บทที่ 1171 พื้นที่ลับรกร้างโบราณ
ในป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงชะลูด แผ่กลิ่นอายโบราณและไอสวรรค์ที่หนาแน่นยิ่งกว่าในดินแดนเทพรกร้าง
ชายหนุ่มผู้มีดวงตาเป็นประกายสดใส บนร่างกายเป็นเกล็ดสีฟ้าอ่อน ใบหน้าเขาประหลาดใจ เดินเข้าไปในอุโมงค์อย่างระแวดระวัง
“ที่นี่ก็คือพื้นที่ลับรกร้างโบราณงั้นรึ?”
ชายหนุ่มจิตใจฮึกเหิมขึ้นเล็กน้อย
เขามีนามว่าเว่ยเคอ เป็นคนของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าแห่งเขตผาเก่า มีพรสวรรค์ที่สูงส่งอย่างยิ่ง ใช้เวลาเพียงร้อยปีก็สามารถฝึกจนถึงขอบเขตพลังขั้นครึ่งเทพได้ และกลายเป็นคนในเผ่าไป
ในศึกแย่งชิงรายชื่อพื้นที่ลับรกร้างโบราณ เว่ยเคอโดดเด่นอย่างยิ่งจนเป็นคนลำดับต้นๆ แต่ทว่า ในบรรดาคนของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าที่เข้าไปภายในนั้น ฝีมือของเขายังจัดอยู่ในระดับล่าง
“ดูแผนที่ก่อนแล้วกัน!”
ห้วงความคิดของเว่ยเคอดำดิ่งลงไปในโลกของวิญญาณ ข้อมูลของแผนที่ซึ่งกระจัดกระจายพลันปรากฏขึ้นในหัวเขา
สิ่งเหล่านี้ก็คือข้อมูลของแผนที่ที่สรุปออกมาหลังจากที่ศิษย์เผ่ามังกรเกล็ดฟ้ารุ่นแล้วรุ่นเล่าเข้าไปภายในพื้นที่ลับรกร้างโบราณ ผ่านการขัดเกลามาเป็นเวลาหลายปี แต่ข้อมูลในแผนที่ก็ยังคงไม่สามารถปะติดปะต่อกันได้ จากจุดนี้จึงมองเห็นได้ว่าพื้นที่ลับรกร้างโบราณใหญ่โตมโหฬารมากขนาดไหน
พื้นที่ลับรกร้างโบราณ เป็นพื้นที่ลึกลับที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในดินแดนเทพรกร้าง หมื่นปีถึงจะเปิดออกครั้งหนึ่ง
ระยะห่างจากการเปิดพื้นที่ลับในคราวก่อนก็เพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งพันปีเท่านั้น ในวันนี้กลับเปิดออกอีกครั้ง
สามารถพูดได้ว่า การได้เข้าไปในพื้นที่ลับรกร้างโบราณเป็นดั่งความฝันในความรู้สึกของเว่ยเคอ
“ไม่แน่ชัดในตำแหน่งตอนนี้ได้!”
ห้วงความคิดของเว่ยเคอกลับเข้าไปในร่าง
“ได้ยินมาจากพวกผู้อาวุโสในเผ่าว่าที่นี่อันตรายนัก ข้าต้องพยายามติดต่อกับชาวเผ่าคนอื่นให้ได้ก่อน!”
ในมือเว่ยเคอปรากฏตราคำสั่งสีน้ำเงินรูปร่างปลาขึ้น
นี่คือป้ายส่งข่าว ขอแค่ในระยะรัศมีที่กำหนดปรากฏตราคำสั่งนี้ขึ้น เขาก็จะสามารถส่งกระแสจิตได้โดยตรง
แต่เวลานี้ เว่ยเคอกระตุ้นตราคำสั่งในมือ แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด นั่นก็แปลว่าในอาณาเขตที่จำกัดไม่มีคนของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้า
“พื้นที่ลับรกร้างโบราณกว้างใหญ่อย่างยิ่ง ไม่อยากเชื่อว่ารอบๆ ตัวข้าจะไม่มีคนของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าแม้แต่คนเดียว!”
เว่ยเคอเอ่ยทอดถอนใจ ดวงตาฉายแววเด็ดเดี่ยว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ทำได้เพียงออกสำรวจตัวคนเดียว
ฟิ้ว!
เว่ยเคอโบยบินในป่าอย่างระแวดระวัง ดวงตามองสำรวจรอบบริเวณอย่างเคร่งขรึม
“นี่คือหญ้าวิญญาณโลหิต!”
ดวงตาสองข้างของเว่ยเคอเป็นประกายแวววับ จากนั้นโบยบินไปยังจุดหนึ่ง จ้องหญ้าโอสถแดงฉานที่มีเส้นใยสีชาด
หญ้าวิญญาณโลหิตสามารถกระตุ้นการโคจรเลือดลม ช่วยให้สามารถทะลวงผ่านระดับพลังต่างๆ ในเวลาเดียวกันก็ยังส่งผลดีอย่างยิ่งยวดต่อวิญญาณ ดังนั้นสำหรับผู้แข็งแกร่งขั้นครึ่งเทพแล้ว สมุนไพรนี้จึงล้ำค่าอย่างยิ่ง
แต่หญ้าวิญญาณโลหิตในครรลองสายตารวมกันแล้วน่าจะมีหลายร้อยต้นเป็นอย่างน้อย เว่ยเคอเลยใจเต้นระรัวเร็วอย่างยิ่ง
ในตอนที่เว่ยเคอเด็ดหญ้าวิญญาณโลหิต จู่ๆ ก็มีเสียงร้องคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวมาจากที่ไม่ไกลนัก
จากนั้นเงาแสงสีเลือดโฉบผ่านเขาไป
ในมือเว่ยเคอปรากฏกระบี่ยาวเล่มหนึ่งทันใด ในขณะที่กวัดแกว่ง คลื่นน้ำชั้นหนึ่งหมุนกวาดไปด้านหน้า ตัดต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้าหลายต้น ก่อนพุ่งตรงไปยังเงาแสงโลหิตนั้น
“เผ่าไอโลหิต!”
แววตาของเว่ยเคอจ้องเผ่าพันธุ์โบราณด้านหน้าเขม็ง นั่นคือเผ่าพันธุ์ประหลาดที่เกิดขึ้นจากของเหลวสีเลือดที่เหนียวหนืดเกาะกลุ่มกัน
เผ่าไอโลหิตสามารถกลืนกินเลือดลมของเผ่าพันธุ์อื่นๆ สามารถกลายร่างได้ตามใจปรารถนา เป็นเผ่าพันธุ์ลำดับที่แปดพันหกร้อยสิบสองของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ
“จริงด้วย รายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณของที่นี่ล้วนแต่อยู่ในร่างเดิม!”
เว่ยเคอเผยท่าทีตกใจ จิตต่อสู้ไม่ลดลงไป
เผ่าไอโลหิตพวกนี้ต่างมีพลังฝึกตนในขั้นครึ่งเทพ แต่เว่ยเคอเป็นปฐมเทพ แข็งแกร่งกว่าเขามาก หนำซ้ำสายเลือดเผ่ามังกรเกล็ดฟ้ายังแข็งแกร่งกว่า
แต่ในเวลานี้เอง เงาแสงสีเลือดจำนวนมากด้านหลังพุ่งตรงเข้ามาหา เงาแสงสีเลือดขนาดใหญ่พวกนั้นทำให้เว่ยเคอใจสั่นระรัว
“รีบไป!”
ในขณะนี้ พลันปรากฏร่างชายผมทองใบหน้าหล่อเหลาเหลี่ยมมุมชัดเจนชัดเจนขึ้นที่อีกด้านหนึ่ง
จ้าวเฟิงรวดเร็วยิ่ง เพียงชั่วครู่เดียวก็เดินทางมาถึงข้างกายเว่ยเคอ โคจรพลังเจตจำนง และพาเว่ยเคอหนีออกจากสถานการณ์อันตรายนี้
หลังจากโบยบินไปช่วงเวลาหนึ่งแล้ว เงาของเผ่าไอโลหิตก็ค่อยๆ เลือนรางไปทีละน้อย
“ขอบคุณพี่ชายที่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือ!”
เว่ยเคอเอ่ยพลางยิ้มบาง ในดวงตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
ความเร็วของจ้าวเฟิงเมื่อครู่มากกว่าเว่ยเคอเป็นเท่าตัว นี่ทำให้เว่ยเคอเคารพนับถือจ้าวเฟิงมาก เขาคิดว่าอย่างน้อยจ้าวเฟิงคงจะเป็นอัจฉริยะชั้นยอดของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งแห่งหนึ่ง
ในพื้นที่ลับรกร้างโบราณมีอันตรายนานาประการ ระหว่างเผ่าจำนวนมากต่างสังหารกันเพื่อผลประโยชน์ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงไม่ใยดีเว่ยเคอ แต่จ้าวเฟิงกลับยินดียื่นมือเข้ามาช่วยชีวิตเขา นี่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าจ้าวเฟิงไม่ใช่คนชั่วร้าย
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก แต่เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่ลำพังเล่า?”
จ้าวเฟิงถามทันที
ความจริง ในตอนที่เว่ยเคอเพิ่งมาถึง จ้าวเฟิงก็เห็นเขาแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นไม่ได้ใส่ใจ ด้วยเพราะความสามารถของเว่ยเคอไม่ได้แข็งแกร่งอะไร จ้าวเฟิงจึงคร้านจะไปใส่ใจ
แต่ทันใดนั้น จ้าวเฟิงก็มองเห็นป้ายส่งข่าวที่เว่ยเคอหยิบออกมา นี่ทำให้เขาประหลาดใจอยู่ไม่น้อย ดังนั้นจึงค่อยๆ คืบคลานเข้าไปใกล้ๆ และคอยลอบสังเกต เผ่าไอโลหิตเมื่อครู่จ้าวเฟิงก็จงใจจัดการ
“ท่านก็อยู่คนเดียวไม่ใช่หรือ?”
เว่ยเคอเอ่ยอย่างแปลกใจ แต่เขาเอ่ยสำทับอีกประโยคในทันที “เข้ามาในพื้นที่ลับรกร้างโบราณก็ส่งแบบสุ่มๆ กันทั้งนั้น นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้!”
สำหรับเว่ยเคอแล้ว ประโยคที่เขาเอ่ยสำทับไปนั้นเหมือนเป็นคำพูดไร้สาระ แต่ในหัวจ้าวเฟิงกลับเกิดระลอกความตกใจ
“พื้นที่ลับรกร้างโบราณ!”
จ้าวเฟิงเคยได้ยินเรื่องของพื้นที่ลึกลับแห่งนี้ในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย ดังนั้นจึงพอรู้เรื่องอยู่บ้าง
“ที่นี่ก็คือพื้นที่ลับรกร้างโบราณ?”
ตอนที่จ้าวเฟิงเพิ่งคิดจะเอ่ยปากถาม เขาก็พลันเก็บคำถามเข้าไปในใจ
ถ้าหากห้วงฝันบรรพกาลคือพื้นที่ลับรกร้างโบราณจริงๆ จ้าวเฟิงเอ่ยออกมาเช่นนี้ย่อมต้องถูกเว่ยเคอเยาะเย้ยแน่
ตุบ! ตุบ!
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเต้นเบาๆ อยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยสงบลง
“ข้าชื่อเว่ยเคอ ไม่รู้ว่าท่านยินดีร่วมเดินทางกับข้าเป็นการชั่วคราวหรือไม่?”
เว่ยเคอเอ่ยเชื้อเชิญในทันที มองเจตนาอื่นในดวงตาสุกสกาวไม่ออก
เขาเพียงแต่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับอันตรายในพื้นที่ลับรกร้างโบราณมาโดยตลอด จนได้เห็นด้วยตาตนเองเมื่อครู่ ถ้าหากไม่ได้จ้าวเฟิงยื่นมือให้ความช่วยเหลือ เกรงว่าเขาคงจะตายไปแล้ว
ในเวลาเดียวกันกับที่เอ่ยปากเชื้อเชิญ เว่ยเคอถึงเพิ่งสัมผัสขอบเขตพลังของจ้าวเฟิงได้ เหมือนจะไม่แข็งแกร่งมากมายนัก ทำให้เขาสงสัยอย่างยิ่ง ในเมื่อจ้าวเฟิงเร็วกว่าเขามาก แต่ขอบเขตพลังเพิ่งจะอยู่ในเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์เท่านั้น
“ข้าชื่อจ้าวเฟิง ข้าเพิ่งมาถึงที่นี่เช่นกัน ลงมือด้วยกันน่าจะปลอดภัยกว่า!”
จ้าวเฟิงระบายยิ้มน้อยๆ
เดิมทีเขาเพียงจะสืบเอาข้อมูลจากเว่ยเคอ แต่เว่ยเคอเป็นคนซื่อตรง ไม่มีเจตนาร้ายใดๆ เอ่ยปากเชิญจ้าวเฟิงเสียอย่างนั้น
ส่วนจ้าวเฟิงในตอนนี้ยังไม่อาจเชื่อได้ว่าที่นี่ก็คือพื้นที่ลับรกร้างโบราณ จึงร่วมมือกับเว่ยเคอชั่วคราวเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ถ้าหากห้วงฝันบรรพกาลเป็นพื้นที่ลับรกร้างโบราณ อัจฉริยะที่อยู่ในดินแดนเทพรกร้างมาเพื่อแย่งชิงทรัพยากรของตนเอง จะให้จ้าวเฟิงนั่งดูเฉยๆ ไม่ใส่ใจคงไม่ได้
แต่ไหนแต่ไรมา ห้วงฝันบรรพกาลเป็นพื้นที่ลึกลับที่จ้าวเฟิงใช้ฝึกตนและเก็บเกี่ยวทรัพยากรต่างๆ แต่ตอนนี้กลับเป็นไปได้มากว่าจะมีคนนับไม่ถ้วนในดินแดนเทพรกร้างบุกเข้ามา
“สหายจ้าวมีความสามารถอย่างยิ่ง คงจะเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งสักแห่งสินะ!”
เว่ยเคอหัวเราะพลางเอ่ย ปฏิบัติต่อจ้าวเฟิงราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นสหายสนิท
“ยังดีที่ขั้วอำนาจเบื้องหลังไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่นัก!”
จ้าวเฟิงเอ่ยไปเรื่อยเปื่อย ก็ขั้วอำนาจเบื้องหลังเขาไม่ใช่เผ่าแพะเพลิงทองหรอกหรือ นับว่าอ่อนแออย่างยิ่งด้วยซ้ำไป
“เว่ยเคอ พวกเราเดินทางไปทางนั้นเถิด ข้ารู้สึกว่าทางนั้นมีกลิ่นอายอันตรายอยู่!”
จ้าวเฟิงเอ่ยตรงไปตรงมา
อันที่จริงทางฟากนั้นเป็นพื้นที่ของจ้าวเฟิง หากพาเว่ยเคอไปสำรวจที่นั่นด้วย ไม่ใช่จะเป็นการพาเขาเข้าไปแย่งชิงทรัพยากรของตนเองหรอกหรือ หนำซ้ำเผ่าพันธุ์โบราณเหล่านั้นที่โดนจ้าวเฟิงจับเป็นทาสย่อมไม่ทางทำร้ายเขา นี่จะยิ่งทำให้เว่ยเคอสงสัยมากขึ้น
“ดี!” เว่ยเคอก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก เดินทางไปอีกทางพร้อมกับจ้าวเฟิง
“เผ่าที่น้องเว่ยอยู่มีคนเข้ามาในพื้นที่ลับรกร้างโบราณกี่คน?”
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว จ้าวเฟิงก็เริ่มหยั่งเชิง
“เผ่ามังกรเกล็ดฟ้าเป็นแค่เผ่าพันธุ์สี่ดาวครึ่ง ดังนั้นจึงมีคนเพียงสี่สิบห้าคนที่เข้ามาได้ แต่เทพแท้จริงขั้นห้าที่มากความสามารถในเผ่าข้าคนหนึ่งก็มาที่นี่ด้วย ถ้าหากเจอเขาคงจะดี!”
เว่ยเคอตอบทันทีอย่างไม่คิดอะไรมาก
“คนสี่สิบห้าคน เทพแท้จริงขั้นห้า!”
ดวงตาจ้าวเฟิงตะลึงค้าง ในใจตื่นเต้นเล็กน้อย
จากการคาดเดาของจ้าวเฟิง คนสี่สิบห้าคนนี้ไม่เป็นปฐมเทพก็คงเป็นเทพแท้จริงขั้นสอง เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเทพแท้จริงขั้นห้าด้วย เทพแท้จริงขั้นห้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเจ้าเกาะเทียนอวี่เสียอีก
“ระวัง จ้าวเฟิง!”
จู่ๆ เว่ยเคอก็ร้องเสียงดัง กระบี่ยาวในมือเกิดระลอกน้ำขนาดใหญ่พุ่งออกมาต้านรับวานรสายฟ้านภาเพลิงตัวหนึ่ง
วานรสายฟ้านภาเพลิงตัวนี้ย่อมไม่ใช่ตัวที่จ้าวเฟิงจับมาเป็นทาสรับใช้ พลังของมันแข็งแกร่งจนแตะระดับสุดยอดของเทพแท้จริงขั้นหนึ่ง
จ้าวเฟิงอึ้งไปเล็กน้อย พลังของเว่ยเคอคงไม่สามารถรับมือกับวานรสายฟ้านภาเพลิงตัวนี้ได้ หรืออาจจะอันตรายเสียด้วยซ้ำ แต่เหมือนเว่ยเคอจะไม่ได้คิดมากขนาดนั้น
นี่ทำให้ความประทับใจที่จ้าวเฟิงมีต่อดินแดนเทพรกร้างเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาคิดมาเสมอว่าทุกคนในดินแดนเทพรกร้างจะเห็นแก่พลังและผลประโยชน์เท่านั้น
แซ่ด! จ้าวเฟิงโคจรวายุอัสนีธาตุทอง พุ่งทะยานออกไปทันที
โครม! จ้าวเฟิงปล่อยหมัดอัสนีแสงทองออกมา กระแทกไปบริเวณทรวงอกของวานรสายฟ้านภาเพลิง ในหมัดดังกล่าวมีเสวียนอ้าวธาตุทองอยู่ภายในนั้น จึงส่งผลอย่างรุนแรงต่ออวัยวะภายในของวานร
พลังของเว่ยเคอก็ไม่ได้อ่อนแอเท่าไหร่นัก แข็งแกร่งกว่าเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่งมาก เมื่อร่วมมือกับจ้าวเฟิงแล้วจึงสามารถสังหารวานรสายฟ้านภาเพลิงได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนทรัพยากรล้ำค่าส่วนมากของวานรสายฟ้านภาเพลิง จ้าวเฟิงก็ยกให้เว่ยเคอไป
“พี่จ้าวไม่เพียงแต่รวดเร็วอย่างยิ่ง แต่พลังยังค่อนข้างแข็งแกร่งอีกด้วย!”
เว่ยเคอเผยรอยยิ้มไร้เดียงสา
“คนในเผ่าของข้าน่าจะอยู่แถวนี้!”
เว่ยเคอส่งข่าวออกไปผ่านตราคำสั่งสีน้ำเงินในมือ
หลังจากที่ยืนยันทิศทางได้แล้ว เว่ยเคอและจ้าวเฟิงก็เริ่มออกเดินทางจนไปเจอกับคนในเผ่าเดียวกันกับเว่ยเคออย่างรวดเร็ว
“เจ้าคือคนของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้า?”
ชายชุดเหลืองผู้มีดวงตาคมกริบหรี่ตามองเว่ยเคออย่างเย่อหยิ่ง
“หูเฉิง คนผู้นี้เป็นคนของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้า จริงๆ แต่คนข้างเขาไม่ใช่…”
สตรีวงหน้างดงามผู้หนึ่งข้างกายชายชุดเหลืองเอ่ย ผิวพรรณงดงามผุดผ่องของนางปรากฏลวดลายสีฟ้า ร่างกายอ้อนแอ้นอรชร
“พี่หูเฉิง ข้าคือเว่ยเคอ โชคดีเหลือเกินที่เจอท่าน!”
เว่ยเคอลิงโลดอยู่ไม่น้อย รีบไปยืนข้างกายหูเฉิงและหม่าหลิงซือ
“เว่ยเคอ เจ้าและข้าเดินทางด้วยกันไม่มีปัญหาใดๆ แต่ไม่รู้ว่าคนผู้นี้อยู่ในเผ่าใด อีกทั้งยังมีพลังแค่ขอบเขตเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์…”
ในฐานะที่หูเฉิงเป็นศิษย์ผู้แข็งแกร่งของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้า ย่อมไม่กล้าทอดทิ้งสมาชิกคนอื่นในเผ่า แต่สายตาที่เขามองจ้าวเฟิงกลับดูชั่วร้ายยิ่งนัก
เขาไม่เข้าใจว่าจ้าวเฟิงเป็นคนจากขั้วอำนาจใดกันแน่
มีขอบเขตพลังฝึกตนอยู่เทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์ก็มาที่พื้นที่ลับรกร้างโบราณแห่งนี้แล้ว
ผู้แข็งแกร่งเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าที่เข้าไปในพื้นที่ลับรกร้างโบราณมีพลังอยู่ในระดับเทพแท้จริงขั้นสองเป็นอย่างน้อย
แต่คิดไปคิดมาแล้ว บางทีเผ่าที่จ้าวเฟิงอยู่คงจะอ่อนแอเกินไป ขนาดที่ว่าปฐมเทพและครึ่งเทพทั้งหมดเข้ามาในพื้นที่ลึกลับแล้วยังมีรายชื่อเหลือ ดังนั้นจึงส่งคนในขอบเขตเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์เข้ามาด้วย
“พี่หูเฉิง จ้าวเฟิงคือคนที่ข้าเจอตอนเพิ่งจะเข้ามาที่นี่ พลังของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าข้าอีก!”
เว่ยเคอเอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมา
“เหอะๆ ให้เขาไปกับพวกเราแล้วกัน!”
หม่าหลิงซือระบายยิ้มน้อยๆ และเอ่ยปาก
จากที่นางดู เว่ยเคออยากให้หูเฉิงเก็บจ้าวเฟิงเอาไว้ถึงเอ่ยเช่นนี้
ขอบเขตเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์จะแข็งแกร่งกว่าปฐมเทพได้อย่างไรกัน
“ในเมื่อหลิงซือพูดถึงขนาดนี้แล้ว ให้เขาไปกับพวกเราเถอะ แต่ในตอนที่มีอันตรายเจ้าก็ต้องลงแรงด้วย!”
หูเฉิงมองหม่าหลิงซือด้วยแววตาที่เจือไปด้วยเปลวเพลิง จากนั้นจึงมองจ้าวเฟิงอย่างไม่ใส่ใจ
จากระดับพลังของจ้าวเฟิง คาดว่าอีกไม่นานนักอาจจะตายได้ จะตามพวกเขาไปหรือไม่ก็ไร้ซึ่งประโยชน์
ความตั้งใจหลักของเขาจับจ้องไปที่หม่าหลิงซือ ถึงแม้จะแข็งแกร่งไม่เท่าหญิงงามลำดับแรกในเผ่า แต่วงหน้าก็งดงามอย่างยิ่ง
หูเฉิงเป็นคนที่มีฝีมือแข็งแกร่งที่สุดในคนทั้งสี่
เขาปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหม่าหลิงซือพอดีและดึงนางมา