บทที่ 1169 ล้อมโจมตี
เรื่องที่คนของเจ้าเกาะเทียนอวี่ถูกสังหารจนเหี้ยนแพร่กระจายออกไปช้าๆ หลังจากที่จ้าวเฟิงจากไปได้ไม่นานนัก
คนที่มีพลังมากพอจะทำลายค่ายกลดาวเหนือ เกรงว่าคงมีแต่ผู้อาวุโสของขั้วอำนาจห้าลำดับแรกในเกาะเทียนอวี่เท่านั้นกระมัง
แต่ขั้วอำนาจจำนวนมากในเกาะเทียนอวี่ ไม่มีใครกล้าสังหารคนของเจ้าเกาะเทียนอวี่ด้วยซ้ำ เช่นนั้นแล้วเป็นใครกันแน่ที่บังอาจยั่วโทสะเทพแท้จริงกุ่ยซาแล้วสังหารคนของเจ้าเกาะเทียนอวี่?
ในเวลานี้ จ้าวเฟิงเหยียบบนมังกรวารีล้างโลกา ตรงดิ่งไปยังถิ่นของเจ้าเกาะเทียนอวี่ทันที
ขั้วอำนาจส่วนหนึ่งระหว่างทางล้วนแต่เป็นขั้วอำนาจอื่นๆ ที่จ้าวเฟิงไม่เคยเห็นมาก่อนในเกาะเทียนอวี่ หนึ่งในนั้นยังมีขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งกว่าเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าด้วย
“ไม่อยากเชื่อเลยว่ามังกรตัวนี้มีสายเลือดที่น่ากลัวอยู่ในร่าง!”
ผู้อาวุโสในขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งแห่งหนึ่งสัมผัสได้ถึงมังกรวารีล้างโลกาที่โฉบผ่านศีรษะไป เลือดในร่างสั่นไหวไม่หยุด
เมื่อตัดขั้วอำนาจของเจ้าเกาะเทียนอวี่ออกไปแล้ว
ขั้วอำนาจอื่นๆ ในเกาะเทียนอวี่อย่างมากก็เป็นเทพแท้จริงขั้นสอง
และมังกรวารีล้างโลกาในตอนนี้ได้พลังของเทพแท้จริงขั้นหนึ่งกลับคืนมาแล้ว พวกเขาย่อมต้องใจสั่นระรัวหวาดกลัวเป็นธรรมดา
‘เกาะเทียนอวี่มีคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้เมื่อไหร่กัน!’
ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากมองมังกรวารีล้างโลกาและชายผมทองเหนือศีรษะมังกรลอยผ่านไป ต่างพากันเอ่ยทอดถอนใจในใจ
วูบ!
ประกายเพลิงทมิฬโฉบผ่าน ทิ้งแสงเพลิงสีแดงเข้มทำลายล้างไว้ในอากาศ
พลังของมังกรวารีล้างโลกาแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ความเร็วจึงมากขึ้นไม่น้อย หนำซ้ำตอนที่จ้าวเฟิงไล่ล่าเทพแท้จริงกุ่ยลี่ก็ไม่ได้ห่างจากที่มั่นของเจ้าเกาะเทียนอวี่มากนัก หนึ่งเดือนต่อมามังกรวารีล้างโลกาจึงเดินทางมาถึงที่หมาย
อาณาเขตของเจ้าเกาะเทียนอวี่ตั้งอยู่ตรงทิวเขาที่โอบล้อมแห่งหนึ่ง พลังปีศาจภายในนั้นปั่นป่วน หลุมศพนับไม่ถ้วนตั้งเรียงราย หอตำหนักขนาดใหญ่หลายหลังตั้งตระหง่านอยู่กลางเขา
พลังของคนรับใช้ส่วนหนึ่งในตำหนักเหล่านี้อ่อนแอกว่า เทพแท้จริงกุ่ยซาจึงไม่ได้เรียกไปด้วย
“ทุกคนไสหัวไป ไม่เช่นนั้นจะสังหารให้สิ้นซาก!”
จ้าวเฟิงโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ขอบเขตเทวาเร้นลับ ตะโกนขึ้นทันใด
เสียงอัสนีดังสนั่นเลื่อนลั่นกระจายไปด้านหน้า ลอดเข้าไปในโสตประสาทและจิตวิญญาณทุกคน คงอยู่นานไม่เลือนหาย
ถึงแม้จ้าวเฟิงจะสังหารทุกคน แต่ไม่ลงมือทำร้ายผู้บริสุทธิ์แน่
เหล่าคนรับใช้ส่วนหนึ่งแตกฮือออกมาจากภายในทันที หลังจากที่หนีไปได้ระยะหนึ่งก็หลบซ่อนตัวเอาไว้ ไม่ได้จากไปไหน คนส่วนหนึ่งคิดไปเองว่าจ้าวเฟิงจะไม่กล้าผลีผลามบุกเข้ามา ก็จะมีใครกันที่กล้าเข้ามาสร้างความวุ่นวายในเขตอิทธิพลของเจ้าเกาะเทียนอวี่?
แต่ทุกเรื่องย่อมมีข้อยกเว้นเสมอ ซึ่งข้อยกเว้นครั้งนี้ก็คือจ้าวเฟิง
“ทำลาย!” จ้าวเฟิงเอ่ยเรียบๆ
ฟู่!
มังกรวารีล้างโลกาสะบัดหาง พลันทะยานเข้าไป ก่อนจะอ้าปากพ่นไฟมังกรทำลายล้างสีแดงเข้มออกมา
สิ่งปลูกสร้างที่นี่ล้วนแต่สร้างขึ้นจากแร่ล้ำค่า ภายในนั้นยังมีค่ายกลเพิ่มความแข็งแกร่ง แต่ภายใต้ไฟมังกรทำลายล้าง จุดจบมีเพียงแค่วินาศเท่านั้น
ในทุกแห่งที่เพลิงแดงฉานเคลื่อนผ่าน มันจะเผาผลาญทุกสรรพสิ่งให้มอดไหม้เป็นจุณ
“ค่ายกลส่งข้าม!”
ดวงตาของจ้าวเฟิงจ้องเขม็งไปที่ด้านล่างของตำหนักพวกนี้
ฟิ้ว! ร่างของจ้าวเฟิงมาถึงด้านข้างของค่ายกลขนส่งอย่างรวดเร็ว
ชั่วขณะนั้น จ้าวเฟิงกำลังลังเลว่าสุดท้ายแล้วควรจะใช้ค่ายกลส่งข้ามจากไปดีหรือไม่
และในเวลานี้เอง ไอภูตปีศาจที่น่าสะพรึงขวัญพลันมาถึง
“จ้าวเฟิง คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าทำลายที่นี่!”
เมื่อเทพแท้จริงกุ่ยซามองเห็นภาพด้านหน้า เพลิงโทสะก็ลุกโชนขึ้นในดวงตา
แม้กระทั่งที่นี่จ้าวเฟิงยังทำลาย หลังจากที่พี่ใหญ่กลับมาแล้ว เขาคงสู้หน้าอีกฝ่ายได้ยาก แต่ขอแค่สังหารจ้าวเฟิง ช่วงชิงเอาสมบัติบนร่างเขามา คงพอจะดับเพลิงแห่งความโกรธเกรี้ยวของพี่ใหญ่ลงไปได้บ้าง
ทันใดนั้น แววตาของเทพแท้จริงกุ่ยซาจับจ้องไปบนร่างจ้าวเฟิง
“โง่งมเสียจริง ค่ายกลส่งข้ามแห่งนี้ต้องให้ปรมาจารย์ค่ายกลกระตุ้นมันขึ้น ถึงจะสามารถขนส่งไปยังค่ายกลต่างๆ ของอ่าวทะเลคราม เจ้าไม่มีทางใช้ค่ายกลนี้ได้หรอก!”
แววตาเย็นชาของเทพแท้จริงกุ่ยซาฉายแววเยาะเย้ย
โครม!
ด้านหลังเทพแท้จริงกุ่ยซาพลันปรากฏเงาดำประหลาดขึ้น นี่ก็คือพลังของโลกมิติส่วนตัวของเขา
“เทพแท้จริงกุ่ยซาจะปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาแล้ว!”
ดวงตาจ้าวเฟิงเพ่งสมาธิมอง
ในตอนเริ่มต้น เทพแท้จริงกุ่ยซาปลดปล่อยพลังของเงาโลกมิติส่วนตัวออกมา ในสถานการณ์เช่นนั้น
จ้าวเฟิงไม่สามารถใช้ค่ายกลข้ามไปได้ ถึงจะหลบเข้าไปในมนตราอากาศก็ยังได้รับผลกระทบสูงมากอยู่ดี
ฟิ้ว!
มังกรวารีล้างโลกาโบยบินมาถึงข้างกายจ้าวเฟิง ถึงแม้พลังของเขาจะฟื้นกลับไปเป็นเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่มากพอจะรับมือกับผู้แข็งแกร่งภูตศาสตร์ซากศพผู้เป็นเทพแท้จริงขั้นสามได้
“หมัดมารนภา!”
เทพแท้จริงกุ่ยซาที่เผชิญหน้ากับจ้าวเฟิงฟาดฝ่ามือออกไปทันที แสงฝ่ามือสีดำสนิทนี้ทรงพลังยิ่งขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากเงาโลกมิติส่วนตัว
จ้าวเฟิงยืนอยู่ภายในเงาโลกมิติส่วนตัวของเทพแท้จริงกุ่ยซา ไม่ได้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับใดๆ เพียงแต่อมยิ้มน้อยๆ
ทันใดนั้นเอง ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมีประกายแสงมายา จากนั้นจึงกลายเป็นแสงสีทอง ดวงตาซ้ายเล็งเป้าไปที่การโจมตีของเทพแท้จริงกุ่ยซา จากนั้นจึงแยกส่วนโครงสร้างของการโจมตีกลุ่มนี้
โครม!
เงาฝ่ามือสีดำสนิทที่เต็มไปด้วยพลังภูตผีปั่นป่วน สาดซัดออกจากดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง
“อะไรกัน?”
ในตอนนั้น เทพแท้จริงกุ่ยซาสูญเสียสติสัมปชัญญะไปชั่วขณะหนึ่ง มองฝ่ามือทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ
จ้าวเฟิงสำแดงเล็ดวิชาที่เหมือนกับเขาออกมาในฉับพลัน อีกทั้งพลานุภาพก็ไม่ด้อยไปกว่ากันเลย
เสี้ยวเวลานั้น ทางด้านซ้ายของเทพแท้จริงกุ่ยซา มังกรวารีล้างโลกาปล่อยพลังทำลายล้างต้องห้ามออกมาจากปาก
“แย่ล่ะ พลังทำลายล้างดั้งเดิม!” สีหน้าเทพแท้จริงกุ่ยซาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาสังเกตเห็นร่องรอยของมังกรวารีล้างโลกานานแล้ว แต่ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ชวนตื่นตะลึงมากเกินไป ถึงกับทำให้เขาหลงลืมเรื่องอื่นๆ
สำหรับมังกรวารีล้างโลกาที่มีสายเลือดเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา เขาไม่เคยนึกดูแคลนมาก่อน
“ลมหายใจมังกรล้างโลกา!”
มังกรวารีล้างโลกาพ่นเพลิงเทพต้องห้ามที่ทรงพลังออกจากปาก
บึ้ม! ลูกเพลิงแดงฉานขนาดยักษ์พวยพุ่งออกมาในฟ้าดิน ประหนึ่งดวงอาทิตย์ลูกหนึ่ง ทำลายล้างเผาผลาญทุกสรรพสิ่ง แม้กระทั่งพลังของโลกมิติขนาดเล็กของเทพแท้จริงกุ่ยซาก็กำลังถูกเผาไหม้ทำลายล้างไป
ตู้ม!
พลังปีศาจที่น่ากลัวสายหนึ่งทำลายดวงอาทิตย์ลูกนั้นไป ในฐานะที่กุ่ยซาเป็นเทพแท้จริงขั้นที่สาม ย่อมมีไพ่ตายอยู่อีกจำนวนมาก มังกรวารีล้างโลกาจึงไม่สามารถรับมือเขาได้
เห็นเพียงเทพแท้จริงกุ่ยซากำหอกโครงกระดูกสีเงินเข้ม ส่วนคมหอกเหมือนส่วนแหลมคมที่ยื่นออกมาจากโครงกระดูก ทั้งน่ากลัวและโหดเหี้ยม
ทว่าตอนที่เขาทำลายการโจมตีนี้ไปได้ เพลิงดวงตาอัสนีเทวะของจ้าวเฟิงก็สร้างขึ้นจนสำเร็จพอดี
โครม ผัวะ!
สายฟ้าสีทองขาวสว่างที่บิดเบี้ยว โจมตีบนศีรษะของเทพแท้จริงกุ่ยซา
“อ๊าก…”
เทพแท้จริงกุ่ยซารู้สึกว่าวิญญาณถูกอัสนีบาตนับหมื่นทะลวงผ่าน เจ็บปวดทุกทรมานแสนสาหัส
หลังจากโจมตีไปแล้ว จ้าวเฟิงก็ยังไม่รามือ ในมือของเขาปรากฏชิ้นเหล็กสามเหลี่ยมขึ้น
เคร้ง เคร้ง!
เหล็กสามเหลี่ยมกลายเป็นกระบี่ยาวสีดำ ลวดลายแสงสีเขียวด้านบนนั้นเปล่งแสงสีทองอ่อนๆ
อัสนีเพลิงทำลายล้างกับพลังเทพหลอมรวมเข้าไป จ้าวเฟิงฟาดฟันคมกระบี่ดำที่ทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง
“เสี่ยวเฮย ไป!”
จ้าวเฟิงเก็บมังกรวารีล้างโลกาเข้าไปในมนตราอากาศ สัมผัสระลอกน้ำวนในลูกกลมลึกลับสีทอง และเข้ามาในห้วงฝันบรรพกาล
ใช้พลังในการคัดลอกของดวงตาซ้ายเพื่อดึงดูดความสนใจของเทพแท้จริงกุ่ยซา จากนั้นจึงลดทอนการโจมตีที่ทรงพลังนั้นไป
แต่ทว่า ในทันทีที่เทพแท้จริงกุ่ยซาฟื้นคืนกลับมาได้ เขาที่ครอบครองอาวุธเทพก็ยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
จ้าวเฟิงรู้ว่าตอนนี้เขาสังหารเทพแท้จริงกุ่ยซาไม่ได้ ทั้งหมดที่เขาทำไปเมื่อครู่เพียงเพื่อบอกฝ่ายตรงข้ามว่าตนเองไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะมากลั่นแกล้งกันได้ ตัวเขาเองก็สามารถทำร้ายกุ่ยซา หรือกระทั่งใช้เวลาไม่นานก็อาจจะสังหารได้เช่นกัน
ถ้าหากเทพแท้จริงกุ่ยซารู้สถานการณ์ ในวันนี้ก็สามารถถอยออกไปได้ แต่ถ้าเขายังคิดจะสังหารตน เช่นนั้นเแล้ววันที่จ้าวเฟิงแข็งแกร่งกว่านี้ ก็จะเป็นวันตายของเทพแท้จริงกุ่ยซา
“อ๊าก…จ้าวเฟิง!”
เทพแท้จริงกุ่ยซาเงยหน้าร้องคำราม ระบายความโกรธแค้นในใจ
เมื่อครู่เขาถูกทำร้ายจากลมหายใจมังกรล้างโลกา ทั้งยังถูกเพลิงดวงตาอัสนีเทวะของจ้าวเฟิงทำร้ายดวงวิญญาณอย่างสาหัส สุดท้ายยังโดนโจมตีจากอาวุธเทพ ตั้งแต่เริ่มจนจบ ตนเองแทบตกเป็นเบี้ยล่างอยู่ตลอด
ทว่าในตอนนี้ จ้าวเฟิงก็หายตัวไปอีกครั้ง หายตัวไปอย่างร่องรอยกลางอากาศ ถึงเขาคิดจะล้างแค้นก็ล้างแค้นไม่ทันเสียแล้ว
“จ้าวเฟิง เป็นเจ้าที่บีบบังคับข้าเอง!”
เมื่อเอ่ยจบ เทพแท้จริงกุ่ยซาก็ไปจากที่นี่
หลังจากถอยร่นไปหลายหมื่นลี้แล้ว เทพแท้จริงกุ่ยซาหยิบเอาตราคำสั่งออกมา ส่งเสียงเอ่ย “ผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงทั้งหมด จงเดินทางมายังถิ่นของเจ้าเกาะเทียนอวี่!”
เทพแท้จริงกุ่ยซาไม่ใช่คนโง่ จ้าวเฟิงซ่อนตัวอยู่ในมิติแห่งนั้นครึ่งปี รอให้ตนเองจากไปค่อยฉวยโอกาสปรากฏกายขึ้นในทันที นี่แสดงให้เห็นว่าจ้าวเฟิงมองเห็นเหตุการณ์ภายนอกได้
ดังนั้นเมื่อครั้งนี้เทพแท้จริงกุ่ยซาถอยไปหลายหมื่นลี้แล้ว จึงเรียกรวมผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงทั้งหมดในเกาะเทียนอวี่มาล้อมพื้นที่แห่งนี้เอาไว้ เขาจึงไม่เชื่อว่าจ้าวเฟิงจะเอาแต่หลบซ่อนอยู่ภายในนั้นโดยไม่โผล่ออกมา
ในบรรดาคนเหล่านี้มีหลายคนที่ชำนาญเสวียนอ้าวมิติ บางทีอาจจะเจอจุดบอดของจ้าวเฟิงได้ หรือบางทีในตอนที่จ้าวเฟิงปรากฏกายขึ้นในครั้งหน้าจะได้ขัดขวางไม่ให้หลบเข้าไปในมิตินิรนามแห่งนั้นอีก
เทพแท้จริงกุ่ยซาเพิ่งจะทำทั้งหมดนี้สำเร็จลุล่วงไป คนจำนวนน้อยนิดผู้อยู่ใต้มังกรทำลายล้างโลกาเห็นบนค่ายกลส่งข้ามเกิดประกายแสงสีเงินขึ้น จากนั้นจึงปรากฏเงาสีขาว
“กุ่ยซา นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
คนผู้นี้สวมชุดสีขาว ใบหน้าซีดเผือดเย็นชา ผมขาวปลิวไสว ดูไปแล้วอายุไม่มากนัก
แต่ในตอนที่กุ่ยซามองเห็นชายผู้นี้ ทั่วร่างสั่นระริกเย็นวาบ คิดไม่ถึงเลยว่าพี่ใหญ่จะกลับมาแล้ว!
ในอากาศแห่งนี้ปรากฏระลอกมิติประหลาดขึ้น ขยับวูบวาบแล้วพลันหายไป
เจ้าเกาะเทียนอวี่แหงนศีรษะขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสองข้างเย็นชา ขณะมองยังจุดที่เกิดระลอกมิติประหลาด
จ้าวเฟิงที่อยู่ในห้วงฝันบรรพกาลใจเต้นรัวเร็ว
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าเกาะเทียนอวี่จะกลับมาแล้ว!”
เดิมจ้าวเฟิงคิดว่าเทพแท้จริงกุ่ยลี่และพี่ใหญ่ของเทพแท้จริงกุ่ยซาคงเป็นปีศาจเฒ่าผู้หนึ่ง แต่กลับกลายเป็นบุรุษผู้หนึ่งเท่านั้น
แต่ก็แสดงให้เห็นว่าพรสวรรค์ของคนผู้นี้ดีเลิศ มีความสามารถอย่างมาก สามารถทะลวงผ่านขั้นพลังเทพแท้จริงได้ตอนอายุน้อย เขาเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่งอย่างแท้จริง!
“เจ้าเกาะเทียนอวี่ เทพแท้จริงขั้นสี่ ผู้แข็งแกร่งที่แข็งแกร่งที่สุดของเกาะเทียนอวี่ ดูท่าข้าคงจะไม่ออกไปภายนอกอีกนาน!”
จ้าวเฟิงหัวเราะอย่างเหนื่อยหน่าย
ตอนที่มาถึงที่นี่ เขาเอาแต่ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงเพราะอยากเขย่าขวัญเทพแท้จริงกุ่ยซา เพื่อให้อีกฝ่ายเกรี้ยวกราด แต่ไม่นึกว่าเจ้าเกาะเทียนอวี่จะเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว
ถึงแม้ว่าห้วงฝันบรรพกาลจะไม่ต่างจากดินแดนเทพรกร้างมากนัก แต่จะให้จ้าวเฟิงหมกอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตเขาก็ทำไม่ได้เช่นกัน
ผู้แข็งแกร่งควรจะบุกทะลวงเข้ามาอย่างไม่หวั่นเกรงอันตรายใดๆ ในตอนนี้จ้าวเฟิงถูกคนอื่นล้อมรอบเอาไว้ ขนาดจะออกมายังไม่กล้า นี่ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อจิตใจของเขา กระทั่งกลายเป็นบาดแผลในตอนกระตุ้นอัสนีเทวะ
ทว่าครั้งนี้เขาสร้างเรื่องใหญ่ขึ้น ขนาดเจ้าเกาะเทียนอวี่ยังกลับมา ถ้าผลีผลามโผล่ออกไปจะเป็นการรนหาที่ตายอย่างแน่นอน
……
ผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงของขั้วอำนาจจำนวนมากในเกาะเทียนอวี่ต่างพากันทยอยเข้ามาถึงที่นี่เรื่อยๆ
แต่เดิมพวกเขาไม่พออกพอใจในคำสั่งของเทพแท้จริงกุ่ยซา แต่เมื่อมองเห็นเจ้าเกาะเทียนอวี่ก็ไร้ซึ่งความเห็นใดๆ
ในบรรดาคนเหล่านี้มีผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงที่ชำนาญเสวียนอ้าวมิติและค่ายกล ร่วมมือกันกางค่ายกล ผนึกพื้นที่เป็นรัศมีหมื่นลี้
นอกพื้นที่หมื่นลี้ เงาร่างคนจำนวนมากลอยล่องอยู่กลางอากาศ คนเหล่านี้เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงทั้งสิ้น
“ถ้าหากทำสำเร็จ เจ้าเกาะย่อมตบรางวัลให้พวกเจ้าอย่างงาม!”
เจ้าเกาะเทียนอวี่ท่าทีนิ่งเฉย มองไม่เห็นระลอกอารมณ์ใดๆ
เทพแท้จริงเทียนหั่วก็อยู่ที่นี่ เพียงแต่หลังจากที่เขาแจ้งเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว เจ้าเกาะก็ไม่ได้ใส่ใจเขาอีก บางทีอาจจะเพราะดูแคลนก็เป็นได้
เทพแท้จริงเทียนหั่วมองค่ายกลที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ในใจหวั่นเกรงอย่างยิ่ง จ้าวเฟิงเพียงคนเดียวสามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับเกาะเทียนอวี่ได้ถึงขนาดนี้เชียว
“เฮ้อ พลังข้าลดลงมากนัก เผ่าแพะเพลิงทองเองก็ตกต่ำลง นี่น่าจะเป็นสาเหตุที่เจ้าเกาะเทียนอวี่ไม่ทำร้ายข้ากระมัง!”
เทพแท้จริงเทียนหั่วทอดถอนใจ
“จ้าวเฟิง ทันทีที่เจ้าปรากฏกายขึ้น ต่อให้มีปีกก็ยากจะโบยบินหนีไปได้!”
ใบหน้าเทพแท้จริงกุ่ยซาฉายแววโหดเหี้ยม