Skip to content

King of Gods 1216

King Of Gods

บทที่ 1216 ปฐมเทพเจี้ยนเฟิง

“นี่คือหญ้าบัวสวรรค์รั้งวิญญาณและผลกระดูกทอง!”

เจ้าของแผงข้างจ้าวเฟิงเห็นของสองชิ้นที่เขาหยิบออกมา หน้าก็เปลี่ยนสีทันที แววตาตื่นเต้น

หญ้าบัวสวรรค์รั้งวิญญาณและผลกระดูกทอง ทรัพยากรล้ำค่าสองชิ้นนี้เย้ายวนใจเทพแท้จริงขั้นที่สี่อย่างมหาศาล

จากนั้นพวกเขามองจ้าวเฟิงแวบหนึ่ง เมื่อสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่เทพแท้จริงก็ส่ายศีรษะพลางทอดถอนใจ

จ้าวเฟิงใช้ทรัพยากรล้ำค่าสองชิ้นแลกแผนที่ แปลว่ามาตรฐานที่มีต่อแผนที่ต้องสูงยิ่ง คาดว่าน่าจะมีเพียงเทพแท้จริงขั้นสามจำนวนไม่มากหรือเทพแท้จริงขั้นสี่ถึงจะมีแผนที่ที่จ้าวเฟิงต้องการ

แต่ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายแห่งนี้ไม่ค่อยมีเทพแท้จริงขั้นสาม ส่วนเทพแท้จริงขั้นสี่ก็หลายปีกว่าจะเจอสักคน แปลว่าสมบัติสองชิ้นของจ้าวเฟิงอาจจะไม่มีใครแลกเปลี่ยนด้วย

ถึงแม้ในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายจะห้ามต่อสู้ แต่จ้าวเฟิงเอาทรัพยากรล้ำค่าเช่นนี้ออกมาถึงสองชิ้น แถมยังไม่มีพลัง ย่อมต้องถูกจับจ้อง ทันทีที่เดินทางออกจากตำหนักก็จบเห่แน่

“วัตถุดิบทั้งสองของท่านล้ำค่าเกินไปแล้วกระมัง!”

ด้านข้างจ้าวเฟิง สตรีสวมชุดคลุมศีรษะสีขาวผู้หนึ่งส่งกระแสจิตบอก

หญิงนางนี้ย่อมเป็นหานหนิงเอ๋อร์

เพราะหอมังกรเหลืองอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก ประกาศจับหานหนิงเอ๋อร์ถูกส่งต่อกันไปอย่างลับๆ

เพื่อความปลอดภัย จ้าวเฟิงไปซื้อชุดคลุมศีรษะที่พิเศษอย่างยิ่งมาตัวหนึ่ง สามารถป้องกันการสืบค้นจากประสาทสัมผัสเทพ ปกปิดใบหน้าของหานหนิงเอ๋อร์ได้

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น กลิ่นอายที่แผ่จากทั่วร่างนางและพลังชีวิตโดยธรรมชาติก็ไม่สามารถปกปิดได้

ต่อให้คนอื่นๆ ไม่เห็นใบหน้านาง ก็ยังรู้ว่าเป็นโฉมสะคราญนางหนึ่ง

“ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ถ้าหากไม่มีแผนที่ จะต้องสิ้นเปลืองเวลามากกว่าเดิมถึงสองเท่ากว่าจะถึงเขตเทพสวรรค์ อีกทั้งโอกาสเผชิญอันตรายระหว่างทางก็จะมากขึ้นด้วย!”

จ้าวเฟิงส่งกระแสจิตตอบ

“ท่านไม่ใช่คนของขั้วอำนาจใดจริงหรือ?”

จู่ๆ หานหนิงเอ๋อร์ก็ถาม

จ้าวเฟิงมีสายเลือดที่แกร่งกล้า พลังแข็งแกร่ง และยังมีพรสวรรค์ชวนตะลึง บวกกับพลังเสวียนอ้าวหลากหลายประเภท ยากจะจินตนาการได้ว่าคนเช่นนี้ไม่ใช่สมาชิกของขั้วอำนาจใด แต่หากจ้าวเฟิงเป็นคนของขั้วอำนาจใหญ่ก็คงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวหอมังกรเหลือง ยังสามารถยืมค่ายกลส่งข้ามของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งหรือสี่ดาวระดับสุดยอดได้

“ไม่ใช่!” จ้าวเฟิงตอบสั้นๆ

อันที่จริง จ้าวเฟิงเองก็อยากตั้งสถานะหนึ่งขึ้น สถานะที่จะสามารถหยิบยืมค่ายกลส่งข้ามของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งขึ้นไปได้ ทว่าอยากจะได้สถานะหนึ่งก็ไม่ง่ายดายเลย หนำซ้ำในเขตผาเก่า ขั้วอำนาจที่จ้าวเฟิงล่วงเกินเอาไว้มีจำนวนค่อนข้างมาก ในตอนที่สถานการณ์ยังไม่ชัดเจน เขาไม่อยากผลีผลามเผยตัวตน

“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหญ้าบัวสวรรค์รั้งวิญญาณ!”

กลุ่มคนที่เดินไปมาที่นี่ไม่น้อยชะงักฝีเท้าอยู่ด้านหน้าจ้าวเฟิง

ถนนทั้งสายแออัดจอแจไปด้วยกลุ่มคนอย่างรวดเร็ว

“เจ้าหนุ่ม เจ้าอยากได้แผนที่แบบไหนล่ะ?”

ยามนี้ ชายหนุ่มวัยกลางคนผู้หนึ่งเปิดปากถาม

บนร่างเขาสาดซัดกลิ่นอายศาสตร์ซากศพชวนเขย่าขวัญอย่างตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ หากผู้ที่พลังค่อนข้างอ่อนแอเข้าใกล้จนเกินไป จิตใจอาจได้รับผลกระทบของมันไปด้วย

“เทพแท้จริงขั้นสอง!”

ขอบเขตเทวาเร้นลับที่พลังฝึกตนค่อนข้างต่ำจำนวนไม่น้อยถอยออกไปไกลๆ

ถึงแม้จะเป็นเทพแท้จริงขั้นสอง แต่คนผู้นี้เป็นถึงผู้ฝึกตนในศาสตร์ซากศพ ไม่ยั่วโทสะเขาน่าจะเป็นการดีที่สุด

“แผนที่ที่สมบูรณ์ของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งขึ้นไปแปดแห่งเป็นอย่างน้อย!”

จ้าวเฟิงเอ่ยออกมาทันที

ข้อมูลแผนที่ของเจ้าเกาะเทียนอวี่น่าจะเกี่ยวโยงถึงขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งหกแห่ง แต่ข้อมูลของทุกขั้วอำนาจยังไม่สมบูรณ์

“เจ้าหนุ่ม มูลค่าที่เจ้าต้องการสูงเกินไป ข้ามีเพียงแผนที่ที่สมบูรณ์ของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งขึ้นไปเพียงหกที่เท่านั้น เจ้าสนใจจะแลกหรือไม่?”

สีหน้าของชายหนุ่มวัยกลางคนผู้นั้นเย็นชา พลานุภาพไร้รูปร่างของศาสตร์ซากศพเกาะกลุ่มรวมตัวไปหาจ้าวเฟิง

หานหนิงเอ๋อร์ด้านข้างแค่นเสียงออกมา

เห็นได้ชัดเจนว่าพลังฝึกตนเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์ยากจะต้านทานพลังของเทพแท้จริงขั้นสองผู้นี้

“ไสหัวไปเถอะ!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงราบเรียบ

แต่ในวินาทีที่เอ่ยคำพูดดังกล่าวออกมา กลิ่นอายศาสตร์ซากศพทั้งหมดรอบตัวเขาแตกกระสานซ่านเซ็น

“เจ้า…” เทพแท้จริงขั้นสองมีสีหน้าตื่นตะลึง เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เงียบไป

จากการแสดงออกเมื่อครู่ของจ้าวเฟิง ก็พอจะมองได้ว่าพลังของอีกฝ่ายไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย

“เหอะ ก็แค่ปฐมเทพขั้นสอง นำสมบัติที่ล้ำค่าขนาดนี้ออกมา ‘ผู้ล่า’ ของตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายจะต้องไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”

เทพแท้จริงขั้นสองถอยไปด้านข้างก่อนจะแค่นเสียง

ขอแค่จ่ายค่าใช้จ่ายมากพอควร ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าออกตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายได้ แต่มีคนประเภทหนึ่งที่เดินทางมาตำหนักโดยไม่ได้มาเพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขาย แต่มาเพื่อตามหา ‘เหยื่อ’ คนประเภทนี้ถูกเรียกว่า ‘ผู้ล่า’

ในทันทีที่มีสิ่งของเตะตา ‘ผู้ล่า’ เข้า พวกเขาจะพรางตัวอยู่ในบริเวณใกล้เคียง รอจนฝ่ายตรงข้ามเดินทางออกจากตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย

ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ ผู้ล่าเหล่านี้ส่วนมากจะเป็นกลุ่มคนสามถึงห้าคน

ดังนั้นคนทั่วไปเดินทางมายังตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายจึงมากันเป็นกลุ่ม บางทีอาจจ้างวานยอดฝีมือมาเป็นผู้คุ้มกัน

‘ฮ่าๆ ผู้ล่า?’ จ้าวเฟิงหัวเราะเบาๆ ในใจ

คราวก่อนเขาโอ้อวดสิ่งของล้ำค่ามากเกินไปในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายของเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้า สุดท้ายจึงถูกจับจ้องจากคนของเผ่านั้น

แต่สุดท้ายแล้วพวกคนที่ไล่ล่าจ้าวเฟิงกลับถูกสังหารจนสิ้น

ในตอนนั้น จ้าวเฟิงพบว่ามีแววตากระหายเลือดหลายคู่ลอบจับจ้องตนเองอยู่

ทว่าพลังฝึกตนของคนเหล่านี้ไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่นัก อย่างไรเสีย ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายแห่งนี้ก็ไม่นับว่าอยู่ในระดับสูง เทพแท้จริงขั้นสามยังไม่ค่อยมี

ต่อมาก็มีคนแห่มาสอบถามเพื่อซื้อขายกับจ้าวเฟิงไม่หยุด

มีสองคนในนั้นที่ได้ตามความต้องการของจ้าวเฟิง พวกเขาครอบครองแผนที่ฉบับสมบูรณ์ของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งขึ้นไปแปดแห่ง แต่ในแผนที่ของทั้งสองมีแผนที่ของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งสองแห่งที่จ้าวเฟิงได้มาแล้ว การแลกเปลี่ยนจึงไม่เป็นผล

หนึ่งวันต่อมา จ้าวเฟิงยังไม่ได้แผนที่ที่ตนต้องการ แต่แถวนั้นกลับมีคนที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับเพิ่มขึ้น

“เทพแท้จริงขั้นสี่ที่ตำหนักแห่งนี้มีน้อยนิดจนเกินไป ดูแล้วการแลกเปลี่ยนนี้คงยากจะเกิดผล!”

จ้าวเฟิงทอดถอนใจ

“หืม หญ้าบัวสวรรค์รั้งวิญญาณ!”

ทันใดนั้นเอง เสียงตื่นตะลึงของคนสองสามคนก็ดังขึ้นจากที่ไม่ไกลมากนัก

ต่อมา ร่างคนทั้งสี่บินตรงดิ่งมาหาจ้าวเฟิง

ในนั้นมีบุรุษหนุ่มสองคน สตรีอีกหนึ่ง และยังมีผู้อาวุโสที่ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยอีกคน กลิ่นอายลึกล้ำเกินคาดเดา

ทั้งสามคนนี้มีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งก็คือผิวสีม่วงเข้ม ดวงตาขาวโพลน สีหน้าเย็นชาน่ากลัว

“นี่มันเผ่าภูติทมิฬ!”

“ทั้งสามคนนี้เป็นปฐมเทพอัจฉริยะของเผ่าภูติทมิฬมิใช่หรือ? บุรุษหนุ่มที่เป็นผู้นำคือปฐมเทพหมัวกุ่ย (ภูติผี)!”

คนรอบๆ จำนวนไม่น้อยต่างแหวกทางให้ทันทีที่จำขั้วอำนาจนี้ได้

เผ่าภูติทมิฬ เป็นขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งในเขตผาเก่าที่ค่อนข้างทรงพลังและแข็งแกร่งพอๆ กับหอมังกรเหลือง

“ข้าจะเอาหญ้าบัวสวรรค์รั้งวิญญาณพวกนี้!”

นัยน์ตาขาวโพลนดูโหดร้ายของปฐมเทพหมัวกุ่ยจ้องจ้าวเฟิง เอ่ยตามตรง

“ข้อมูลแผนที่ของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งขึ้นไปแปดแห่ง!”

จ้าวเฟิงมองชายคนนี้พลางเอ่ย

ปฐมเทพหมัวกุ่ยก็แค่ปฐมเทพขั้นที่สอง ไม่ได้ต่างอะไรกับปฐมเทพตี้หลินและปฐมเทพหลันเยี่ยที่จ้าวเฟิงเคยเจอในห้วงฝันบรรพกาล

“หืม?”

จิตสังหารฉายวาบในดวงตาของปฐมเทพหมัวกุ่ย ไม่คิดปิดบังแม้แต่น้อย

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าปฐมเทพที่วางแผงขายของในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายจะไม่ไว้หน้าตน

ต้องรู้เอาไว้ว่า เผ่าภูติทมิฬเป็นถึงขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่ง และยังมีเทพโบราณคอยกำกับดูแล ขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งแห่งหนึ่งจะมีขั้วอำนาจสี่ดาวหลายสิบกลุ่มกับตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายเกือบยี่สิบแห่งอยู่ภายใต้การดูแล

กฎกติกาของตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายเหล่านี้ลิดรอนสิทธิ์ของขั้วอำนาจสี่ดาว แต่กลับไม่มีผลใดๆ ต่อขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งที่กำกับดูแลพื้นที่เหล่านี้

กฎคือเครื่องมือที่คนระดับสูงใช้จำกัดคนระดับล่างเสมอมา

มีเพียงคนอ่อนแอเท่านั้นที่ต้องเชื่อฟัง!

“อย่าหาเรื่องเลย!”

ชายชราผู้อยู่ข้างกายปฐมเทพหมัวกุ่ยเอ่ยเสียงราบเรียบ

ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายแห่งนี้ไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของเผ่าภูติทมิฬ มิฉะนั้นเขาคงไม่สนใจปฐมเทพหมัวกุ่ย

“เห็นแก่หน้าของเผ่าภูติทมิฬแล้วกัน ข้าจะให้ข้อมูลในแผนที่ของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งขึ้นไปสี่แห่ง ส่วนเจ้าก็มอบหญ้าบัวสวรรค์รั้งวิญญาณมาให้ข้าเสีย!”

ผู้อาวุโสผู้นี้เอ่ยต่อ

เมื่อครู่จ้าวเฟิงปฏิเสธปฐมเทพหมัวกุ่ย หักหน้าเผ่าภูติทมิฬไปแล้ว ถ้าหากเขาปฏิบัติตามความต้องการของจ้าวเฟิง แลกเปลี่ยนกันอย่างเสมอภาค จะไม่เป็นการหักหน้าเผ่าภูติทมิฬหรอกหรือ

จ้าวเฟิงขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง

หากเขาครอบครองพลังที่แข็งแกร่ง มีสถานะที่ทำให้คนต้องหวาดกลัว ย่อมต้องไม่ถูกคนอื่นรังแกเช่นนี้

“ข้ามาเพื่อแลกเปลี่ยนแผนที่ ไม่ได้มาเพื่อรักษาหน้า!”

จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเย็น

“หืม?”

ครั้งนี้ผู้อาวุโสคนนี้ขมวดคิ้ว แรงกดดันที่ไร้รูปร่างกระจายตัวออกมา

วูบ วูบ! อากาศรอบบริเวณมืดสลัวลง เสียงกรีดร้องของภูติผีดังแว่วมา ช่างเยือกเย็นและน่าหวาดกลัว

“เทพแท้จริงขั้นสี่!”

คนไม่น้อยสีหน้าตื่นตะลึง ลนลานถอยไป

ผู้อาวุโสคนนี้มีพลังของเทพแท้จริงขั้นสี่ หนำซ้ำเบื้องหลังยังมีเผ่าภูติทมิฬ ต่อให้สังหารคนในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย ผู้ครอบครองตำหนักแห่งนี้ก็พูดอะไรไม่ได้

คนไม่น้อยมองจ้าวเฟิงด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ

กระทั่งผู้ล่าเหล่านั้นยังถอดใจจากเป้าหมายด้วยตนเอง

“ฮ่าๆ คนของเผ่าภูติทมิฬจะลงมือในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายหรือ?”

มีเสียงหัวเราะแว่วมาจากที่ไม่ไกล

ดวงตาจ้าวเฟิงกะพริบปริบๆ น้ำเสียงนี้คุ้นหูอยู่บ้าง แต่เขายังคิดไม่ออกว่าเป็นใครในทันที

“นี่ไม่ใช่ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงแห่งเผ่าหมอกสวรรค์หรอกหรือ?”

ปฐมเทพหมัวกุ่ยแห่งเผ่าภูติทมิฬจ้องดวงตาเย็นชาไปยังร่างที่บินมา

ส่วนแววตาของผู้อาวุโสเผ่าภูติทมิฬหยุดอยู่ที่ร่างผมสีฟ้าด้านหลังปฐมเทพเจี้ยนเฟิง

“ปฐมเทพเจี้ยนเฟิง นี่หมายความว่าอะไร? เผ่าภูติทมิฬของข้าจะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร!”

ปฐมเทพหมัวกุ่ยจ้องปฐมเทพเจี้ยนเฟิงอย่างเย็นชา

“สหายจ้าว คิดไม่ถึงว่าจะเจอเจ้าที่นี่!”

ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงตรงมาหาจ้าวเฟิง ใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงเป็นผู้ถูกเลือกของเผ่าหมอกสวรรค์ที่เชิญจ้าวเฟิงและเผ่าพาหาทองเข้าโจมตีรังหงส์ในป่าวิหคสวรรค์

“เหอะ!” ปฐมเทพหมัวกุ่ยแค่นเสียงเย็น สีหน้าบึ้งตึง

เมื่อครู่เขาถามปฐมเทพเจี้ยนเฟิง แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับมองข้ามเขา ไปพูดคุยกับเจ้าของแผงขายของเสียอย่างนั้น

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าปฐมเทพเจี้ยนเฟิงจะเรียกเจ้าของแผงลอยผู้นี้ว่า ‘สหายจ้าว’ ทำให้ปฐมเทพหมัวกุ่ยออกจะตื่นตะลึง

ชื่อเสียงของปฐมเทพเจี้ยนเฟิงโด่งดังในเผ่าหมอกสวรรค์ไม่น้อย คนที่ใช้คำเรียกสนิทสนมกับเขาได้ย่อมไม่ธรรมดาแน่

“นี่คือแผนที่ของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งขึ้นไปทั้งแปดแห่ง ข้าขอแลกกับหญ้าบัวสวรรค์รั้งวิญญาณแล้วกัน!”

จู่ๆ ผู้อาวุโสของเผ่าภูติทมิฬก็เปิดปากเอ่ย ก่อนหยิบเอาป้ายหยกแผ่นหนึ่งออกมา ภายในยังมีข้อมูลที่เขาเพิ่งจะตีตราประทับเข้าไป

เผ่าหมอกสวรรค์เป็นขั้วอำนาจสี่ดาวระดับสุดยอด แข็งแกร่งกว่าเผ่าภูติทมิฬมาก

หนำซ้ำปฐมเทพเจี้ยนเฟิงยังรู้จักจ้าวเฟิง หากเผ่าภูติทมิฬคิดจะแลกหญ้าบัวสวรรค์รั้งวิญญาณก็ต้องแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรมแล้ว

“ต้องขอโทษด้วย จะเก็บร้านแล้ว!”

จ้าวเฟิงระบายยิ้มน้อยๆ เก็บวัตถุดิบยาทั้งสองกลับไป แล้วเก็บแผงลอยเดินไปหาปฐมเทพเจี้ยนเฟิง

ถึงแม้เขาและปฐมเทพเจี้ยนเฟิงจะเจอหน้ากันเพียงไม่นาน แต่อุปนิสัยของอีกฝ่ายเปิดเผยตรงไปตรงมา ไม่ใช่คนที่มีเจตนาแอบแฝงอะไร

ไม่เช่นนั้นแล้ว ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงคงไม่มาช่วยจ้าวเฟิงด้วยตนเอง เห็นเจตนาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนว่าเป็นสหายของจ้าวเฟิง

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จ้าวเฟิงน่าจะเก็บข้อมูลของแผนที่จากเผ่าหมอกสวรรค์ได้ ไม่แน่ว่ายังสามารถหยิบยืมค่ายกลส่งข้ามของเผ่าหมอกสวรรค์ ไยต้องตั้งแผงขายของที่นี่ต่อด้วยเล่า

“ผู้เยาว์ เจ้าช่างใจกล้าเสียจริง…”

ดวงตาผู้อาวุโสเผ่าภูติทมิฬทอประกายเย็นชา พูดเน้นย้ำทีละคำ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!