Skip to content

King of Gods 1067

King Of Gods

บทที่ 1067 มังกรวารีทมิฬ

จ้าวเฟิงรับรู้สถานการณ์สงครามล่าสุดแบบครอบคลุมทุกด้านจากเฒ่าประหลาดสวีที่อยู่บนสนามรบมณฑลหลิง

‘ครึ่งเทพไท่จี๋’ ผู้อาวุโสสูงสุดของตำหนักไท่หวง และครึ่งเทพพั่วเมี่ยผู้อาวุโสสูงสุดของวังเวหามาร การประมือของผู้แข็งแกร่งขั้นครึ่งเทพทั้งสอง สุดท้ายแล้วฝั่งมนุษย์พ่ายแพ้

“คิดไม่ถึงเลยว่าต่างเผ่าพันธุ์จะมีทายาทแปดเนตรเทพเจ้าขั้นครึ่งเทพอยู่ด้วย!”

จ้าวเฟิงตื่นตกใจ

ครึ่งเทพพั่วเมี่ยก็คือทายาทผู้สืบทอดของเนตรดับสูญ

เนตรดับสูญ แปดเนตรเทพเจ้าที่มีการโจมตีแข็งแกร่งที่สุด ควบคุมเสวียนอ้าวทำลายล้างสูงสุด มีพลังน่าหวาดหวั่นที่ทำลายฟ้าดิน

สำหรับครึ่งเทพไท่จี๋ จ้าวเฟิงก็เคยได้ยินมาเช่นกัน

ว่ากันว่าคนผู้นี้เป็นครึ่งเทพที่อายุน้อยที่สุดของตำหนักไท่หวง จากการฝึกฝนเสวียนอ้าวห้าธาตุ บรรลุหยินหยาง สุดท้ายแล้วจึงสัมผัสได้ถึงพลังขั้นเทพได้เสี้ยวหนึ่ง

“ขอบเขตเซียนสวรรค์!”

แววตาของจ้าวเฟิงมีจิตกระหายต่อสู้โชติช่วง

พรึ่บ จ้าวเฟิงนำ ‘หญ้าแผดเผาวิญญาณ’ เข้าไปในมิติตาซ้าย และเริ่มลอกเลียนแบบ

หลายวันหลังจากนั้น จ้าวเฟิงก็เอาหญ้าแผดเผาวิญญาณออกมาต้นหนึ่ง ส่วนอีกต้นหนึ่งทิ้งไว้ในมิติตาซ้าย รอให้จ้าวเฟิงฟื้นคืนสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดแล้วค่อยลอกเลียนแบบต่อไป

จ้าวเฟิงกินวัตถุดิบล้ำค่าฟื้นฟูและบำรุงไอสวรรค์บางอย่างลงไปบ้าง แล้วโคจร ‘หมื่นห้วงคิดเซียน’ ดูดซับสรรพคุณยาของ ‘หญ้าแผดเผาวิญญาณ’

ฟู่! เห็นเพียงกลิ่นอายพลังจิตวิญญาณสีแดงเยือกเย็นแต่ละสายค่อยๆ ทะลักเข้าไปในวิญญาณของจ้าวเฟิง

ทันใดนั้นเอง วิญญาณของจ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดแสบร้อนจากการฉีกทึ้ง พื้นผิวของกายวิญญาณอัสนีเกิดรอยบิดเบี้ยวขึ้นรอยหนึ่ง ทั้งยังอาบด้วยประกายสีแดงหม่น

“ความเจ็บปวดนี้ เทียบกับแยกวิญญาณแล้วเล็กน้อยนัก!”

จ้าวเฟิงกัดฟัน ดูดซับสรรพคุณยาของหญ้าแผดเผาวิญญาณต่อไป

ยามที่ใช้สรรพคุณยาของ ‘หญ้าแผดเผาวิญญาณ’ ต้นนี้หมด ในมิติตาซ้ายก็ลอกเลียนแบบหญ้าแผดเผาวิญญาณสองต้นเสร็จ จ้าวเฟิงหยิบออกมาหนึ่งต้นทันที

หลังจากนั้นสามเดือน จ้าวเฟิงลืมตาที่แพรวพราวระยิบระยับขึ้น กลิ่นอายวิญญาณที่มาพร้อมกับความร้อนรุ่มพลันแผ่ซ่านออกมา

“พลังวิญญาณถึงระดับเทวาเร้นลับชั้นสูง!”

สีหน้าของจ้าวเฟิงแฝงความยินดี

สามเดือนที่ผ่านมา จ้าวเฟิงกินหญ้าแผดเผาวิญญาณไปทั้งสิ้นห้าต้น ทุกชั่วขณะล้วนต้องผ่านการแผดเผาฉีกทึ้งวิญญาณ ในที่สุดความมุ่งมั่นและการลงแรงของเขาก็บังเกิดผล!

พลังวิญญาณถึงเทวาเร้นลับชั้นสูง ส่วนวิชาดวงตาโจมตีวิญญาณของจ้าวเฟิง พลังเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับ

ในยามนี้ ต่อให้เผชิญหน้ากับราชาเซียน วิชาสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงผสานกับตราอัสนีเทวะ ก็สามารถสร้างความบาดเจ็บให้ได้ในระดับหนึ่ง ไม่เหมือนกับในตอนแรกที่จ้าวเฟิงใช้เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้ากับราชาเซียนเสี้ยวเทียน แต่ราชาเซียนเสี้ยวเทียนกลับไม่เจ็บไม่คัน

“ไม่รู้ว่าตอนนี้จะสามารถลอกเลียนแบบอาวุธเทพชั้นรองศรสังหารเทพได้แล้วหรือยัง!”

จ้าวเฟิงใจเต้นโครมคราม

การยกระดับของวิญญาณ จะมาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของเจตจำนงดวงตา

แค่เพียงจ้าวเฟิงลอกเลียนแบบอาวุธเทพชั้นรองศรสังหารเทพได้จำนวนหนึ่ง เขาก็ไม่ต้องเกรงกลัวราชาเซียนอีกต่อไป ในศึกใหญ่ของราชวงศ์ก็จะมีพลังป้องกันตัวในระดับหนึ่ง

วูบ! จ้าวเฟิงดูดอาวุธเทพชั้นรองศรสังหารเทพเข้าไปในมิติตาซ้ายอย่างระมัดระวัง

ฟิ้ว วู้ม!

ในมิติตาซ้าย ลูกทองกลมสีทองลึกลับหมุนวนอย่างรวดเร็ว สาดลายคลื่นสีทองอ่อนที่ลึกลับเกินหยั่งออกมาเป็นชั้นๆ คอยทะลวงผ่านศรสังหารเทพไม่หยุดหย่อน

อีกนานหลังจากนั้น ในลูกทรงกลมสีทองลึกลับก็ทะลักวัตถุสีดำกลุ่มหนึ่ง หลอมรวมอยู่กลางอากาศ แผ่กลิ่นอายบรรพกาลโบราณออกมา

“เริ่มลอกเลียนแบบแล้ว!”

จ้าวเฟิงรู้ชัดถึงขึ้นตอนการลอกเลียนแบบของลูกทรงกลมสีทองลึกลับเป็นอย่างดี

แต่ครั้งนี้ทดลองลอกเลียนแบบอาวุธเทพชั้นรองศรสังหารเทพ น่าจะต้องใช้เวลานานมาก

ในช่วงระยะนี้ หลักๆ แล้วความคิดของจ้าวเฟิงรวมอยู่ในมิติตาซ้าย ความคิดอีกส่วนหนึ่งทบทวน ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ศึกษาและฝึกฝนวิชาดวงตาวิญญาณบางอย่าง

“ไม่อาจลอกเลียนแบบได้เมื่อใด จะต้องหยุดทันที!”

จ้าวเฟิงวางแผนเอาไว้เช่นนี้ ไม่กล้าแบ่งสมาธิไปฝึกฝนร่างกายกับพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับมากเกินไป…

และช่วงเวลานี้ จ้าวเฟิงก็ติดต่อกับเฒ่าประหลาดสวีตลอดเวลาผ่านตราผนึกดวงใจทมิฬ และได้รับข่าวสถานการณ์ของสนามรบและสภาพสงคราม…

ข่าวครึ่งเทพของมนุษย์แพ้พ่ายแพร่สะพัดไปทั่วราชวงศ์ในชั่วพริบตา ทั่วทั้งราชวงศ์ต้าเฉียนเริ่มตื่นตระหนก

แต่เดิมขั้วอำนาจในราชวงศ์ต้าเฉียนคิดว่ามนุษย์ไม่มีทางพ่ายแพ้ ตำหนักไท่หวงจะต้องยับยั้งการรุกรานจากพวกต่างเผ่าพันธุ์ได้อย่างแน่นอน แต่ในวันนี้พวกเขาไม่อาจสบายใจได้ลง

ในราชวงศ์ ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของขั้วอำนาจทั้งหมดหรือผู้เฒ่าประหลาดที่ปิดด่านฝึกตนอยู่ตลอดปี ทั้งหมดล้วนมุ่งหน้ามารวมตัวกันที่เขตสงคราม

‘ครึ่งเทพโยวไห่’ (ทะเลสงบ) แห่งวังเก้านิรยออกจากสำนัก มุ่งหน้ามายังสนามรบแนวหน้า ‘ครึ่งเทพคูซี’ ผู้อาวุโสสูงสุดของวังลอยฟ้าและผู้นำระดับสูงกลุ่มหนึ่งออกจากสำนัก…

เวลาสามเดือน บนสนามรบมณฑลหลิง สงครามแผ่ขยายขึ้นอีกหลายครั้ง มนุษย์และต่างเผ่าพันธุ์แพ้ชนะเสมอกัน

“ท่าทางสงครามจะมาถึงช่วงสำคัญสุดท้ายแล้ว!”

แม้กระทั่งจ้าวเฟิงที่สงบเยือกเย็นมาโดยตลอด ก็ยังอดห่วงราชวงศ์ต้าเฉียนขึ้นมาไม่ได้

จากสถานการณ์ในตอนนี้ เขาก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าผลสุดท้ายแล้วจะเป็นเช่นไร ใครจะเป็นผู้แพ้ ใครจะเป็นผู้ชนะ

เชื่อว่าต่อให้เป็นนักทำนายที่มีชื่อเสียงในราชวงศ์ก็ยากจะทำนาย ในเมื่อทั้งสนามรบมีเหตุปัจจัยอื่นๆ มากมาย สถานที่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงมีมากนับไม่ถ้วน

“ข้าก็ควรจะไปดูที่มณฑลหลิงเสียหน่อยแล้ว!”

จ้าวเฟิงตัดสินใจ

สงครามครึ่งเทพ หมื่นปีก็ยากจะพบเจอ จ้าวเฟิงเชื่อว่าหากสามารถศึกษาการต่อสู้ของครึ่งเทพ เขาจะได้เรียนรู้อะไรอีกมากอย่างแน่นอน

แปดวันหลังจากนั้น ความคิดส่วนใหญ่ของจ้าวเฟิงยังคงรวบรวมอยู่ในมิติตาซ้าย

จ้าวเฟิงในยามนี้มีพลังวิญญาณอ่อนแอเป็นที่สุด ส่วนการผลาญไอสวรรค์ในกาย เขายังสามารถใช้ทรัพยากรล้ำค่ามหาศาลบำรุงได้

“ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่!”

จ้าวเฟิงจิตใจกระสับการส่าย

ในมิติตาซ้าย เหนือลูกทรงกลมสีทองลึกลับ ลูกธนูสีทองหม่นดอกหนึ่งลอยอยู่ และอีกด้านหนึ่งยังมีวัตถุบิดเบี้ยวสีดำ ในนั้นสามารถมองเห็นโครงร่างเลือนรางของลูกธนูได้

ทันใดนั้น ลูกทรงกลมสีทองลึกลับตรงใจกลางยิ่งหมุนเร็วจี๋ ในขณะเดียวกันนี้ การผลาญพลังเจตจำนงดวงตาและไอสวรรค์ในกายของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นทบเท่าทันที

“ลอกเลียนแบบมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว!”

สีหน้าของจ้าวเฟิงซับซ้อน ทั้งเคร่งขรึมและยินดีในเวลาเดียวกัน

วู้ม วู้ม!

เจตจำนงดวงตาของจ้าวเฟิงหลั่งไหลไปอย่างรวดเร็ว และเหนือลูกทรงกลมสีทองลึกลับ วัตถุสีดำบิดเบี้ยวกลุ่มนั้นค่อยๆ หดลง หลอมรวมเป็นรูปร่างลูกธนูสีทองหม่น

วู้ม ฟู่!

ความเร็วการโคจรของลูกสีทองลึกลับค่อยๆ ช้าลง อีกทั้งเจตจำนงดวงตาของจ้าวเฟิงก็ใช้จนหมดเกลี้ยง!

ตอนนี้ตาซ้ายของจ้าวเฟิงเหมือนกลายเป็นดวงตาธรรมดา ไม่อาจโคจรพลังดวงตาเทพเจ้าที่แข็งแกร่งได้แม้เพียงเศษเสี้ยว

“อันตรายจริง!”

จ้าวเฟิงแอบปาดเหงื่อ

ถึงช่วงเวลาสำคัญสุดท้าย จ้าวเฟิงทำใจหยุดกลางคันไม่ได้ ดีที่การสูญเสียเจตจำนงดวงตาของดวงตาเทพเจ้า ไม่ได้สร้างความบาดเจ็บเสียหายอะไรมากนัก เพียงแต่ช่วงนี้ต้องดูแลและฟื้นฟูให้ดีๆ

วูบ!

จ้าวเฟิงนำอาวุธเทพชั้นรองศรสังหารเทพสองดอกในมิติเนตรเทพเจ้าเข้าไปวางไว้ในมนตราอากาศ

ขณะนี้จ้าวเฟิงมีอาวุธเทพชั้นรองศรสังหารเทพเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งดอก เท่ากับเป็นการเพิ่มไพ่ตายขึ้นอีกหนึ่งใบ เขาก็ไม่รีบร้อนลอกเลียนแบบต่อ จ้าวเฟิงวางแผนไว้ว่าหลังจากที่เจตจำนงดวงตาเพิ่มขึ้นแล้วค่อยลอกเลียนแบบอาวุธเทพชั้นรองศรสังหารเทพ เพื่อลดความเสี่ยงลง

หลังจากที่ลอกเลียนแบบอาวุธเทพชั้นรองศรสังหารเทพสำเร็จ จ้าวเฟิงก็เริ่มดูแลร่างกายและวิญญาณ

จนกระทั่งครึ่งเดือนไป ข่าวสารที่เฒ่าประหลาดสวีส่งมาก็ขัดจังหวะการปิดด่านของจ้าวเฟิง

“นายท่าน สงครามใหญ่ที่ประทุขึ้นในครั้งนี้ของสองราชวงศ์ ทางฝั่งต่างเผ่าพันธุ์ มังกรวารีล้างโลกาปรากฏตัวขึ้นแล้ว!”

ตอนนี้จ้าวเฟิงฟื้นฟูโดยสมบูรณ์แล้ว สีหน้าของเขาตื่นตกใจ รีบจบการปิดด่านทันที

“คิดไม่ถึงเลยว่ามังกรวารีล้างโลกาจะแอบซ่อนอยู่กับฝั่งต่างเผ่าพันธุ์ หรือนี่จะเป็นสาเหตุที่ต่างเผ่าพันธุ์ก่อสงคราม?”

จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำเสียงเบา

ถึงแม้ว่าในตอนแรก มังกรวารีล้างโลกาจะถูกผู้นำระดับสูงของตำหนักไท่หวงและวังลอยฟ้าร่วมมือกันทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก แต่มังกรวารีล้างโลกากลับกล้าปรากฏตัวอีกครั้ง พลังของมันก็น่าจะฟื้นฟูกลับมาไม่น้อย

ต้องรู้ก่อนว่า ในยุคที่มังกรวารีล้างโลกาเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก มันมีพลังเทียบเคียงกับเทพบรรพกาลเสียหยาง

จ้าวเฟิงคาดว่าพลังในยามนี้ของมังกรวารีล้างโลกาน่าจะฟื้นฟูได้ประมาณระดับครึ่งเทพ

หรือก็คือ พวกต่างเผ่าพันธุ์เท่ากับเพิ่มกำลังรบครึ่งเทพที่แข็งแกร่งมาได้อีกหนึ่ง

ครึ่งเทพผู้หนึ่ง มากเพียงพอที่จะทำให้ต้าเฉียนที่แต่เดิมมีพลังเทียบเคียงกับราชวงศ์จันทราทมิฬ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และมากเพียงพอจะพลิกตาชั่งแห่งชัยชนะได้!

“ต้องไปสนามรบมณฑลหลิงเสียหน่อยแล้ว!”

จ้าวเฟิงเริ่มเตรียมตัว

หลังจากที่จ้าวเฟิงออกไปจากตำหนัก แถวตำหนักของเขามีทหารองครักษ์เสื้อเกราะทองผู้หนึ่งยืนอยู่

“ผู้อาวุโสจ้าวเฟิง องค์รัชทายาทให้ข้านำข้อความมาบอกท่าน พระองค์กลับไปยังราชวงศ์ต้าเฉียนแล้ว นอกจากนั้น นี่คือสิ่งที่องค์รัชทายาทให้ข้ามอบให้ท่าน!”

ทหารองครักษ์เห็นจ้าวเฟิงออกมาก็รีบเอ่ยปากขึ้นทันที แล้วยื่นถุงสัตว์วิเศษให้อย่างนอบน้อม

จ้าวเฟิงตะลึงไปเล็กน้อย ถุงสัตว์วิเศษนี้คือไพ่ตายที่จ้าวเฟิงมอบให้กับองค์ชายเก้าในยามที่เขาจากไปครั้งก่อน ในนั้นมีฝูงสัตว์อสูรสองฝูงและวานรทองสะท้านฟ้าขั้นปฐมเซียนสามตัว

“องค์ชายเก้าไปจากสนามรบแล้ว?”

จ้าวเฟิงคล้ายกำลังครุ่นคิด

ในยามนี้องค์ชายเก้ากลับไป น่าจะมีเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการเปลี่ยนตำแหน่งจักรพรรดิ

หลังการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทจบสิ้นลงก็เกือบจะห้าปีแล้ว อีกแค่หนึ่งปีก็เป็นเวลาที่องค์ชายเก้าจะขึ้นครองราชย์ เวลานี้เขาย่อมไม่อาจอยู่ในอันตรายของสงครามได้

จ้าวเฟิงเก็บถุงสัตว์วิเศษ ปล่อยสัตว์อสูรภายในไว้ในมนตราอากาศทั้งหมด

สายตาของจ้าวเฟิงขยับประกายเล็กน้อย เมื่อกวาดประสาทสัมผัสวิญญาณผ่าน ก็พบว่าหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยล้วนกำลังปิดด่าน

ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงจากฐานที่มั่นมาเพียงคนเดียว ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสนามรบมณฑลหลิง

ในระหว่างทางบินไป จ้าวเฟิงติดต่อกับเฒ่าประหลาดสวีตลอดเวลา

“สองราชวงศ์เปิดศึกแล้วอย่างสมบูรณ์ ราชวงศ์ต้าเฉียนส่งกำลังผู้แข็งแกร่งครึ่งเทพไปแล้วสามคน…”

เฒ่าประหลาดสวีรายงานสถานการณ์ศึกบางเรื่องให้กับจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงแค่ได้ฟัง ก็รู้สึกว่าเลือดในกายเดือดพล่าน

“สงครามครึ่งเทพ จะมีลักษณะเป็นยังไงกัน!”

จ้าวเฟิงเสียดายเล็กน้อยที่ไม่ได้ทิ้งสัญลักษณ์มิติไว้แถวๆ สนามรบมณฑลหลิงในตอนแรก

วู้ม ฟู่ ฟู่!

ด้านหลังของจ้าวเฟิงสยายปีกแสงศักดิ์สิทธิ์สีแดงทองออก สำแดงวิชาปีกโบยบินอัสนี รีบเดินทางไปยังสนามรบอย่างรวดเร็ว

“เฒ่าประหลาดสวี เจ้ายังสามารถเข้าไปใกล้สนามรบได้อีก!”

จ้าวเฟิงส่งกระแสจิตไปยังเฒ่าประหลาดสวี

ยามนี้จ้าวเฟิงห่างจากเฒ่าประหลาดสวีในระยะเพียงแค่ไม่กี่เมืองใหญ่เท่านั้น

บนสนามรบมณฑลหลิง

เฒ่าประหลาดสวีที่คอยดูสถานการณ์สงครามอยู่เบื้องหลังแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ยังเข้าไปใกล้สนามรบอยู่หลายส่วน

ทันใดนั้น ในส่วนลึกวิญญาณของเขาก็ทะลักพลังดวงตาที่น่าหวาดหวั่นออกมา ดวงตาทั้งสองฉายเงาแสงสีทองชั้นหนึ่งวูบวาบ

ในเสี้ยวขณะนั้น เฒ่าประหลาดสวีรู้สึกว่าทัศนวิสัยของเขาเพิ่มมากขึ้นกว่าสิบเท่า

สายตาของเขามองไปยังท้องฟ้าที่กว้างไกล มองผ่านพายุทำลายล้างที่น่าหวาดหวั่นกลุ่มนั้น เห็นเงาร่างของหนึ่งในครึ่งเทพที่สู้รบอยู่

“นี่ก็คือการต่อสู้ของขั้นครึ่งเทพ!”

เฒ่าประหลาดสวีจิตใจสั่นสะท้าน สายตาอึ้งตะลึง

ลำพังแค่อาศัยสายตา เฒ่าประหลาดสวีก็รู้สึกว่าพลังน่าหวาดหวั่นที่ทำลายฟ้าดินนั่นเกินขั้นเซียนไปอย่างสิ้นเชิง เศษเสี้ยวคลื่นที่ครึ่งเทพโจมตีออกมาตามอารมณ์ ก็สามารถทำลายเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“มนุษย์ ข้ากลับมาแล้ว เวลาตายของพวกเจ้าอยู่ไม่ไกลแล้ว!”

ชายที่ทั่วทั้งร่างปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำ ใบหน้าเหี้ยมโหดอำมหิต อยู่ท่ามกลางในเปลวเพลิงสีแดงดำ รอบด้านมีพายุหมุนมังกรสีดำพัดกวาดไปนับสิบลี้

ด้านหน้าของเขาเป็นผู้อาวุโสผู้หนึ่งที่คลุมเสื้อคลุมสีทอง มือถือไม้เท้าทองหัวมังกรเอาไว้ ทั่วทั้งร่างมีลวดลายมังกรทองชั้นหนึ่งปรากฏขึ้น โอบล้อมด้วยเงาหัวมังกรที่มีชีวิตชีวาและเหี้ยมโหดทรงพลัง

คนผู้นี้คือผู้กุมอำนาจสูงสุดของตำหนักไท่หวง และเป็นผู้ควบคุมอำนาจเบื้องหลังทั้งหมดของราชวงศ์…ครึ่งเทพหลงซิง (ดารามังกร)

“มังกรวารีล้างโลกา วันนี้เจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่!”

แววตาของครึ่งเทพหลงซิงพลันส่องประกายแสงสีทองวาววับ ในเสี้ยวขณะนั้น ฟ้าดินเปลี่ยนสี เสวียนอ้าวทะลักล้น พลังกฎเกณฑ์อันไร้รูปร่างโจมตีไปยังมังกรวารีล้างโลกา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!