บทที่ 1140 เทียนฝาโจมตี
“ครึ่งเทพหลงหวงกำลังทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์?”
สีหน้าของจ้าวเฟิงตะลึงไปเล็กน้อย
แต่เดิมเขานึกว่าครั้งที่แล้วตำหนักไท่หวงกลับไปมือเปล่า ภายหน้าจะต้องลงมือกับตำหนักราชันอย่างแน่นอน แต่ในวันนี้ครึ่งเทพหลงหวงเริ่มทะลวงสู่ตำแหน่งเทพ เตรียมไปยังดินแดนเทพรกร้างแล้ว
ถึงแม้จะไม่แน่ชัดว่าไยตำหนักไท่หวงจึงยอมทน แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ตำหนักราชันก็แทบจะไม่มีอะไรขัดขวาง สามารถแผ่ขยายความยิ่งใหญ่โดยไม่ต้องกังวล กระทั่งสามารถทำเป้าหมายตามอุดมคติของจ้าวเฟิงให้สำเร็จได้ นั่นคือปกครองทั้งราชวงศ์ต้าเฉียน
หลังจากที่ได้ยินข่าวนี้ จ้าวเฟิงก็โล่งใจเป็นอย่างมาก หลังจากมอบทรัพยากรบางส่วนให้ปี้ชิงเยวี่ยแล้วก็ปิดด่านฝึกตนต่อ
ในมิติตาซ้าย ลูกกลมทองลึกลับกำลังลอกเลียนแบบวัตถุดิบล้ำค่าบรรพกาลธาตุดินหลายอย่าง
วู้ม ฟู่ ฟู่!
จ้าวเฟิงกระตุ้นพลังอัสนีทำลายล้างในกายวิญญาณอัสนี และฝึกกายอัสนีศักดิ์สิทธิ์ย้อนหลัง
ในยามนี้ กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงมีความต้านทานต่อพลังอัสนีเทวะสูงเป็นอย่างมาก ภายใต้การทรมาณจากพลังอัสนีเทวะ จะสามารถยืดหยัดได้นานหนึ่งถ้วยชา
การใช้พลังอัสนีเทวะย้อนฝึกกายไม่เพียงแต่เพิ่มพลังต้านทานต่ออัสนีเทวะได้ ทั้งยังสามารถกระตุ้นการยกระดับของกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
“ในตอนนี้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ถึงขั้นที่หกบริบูรณ์ จัดเป็นขั้นสูงสุดของขอบเขตเทวาเร้นลับ การโจมตีของขั้นต่ำกว่าครึ่งเทพลงมาทำร้ายข้าไม่ได้เลยแม้แต่น้อย!”
จ้าวเฟิงยิ้มอย่างมั่นใจ
การโจมตีของผู้ต่ำกว่าขั้นครึ่งเทพยากจะสร้างภัยคุกคามให้กับจ้าวเฟิง หรือก็คือจ้าวเฟิงอาศัยพลังกายก็สามารถต้านทานครึ่งเทพทั่วไปได้
แค่เพียง ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ ก้าวเข้าสู่ขั้นที่เจ็ด เช่นนั้นระดับขั้นชีวิตของจ้าวเฟิงก็จะก้าวเข้าสู่ขั้นครึ่งเทพ ยากที่จะเจอศัตรูในดินแดนทวีป
แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ขอบเขตที่จ้าวเฟิงยกระดับขึ้นในดินแดนทวีปก็จะลดลงเป็นอย่างมาก เพราะทั่วทั้งดินแดนทวีปไม่มีเป้าหมายของจ้าวเฟิงแล้ว
ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงรีบร้อนอยากเข้าไปยังดินแดนเทพรกร้าง!
ปิดด่านฝึกตนสองปี นอกจากการยกระดับอย่างมหาศาลของกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ด้านอื่นๆ ของจ้าวเฟิงก็พัฒนาไม่น้อยเลย
‘ดัชนีคลั่งวายุอัสนี’ ฝึกฝนถึงขั้นบริบูรณ์นานแล้ว และนิ้วชี้ของจ้าวเฟิงผสานพลังเลือดเทพไปแล้วสามส่วน
จ้าวเฟิงค่อนข้างวาดหวัง ในยามนี้หากใช้นิ้วชี้สำแดง ‘ดัชนีคลั่งวายุอัสนี’ จะมีพลังมากเพียงใด
‘วิชาแปลงเทพ’ ก็นับว่าเป็นเคล็ดวิชาฝึกฝนที่สำคัญของจ้าวเฟิง ตอนนี้ก็ฝึกจนถึงขั้นสูงสุด อีกทั้งพลังเทพที่เก็บอยู่ในกายของจ้าวเฟิงเพียงพอให้เขาใช้ ‘ตราเทพบรรพกาล’ เกือบยี่สิบครั้งแล้ว
ภายใต้การกระตุ้นของผลไม้เถาวัลย์ ขอบเขตสำนึกรู้ของจ้าวเฟิงสามารถทะลวงขั้นราชาเซียนได้ทุกเมื่อ แต่จ้าวเฟิงกลับกดเอาไว้มาโดยตลอด
ตามที่มังกรวารีล้างโลกากล่าวเอาไว้ หากเข้าไปยังดินแดนเทพรกร้างเร็วหน่อย ฝึกฝนในนั้น แล้วทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ก็จะได้ผลที่ดียิ่งกว่า
ดังนั้นจ้าวเฟิงเลยยิ่งอยากทะลวงขั้นราชาเซียนที่ดินแดนเทพรกร้าง
ปิดด่านสองปี ใช้ทรัพยากรไปมหาศาล ความสำเร็จที่แลกมาได้คุ้มค่ายิ่งนัก!
จ้าวเฟิงคาดว่าทรัพยากรมากมายที่ใช้ไปในสองปีนี้ กระทั่งมากกว่าทรัพยากรทั้งหมดของตำหนักไท่หวงเลยทีเดียว
มังกรวารีล้างโลกาฟื้นฟูถึงขั้นราชาเซียน แต่กำลังรบของเขาล้ำหน้าครึ่งเทพทั่วไปอย่างแน่นอน หากไม่ใช่ว่าทรัพยากรของจ้าวเฟิงในยามนี้มีไม่มาก เขาจะยังคงบ่มเพาะมังกรวารีล้างโลกา ยกระดับพลังขอบเขตของอีกฝ่ายต่อไป
ส่วนขอบเขตพลังของจ้าววั่นก็มั่นคงโดยสมบูรณ์แล้ว กระทั่งสามารถทะลวงถึงราชาเซียนได้ทุกเมื่อ
แต่สถานการณ์ของเจ้าแมวขโมยน้อย จ้าวเฟิงกลับมองไม่ค่อยออก
ขอบเขตพลังฝึกของเจ้าแมวน้อยค่อนข้างต่ำมาโดยตลอด หลักๆ เป็นเพราะชำนาญศาสตร์เงาสังหาร มีอาวุธเทพลอบสังหารและสำนึกรู้ที่สูงมาก จึงได้รับความสำเร็จในระดับหนึ่งในการต่อสู้กับราชาเซียนและครึ่งเทพหลายต่อหลายครั้ง
หากต่อสู้กันซึ่งหน้า แมวขโมยตัวน้อยเกรงว่าคงไม่ใช่คู่มือของราชาเซียนทั่วไปด้วยซ้ำ
แต่หลังผ่านการฝึกฝนมาสองปี ยามนี้จ้าวเฟิงมองขอบเขตพลังของแมวขโมยน้อยไม่ทะลุปรุโปร่งแล้ว
ทว่าจ้าวเฟิงก็ไม่ได้ตกใจอะไร ความลึกลับของแมวขโมยน้อยมีมากมายยิ่งนัก
“เจ้าแมวขโมยนี่!”
มังกรวารีล้างโลกาปรายตามองแมวขโมยตัวน้อยอย่างอิจฉาริษยาแวบหนึ่ง
หากไม่ใช่เพราะแมวขโมยตัวนี้ฉวยโอกาสโจมตี เขาคงไม่ถึงกับพ่ายแพ้ตกอยู่ในเงื้อมมือของจ้าวเฟิง
แต่โลกทัศน์ของมังกรารีทมิฬก็มองที่มาที่ไปของแมวขโมยน้อยไม่ออกเช่นกัน
ขอบเขตต่ำพลังเช่นนี้ แต่กลับมีพลังเทพและอาวุธเทพ!
“แย่แล้ว จ้าวเฟิง มีอันตรายบีบเข้ามาใกล้!”
ในยามนี้เอง มังกรวารีล้างโลกาเอ่ยขึ้นกะทันหัน
เขาพลันสัมผัสได้ว่าโลกภายนอกมีกลิ่นอายบรรพกาลที่แข็งแกร่งเข้ามาใกล้ที่นี่อย่างรวดเร็ว
“อันตราย?”
จ้าวเฟิงไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
ดินแดนทวีปในขณะนี้ คนที่สามารถสร้างภัยคุมคามให้กับจ้าวเฟิงและตำหนักราชันมีไม่มาก
ส่วนพวกที่กล้ามาลงมือกับจ้าวเฟิงยังตำหนักราชันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้
ทว่าเมื่อเห็นท่าทีตกใจของมังกรวารีล้างโลกา จ้าวเฟิงจึงออกมาจากมนตราอากาศอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
พรึ่บ!
จ้าวเฟิงปรากฏตัวขึ้นในโถงลับ
วู้ม!
ประสาทสัมผัสวิญญาณของจ้าวเฟิงแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ขณะเดียวกันก็เบิกดวงตาเทพเจ้า
“เอ๋? นี่มัน?”
ประสาทสัมผัสวิญญาณของจ้าวเฟิงสำรวจไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ แต่ดวงตาเทพเจ้าของเขากลับจับได้ถึงประกายเยือกเย็นสีดำม่วงสายหนึ่ง
“จ้าวเฟิง มอบชีวิตของเจ้ามาให้ข้าเสีย!”
เงาร่างนี้เห็นจ้าวเฟิงปรากฏกาย ก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าดูแคลน
วู้ม ฟู่!
กลิ่นอายบรรพกาลที่น่าหวาดหวั่นกลุ่มหนึ่งระเบิดออกมาจากในกายของเขา ทั่วทั้งตำหนักราชันสั่นสะเทือน
“คนชั่วช้าจากที่ใดกัน?”
“ใครกัน กล้าบุกตำหนักราชัน!”
ในตำหนักราชัน กลิ่นอายเซียนอันแข็งแกร่งหลายสายปรากฏขึ้นทันใด
“ถอยไปให้หมด!”
จ้าวเฟิงตะโกนขึ้นโดยพลัน ทำเอาผู้แข็งแกร่งขั้นเซียนของตำหนักราชันเหล่านี้ตกใจถอยไปทั้งหมด
ใบหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งเครียดเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปที่ประกายเยือกเย็นม่วงดำนั่น
คนผู้นี้จ้าวเฟิงไม่รู้จักจริงๆ แต่วิญญาณของเขากลับทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกเคยคุ้น
“เทพแท้จริงเทียนฝา!” สีหน้าจ้าวเฟิงตื่นตกใจ
คนผู้นี้คือเทพแท้จริงเทียนฝาในร่างเทพตอนนั้นจริงๆ เขากลับมีชีวิตรอดมาได้จากการโจมตีทำลายล้างฟ้าดินคราวนั้น!
ในเวลานี้ จ้าวเฟิงไม่แปลกใจแล้วว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงสามารถบุกรุกตำหนักราชันได้อย่างไร้ร่องรอย!
“ฮ่าๆ คิดไม่ถึงว่าข้าจะยังมีชีวิตอยู่ล่ะสิ วันนี้ข้าจะมาเอาชีวิตของเจ้าไป!”
เทพเเท้จริงเทียนฝาที่เปลี่ยนหน้าตาไปหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แววตาเหี้ยมเกรียมชั่วร้ายจ้องมายังจ้าวเฟิง
ในตอนนั้น หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวขึ้นของจ้าวเฟิงทำให้เคล็ดวิชารวมพลังทายาทเนตรเทพเกิดสิ่งไม่คาดคิดขึ้น เขาคงไม่มีทางพ่ายแพ้แน่นอน
ถึงแม้ในช่วงที่ฟื้นฟูรักษาอาการบาดเจ็บในแผ่นดินใหญ่ เขาจะเคยได้ยินถึงผลงานการรบมากมายของจ้าวเฟิง
แต่ในเมื่อเขากล้าบุกมาเองถึงที่ แน่นอนว่าย่อมมีความมั่นใจว่าจะชนะ
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่จริงๆ แต่ว่าข้าก็ไม่รังเกียจถ้าจะฆ่าเจ้าอีกครั้ง!”
จ้าวเฟิงเผยรอยยิ้มบาง
จากการสำรวจของดวงตาเทพเจ้าเมื่อครู่ จ้าวเฟิงพบว่าเทพแท้จริงเทียนฝาในยามนี้เพิ่งจะฟื้นฟูถึงราชาเซียน ทว่าเทพแท้จริงเทียนฝามีพลังเทพ ดังนั้นจึงนับว่าเป็นครึ่งเทพ
นับแต่ปิดด่านมาหลายปี พลังของจ้าวเฟิงพัฒนาไปอย่างรวดเร็วจากทรัพยากรมากมาย
เขาคันไม้คันมือนานแล้ว คิดอยากจะสู้ศึกใหญ่สักหน ถือโอกาสดูพลังที่แท้จริงของตนสักหน่อย
“คุนอวิ๋น หนานกงเซิ่ง อยู่ที่ตำหนักราชัน!”
จ้าวเฟิงส่งกระแสจิตให้คนทั้งสองทันที
วู้ม ฟู่ ฟู่!
ปีกแสงศักดิ์สิทธิ์อัสนีสีชาดคู่หนึ่งก่อตัวขึ้นที่หลังของจ้าวเฟิง
ประกายแสงสีทองแดงกะพริบวูบวาบ จ้าวเฟิงจากตำหนักราชันหายไปในท้องฟ้า
ฟิ้ว! เทพแท้จริงเทียนฝาตามไปทันใด
“ไม่รู้จักฟ้าสูงแแผ่นดินต่ำ ต่อให้อาวุธเทพของข้าถูกทำลายไปแล้ว จะฆ่าเจ้าก็ยังง่ายดายนัก!”
เทพแท้จริงเทียนฝาอดหัวเราะเย้ยหยันต่อการกระทำของจ้าวเฟิงไม่ได้
ด้วยพรสวรรค์ของเขา ท่ามกลางระดับเดียวกันของตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็ยากจะเจอคู่มือ
และยามนี้ สิ่งมีชีวิตอ่อนแอในมิติระดับต่ำเช่นนี้ กลับใช้ขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงมาต้านทานกับเขา นี่ช่างเป็นเรื่องน่าหัวเราะยิ่งนัก!
วูบ! หอกเหล็กทองมังกรทมิฬปรากฏขึ้นในมือของเทพแท้จริงเทียนฝา
แต่คุณสมบัติมันเป็นเพียงแค่ระดับสุดยอดของชั้นนภาเท่านั้น ในเมื่อทรัพยากรในแผ่นดินใหญ่มีน้อย เทพแท้จริงเทียนฝายากจะหาอาวุธเทพที่เหมาะมือ
“หยุด!” เทพแท้จริงเทียนฝาสะบัดหอกเหล็กทองมังกรทมิฬ
วูบ! เงาหัวมังกรใหญ่โตสีดำ คำรามพลางพุ่งโจมตีไปยังจ้าวเฟิงที่อยู่เบื้องหน้า
ด้วยพลังสำนึกรู้ของเทพแท้จริงเทียนฝา โจมตีไปตามอารมณ์ก็สามารถทำร้ายครึ่งเทพ สังหารผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเซียนได้
ครืน! จ้าวเฟิงพลันหยุด โคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ซัดหมัดแสงทรงพลังที่ส่องประกายแสงอัสนีออกมา
ครืน บึ้ม! พลังน่าสะพรึงสองกลุ่มปะทะกันในท้องฟ้า
ฟู่!
การโจมตีของเทพแท้จริงเทียนฝาถูกสกัดกั้น เศษเสี้ยวพลังการโจมตีที่หลงเหลือกระทบลงบนร่างของจ้าวเฟิง แต่กลับไม่สร้างผลกระทบใดๆ
ทว่าภูเขาและแม่น้ำเบื้องล่างที่ควันหลงพลังนี้กระเทือนไปถึงเกิดหลุมยักษ์หลายร้อยลี้หลุมหนึ่งขึ้นทันที
นี่ก็คือเหตุผลที่จ้าวเฟิงออกมาจากตำหนักราชัน
“เอ๋? พลังของเขา…”
ชั่วขณะที่ประมือกัน เทพแท้จริงเทียนฝาพบถึงสิ่งผิดปกติ
ต่อให้พลังของเขาในตอนนี้ลดลงมาก ไม่มีอาวุธเทพในมือ แต่ผู้แข็งแกร่งเทวาเร้นลับชั้นสูงทั่วไปคนใดก็ยากจะต้านทานการโจมตีแบบส่งเดชของเขาได้
“ในกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แฝงไว้ด้วยธาตุอัสนีเทวะ อานุภาพการโจมตีได้รับการยกระดับ มีการทำลายล้างต่อการโจมตีทุกชนิด!”
นี่คือการต่อสู้ครั้งแรกหลังจากที่ปิดด่านสองปี อานุภาพกายศักดิ์สิทธิ์อัสนีเทวะยิ่งทำให้เขาตกใจเป็นที่สุด
“เจ้าเด็กนี่ท่าทางจะเก็บเกี่ยวในร่างเทพมาได้ไม่เลว!”
แววตาของเทพแท้จริงเทียนฝาส่องประกายละโมบ
เซียนเทวาเร้นลับชั้นสูงทั่วไปจะมีพลังขนาดนี้ได้อย่างไร เขาแน่ใจว่าจ้าวเฟิงจะต้องได้โอกาสยิ่งใหญ่ในร่างเทพมาแน่นอน
ถึงแม้เขาจะเป็นเทพแท้จริงขั้นสาม แต่เขาก็ปราถนาต่อทรัพยากรในร่างเทพมากเช่นกัน
ถึงอย่างไรยามที่ท่านซินอู๋เหินมีชีวิต ก็เป็นการมีอยู่อย่างฝืนลิขิตฟ้าที่ห่างไกลจากเขานัก!
ครืน! เทพแท้จริงเทียนฝาโคจรพลังเทพใส่เข้าไปในหอกยาววู้ม วู้ม!
อาวุธเทพที่มีคุณสมบัติเป็นเพียงแค่ชั้นนภาระดับสุดยอด ไม่อาจทนทานพลังเทพของเทพแท้จริงเทียนฝาได้ จึงสั่นสะท้านขึ้นทันใด
ขวับ ขวับ พรึ่บ!
เทพแท้จริงเทียนฝาสะบัดหอกยาวในมือ ซัดเอามังกรยักษ์ดำทมิฬออกมาหลายสาย
อีกด้านหนึ่ง จ้าวเฟิงตั้งท่าพร้อมรบ โคจรพลังศักดิ์สิทธิ์วายุอัสนีธาตุไฟ
“ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา ฝ่ามือทำลายล้าง!”
ทั่วร่างของจ้าวเฟิงส่องประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อัสนีสีชาด หลังจากที่ผสานเข้าไปในแก่นแท้พลังกายศักดิ์สิทธิ์ก็ซัดเงาฝ่ามือหลายสายออกมาอย่างรวดเร็ว
เห็นเพียงฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์แสงทองอัสนีชาดขนาดมหึมา ราวกับภูเขาลูกยักษ์เคลื่อนไปยังข้างหน้า
ครืน บึ้ม ตูม!
การโจมตีอันน่าหวาดหวั่นของคนทั้งสองปะทะเข้าด้วยกันอักครั้ง และครั้งนี้ก็สูสีพอกัน
“วิชาฝ่ามือของเจ้าเด็กนี่…”
สีหน้าของเทพแท้จริงหนักอึ้งเล็กน้อย
ประมือกับจ้าวเฟิงสองกระบวนท่า เขากลับไม่มีข้อได้เปรียบใดๆ สำหรับเขาแล้วนี่คือความอัปยศอย่างยิ่ง
“หอกสวรรค์มังกรทมิฬ!”
สีหน้าของเทพแท้จริงเทียนฝาเย็นเยียบ สะบัดหอกยาวโจมตีไปยังจ้าวเฟิง สำนึกรู้พิสดารมหาศาลลอยขึ้นรอบกายเขา
“นี่มัน เคล็ดวิชาต่อสู้ที่ล้ำหน้าชั้นนภา!”
จากสำนึกรู้การโจมตีมหาศาลนั้น จ้าวเฟิงก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเคล็ดวิชาต่อสู้ที่เทพแท้จริงเทียนฝาสำแดงออกมาในยามนี้จะต้องเกินกว่าชั้นนภาแน่
ศาสตร์วิชาและเคล็ดวิชาต่อสู้ที่เหนือกว่าชั้นนภาขึ้นไปคือระดับอะไร จ้าวเฟิงก็ยังไม่รู้
ฟู่!
พลังเทพสายเลือดบรรพกาลที่น่าหวาดหวั่นแผ่กระจายออกมาจากในนิ้วชี้ของจ้าวเฟิง หลังจากที่ดูดซับพลังเทพไปสามส่วน ‘ดัชนีคลั่งวายุอัสนี’ ที่สำแดงจากนิ้วชี้ของจ้าวเฟิงจะมีพลังเช่นไร เขาก็อยากจะรู้เหมือนกัน!
“ดัชนีสังหารเทพ!”
รอบกายของจ้าวเฟิงค่อยๆ ปรากฏการโจมตีจากสำนักรู้วายุอัสนีที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง
ครืน ตูม บึ้ม!
จ้าวเฟิงสำแดงวิชาดัชนีบ้าคลั่งทรงพลัง ปะทะเข้ากับเทพแท้จริงเทียนฝาที่สำแดงเคล็ดวิชาเหนือกว่าชั้นนภา
ในเสี้ยวขณะนี้ พลังที่ทั้งสองโจมตีกันไปตามอารมณ์ล้วนสามารถทำลายสำนักใหญ่สามดาวทั่วไปได้
“กลิ่นอายสายเลือดกลุ่มนี้ เป็นท่านอู๋เหิน!”
ขณะที่ประมือ ใบหน้าของเทพแท้จริงเทียนฝาตื่นตระหนก จ้องนิ้วชี้สีม่วงทองของจ้าวเฟิงซึ่งแผ่กระจายกลิ่นอายบรรพกาลอันน่าพรั่งพรึงออกมาบางเบา