บทที่ 1172 เสือเพลิงฟ้าคราม
ในพื้นที่ลับรกร้างโบราณ คนทั้งสี่ออกเดินทางไปด้วยกัน
หูเฉิงแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม เข้าใกล้เทพแท้จริงขั้นสอง รอลงมาก็คือหม่าหลิงซือ สุดท้ายเป็นเว่ยเคอ ในสายตาหูเฉิงและหม่าหลิงซือ จ้าวเฟิงย่อมอ่อนแอที่สุดอยู่แล้ว
ส่วนจ้าวเฟิงกำลังรำพึงถึงความแข็งแกร่งของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งในพื้นที่ลับรกร้างโบราณ คนเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าที่เข้ามาในนี้มีทั้งหมดสี่สิบห้าคน ในนั้นมีปฐมเทพสิบแปดคน ส่วนคนอื่นเป็นเทพแท้จริงทั้งหมด
เพียงแต่ว่าตอนที่ใกล้ชิดกับเว่ยเคอ จ้าวเฟิงล่วงรู้มาว่าก่อนที่พื้นที่ลึกลับจะเปิดออก เผ่ามังกรเกล็ดฟ้าได้จ้างเทพแท้จริงจำนวนมากเอาไว้ เทพแท้จริงเหล่านี้ถูกจำกัดจากเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าว่าจะต้องปกป้องศิษย์ในเผ่าที่เข้าไปในพื้นที่ลับรกร้างโบราณ และยังต้องมอบผลตอบแทนที่ได้ให้ส่วนหนึ่งด้วย
อย่างไรเสีย มีเพียงขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งขึ้นไปถึงจะมีรายชื่อ เทพแท้จริงที่เดินทางเพียงลำพังส่วนหนึ่งอยากจะเข้าไปในพื้นที่ลับรกร้างโบราณ ก็ทำได้เพียงเข้าร่วมขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งขึ้นไปเท่านั้น
“เผ่ามังกรเกล็ดฟ้าเผ่าเดียวก็มีผู้แข็งแกร่งจำนวนมาเดินทางมาที่นี่ เช่นนั้นแล้วทั้งเขตผาเก่าหรือกระทั่งดินแดนเทพรกร้างเล่า?”
จ้าวเฟิงตื่นตะลึง
เขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าห้วงฝันบรรพกาลในตอนนี้จะมีผู้แข็งแกร่งอยู่เท่าไหร่ หนำซ้ำในคนเหล่านี้ยังมีเทพแท้จริงขั้นสาม ขั้นสี่ หรือกระทั่งเทพแท้จริงขั้นห้าด้วย!
ความสามารถของจ้าวเฟิงมีพัฒนาการไปกว่าตอนนั้นมากนัก แต่เมื่อประมือกับเทพแท้จริงขั้นสาม หากไม่ใช่ไพ่ตายก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย ไม่ต้องพูดถึงเทพแท้จริงขั้นสี่หรือห้าเลย
หนำซ้ำทั้งเขตผาเก่ามีขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งมากมาย ในนั้นยังมีขั้วอำนาจสี่ดาวระดับสุดยอด และห้าดาวด้วย
ในใจจ้าวเฟิงสับสนวุ่นวาย ต่อให้เขาใช้อสูรทั้งหมด ก็ทำได้เพียงรับมือกับขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งไม่กี่แห่ง หรือว่าจะต้องปล่อยให้ทรัพยากรที่นี่ถูกคนเหล่านี้ช่วงชิงไป?
จ้าวเฟิงมองห้วงฝันบรรพกาลเป็นมิติดั้งเดิมของตนนานแล้ว ดังนั้นจึงมองทุกสรรพสิ่งที่นี่เป็นของตนเอง เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้จึงรู้สึกไม่สบายใจนัก
‘แต่ถึงพวกเขาคิดจะเก็บเกี่ยวทรัพยากรที่นี่ก็ไม่ง่ายดายอย่างนั้นหรอก!’
จ้าวเฟิงเปลี่ยนมุมมองความคิด
ในห้วงฝันบรรพกาลมีเผ่าพันธุ์โบราณที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม พลานุภาพแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ถึงจ้าวเฟิงจะควบคุมสัตว์วิเศษเผ่าพันธุ์โบราณเป็นจำนวนมหาศาล ก็ต้องขยายอาณาเขตไปช้าๆ อย่างระแวดระวัง
“หลิงซือ ในเมื่อเจ้าเจอข้าแล้ว ข้าหูเฉิงจะปกป้องเจ้าให้ได้รับโอกาสดีๆ ที่นี่แน่!”
ระหว่างทาง หูเฉิงมักจะเกาะติดอยู่กับหม่าหลิงซือ มองข้ามเว่ยเคอและจ้าวเฟิงไปอย่างสิ้นเชิง
“หูเฉิง พวกเราไปค้นหาคนอื่นเถอะ!”
หม่าหลิงซือไม่ฟังคำพูดเหลวไหลของหูเฉิง
อันตรายในพื้นที่ลับรกร้างโบราณหนักหนานัก ถ้าต้องการจะได้โอกาสครั้งใหญ่ ต้องร่วมมือร่วมใจกับคนในเผ่าถึงจะดี
ฟู่! ในเวลานี้เอง ด้านหน้าปรากฏไอมารชั่วร้าย กลิ่นคาวเลือดกระจายตัวมาช้าๆ
“พวกเจ้าระวังด้วย!”
หูเฉิงยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ โอกาสที่เขาจะได้แสดงฝีมือมาถึงแล้ว
“เผ่าพันธุ์ที่เปลี่ยนรูปร่าง!”
แสงสีเขียวเปล่งประกายแวววับ งูยักษ์สีเขียวมรกตตัวหนึ่งปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้า อ้าปากพ่นไอเหมันต์ที่หนาวเหน็บออกมา
“งูพิษผลึกเขียว กลิ่นอายแข็งแกร่งเหนือกว่าเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่งมาก!”
เว่ยเคอตื่นตะลึงไปชั่วขณะ งูพิษผลึกเขียวตัวนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าวานรสายฟ้านภาเพลิงที่เพิ่งเจอเมื่อครู่
“ตายซะ!”
ใบหน้างูเขียวยักษ์เหี้ยมโหด พ่นพิษออกมาจากปากทันที ในเวลาเดียวกัน เขี้ยวพิษที่แหลมคมก็พุ่งมาที่ทุกคน
“ฮ่าๆ รนหาที่ตายแท้ๆ!”
หูเฉิงหัวเราะเสียงเย็น ร่างของเขาโบยบินไปหางูพิษผลึกเขียว ในมือเปล่งแสงสีฟ้าอ่อนวูบวาบ กระบี่ยาวริ้วเหมันต์ปรากฏขึ้น
ทันใดนั้น พิษเหล่านั้นก็ถูกกัดกร่อนจากไอเหมันต์ ค่อยๆ ค้างแข็งไป อุณหภูมิรอบบริเวณก็ลดลงทันควัน สิ่งของทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งชั้นหนึ่ง
“ดาบเสี้ยววารี!”
ร่องรอยแห่งวารีเหมันต์ที่กระเพื่อมรอบทิศกระหวัดไปมา โจมตีใส่งูพิษผลึกเขียว อีกทั้งท่าร่างของหูเฉิงสูงส่งลึกล้ำอย่างยิ่ง ประมือกันเพียงชั่วขณะหนึ่งก็กำราบงูพิษผลึกเขียวได้
สวบ!
งูพิษผลึกเขียวคิดไม่ถึงว่าพวกมนุษย์เบื้องหน้าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ จึงรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว
“จะหนีไปไหน!”
หูเฉิงไล่ตามไป อาศัยพลังของกระบี่ยาวริ้วเหมันต์ในมือลดทอนความเร็วของงูพิษผลึกเขียว ไม่นานนักก็สังหารอีกฝ่ายลงไปได้
“ก็แค่พลังของเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่ง!”
หูเฉิงเอ่ยอย่างดูแคลน
จ้าวเฟิงสังเกตดูการต่อสู้ทั้งหมดอยู่อีกด้าน พลังของหูเฉิงแข็งแกร่งกว่าซีเฟิงแห่งเกาะเทียนอวี่อยู่ส่วนหนึ่ง อีกทั้งยังมีอาวุธเทพ จะโจมตีงูพิษผลึกเขียวย่อมไม่ใช่ปัญหาใด
หลังจากที่ชิงทรัพยากรมาแล้ว ทุกคนจึงเดินทางกันต่อ สัตว์อสูรที่อยู่กันเป็นฝูงจะมีกลิ่นอายรุนแรงอย่างยิ่ง คนที่มีประสาทสัมผัสว่องไวต่างสามารถสัมผัสได้ทั้งสิ้น ระหว่างทางทุกคนจึงพยายามหลบหลีกให้ไกลจากฝูงเผ่าพันธุ์โบราณพวกนี้
แต่เมื่อทุกคนเข้าไปด้านในเรื่อยๆ สัตว์อสูรที่ต้องเจอก็แข็งแกร่งมากขึ้นเช่นกัน เผ่าพันธุ์โบราณระดับเทพแท้จริงขั้นที่สองก็ปรากฏกายขึ้นบ่อยครั้ง
ในตอนแรก หูเฉิงเพียงคนเดียวยังพอจะรับมือได้อย่างสบายๆ ต่อมาเว่ยเคอและหม่าหลิงซือก็จำเป็นต้องยื่นมือเข้ามาช่วย
‘ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งที่เข้ามาในนี้กระจายตัวไปยังที่ต่างๆ มีพลังเล็กจ้อยนัก ทำได้เพียงเก็บเกี่ยวกำไรเล็กๆ น้อยๆ!’
จ้าวเฟิงพึมพำในใจ
สามารถพูดได้ว่า จ้าวเฟิงเป็นคนที่เข้าใจในพื้นที่ลับรกร้างโบราณมากที่สุด สมบัติและทรัพยากรล้ำค่าจริงๆ ของที่นี่ล้วนอยู่ในเงื้อมมือของเผ่าพันธุ์โบราณที่แข็งแกร่งหรือพวกที่อยู่เป็นฝูง ส่วนตอนนี้คนที่เข้ามาในนี้ก็กระจายตัวไปตามพื้นที่ต่างๆ พลังอ่อนด้อย ทำได้เพียงสังหารพวกเผ่าพันธุ์โบราณที่อยู่ลำพัง ช่วงชิงทรัพยากรหายากจำนวนน้อยนิดมา
“เจ้าชื่อจ้าวเฟิงสินะ? ถึงแม้พลังฝึกตนของเจ้าจะอยู่เทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์เท่านั้น แต่จะมาเนียนเอาเปรียบพวกข้าไม่ได้หรอกกระมัง?”
หลังจากโจมตีอสูรโบราณตัวหนึ่งแล้ว หูเฉิงก็มายังเบื้องหน้าจ้าวเฟิง เอ่ยอย่างฉุนเฉียวอยู่บ้าง
“ตลอดทางที่ผ่านมานี้ ข้าไม่ได้เอาของอะไรมาทั้งสิ้น จะนับว่ามาเนียนเอาเปรียบไม่ได้กระมัง!”
จ้าวเฟิงเอ่ยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
ไม่ว่าจะเป็นการสังหารเผ่าพันธุ์โบราณ หรือว่าจะเก็บเกี่ยวทรัพยากรล้ำค่าต่างๆ หูเฉิงเอาไปมากกว่าครึ่ง ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเว่ยเคอและหม่าหลิงซือจะแบ่งกัน ส่วนตนเองไม่เคยหยิบเอาไป
อนึ่ง หากเปลี่ยนเป็นสถานการณ์ปกติ ขอบเขตเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์จากไปก็เท่ากับรนหาที่ตาย เห็นได้ชัดเลยว่าหูเฉิงคิดจะให้ตนเองตายไวขึ้นสักหน่อย
“สหายจ้าว เจ้าออกหน้าลงมือหน่อยก็ได้แล้ว ความสามารถของเจ้าน่าจะไม่ด้อยไปกว่าหูเฉิงเลย!”
เว่ยเคอด้านข้างเอ่ยปนหัวเราะ
ในความคิดเขา เหตุที่จ้าวเฟิงไม่ลงมือก็เป็นเพราะจะยกทรัพยากรเหล่านี้ให้กับเผ่ามังกรเกล็ดฟ้า เขาเองก็เคยเห็นพลังของจ้าวเฟิงมาก่อน น่าจะพอๆ กับหูเฉิงได้
หม่าหลิงซือเห็นเว่ยเคอชื่นชมพลังของจ้าวเฟิงขนาดนี้ ก็อดแปลกใจไม่ได้
“เหอะ เช่นนั้นแล้วข้าหูเฉิงคงต้องคอยดูให้ดีๆ เสียแล้ว!”
หูเฉิงแค่นเสียงหยัน ไม่พูดมากความอีก
ขอบเขตเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์จะมีพลังเหมือนกับเขาอย่างไรกัน เขาแข็งแกร่งยิ่งนักในบรรดาอัจฉริยะปฐมเทพของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้า ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อถือในคำพูดของเว่ยเคอแม้แต่น้อย
ในเวลานั้น เสียงร้องคำรามดังกึกก้อง เงาขนาดยักษ์สีฟ้าครามพุ่งโฉบมายังด้านหน้าของทุกคน ป่าไม้รอบบริเวณถูกเปลวเพลิงสีครามเผาจนราบเป็นหน้ากลอง
“เสือเพลิงฟ้าคราม!”
เว่ยเคอตื่นตะลึง สายตาจับจ้องที่เผ่าพันธุ์โบราณที่ด้านหน้า
“ไม่เจอมนุษย์มานานแล้ว!”
แววตาเสือเพลิงฟ้าครามฉายแววโหดเหี้ยม อานุภาพเพลิงร้อนแรงสะเทือนฟ้าดินกดดันเข้ามา
พึ่งเพียงกลิ่นอายกลุ่มนี้ ทุกคนก็ตระหนักได้ว่าพลังที่แท้จริงของเสือเพลิงฟ้าครามได้แตะเทพแท้จริงขั้นสองแล้ว
“จ้าวเฟิง เจ้าน่าจะแสดงฝีมือได้แล้ว!”
ในตอนนี้ หูเฉิงระบายยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะถอยร่นไป
“หูเฉิง นี่คือเผ่าพันธุ์โบราณขั้นสอง ที่นี่มีเพียงเจ้าที่รับมือไหว พวกเราร่วมมือกันเอาชนะมันเถอะ!”
หม่าหลิงซือเอ่ยโน้มน้าวทันที
ในบรรดาคนทั้งสี่ พลังของหูเฉิงแข็งแกร่งที่สุด ใกล้ถึงเทพแท้จริงขั้นสอง หากไม่มีเขาทุกคนที่นั่นก็ไม่อาจรับมือเสือเพลิงฟ้าครามได้
“หลิงซือ เจ้ากังวลอะไรกัน ก็จ้าวเฟิงมีพลังเทียบเท่ากับข้ามิใช่รึ? ก็แค่เผ่าพันธุ์โบราณขั้นสองเท่านั้นเอง!”
หูเฉิงตะคอกเสียงเย็นชา และยังไม่ลืมยกยอตนเองไปด้วยในเวลาเดียวกัน ความหมายของเขาก็คือ ตนเองสู้ตัวต่อตัวกับเสือเพลิงฟ้าครามตนนี้ได้ หากว่าจ้าวเฟิงมีพลังเทียบเคียงกับเขาก็ต้องรับมือได้เช่นกัน
“เจ้าพวกโง่!”
เสือเพลิงฟ้าครามหัวเราะเยาะหยัน กรงเล็บขนาดยักษ์พร้อมเพลิงสีเขียวครามมหาศาลพุ่งตรงไปหากลุ่มคนทันที
“สหายจ้าว ให้ข้าช่วยเจ้า!”
เว่ยเคอออกจะไม่พอใจในท่าทีของหูเฉิง จึงสาวเท้าออกมาด้านหน้า
“ไม่เป็นไร เจ้าเองก็รู้แจ้งในพลังของข้า!”
จ้าวเฟิงระบายยิ้มราบเรียบ ไม่ใส่ใจหูเฉิงแต่อย่างใด
วู้ม แซ่ด!
เมื่อโคจรวายุอัสนีธาตุทองแล้ว หมัดจ้าวเฟิงทั้งสองข้างพลันระเบิดออกไปด้านหน้า วายุอัสนีธาตุทองที่คมกริบส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น
บึ้ม! จ้าวเฟิงมิได้ใช้พลังทั้งหมด เขาถอยไปหลายก้าว
กรงเล็บทั้งสองของเสือเพลิงฟ้าครามเจ็บปวด แววตามองไปที่มนุษย์พิลึกอย่างประหลาดใจ พลังอยู่แค่เทวาเร้นลับ แต่กลับทรงพลานุภาพได้ถึงเพียงนี้
‘พลังของสหายจ้าวอยู่เหนือกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มาก!’
เว่ยเคอกำกระบี่ยาว ก่อนจะพุ่งทะยานออกไป
หม่าหลิงซืออึ้งไปเล็กน้อย แก่นแท้พลังที่จ้าวเฟิงปลดปล่อยออกมาเมื่อครู่ ไม่ใช่พลังที่เทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์จะมีได้ แต่ถึงเป็นเช่นนี้ เสือเพลิงฟ้าครามตัวนี้ก็ไม่ใช่อสูรที่พวกเขาสองคนจะต้านทานไหว ดังนั้นนางจึงโผเข้าไปร่วมวงด้วย
“หมัดศักดิ์สิทธิ์อัสนี!”
จ้าวเฟิงโคจรวายุอัสนีธาตุทอง ส่งแสงหมัดสีทองเจิดจ้าออกมาหลายสาย
หมัดเหล่านี้ปะทะบนร่างของเสือเพลิงฟ้าคราม ในนั้นมีพลังอัสนีจำนวนมากที่ไม่มีใครสังเกตเห็น มันแทรกซึมเข้าไปในร่างเสือเพลิง ก่อให้เกิดการโจมตีทำลาย
ไม่นานเท่าไหร่นัก จ้าวเฟิง เว่ยเคอ และหม่าหลิงซือก็ล้อมสังหารเสือเพลิงฟ้าครามได้
“พลังของคุณชายจ้าวแข็งแกร่งอย่างยิ่งจริงๆ!”
ดวงตาสุกสกาวของหม่าหลิงซือทอประกายน้อยๆ สำนึกรู้ทั้งหมดที่จ้าวเฟิงปล่อยออกมานั้นลึกล้ำทรงพลัง แข็งแกร่งกว่าหูเฉิงมาก
ฟิ้ว!
หูเฉิงบินตรงมา ร่อนลงบนร่างของเสือเพลิงฟ้าคราม เรียกอาวุธเทพมาคว้านเอาทรัพยากร
เสือเพลิงฟ้าครามที่มีพลังเทียบเท่ากับเทพแท้จริงขั้นสอง ย่อมเอาไปเทียบกับเผ่าพันธุ์โบราณที่เจอมาก่อนนี้ไม่ได้ ภายในโลกมิติส่วนตัวของมันจะต้องมีสมบัติล้ำค่าจำนวนมากแน่นอน
“ไสหัวไป!”
แววตาของจ้าวเฟิงเย็นชา พลังแห่งกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดสาดกระจายออกไป
“อะไรกัน?”
สีหน้าหูเฉิงตะลึง คิดไม่ถึงว่าแก่นแท้พลังของจ้าวเฟิงจะข่มสายเลือดพลังเทพของเขาได้ เมื่อสบดวงตาสีทองอันเย็นชาลึกล้ำของจ้าวเฟิง ใจเขาเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ถอยหลังไปหลายก้าว
“พวกเราสามคนสังหารสัตว์อสูรตัวนี้ เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?”
จ้าวเฟิงตามตรงเอ่ยอย่างเย็นชา ส่วนหูเฉิงที่ตื่นตระหนกเพราะจ้าวเฟิงถึงกับพูดอะไรไม่ออก
เว่ยเคอและหม่าหลิงซือก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน ถึงแม้ว่าหูเฉิงจะเป็นเผ่าเดียวกันกับพวกเขา แต่ท่าทีเมื่อครู่ของหูเฉิงทำให้พวกเขาผิดหวัง หรืออาจถึงขั้นรังเกียจอยู่บ้าง
จ้าวเฟิงสำรวจทรัพยากรของเสือเพลิงฟ้าคราม เปิดโลกมิติของมันเพื่อเก็บทรัพยากรทั้งหมดในนั้น
“นี่คือส่วนของพวกเจ้าสองคน!”
จ้าวเฟิงมอบทรัพยากรส่วนหนึ่งให้กับเว่ยเคอและหม่าหลิงซือ
“มากมายเหลือเกิน คิดไม่ถึงเลยว่าในโลกมิติส่วนตัวของเสือเพลิงฟ้าครามจะมีทรัพยากรเยอะขนาดนี้!”
หม่าหลิงซือเอ่ยด้วยความยินดี
แต่นางไม่รู้เลยว่าจ้าวเฟิงเก็บเพียงเลือดของเสือเพลิงฟ้าครามไปเท่านั้น ยกที่เหลือทั้งหมดให้กับหม่าหลิงซือและเว่ยเคอ
สีหน้าของหูเฉิงบึ้งตึง เมื่อเห็นหม่าหลิงซือยิ้มหวานให้จ้าวเฟิง ความเกลียดชังที่มีต่ออีกฝ่ายจึงเพิ่มขึ้นไปจนถึงขีดสุด
ผลัวะ!
ในตอนที่หม่าหลิงซือและเว่ยเคอจัดแจงของที่เก็บเกี่ยวมาได้ เสียงร้องคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้น
“แย่แล้ว เสียงของเสือเพลิงฟ้าคราม!”
สีหน้าเว่ยเคอเปลี่ยนไปทันที
พวกเขาสังหารเสือเพลิงฟ้าครามไปตัวหนึ่ง จึงเรียกความสนใจจากเสือเพลิงตัวอื่นๆ
“รีบหนีเร็ว!”
หูเฉิงแค่นเสียงเย็น สำแดงท่าร่างประหลาดออกมา ก่อนจะหายตัวไปในป่าทันที
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
พวกจ้าวเฟิงสามคนไล่ตามไปติดๆ ทันที
เงาเขียวครามขนาดยักษ์ค่อยๆ กดดันมาจากด้านหลัง
เสือเพลิงฟ้าครามตัวนี้ร่างกายใหญ่โตยิ่งกว่า ใบหน้าโหดเหี้ยมของมันดูวางอำนาจบาตรใหญ่นัก พลังแข็งแกร่งกว่าตัวเมื่อครู่อย่างชัดเจน
“พลังของเทพแท้จริงขั้นสาม!”
หูเฉิงที่อยู่ด้านหน้าสุดสีหน้าซีดขาว เสือเพลิงฟ้าครามที่มีพลังเทพแท้จริงขั้นสามเกรี้ยวกราดบ้าคลั่ง น่ากลัวมากกว่าเมื่อครู่
ดวงตาของหูเฉิงกลอกกลิ้ง ทอประกายเย็นชา เขาโคจรพลังเทพเข้าไปยังกระบี่ในมือ และฟาดไปด้านหลังทันที
“หูเฉิง…เจ้า!”
เว่ยเคอที่กำลังหนีอยู่คิดไม่ถึงเลยว่าหูเฉิงจะโจมตีมาทางเขา หม่าหลิงซือและจ้าวเฟิงที่อยู่ด้านข้างก็ได้รับผลกระทบจากระลอกการโจมตีด้วย
ร่างกายของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งจึงไม่เป็นอะไร แต่เว่ยเคอกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ไอเหมันต์หนาวเหน็บกลุ่มนั้นก็ทำให้เว่ยเคอและหม่าหลิงซือเชื่องช้าลง
ในตอนนี้ กลิ่นอายอสูรชั่วร้ายกลุ่มนั้นไล่ตามมายังด้านหลังของทุกคน