง ทั้งยังอาบด้วยประกายสีแดงหม่น
“ความเจ็บปวดนี้ เทียบกับแยกวิญญาณแล้วเล็กน้อยนัก!”
จ้าวเฟิงกัดฟัน ดูดซับสรรพคุณยาของหญ้าแผดเผาวิญญาณต่อไป
ยามที่ใช้สรรพคุณยาของ ‘หญ้าแผดเผาวิญญาณ’ ต้นนี้หมด ในมิติตาซ้ายก็ลอกเลียนแบบหญ้าแผดเผาวิญญาณสองต้นเสร็จ จ้าวเฟิงหยิบออกมาหนึ่งต้นทันที
หลังจากนั้นสามเดือน จ้าวเฟิงลืมตาที่แพรวพราวระยิบระยับขึ้น กลิ่นอายวิญญาณที่มาพร้อมกับความร้อนรุ่มพลันแผ่ซ่านออกมา
“พลังวิญญาณถึงระดับเทวาเร้นลับชั้นสูง!”
สีหน้าของจ้าวเฟิงแฝงความยินดี
สามเดือนที่ผ่านมา จ้าวเฟิงกินหญ้าแผดเผาวิญญาณไปทั้งสิ้นห้าต้น ทุกชั่วขณะล้วนต้องผ่านการแผดเผาฉีกทึ้งวิญญาณ ในที่สุดความมุ่งมั่นและการลงแรงของเขาก็บังเกิดผล!
พลังวิญญาณถึงเทวาเร้นลับชั้นสูง ส่วนวิชาดวงตาโจมตีวิญญาณของจ้าวเฟิง พลังเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับ
ในยามนี้ ต่อให้เผชิญหน้ากับราชาเซียน วิชาสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงผสานกับตราอัสนีเทวะ ก็สามารถสร้างความบาดเจ็บให้ได้ในระดับหนึ่ง ไม่เหมือนกับในตอนแรกที่จ้าวเฟิงใช้เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้ากับราชาเซียนเสี้ยวเทียน แต่ราชาเซียนเสี้ยวเทียนกลับไม่เจ็บไม่คัน
“ไม่รู้ว่าตอนนี้จะสามารถลอกเลียนแบบอาวุธเทพชั้นรองศรสังหารเทพได้แล้วหรือยัง!”
จ้าวเฟิงใจเต้นโครมคราม
การยกระดับของวิญญาณ จะมาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของเจตจำนงดวงตา
แค่เพียงจ้าวเฟิงลอกเลียนแบบอาวุธเทพชั้นรองศรสังหารเทพได้จำนวนหนึ่ง เขาก็ไม่ต้องเกรงกลัวราชาเซียนอีกต่อไป ในศึกใหญ่ของราชวงศ์ก็จะมีพลังป้องกันตัวในระดับหนึ่ง
วูบ! จ้าวเฟิงดูดอาวุธเทพชั้นรองศรสังหารเทพเข้าไปในมิติตาซ้ายอย่างระมัดระวัง
ฟิ้ว วู้ม!
ในมิติตาซ้าย ลูกทองกลมสีทองลึกลับหมุนวนอย่างรวดเร็ว สาดลายคลื่นสีทองอ่อนที่ลึกลับเกินหยั่งออกมาเป็นชั้นๆ คอยทะลวงผ่านศรสังหารเทพไม่หยุดหย่อน
อีกนานหลังจากนั้น ในลูกทรงกลมสีทองลึกลับก็ทะลักวัตถุสีดำกลุ่มหนึ่ง หลอมรวมอยู่กลางอากาศ แผ่กลิ่นอายบรรพกาลโบราณออกมา
“เริ่มลอกเลียนแบบแล้ว!”
จ้าวเฟิงรู้ชัดถึงขึ้นตอนการลอกเลียนแบบของลูกทรงกลมสีทองลึกลับเป็นอย่างดี
แต่ครั้งนี้ทดลองลอกเลียนแบบอาวุธเทพชั้นรองศรสังหารเทพ น่าจะต้องใช้เวลานานมาก
ในช่วงระยะนี้ หลักๆ แล้วความคิดของจ้าวเฟิงรวมอยู่ในมิติตาซ้าย ความคิดอีกส่วนหนึ่งทบทวน ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ศึกษาและฝึกฝนวิชาดวงตาวิญญาณบางอย่าง
“ไม่อาจลอกเลียนแบบได้เมื่อใด จะต้องหยุดทันที!”
จ้าวเฟิงวางแผนเอาไว้เช่นนี้ ไม่กล้าแบ่งสมาธิไปฝึกฝนร่างกายกับพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับมากเกินไป…
และช่วงเวลานี้ จ้าวเฟิงก็ติดต่อกับเฒ่าประหลาดสวีตลอดเวลาผ่านตราผนึกดวงใจทมิฬ และได้รับข่าวสถานการณ์ของสนามรบและสภาพสงคราม…
ข่าวครึ่งเทพของมนุษย์แพ้พ่ายแพร่สะพัดไปทั่วราชวงศ์ในชั่วพริบตา ทั่วทั้งราชวงศ์ต้าเฉียนเริ่มตื่นตระหนก
แต่เดิมขั้วอำนาจในราชวงศ์ต้าเฉียนคิดว่ามนุษย์ไม่มีทางพ่ายแพ้ ตำหนักไท่หวงจะต้องยับยั้งการรุกรานจากพวกต่างเผ่าพันธุ์ได้อย่างแน่นอน แต่ในวันนี้พวกเขาไม่อาจสบายใจได้ลง
ในราชวงศ์ ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของขั้วอำนาจทั้งหมดหรือผู้เฒ่าประหลาดที่ปิดด่านฝึกตนอยู่ตลอดปี ทั้งหมดล้วนมุ่งหน้ามารวมตัวกันที่เขตสงคราม
‘ครึ่งเทพโยวไห่’ (ทะเลสงบ) แห่งวังเก้านิรยออกจากสำนัก มุ่งหน้ามายังสนามรบแนวหน้า ‘ครึ่งเทพคูซี’ ผู้อาวุโสสูงสุดของวังลอยฟ้าและผู้นำระดับสูงกลุ่มหนึ่งออกจากสำนัก…
เวลาสามเดือน บนสนามรบมณฑลหลิง สงครามแผ่ขยายขึ้นอีกหลายครั้ง มนุษย์และต่างเผ่าพันธุ์แพ้ชนะเสมอกัน
“ท่าทางสงครามจะมาถึงช่วงสำคัญสุดท้ายแล้ว!”
แม้กระทั่งจ้าวเฟิงที่สงบเยือกเย็นมาโดยตลอด ก็ยังอดห่วงราชวงศ์ต้าเฉียนขึ้นมาไม่ได้
จากสถานการณ์ในตอนนี้ เขาก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าผลสุดท้ายแล้วจะเป็นเช่นไร ใครจะเป็นผู้แพ้ ใครจะเป็นผู้ชนะ
เชื่อว่าต่อให้เป็นนักทำนายที่มีชื่อเสียงในราชวงศ์ก็ยากจะทำนาย ในเมื่อทั้งสนามรบมีเหตุปัจจัยอื่นๆ มากมาย สถานที่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงมีมากนับไม่ถ้วน
“ข้าก็ควรจะไปดูที่มณฑลหลิงเสียหน่อยแล้ว!”
จ้าวเฟิงตัดสินใจ
สงครามครึ่งเทพ หมื่นปีก็ยากจะพบเจอ จ้าวเฟิงเชื่อว่าหากสามารถศึกษาการต่อสู้ของครึ่งเทพ เขาจะได้เรียนรู้อะไรอีกมากอย่างแน่นอน
แปดวันหลังจากนั้น ความคิดส่วนใหญ่ของจ้าวเฟิงยังคงรวบรวมอยู่ในมิติตาซ้าย
จ้าวเฟิงในยามนี้มีพลังวิญญาณอ่อนแอเป็นที่สุด ส่วนการผลาญไอสวรรค์ในกาย เขายังสามารถใช้ทรัพยากรล้ำค่ามหาศาลบำรุงได้
“ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่!”
จ้าวเฟิงจิตใจกระสับการส่าย
ในมิติตาซ้าย เหนือลูกทรงกลมสีทองลึกลับ ลูกธนูสีทองหม่นดอกหนึ่งลอยอยู่ และอีกด้านหนึ่งยังมีวัตถุบิดเบี้ยวสีดำ ในนั้นสามารถมองเห็นโครงร่างเลือนรางของลูกธนูได้
ทันใดนั้น ลูกทรงกลมสีทองลึกลับตรงใจกลางยิ่งหมุนเร็วจี๋ ในขณะเดียวกันนี้ การผลาญพลังเจตจำนงดวงตาและไอสวรรค์ในกายของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นทบเท่าทันที
“ลอกเลียนแบบมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว!”
สีหน้าของจ้าวเฟิงซับซ้อน ทั้งเคร่งขรึมและยินดีในเวลาเดียวกัน
วู้ม วู้ม!
เจตจำนงดวงตาของจ้าวเฟิงหลั่งไหลไปอย่างรวดเร็ว และเหนือลูกทรงกลมสีทองลึกลับ วัตถุสีดำบิดเบี้ยวกลุ่มนั้นค่อยๆ หดลง หลอมรวมเป็นรูปร่างลูกธนูสีทองหม่น
วู้ม ฟู่!
ความเร็วการโคจรของลูกสีทองลึกลับค่อยๆ ช้าลง อีกทั้งเจตจำนงดวงตาของจ้าวเฟิงก็ใช้จนหมดเกลี้ยง!
ตอนนี้ตาซ้ายของจ้าวเฟิงเหมือนกลายเป็นดวงตาธรรมดา ไม่อาจโคจรพลังดวงตาเทพเจ้าที่แข็งแกร่งได้แม้เพียงเศษเสี้ยว
“อันตรายจริง!”
จ้าวเฟิงแอบปาดเหงื่อ
ถึงช่วงเวลาสำคัญสุดท้าย จ้าวเฟิงทำใจหยุดกลางคันไม่ได้ ดีที่การสูญเสียเจตจำนงดวงตาของดวงตาเทพเจ้า ไม่ได้สร้างความบาดเจ็บเสียหายอะไรมากนัก เพียงแต่ช่วงนี้ต้องดูแลและฟื้นฟูให้ดีๆ
วูบ!
จ้าวเฟิงนำอาวุธเทพชั้นรองศรสังหารเทพสองดอกในมิติเนตรเทพเจ้าเข้าไปวางไว้ในมนตราอากาศ
ขณะนี้จ้าวเฟิงมีอาวุธเทพชั้นรองศรสังหารเทพเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งดอก เท่ากับเป็นการเพิ่มไพ่ตายขึ้นอีกหนึ่งใบ เขาก็ไม่รีบร้อนลอกเลียนแบบต่อ จ้าวเฟิงวางแผนไว้ว่าหลังจากที่เจตจำนงดวงตาเพิ่มขึ้นแล้วค่อยลอกเลียนแบบอาวุธเทพชั้นรองศรสังหารเทพ เพื่อลดความเสี่ยงลง
หลังจากที่ลอกเลียนแบบอาวุธเทพชั้นรองศรสังหารเทพสำเร็จ จ้าวเฟิงก็เริ่มดูแลร่างกายและวิญญาณ
จนกระทั่งครึ่งเดือนไป ข่าวสารที่เฒ่าประหลาดสวีส่งมาก็ขัดจังหวะการปิดด่านของจ้าวเฟิง
“นายท่าน สงครามใหญ่ที่ประทุขึ้นในครั้งนี้ของสองราชวงศ์ ทางฝั่งต่างเผ่าพันธุ์ มังกรวารีล้างโลกาปรากฏตัวขึ้นแล้ว!”
ตอนนี้จ้าวเฟิงฟื้นฟูโดยสมบูรณ์แล้ว สีหน้าของเขาตื่นตกใจ รีบจบการปิดด่านทันที
“คิดไม่ถึงเลยว่ามังกรวารีล้างโลกาจะแอบซ่อนอยู่กับฝั่งต่างเผ่าพันธุ์ หรือนี่จะเป็นสาเหตุที่ต่างเผ่าพันธุ์ก่อสงคราม?”
จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำเสียงเบา
ถึงแม้ว่าในตอนแรก มังกรวารีล้างโลกาจะถูกผู้นำระดับสูงของตำหนักไท่หวงและวังลอยฟ้าร่วมมือกันทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก แต่มังกรวารีล้างโลกากลับกล้าปรากฏตัวอีกครั้ง พลังของมันก็น่าจะฟื้นฟูกลับมาไม่น้อย
ต้องรู้ก่อนว่า ในยุคที่มังกรวารีล้างโลกาเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก มันมีพลังเทียบเคียงกับเทพบรรพกาลเสียหยาง
จ้าวเฟิงคาดว่าพลังในยามนี้ของมังกรวารีล้างโลกาน่าจะฟื้นฟูได้ประมาณระดับครึ่งเทพ
หรือก็คือ พวกต่างเผ่าพันธุ์เท่ากับเพิ่มกำลังรบครึ่งเทพที่แข็งแกร่งมาได้อีกหนึ่ง
ครึ่งเทพผู้หนึ่ง มากเพียงพอที่จะทำให้ต้าเฉียนที่แต่เดิมมีพลังเทียบเคียงกับราชวงศ์จันทราทมิฬ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และมากเพียงพอจะพลิกตาชั่งแห่งชัยชนะได้!
“ต้องไปสนามรบมณฑลหลิงเสียหน่อยแล้ว!”
จ้าวเฟิงเริ่มเตรียมตัว
หลังจากที่จ้าวเฟิงออกไปจากตำหนัก แถวตำหนักของเขามีทหารองครักษ์เสื้อเกราะทองผู้หนึ่งยืนอยู่
“ผู้อาวุโสจ้าวเฟิง องค์รัชทายาทให้ข้านำข้อความมาบอกท่าน พระองค์กลับไปยังราชวงศ์ต้าเฉียนแล้ว นอกจากนั้น นี่คือสิ่งที่องค์รัชทายาทให้ข้ามอบให้ท่าน!”
ทหารองครักษ์เห็นจ้าวเฟิงออกมาก็รีบเอ่ยปากขึ้นทันที แล้วยื่นถุงสัตว์วิเศษให้อย่างนอบน้อม
จ้าวเฟิงตะลึงไปเล็กน้อย ถุงสัตว์วิเศษนี้คือไพ่ตายที่จ้าวเฟิงมอบให้กับองค์ชายเก้าในยามที่เขาจากไปครั้งก่อน ในนั้นมีฝูงสัตว์อสูรสองฝูงและวานรทองสะท้านฟ้าขั้นปฐมเซียนสามตัว
“องค์ชายเก้าไปจากสนามรบแล้ว?”
จ้าวเฟิงคล้ายกำลังครุ่นคิด
ในยามนี้องค์ชายเก้ากลับไป น่าจะมีเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการเปลี่ยนตำแหน่งจักรพรรดิ
หลังการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทจบสิ้นลงก็เกือบจะห้าปีแล้ว อีกแค่หนึ่งปีก็เป็นเวลาที่องค์ชายเก้าจะขึ้นครองราชย์ เวลานี้เขาย่อมไม่อาจอยู่ในอันตรายของสงครามได้
จ้าวเฟิงเก็บถุงสัตว์วิเศษ ปล่อยสัตว์อสูรภายในไว้ในมนตราอากาศทั้งหมด
สายตาของจ้าวเฟิงขยับประกายเล็กน้อย เมื่อกวาดประสาทสัมผัสวิญญาณผ่าน ก็พบว่าหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยล้วนกำลังปิดด่าน
ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงจากฐานที่มั่นมาเพียงคนเดียว ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสนามรบมณฑลหลิง
ในระหว่างทางบินไป จ้าวเฟิงติดต่อกับเฒ่าประหลาดสวีตลอดเวลา
“สองราชวงศ์เปิดศึกแล้วอย่างสมบูรณ์ ราชวงศ์ต้าเฉียนส่งกำลังผู้แข็งแกร่งครึ่งเทพไปแล้วสามคน…”
เฒ่าประหลาดสวีรายงานสถานการณ์ศึกบางเรื่องให้กับจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงแค่ได้ฟัง ก็รู้สึกว่าเลือดในกายเดือดพล่าน
“สงครามครึ่งเทพ จะมีลักษณะเป็นยังไงกัน!”
จ้าวเฟิงเสียดายเล็กน้อยที่ไม่ได้ทิ้งสัญลักษณ์มิติไว้แถวๆ สนามรบมณฑลหลิงในตอนแรก
วู้ม ฟู่ ฟู่!
ด้านหลังของจ้าวเฟิงสยายปีกแสงศักดิ์สิทธิ์สีแดงทองออก สำแดงวิชาปีกโบยบินอัสนี รีบเดินทางไปยังสนามรบอย่างรวดเร็ว
“เฒ่าประหลาดสวี เจ้ายังสามารถเข้าไปใกล้สนามรบได้อีก!”
จ้าวเฟิงส่งกระแสจิตไปยังเฒ่าประหลาดสวี
ยามนี้จ้าวเฟิงห่างจากเฒ่าประหลาดสวีในระยะเพียงแค่ไม่กี่เมืองใหญ่เท่านั้น
บนสนามรบมณฑลหลิง
เฒ่าประหลาดสวีที่คอยดูสถานการณ์สงครามอยู่เบื้องหลังแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ยังเข้าไปใกล้สนามรบอยู่หลายส่วน
ทันใดนั้น ในส่วนลึกวิญญาณของเขาก็ทะลักพลังดวงตาที่น่าหวาดหวั่นออกมา ดวงตาทั้งสองฉายเงาแสงสีทองชั้นหนึ่งวูบวาบ
ในเสี้ยวขณะนั้น เฒ่าประหลาดสวีรู้สึกว่าทัศนวิสัยของเขาเพิ่มมากขึ้นกว่าสิบเท่า
สายตาของเขามองไปยังท้องฟ้าที่กว้างไกล มองผ่านพายุทำลายล้างที่น่าหวาดหวั่นกลุ่มนั้น เห็นเงาร่างของหนึ่งในครึ่งเทพที่สู้รบอยู่
“นี่ก็คือการต่อสู้ของขั้นครึ่งเทพ!”
เฒ่าประหลาดสวีจิตใจสั่นสะท้าน สายตาอึ้งตะลึง
ลำพังแค่อาศัยสายตา เฒ่าประหลาดสวีก็รู้สึกว่าพลังน่าหวาดหวั่นที่ทำลายฟ้าดินนั่นเกินขั้นเซียนไปอย่างสิ้นเชิง เศษเสี้ยวคลื่นที่ครึ่งเทพโจมตีออกมาตามอารมณ์ ก็สามารถทำลายเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“มนุษย์ ข้ากลับมาแล้ว เวลาตายของพวกเจ้าอยู่ไม่ไกลแล้ว!”
ชายที่ทั่วทั้งร่างปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำ ใบหน้าเหี้ยมโหดอำมหิต อยู่ท่ามกลางในเปลวเพลิงสีแดงดำ รอบด้านมีพายุหมุนมังกรสีดำพัดกวาดไปนับสิบลี้
ด้านหน้าของเขาเป็นผู้อาวุโสผู้หนึ่งที่คลุมเสื้อคลุมสีทอง มือถือไม้เท้าทองหัวมังกรเอาไว้ ทั่วทั้งร่างมีลวดลายมังกรทองชั้นหนึ่งปรากฏขึ้น โอบล้อมด้วยเงาหัวมังกรที่มีชีวิตชีวาและเหี้ยมโหดทรงพลัง
คนผู้นี้คือผู้กุมอำนาจสูงสุดของตำหนักไท่หวง และเป็นผู้ควบคุมอำนาจเบื้องหลังทั้งหมดของราชวงศ์…ครึ่งเทพหลงซิง (ดารามังกร)
“มังกรวารีล้างโลกา วันนี้เจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่!”
แววตาของครึ่งเทพหลงซิงพลันส่องประกายแสงสีทองวาววับ ในเสี้ยวขณะนั้น ฟ้าดินเปลี่ยนสี เสวียนอ้าวทะลักล้น พลังกฎเกณฑ์อันไร้รูปร่างโจมตีไปยังมังกรวารีล้างโลกา