บทที่ 1189 เนตรเทพแห่งมิติ
ในช่วงที่จ้าวเฟิงฝึกฝน เขาก็ติดต่อกับจ้าววั่นเป็นบางครั้ง ได้รับข้อมูลข่าวสารมาบ้าง
ยามนี้ แผนที่ที่เกี่ยวกับห้วงฝันบรรพกาลในหัวของจ้าวเฟิงกว้างไกลเป็นอย่างมาก นี่คือผลสำเร็จนานหลายปีของขั้วอำนาจทั้งหลายในดินแดนเทพรกร้าง
ในวันนี้จ้าวเฟิงได้รู้ว่า นอกจากขั้วอำนาจของเขตผาเก่าจะสามารถเข้ามาในพื้นที่ลับรกร้างโบราณได้แล้ว เขตชะตาสวรรค์ที่อยู่ใกล้กับเขตผาเก่าก็มีขั้วอำนาจบางส่วนมาที่นี่เช่นกัน จำนวนคนในพื้นที่ลับกำลังค่อยๆ เพิ่มขึ้น
“พื้นที่ลับโบราณที่หมื่นปีจะเปิดออกหนึ่งครั้ง บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าจึงเปิดเร็วขึ้น!”
จ้าวเฟิงเชื่อในเหตุผลนี้
เช่นนั้นพื้นที่ลับเปิดขึ้นเร็วกว่าเดิม บางทีก็อาจจะปิดลงเร็วกว่าเดิมด้วย และจุดสำคัญก็อยู่ที่จ้าวเฟิง
ยามนี้ ผู้แข็งแกร่งที่มาจากข้างนอกยังเคลื่อนไหวอยู่แค่รอบนอก แต่ตามจำนวนคนที่มากขึ้นเรื่อยๆ กำลังรบของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นทุกที ก็จะสามารถมุ่งเข้าไปในที่ลึกและได้รับโอกาสที่ใหญ่ยิ่งขึ้น
ขั้วอำนาจเหล่านี้ ส่วนมากเป็นระดับห้าดาวเป็นหลัก ต่อให้จ้าวเฟิงคิดอยากจะแฝงตัวอยู่ข้างในเพื่อหลอกคนอื่นก็ยากยิ่ง แค่ถูกจับได้ก็แย่แล้ว
หลังจากที่เข้าใจเรื่องพวกนี้แล้ว จ้าวเฟิงก็ฝึกฝนต่อ โดยรับรู้ ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ละหินผนึกเทพเป็นหลัก
ตอนนี้จ้าวเฟิงสามารถโคจรพลังผนึกได้เศษเสี้ยวหนึ่งแล้ว
ฟู่! มือข้างหนึ่งของจ้าวเฟิงสะบัด ลวดลายโปร่งแสงที่ไร้รูปร่างปกคลุมไปยังผืนฟ้า
ประจวบเหมาะพอดี นกอสูรโบราณบรรพกาลตัวหนึ่งบินผ่านมายังบริเวณนี้ สุดท้ายก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้า
แกว๊ก! ปรากฏการณ์เช่นนี้ทำเอานกอสูรตกใจ ตัวมันนกแต่กลับบินไม่ได้
ดีที่หลังจากมันร่วงลงไประยะหนึ่งก็บินได้ จึงรีบร้อนหนีไปจากที่แปลกประหลาดแห่งนี้
วันนี้จ้าววั่นส่งข่าวใหม่มาเกี่ยวกับ ‘แดนศักดิ์สิทธิ์กลืนนภา’
“แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพ แดนศักดิ์สิทธิ์กลืนนภา!”
จ้าวเฟิงเพิ่งเคยได้ยิน ‘แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพ’ คำนี้เป็นครั้งแรก
พรึ่บ! จ้าวเฟิงเรียกมังกรวารีล้างโลกาออกมาทันที
“เสี่ยวเฮย แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพคืออะไร?”
จ้าวเฟิงถาม เจ้ามังกรวารีล้างโลกานี่จะต้องรู้อย่างแน่นอน
“ฮ่าๆ นายท่าน ท่านต้องคิดว่าขั้วอำนาจห้าดาวคือขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนเทพรกร้างใช่หรือไม่”
มังกรวารีล้างโลกาเผยรอยยิ้มหยิ่งทะนง
“แล้วไม่ใช่งั้นรึ?”
จ้าวเฟิงตกใจสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ในหัวของเขามีแนวคิดนี้แล้ว ขั้วอำนาจห้าดาวคือขั้วอำนาจแข็งแกร่งที่สุด สุดยอดที่สุด
“เขตผาเก่ามีขั้วอำนาจห้าดาวประมาณสามกลุ่ม ขั้วอำนาจสี่ดาวสุดยอดอีกสิบกว่ากลุ่ม ขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งยิ่งมีมาก และยังมีสี่ดาวอีกนับไม่ถ้วน แต่ผู้ปกครองเหนือขั้วอำนาจทั้งหมดก็คือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพของเขตผาเก่า…แดนศักดิ์สิทธิ์กลืนนภา!”
พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของมังกรวารีล้างโลกาก็เผยแววเคารพบูชาและเฝ้าใฝ่หา
ในใจของเขา แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพก็คือผู้ครอบครองโลก ไม่อาจขัดขืนได้
“แดนศักดิ์สิทธิ์กลืนนภาของเขตผาเก่าสร้างขึ้นโดยเผ่ากลืนนภา!”
มังกรวารีล้างโลกาพูดต่อไป
“เผ่ากลืนนภาอยู่ในอันดับสิบเจ็ดของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ!”
ในหัวของจ้าวเฟิง ข้อมูลเกี่ยวกับเผ่ากลืนนภาลอยขึ้นมา
“เผ่าพันธุ์วิญญาณเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพหรือไม่?”
จู่ๆ จ้าวเฟิงก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงถามขึ้นทันใด
จากที่มังกรวารีล้างโลกาพูด ตำแหน่งของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพในใจจ้าวเฟิงถูกยกขึ้นจนถึงจุดสูงสุด เป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนเทพรกร้าง
ส่วนเผ่าพันธุ์วิญญาณซึ่งอยู่ในอันดับสิบเก้าจะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพด้วยหรือไม่ หากเป็นเช่นนี้ จ้าวเฟิงจะไปหาจ้าวหยูเฟยอย่างไร
แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพปกครองพื้นที่กว้างใหญ่มหาศาลของหนึ่งเขต สูงส่งเป็นอย่างยิ่ง
“ใช่ว่าเป็นสายเลือดที่แข็งแกร่ง แล้วจะหมายถึงพลังแก่กล้า ในความทรงจำของข้า เผ่าพันธุ์วิญญาณไม่ได้อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพ!”
มังกรวารีล้างโลกาคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนพูดออกมาทันที
จ้าวเฟิงพยักหน้า เห็นด้วยกับประโยคนี้ของมังกรวารีล้างโลกา
ใช่ว่าเป็นสายเลือดที่แข็งแกร่งแล้วจะมีพลังแก่กล้า สายเลือดเพียงแค่มอบพื้นฐานที่ดีให้แก่คน แต่ตัดสินอนาคตของคนไม่ได้
จ้าวเฟิงนับไม่ถูกเลยว่าตนเองเอาชนะผู้แข็งแกร่งที่สายเลือดสูงส่งกว่าตนไปมากน้อยเท่าใดแล้ว
“เจ้าฝึกฝนอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน สามารถช่วงชิงทรัพยากรได้ แต่อย่าทำลายมันจนสิ้น!”
จ้าวเฟิงกำชับ
สายเลือดของมังกรวารีล้างโลกาทำให้เขาชอบทำลายทุกอย่าง และรับพลังมาจากการทำลาย
ห้วงฝันบรรพกาลเป็นสถานที่ดีและมีทรัพยากรดีขนาดนี้ จะให้มังกรวารีล้างโลกาไปทำลายได้อย่างไร
“ขอบคุณนายท่านมาก!”
มังกรวารีล้างโลกาเผยสีหน้าลิงโลด
เขาไม่รู้ว่าทำไมจ้าวเฟิงจึงสามารถเข้าออกพื้นที่ลับรกร้างโบราณได้ จ้าวเฟิงไม่ยอมพูด เขาก็ไม่มีทางรู้ไปตลอดกาล
ฟุ่บ! ร่างของมังกรวารีล้างโลกาหายไปทันที
ไม่ง่ายเลยที่จ้าวเฟิงจะยอมให้เขาเคลื่อนไหวอย่างอิสระ ทั้งยังอยู่ในมิติแห่งโอกาสเช่นนี้ มังกรวารีล้างโลกาไม่ไปช่วงชิงมาสิจึงจะแปลก
หลังจากที่มังกรวารีล้างโลกาจากไปแล้ว จ้าวเฟิงก็เรียกจ้าวหวางมา
“ข้าจะเริ่มสร้างร่างแยกวิญญาณร่างที่สาม เจ้ามาเฝ้าระวังที่นี่เอาไว้!”
จ้าวเฟิงบัญชา
‘วิชาแยกวิญญาณ’ ขั้นที่สามสำเร็จนานแล้ว ช่วงนี้จ้าวเฟิงฝึกฝนพลังวิญญาณอยู่บ้าง ยกระดับจนถึงเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่ง จึงจะตัดสินใจเริ่มแยกวิญญาณ
และในมิติเนตรเทพเจ้าของจ้าวเฟิงยังมีเนตรสังสารวัฏอีก แต่ว่าดวงตาข้างนี้เป็นวัฏสงสารแห่งชีวิต ไม่มีพลังต่อสู้
ถึงแม้จะพูดเช่นนั้น แต่ประโยชน์ของวัฏสงสารแห่งชีวิตกลับสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับจ้าวเฟิง
กำลังรบที่แข็งแกร่งของเขามีมังกรวารีล้างโลกา จ้าววั่น และจ้าวหวาง ถ้ามีกำลังการรบเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง ผลกระทบนั้นไม่มาก แต่ประโยชน์ของวัฏสังสารแห่งชีวิตกลับทำให้จ้าวเฟิงวาดหวังไว้สูงมาก
ตามที่จ้าวเฟิงรู้มา วัฏสงสารแห่งชีวิตมีประโยชน์อยู่สองข้อ หนึ่ง สามารถรับรู้ได้ว่าคนผู้นั้นเกิดใหม่ตามสังสารวัฏหรือไม่ สอง สามารถทำให้วิญญาณที่แตกสลายเกิดใหม่ เท่ากับฟื้นคืนชีวิตให้กับคนตายได้
“แม้กระทั่งวิญญาณที่แตกดับแล้วก็ฝืนความตายเกิดใหม่ได้!”
นัยน์ตาของจ้าวเฟิงเปล่งประกายตื่นเต้น
พลังที่น่ากลัวนี้ จึงจะเป็นประโยชน์ที่แท้จริงของเนตรสังสารวัฏแห่งชีวิต
หากร่างแยกของจ้าวเฟิงครองพลังนี้ ในอนาคตต่อให้เขาถูกฆ่าก็สามารถพลิกความเป็นตาย ฟื้นคืนชีวิตได้
แต่ว่าเงื่อนไขแรกคือร่างแยกที่ครอบครองเนตรสังสารวัฏต้องแข็งแกร่งมากพอ เพราะวิญญาณของจ้าวเฟิงค่อนข้างพิเศษ เป็นถึงกายวิญญาณอัสนี อีกทั้งในวิญญาณยังมีดวงตาเทพเจ้า
จ้าวเฟิงสำแดงวิชาดำดิน ดำดิ่งลึกลงไปใต้พื้น เริ่มโคจร ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ขั้นที่สามเพื่อทำการแยกวิญาณ
หลังจากผ่านการแยกวิญญาณมาสองครั้ง จ้าวเฟิงมีประสบการณ์แล้ว จึงมีพลังต้านทานต่อความเจ็บปวด
หลังจากนั้นสิบวัน จ้าวเฟิงก็แยกวิญญาณสำเร็จ
และร่างแยกวิญญาณร่างที่สาม จ้าวเฟิงก็ยังคงใช้วิธีสร้างร่างของจ้าววั่น ใช้ทรัพยากรล้ำค่ามากมายและสายเลือดบรรพกาล เพื่อสร้างร่างที่มีระดับขั้นชีวิตสูงมากร่างหนึ่ง
“มอบเนตรสังสารวัฏให้กับเจ้า ไปฝึกฝนเอาเอง!”
จ้าวเฟิงมอบเนตรสังสารวัฏและ ‘เคล็ดวิชาวิญญาณหลอมดวงตา’ ให้กับร่างแยกร่างที่สาม
ร่างแยกที่สามตอนนี้พลังอ่อนแอเกินไป ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เลย ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงให้เขาฝึกฝนอยู่ที่นี่ และยกระดับขอบเขตพลังฝึกตน
ครืน ตูม! จ้าวเฟิงสำแดงวิชาดำดิน มุดออกจากใต้พื้นดิน
“เอ๋ จ้าววั่นส่งข่าวมาอีกแล้ว!”
จ้าวเฟิงรับรู้ข่าวข้างในหัว ดวงตาทั้งสองวูบไหว
ข่าวที่จ้าววั่นส่งมากล่าวว่า ในดินแดนเทพรกร้าง นอกจากเขตผาเก่าและเขตชะตาสวรรค์ที่อยู่ใกล้ๆ กันแล้ว ยังมีขั้วอำนาจบางส่วนในเขตใหญ่แห่งหนึ่งเข้ามาในพื้นที่ลับรกร้างโบราณ
เขตนี้มีชื่อว่าเขตเนินสุริยา ห่างไกลจากเขตผาเก่ามากนัก
และขั้วอำนาจในเขตเนินสุริยาเข้ามาในพื้นที่ลับได้ก็เพราะแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพ
ได้ยินผู้แข็งแกร่งจากเขตเนินสุริยาพูดว่า ท่านผู้ครอบครองมิติหรือผู้ปกครองสูงสุดของเขตเนินสุริยา ใช้ ‘เนตรมิติ’ สำแดงเคล็ดวิชาพลิกชะตาฟ้า ทำให้ขั้วอำนาจของเขตเนินสุริยาสามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่ลับรกร้างโบราณได้
เนตรเทพแห่งมิติ!
นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเฟิงได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับแปดเนตรเทพเจ้าเมื่อมาถึงดินแดนเทพรกร้าง
ดินแดนเทพรกร้างทั้งสิบแปดเขตพื้นที่ มีเพียงเขตผาเก่าและเขตชะตาสวรรค์ที่อยู่ข้างๆ กันเท่านั้นที่จะเชื่อมต่อกับพื้นที่ลับรกร้างโบราณได้ แต่ผู้ครองมิติกลับใช้ความสามารถที่แข็งแกร่ง ฝืนให้เขตเนินสุริยาเชื่อมต่อกับพื้นที่ลับ ไม่เสียทีที่เป็นผู้ครอบครองมิติจริงๆ
“อภินิหารเช่นนี้ เกรงว่ามีแต่เนตรมิติกระมังที่สามารถทำได้!”
ใจของจ้าวเฟิงไม่อาจสงบได้
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเนตรมิติจะแกร่งถึงเพียงนี้ เช่นนี้แล้ว เนตรเทพเจ้าทั้งเจ็ดนอกจากนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดา
ตุบตุบ! ตุบตุบ!
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงเต้นเบาๆ ส่งความฮึกเหิมและจิตต่อสู้ที่ไม่อาจเอ่ยเป็นคำพูดมาเล็กน้อย
“ต้องมีสักวัน ข้าจะพบกับแปดเนตรเทพเจ้าตัวจริง!”
สายตาจ้าวเฟิงเปล่งประกาย
ฟิ้ว!
จ้าวเฟิงมาถึงยังยอดเขาที่เขาปิดด่านอยู่ หยิบเอาของล้ำค่าประเภทวิญญาณบางอย่างออกมา รักษาอาการบาดเจ็บที่ได้มาตอนแยกวิญญาณ
แยกวิญญาณครั้งนี้ จ้าวเฟิงลดการตัดแบ่งวิญญาณให้ถึงจุดต่ำสุด แต่ก็ยังคงได้รับบาดเจ็บ
ไม่นานเท่าใดนัก จ้าวเฟิงก็ฟื้นฟูบาดแผลในวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์
ในยามนี้เอง จ้าววั่นรีบร้อนส่งข้อมูลมา ทำให้จ้าวเฟิงผุดลุกขึ้นทันใด สั่นเทิ้มไปทั่วทั้งร่าง
“แต่เดิมรอทะลวงขั้นครึ่งเทพแล้วจึงจะลงมือ ตอนนี้ท่าทางต้องรีบไปก่อนแล้วค่อยทะลวงขั้นกระมัง!”
สายตาของจ้าวเฟิงหนักอึ้ง ก้นบึ้งดวงตาฉายแววร้อนรน
มีทรัพยากรขัดชะตาฟ้าที่ล้ำค่ามหาศาล การฝึกวายุอัสนีธาตุทองของจ้าวเฟิงจึงราบรื่นยิ่ง รวมกับมีพื้นฐานที่มั่นคง แค่เพียงเขาต้องการก็สามารถทะลวงได้ถึงขั้นบริบูรณ์
“มังกรวารีล้างโลกา ข้าจะส่งแผนที่และสถานที่เป้าหมายให้กับเจ้า ไปรอข้าที่นั่นเลย!”
จ้าวเฟิงรีบส่งกระแสเสียงให้มังกรวารีล้างโลกาผ่านตราผนึกดวงใจทมิฬ
ฟิ้ว! ประกายสีดำสายหนึ่งกะพริบผ่าน จ้าวหวางมายังข้างกายจ้าวเฟิง
เสวียนอ้าวมรณะของจ้าวหวางถึงขอบเขตขั้นที่หนึ่ง ความเร็วในการฝึกฝนจึงรุดหน้าไปเร็วมาก ทะลวงถึงขั้นครึ่งเทพ สามารถใช้ประโยชน์ได้แล้ว
“จ้าวหวาง ไป!”
จ้าวเฟิงนำจ้าวหวางและฝูงเผ่าพันธุ์บรรพกาลที่เหลืออยู่ทั้งหมดเก็บเข้าไปในมนตราอากาศ ก่อนแปลงเป็นประกายสีทองอ่อนเลือนหายไปในท้องฟ้า
ไม่ถึงหนึ่งเดือน จ้าวเฟิงก็มาถึงป่าวิหคสวรรค์ในตอนแรก ยามนี้ยังคงมีขั้วอำนาจเล็กๆ บางกลุ่มวางแผนเก็บเกี่ยวโอกาสบางอย่างจากรังหงส์
ผ่านไปอีกระยะหนึ่ง จ้าวเฟิงก็มองเห็นป่าแห่งความตาย ในตอนนี้มันไม่ใช่ป่าแห่งความตายอีกต่อไป หมอกดำแห่งความตายและพลังสะกดสลายไปนานแล้ว จึงกลายเป็นป่าแห้งแล้ง
แต่ก็มีคนไม่น้อยหาสมบัติอยู่ข้างใน ในเมื่อไม่รู้กี่ปีก่อนหน้านี้ ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนที่เข้าไปในป่าแห่งความตายก็ล้วนตายอยู่ในนั้นทั้งสิ้น
เขาไม่ได้ไปสนใจ มุ่งหน้าต่อไป
แต่ทันใดนั้น จ้าวเฟิงหยุดอยู่กลางอากาศ สีหน้าค่อนข้างเหนื่อยหน่าย
ด้านล่างไม่ไกลออกไป มีกลุ่มคนกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศหนึ่ง ในนั้นมีคนคนหนึ่งที่จู่ๆ ก็หยุดลงเหมือนกับจ้าวเฟิง
คนผู้นี้ก็คือซีเฟิง แต่เขาในตอนนี้ไม่ได้มีใบหน้าสูงส่ง เมินเฉยต่อทุกสรรพสิ่งแล้ว แต่เป็นใบหน้าตื่นตะลึง มองไปยังจ้าวเฟิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เป็นไปได้อย่างไรกัน? จ้าวเฟิงมาปรากฏตัวอยู่ที่พื้นที่ลับรกร้างโบราณได้อย่างไร
ซีเฟิงเข้าไปในเผ่าหยกทองเพราะเจ้าเกาะเทียนอวี่ และโชคดีได้ตำแหน่งผู้ติดตามมา
แต่จ้าวเฟิงเป็นคนไร้ชื่อเสียงคนหนึ่ง คนของเผ่าแพะเพลิงทองกลับมาปรากฏตัวในพื้นที่ลับเช่นกัน!
“ในเมื่อเจอแล้ว เช่นนั้นนี่ก็คือวันตายของเจ้า!”
จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงต่ำทุ้ม ไอสังหารกลุ่มหนึ่งทะลักขึ้น
จะสังหารซีเฟิง ไม่ใช่แค่เพราะอีกฝ่ายเป็นคนของเจ้าเกาะเทียนอวี่ ประเด็นที่สำคัญยิ่งกว่าคือซีเฟิงรู้จักจ้าวเฟิง หากเขานำข่าวนี้ไปบอกเจ้าเกาะ เกรงว่าเกาะเทียนอวี่คงเดาได้ทันทีว่าจ้าวเฟิงสามารถเข้าออกพื้นที่ลับรกร้างโบราณได้ตามอารมณ์