บทที่ 1071 การร่วมมือที่น่าสะพรึง
“ช่วงนี้ข้าจะขยันฝึกฝน ถึงเวลาจะได้มีพลังปกป้องตัวเอง!”
ทั่งร่างของจ้าวหยูเฟยโปร่งใส ประกายผลึกแก้วสีม่วงอ่อนกะพริบวูบวาบ ไอสวรรค์ฟ้าดินไร้รูปร่างหลอมเข้ามาในกายของนาง
สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ สายเลือดที่น่าหวาดหวั่นอันดับที่สิบเก้าในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ความเร็วในการฝึกฝนเหนือกว่าใครจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ขอเพียงมีไอสวรรค์ฟ้าดินที่เพียงพอ เผ่าพันธุ์วิญญาณก็จะเข้ากลืนกินในทันที และยกระดับพลังชั้นกายเนื้อได้อย่างรวดเร็ว
“นี่คือ?”
ประสาทสัมผัสวิญญาณของจ้าวหยูเฟยเข้าไปสำรวจในมิติเก็บของที่จ้าวเฟิงให้มา
จ้าวหยูเฟยเปิดขวดแก้วหนึ่งในนั้นออก ทันใดนั้น กลิ่นอายบรรพกาลของสายเลือดบรรพกาลเข้มข้นที่แผ่กระจายออกมา ก็ทำให้สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณของนางเต้นโครมคราม คุณสมบัติสายเลือดที่หลับลึกอยู่ตื่นขึ้นมาทันใด
กายของจ้าวหยูเฟยแผ่ซ่านพลังสายเลือดเผ่าพันธุ์บรรพกาลที่แข็งแกร่งออกมา ไอสวรรค์ฟ้าดินทั่วบริเวณส่องประกายสีม่วงวาววับ สั่นสะท้านขึ้นอย่างน่าประหลาด ม้วนตัวขึ้นเป็นลมพายุ
ตวนมู่ชิงที่อยู่ข้างๆ พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับสั่นสะท้าน ราวกับถูกกดอัดไม่อาจโคจรได้
“เป็นอะไรไป? หยูเฟย?”
ตวนมู่ชิงรีบถามขึ้นทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของจ้าวหยูเฟย
ในเสี้ยวขณะนั้น ตวนมู่ชิงรู้สึกว่าสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณของจ้าวหยูเฟย แข็งแกร่งขึ้นหลายส่วนในชั่วพริบตา นับเป็นพลังอำนาจของเผ่าพันธุ์บรรพกาล ทำให้ตวนมู่ชิงรู้สึกว่าตนเองเล็กจ้อยด้อยค่าเป็นอย่างมาก
“เป็นสิ่งนี้ พี่เฟิงมอบให้ข้า…”
จ้าวหยูเฟยหยิบขวดแก้วโปร่งใสออกมา ข้างในบรรจุเลือดสีเหลืองหม่นวาวแววเอาไว้บางส่วน กลิ่นอายสายเลือดดั้งเดิมบรรพกาล ค่อยๆ แผ่กระจายออกมา
“เป็นกลิ่นอายบรรพกาลที่เข้มข้นยิ่งนัก นี่เหมือนจะเป็นเลือดบรรพกาล อีกทั้งระดับความเข้มข้นของเลือด….”
ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของตวนมู่ชิงกวาดไปในขวดแก้ว ใบหน้าตื่นตกใจเป็นที่สุด
ลำพังแค่เลือดนี้ เขาก็ไม่อาจวิเคราะห์ได้ว่าตกลงแล้วเป็นเลือดชนิดใด
แต่กลิ่นอายบรรพกาลในเลือดเป็นประโยชน์อย่างมากต่อสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณของจ้าวหยูเฟย นี่ทำให้เห็นว่าสายเลือดในขวดแก้วไม่ธรรมดาถึงเพียงใด
ฟู่!
ตวนมู่ชิงสะบัดมืออก ทั่วบริเวณพลันปรากฏเขตแดนที่สกัดกั้นทุกสรรพสิ่งขึ้นทันใด พยายามกักกั้นกลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลกลุ่มนี้เอาไว้
“หยูเฟย หากสามารถดูดซับคุณสมบัติบรรพกาลในเลือดและกลิ่นอายทั้งหมดได้ ความเข้มข้นของสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณเจ้าบางทีอาจจะเพิ่มขึ้นอีกขั้น!”
เสียงของเซียนจื่อเย่ดังขึ้นในหัวของจ้าวหยูเฟย
“จ้าวเฟิงมีสิ่งล้ำค่าถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน?”
ตวนมู่ชิงถามขึ้นอย่างอัศจรรย์ใจ
“ยังมีนี่อีก!” จ้าวหยูเฟยตะลึงไป ก่อนจะหยิบหญ้าสมุนไพรต้นหนึ่งออกมาจากมิติเก็บของ หญ้าสมุนไพรต้นนี้จ้าวหยูเฟยไม่รู้จัก ดังนั้นจึงหยิบออกมาให้เซียนจื่อเย่และตวนมู่ชิงระบุ
“นี่คือ ‘หญ้าวิญญาณมรกต’ วัตถุดิบล้ำค่าในตำนานของยุคบรรพกาล สามารถใช้กฎเกณฑ์เสวียนอ้าวธาตุไม้ที่มีเพียงอย่างเดียวหลอมแสงวนพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในกายของเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับได้…”
เซียนจื่อเย่รอบรู้กว้างขวาง ระบุวัตถุดิบล้ำค่านี้ออกมา
ทุกคนล้วนรู้ว่าความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับเกี่ยวข้องกับแสงวนพลังศักดิ์สิทธิ์ในกาย และแสงวนพลังศักดิ์สิทธิ์ก็แสดงถึงการควบคุมเสวียนอ้าวกฎเกณฑ์กับพลังฟ้าดินของเซียน
วัตถุดิบล้ำค่าบรรพกาลต้นนี้ เท่ากับสามารถยกระดับความแข็งแกร่งพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับของเซียนได้ทันใด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ในหญ้าวิญญาณมรกตแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายบรรพกาลที่เข้มข้นเป็นอย่างมาก มีประโยชน์ต่อสายเลือดของจ้าวหยูเฟยในระดับหนึ่ง
“จ้าวเฟิงช่างมีน้ำใจเสียจริง มอบทรัพยากรล้ำค่าเช่นนี้ให้กับเจ้า!”
เซียนจื่อเย่ทอดถอนใจ
“พี่เฟิง หยูเฟยจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง!”
จ้าวหยูเฟยกำวัตถุดิบล้ำค่าสองชนิดเอาไว้ ในใจกระตือรือร้นเกินกว่าปกติ
จ้าวเฟิงมอบสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ให้นาง จ้าวหยูเฟยรู้สึกว่าทั่วทั้งกายอบอุ่น ดวงตาสุกสกาวมีประกายน้ำ
ในมิติเก็บของยังมีกระแสน้ำเย็นเยือกอีกกาหนึ่ง จ้าวหยูเฟยเชื่อว่าวัตถุนั้นก็น่าจะไม่ธรรมดาเช่นกัน
เช่นนี้ จ้าวหยูเฟยจึงใช้ไอสวรรค์ฟ้าดินที่เข้มข้นและทรัพยากรที่จ้าวเฟิงมอบให้ จากนั้นเริ่มปิดด่านฝึกตน
“น้ำนี่เหมือนจะสามารถเพิ่มขอบเขตวิญญาณของข้าได้!”
จ้าวหยูเฟยดื่มน้ำในกาบางส่วน สัมผัสถึงสรรพคุณของมัน นึกยินดีเป็นอย่างมาก
ขอบเขตกายเนื้อของจ้าวหยูเฟยสูงกว่าขอบเขตวิญญาณมาโดยตลอด หากขอบเขตสำนึกรู้ของจ้าวหยูเฟยเพิ่มระดับขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ของเขตพลังของนางก็จะเพิ่มขึ้นได้เร็วยิ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
……
อีกด้านหนึ่ง จ้าวเฟิงใช้พลังของมนตราอากาศข้ามผ่านระหว่างมณฑลใหญ่ กลับมายังตำหนักราชันที่มณฑลอวี่
ระหว่างทาง จ้าวเฟิงหยุดลงชั่วขณะ
“ข้างหน้าสามล้านลี้ก็คือสำนักวิญญาณทมิฬ!”
สำนักวิญญาณทมิฬคือสำนักศาสตร์แห่งซากศพที่จ้าวหวางอยู่
ในขณะนี้ จ้าวเฟิงติดต่อกับจ้าวหวางชัดเจนเป็นที่สุด ราวกับว่าตัวจ้าวเฟิงอยู่ในสำนักวิญญาณทมิฬเอง
สำนักวิญญาณทมิฬ
“ศิษย์พี่จ้าวหวาง!”
“พลังของศิษย์พี่จ้าวหวางเพิ่มขึ้นอีกแล้ว!”
“ศิษย์พี่จ้าวหวางก็คือบุคคลชั้นยอดของสำนักวิญญาณทมิฬ ในภายภาคหน้าชื่อเสียงจะต้องสะท้านราชวงศ์ต้าเฉียนอย่างแน่นอน”
ระหว่างทาง ลูกศิษย์ในสำนักวิญญาณทมิฬไม่น้อย กระทั่งลูกศิษย์คนสำคัญบางคนล้วนเคารพนอบน้อมต่อจ้าวหวาง
จ้าวหวางในยามนี้เป็นราชันระดับลึกซึ้ง ลูกศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักวิญญาณทมิฬ อัจฉริยะศาสตร์ซากศพที่สำนักวิญญาณทมิฬยากจะเจอสักครั้งในหมื่นปี อีกทั้งถูกยอดผู้อาวุโสที่เทียบเท่ากับผู้อาวุโสสูงสุดรับไว้เป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอด
จ้าวหวางสีหน้าเรียบเฉยเย็นชา เมินเฉยต่อทุกสรรพสิ่ง ออกจากสำนักวิญญาณไปทันใด
หลังจากที่จ้าวหวางเดินทางออกมาได้ระยะหนึ่ง เขาก็หยุดอยู่กับที่ สายตากวาดไปทั่วบริเวณ ไม่เจอสิ่งผิดปกติใดๆ
เสี้ยวขณะต่อมา เบื้องหน้าของจ้าวหวาง ก็มีลายน้ำวนปรากฏขึ้น ในนั้นมีวัตถุดิบล้ำค่ามากมายปรากฏขึ้น
ชั่วพริบตาที่วัตถุดิบล้ำค่าเหล่านี้ปรากฏขึ้น ก็ถูกจ้าวหวางเก็บเข้ามิติเก็บของในชั่วพริบตา
จากนั้น จ้าวหวางก็มุ่งหน้าไปยังอีกทิศทางหนึ่งห่างออกไปจากสำนักวิญญาณทมิฬ
สีหน้าของจ้าวเฟิงเรียบเฉย ในวันนี้เขาหวังเป็นอย่างมากว่าพลังของจ้าวหวางจะเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ทะลวงขั้นเซียนแล้ว จ้าวเฟิงประมือกับกำลังรบเซียนหลายต่อหลายครั้ง ก็รับรู้ได้ถึงความสำคัญของของร่างแยก ในเสี้ยวขณะที่สำคัญจะสามารถพลิกสถานการณ์เป็นตายได้
แต่ร่างแยกของจ้าวเฟิงในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป แน่นอน นี่ก็เป็นเพราะจ้าวหวางอยู่ในสำนักวิญญาณทมิฬ ไม่อาจทำตัวให้เด่นจนเกินไป
แต่ในขณะนี้ จ้าวเฟิงไม่อาจรอได้อีกต่อไปแล้ว
ครั้งนี้จ้าวเฟิงมอบวัตถุดิบบรรพกาลที่ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่งให้กับจ้าวหวางมากมาย ส่วนมากล้วนเป็นของล้ำค่าสำหรับฝึกฝนที่มีประโยชน์ต่อเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับ
แผนของจ้าวเฟิงก็คือให้จ้าวหวางไปจากสำนักวิญญาณทมิฬสักช่วงหนึ่งก่อน หลังจากที่กลับไปยังสำนักแล้ว ค่อยบอกว่าตนเองพบกับแหล่งมรดก ได้รับทรัพยากรฝึกฝนมากมาย
เช่นนี้แล้ว จ้าวหวางจะสามารถอาศัยข้ออ้างนี้ทำให้พลังก้าวพัฒนาได้ขั้นใหญ่ๆ อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่มอบทรัพยากรบางส่วนให้กับจ้าวหวางแล้ว ร่างของจ้าวเฟิงในเงามืดชั้นหนึ่ง ถึงค่อยๆ จางลง แล้วหายวับไป
หลังจากนั้นหนึ่งวัน จ้าวเฟิงกลับมาถึงยังตำหนักราชัน
จ้าวเฟิงไม่ได้ทำให้คนอื่นแตกตื่นแต่อย่างใด เข้าไปยังส่วนในตำหนักราชันทันที
ในตำหนักลับแห่งหนึ่ง เซียนราตรีทมิฬและปี้ชิงเยวี่ยรออยู่ที่นั่นแล้ว
ก่อนอื่น ปี้ชิงเยวี่นรายงานสภาพการพัฒนาในระยะนี้และข่าวที่สำคัญบางอย่างกับจ้าวเฟิง
จากนั้นก็เป็นเซียนราตรีทมิฬอธิบายถึงสถานการณ์ของหอสังหารเดียวดายในช่วงนี้ รวมถึงสถานการณ์การลอบสังหารผู้นำระดับสูงคนสำคัญของวังเก้านิรย
โดยภาพรวมเเล้ว หลังจากที่ตำหนักราชันได้รับทรัพยากรชดเชยจากวังเก้านิรยและลัทธิมารพิภพ อำนาจอิทธิพลก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ครอบคลุมพื้นที่ของราชวงศ์ต้าเฉียนมากกว่าหกส่วนขึ้นไป
สำหรับการลอบสังหารผู้นำชั้นสูงของวังเก้านิรยก็อยู่ในสถานการณ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ แต่การปรากฏกายของพลังเทพในพื้นที่สนามรบช่วงนี้ ทำให้กำลังรบส่วนใหญ่ของวังเก้านิรยพากันไปที่สนามรบ การป้องกันหอสังหารเดียวดายลดลง ดังนั้นภารกิจลอบสังหารในระยะนี้จึงมีอัตราความสำเร็จสูงมาก
“เซียนราตรีทมิฬ ควบคุมจำนวนของภารกิจลอบสังหาร และค่อยๆ ลดลง!”
จ้าวเฟิงพูดกับเซียนราตรีทมิฬทันใด
ครึ่งเทพและราชาเซียนที่ปิดด่านมานานของวังเก้านิรยล้วนออกมากันแล้ว ภารกิจลอบสังหารของหอสังหารเดียวดายให้เก็บเอาไว้หน่อยจะดีกว่า
“ปี้ชิงเยวี่ย มีรายงานข่าวของมังกรวารีล้างโลกาหรือไม่?”
จ้าวเฟิงถาม
สำหรับมังกรวารล้างโลกา จ้าวเฟิงยังคงสนใจอยู่บ้าง ถึงอย่างไรตอนนั้นในมิติเทพลวงตา จ้าวเฟิงก็เป็นหนึ่งในตัวการฝั่งมนุษย์ที่ขัดขวางมังกรวารีล้างโลก อีกทั้งใช้พลังตาซ้ายวางกลยุทธ์ประมือกับมังกรวารีล้างโลกาอย่างไร้รูปร่าง
“มังกรวารีล้างโลกาสู้กับครึ่งเทพหลงหวงแห่งตำหนักไท่หวง กายได้รับบาดเจ็บหนัก จากนั้นก็หนีไป ไม่รู้ร่องรอย!”
ปี้ชิงเยวี่ยเอ่ย
“ไม่ตาย? หนีจากเงื้อมมือของครึ่งเทพหลงหวงได้รึนี่!”
จ้าวเฟิงสีหน้าสั่นสะท้าน ผิดหวังเล็กน้อย
ถึงแม้จะพูดว่าครึ่งเทพหลงหวงคือครึ่งเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของตำหนักไท่หวง แต่มังกรวารีล้างโลกาก็ไม่ใช่ย่อย แต่ก็เป็นไปได้อย่างมากว่าในตอนนั้นครึ่งเทพหลงหวงถูกพลังเทพที่ปรากฏขึ้นตรงสนามรบดึงดูด มังกรวารีล้างโลกาจึงมีโอกาสหนีรอดไปได้
มังกรวารีล้างโลกาไม่ตาย อย่างไรจ้าวเฟิงก็ไม่วางใจ ในเมื่อพลังในยุคเฟื่องฟูของมังกรตัวนี้เทียบเคียงได้กับเทพบรรพกาลเสียหยางได้เลย
……
ในหุบเขาลึกลับตาคนแห่งหนึ่งของสนามรบมณฑลซวง
ชายกลิ่นอายชั่วร้ายที่มีเกล็ดดำทั่วทั้งร่างผู้หนึ่งเผชิญหน้าไกลๆ กับหญิงสาวธรรมดาที่สวมชุดขาวนางหนึ่ง
“สังหารจ้าวเฟิง?”
มังกรวารีล้างโลกาตะลึงไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่านี่คือเหตุผลที่เนตรทำนายมาหาเขาเพื่อร่วมมือ
สำหรับจ้าวเฟิง มังกรวารีล้างโลกาก็มีความทรงจำที่ฝังลึก
หากไม่ใช่เพราะจ้าวเฟิง เขาคงสามารถเข้าไปในคฤหาสน์ลับเทพบรพกาลได้นานแล้ว แค่เพียงได้รับทรัพยากรของล้ำค่าบางอย่าง พลังของเขาก็จะยกระดับได้อย่างรวดเร็ว คงไม่ถูกครึ่งเทพราชวงศ์ต้าเฉียนทำให้ได้รับบาดเจ็บหนักและตกต่ำเช่นทุกวันนี้
“ด้วยพลังเนตรทำนายของเจ้า คิดอยากจะสังหารใครสักคนน่าจะเป็นเรื่องที่ง่ายมากไม่ใช่รึ!”
สายตาของมังกรวารีล้างโลกาฉายแววเจ้าเล่ห์
สำหรับเนตรทำนาย มังกรวารล้างโลกาแน่นอนว่าคุ้นเคยดี เนตรทำนายไม่มีพลังต่อสู้ แต่หากเนตรทำนายคิดอยากจะสังหารคน แค่เพียงแอบผลักดันหรือส่งผลกระทบต่อโชคชะตาอย่างไร้รูปร่าง ก็สามารถฆ่าคนได้โดยไร้ร่องรอยแล้ว
“เจ้าอาจจะยังไม่รู้กระมัง ตาซ้ายของจ้าวเฟิงมีพลังแฝงที่สามารถพัฒนาเป็นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า!”
ไป๋หลินยิ้มเรียบง่าย เอ่ยอย่างราบเรียบ
“เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า?”
มังกรวารีล้างโลกาสีหน้าสั่นสะท้าน ตื่นตกใจเป็นที่สุด
แปดเนตรเทพเจ้าเป็นการมีอยู่พิเศษที่เทียบเคียงกับรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ เนตรเทพเจ้าทุกชนิด อย่างน้อยก็สามารถจัดอยู่ในยี่สิบอันดับของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณได้
มังกรวารีล้างโลกาไม่สงสัยคำพูดของไป๋หลินเลย เขาและจ้าวเฟิงเคยประมือกันโดยไร้รูปร่าง รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของสายเลือดดวงตาอีกฝ่ายดี
นอกจากนั้น ยังมีข่าวลืออีกว่าในแปดเนตรเทพเจ้าทุกชนิดมีมิติฟ้าดินดั้งเดิมแห่งหนึ่งที่ไม่ซ้ำใครในโลกนี้
เช่นนั้นแล้ว ดวงตาที่สามารถกลายเป็นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าได้ก็น่าจะเป็นเช่นเดียวกัน
หากมังกรวารีล้างโลกาสามารถโจมตีสังหารจ้าวเฟิง ทำลายมิติดั้งเดิมในเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าได้ เช่นนั้นเขาก็จะได้รับพลังทำลายล้างดั้งเดิมจำนวนมหาศาล ทำให้พลังของตนยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ใช่แล้ว เนตรเทพของเขาอยู่ในชั้นแรกเริ่มแล้ว เนตรทำนายของข้าคิดจะคาดเดาชะตาของเขา มันยากเกินไป!”
ไป๋หลินส่ายหน้า
ในตอนแรกที่ตาซ้ายของจ้าวเฟิงแปรสภาพ ความยากในการคาดเดาของนางก็เพิ่มขึ้นไม่หยุด
ดังนั้นไป๋หลินถึงลงมือกับคนที่จ้าวเฟิงติดต่อด้วยหรือเรื่องราวต่างๆ เช่นหนานเฟิงอ๋อง เฒ่าประหลาดสวี องค์ชายเก้า จ้าวหยูเฟย ตำหนักควันสมุทร
ไป๋หลินแอบเปลี่ยนแปลงร่องรอยชะตาชีวิตของคนหรือเรื่องราวเหล่านี้ แล้วผลักอันตรายไปให้จ้าวเฟิง แต่ทว่า การกระทำทั้งหมดของนาง สุดท้ายแล้วก็สังหารจ้าวเฟิงไม่ได้
อีกทั้งหลังจากที่การทดสอบคัดเลืิอกรัชทายาทจบสิ้นลงไปได้ไม่นาน ไป๋หลินก็พบว่า การพยากรณ์และคาดเดาของนางถูกรบกวนจากพลังโชคชะตาที่แข็งแกร่งอีกกลุ่มหนึ่ง การอาศัยพลังของตนสังหารจ้าวเฟิงจึงไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว
แน่นอน เรื่องเหล่านี้ไป๋หลินไม่ได้บอกกับมังกรวารีล้างโลกา
“ได้ ข้าจะช่วยเจ้าสังหารจ้าวเฟิง เจ้าช่วยข้าในยามที่ข้าเข้าไปในร่างเทพ เปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี ทำให้ได้รับผลประโยชน์ให้มากที่สุด!”
ใบหน้าของมังกรวารีล้างโลกาเผยกลิ่นอายยินดีและเหี้ยมโหด ตอบรับทันที