Skip to content

King of Gods 1219

King Of Gods

บทที่ 1219 หอคอยฝึกตน

เพราะการปรากฏกายของเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ จ้าวเฟิงและปฐมเทพเจี้ยนเฟิงจึงกินอะไรไม่ลง

หลังจากชิมอาหารทะเลสักเล็กน้อยแล้ว พวกจ้าวเฟิงก็ลุกขึ้นเดินจากไป

“ยังเหลือเวลาอีกช่วงหนึ่งกว่าจะถึงงานประลองยุทธ์ผาเก่า สหายจ้าวอยากจะทำอะไรหรือไม่?”

ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงเอ่ยถาม

เมื่อครู่เขาแนะให้ทุกคนไปที่หอไข่มุกสมุทร แต่กลับไปเจอคนเผ่าปีศาจวารีสวรรค์โดยไม่คาดคิด

ในตอนนี้คนเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ไม่กล้าทำอะไรจ้าวเฟิง แต่ทันทีที่งานประลองยุทธ์จบลงก็ไม่แน่

“ข้าอยากจะหาที่พักเพื่อทำให้พลังเสถียรสักหน่อย!”

จ้าวเฟิงเอ่ยปนยิ้ม

สำหรับจ้าวเฟิงแล้ว งานประลองยุทธ์ผาเก่าไม่ได้ยากอะไร

ต่อให้เป็นปฐมเทพเทียนเสวี่ย จ้าวเฟิงก็มีความเป็นไปได้ที่จะเอาชนะ

แต่ศัตรูของจ้าวเฟิงไม่ใช่ปฐมเทพพวกนั้น

ยกตัวอย่างเช่นในตอนนี้ เผ่าปีศาจวารีสวรรค์หมายหัวจ้าวเฟิงแล้ว ทั้งยังมีหานหนิงเอ๋อร์ที่ต้องเผชิญหน้ากับประกาศจับจากหอมังกรเหลือง

‘ดีที่งานประลองยุทธ์ครั้งนี้มีปฐมเทพสองคนจัดขึ้น ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่นัก เผ่าปีศาจวารีสวรรค์เองก็แค่ส่งเทพแท้จริงขั้นห้าผู้หนึ่งมาปกป้องลูกศิษย์ขั้นปฐมเทพในเผ่า!’

จ้าวเฟิงพึมพำในใจ

หลังจากมาถึงที่นี่แล้ว จ้าวเฟิงจึงเข้าใจได้ว่าขั้วอำนาจที่แกร่งกล้าจำนวนมากต่างส่งอัจฉริยะระดับรองในเผ่ามา อย่างเช่นปฐมเทพเจี้ยนเฟิงของเผ่าหมอกสวรรค์

อัจฉริยะที่เก่งกาจที่สุดในเผ่าหมอกสวรรค์ก็เป็นบุคคลในรายชื่อปฐมเทพ ยามนี้น่าจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดในเผ่า เพื่อจะได้ช่วงชิงเอาตำแหน่งสูงขึ้นในการประลองจัดอันดับปฐมเทพภายหน้า

ดังนั้นงานประลองยุทธ์ผาเก่าครั้งนี้ มีคนในยี่สิบลำดับแรกของรายชื่อปฐมเทพมาได้ครึ่งหนึ่งก็ถือว่าเยอะแล้ว อีกทั้งคนส่วนมากก็ยังไม่แน่ว่าจะลงสนามด้วยซ้ำ

“สหายจ้าวน่าจะไปที่ ‘หอคอยฝึกตน’!”

ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงเอ่ยขึ้นทันที

“หอคอยฝึกตน?” จ้าวเฟิงมีสีหน้าประหลาดใจ

“ในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายระดับสูงส่วนหนึ่ง จะมี ‘หอคอยฝึกตน’ ที่สร้างขึ้นไว้เพื่อให้ผู้ฝึกวิชาใช้ปิดด่านฝึกตนโดยเฉพาะ ทุกห้องลับในหอคอยฝึกตนจะเป็นโลกมิติส่วนตัวแห่งหนึ่ง และมีสภาพแวดล้อมการฝึกแต่ละประเภทให้เลือก ในเวลาเดียวกันยังสามารถปรับแรงดึงดูดหรืออุณหภูมิเป็นต้น ส่วนห้องลับฝึกตนในระดับที่สูงมากขึ้นจะสร้างโดยยอดฝีมือที่ชำนาญเสวียนอ้าวเวลา ฝึกตนอยู่ที่นี่สองวัน โลกภายนอกจะผ่านไปเพียงแค่วันเดียว”

ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงรู้ว่าจ้าวเฟิงอาจจะไม่เคยได้ยินเรื่องหอคอยฝึกตนมาก่อน จึงแนะนำเขาอย่างละเอียด

“ไปดูสักหน่อย!” ชุดคลุมมิติของจ้าวเฟิงเป็นมิติฝึกตนที่ดีที่สุด

แต่หอคอยฝึกตนที่ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงพูดถึง จ้าวเฟิงสนใจอย่างยิ่งจนอยากจะไปดูด้วยตา

จากนั้นพวกจ้าวเฟิงก็เดินทางมาถึง ‘หอคอยฝึกตน’

มันเป็นหอคอยขนาดยักษ์ที่เก่าแก่ลึกลับ ความสูงของหอคอยนับว่าเป็นหนึ่งในสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดของที่นี่ รอบๆ หอคอยยักษ์ยังมีปราการค่ายกลที่คอยปิดผนึกประสาทสัมผัสเทพ

“ทุกท่าน ห้องลับในหกชั้นแรกของหอคอยฝึกตนเต็มแล้ว!”

หญิงงามชุดเขียวที่อยู่ตรงทางเข้าของหอคอยฝึกตนเอ่ยยิ้มๆ

“สหายจ้าว หอคอยฝึกตนมีทั้งหมดเก้าชั้น หกชั้นแรกเป็นห้องลับที่ไม่มีเสวียนอ้าวเวลา ส่วนชั้นที่เจ็ดขึ้นไปมีเสวียนอ้าวเวลาแฝงอยู่ หากฝึกตนในชั้นที่เก้า เวลาห้าวันในนั้นจะเท่ากับวันเดียวที่โลกภายนอกเท่านั้น!”

ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงคุ้นเคยสภาพต่างๆ ในหอคอยฝึกตนอย่างยิ่ง

แต่เดิมเผ่าหมอกสวรรค์ก็มีหอคอยฝึกตน หนำซ้ำผลลัพธ์ในการฝึกยังดีกว่าหอคอยฝึกตนที่นี่

จ้าวเฟิงอึ้งไปเล็กน้อย ชุดคลุมมิติของตนเอง เวลาจะเชื่องช้ากว่าโลกภายนอกสิบเท่า เวลาสิบวันในชุดคลุมมิติจะเทียบเท่ากับโลกภายนอกหนึ่งวันเท่านั้น!

“ห้องลับฝึกตนในชั้นเจ็ด หนึ่งเดือนต้องใช้ผลึกเทพระดับต่ำร้อยชิ้น!”

หญิงชุดเขียวนางนั้นเห็นปฐมเทพเจี้ยนเฟิงเข้าใจในหอคอยฝึกตนขนาดนี้ ก็รู้ได้เลยว่าเขาเป็นอัจฉริยะของขั้วอำนาจใหญ่ จึงยิ่งยิ้มแย้มอย่างสดใส

ในดินแดนเทพรกร้าง ผลึกเทพแบ่งเป็นระดับล่าง ระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง และระดับสุดยอด

จากระดับต่ำไปจนถึงระดับสูง มีอันตราส่วนในการแลกเปลี่ยนที่หนึ่งต่อร้อย

ส่วนผลึกเทพในระดับสุดยอด ในดินแดนเทพรกร้างมีน้อยนิดยิ่ง เพราะเป็นถึงผลึกเทพชั้นยอด เป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้ ถึงจะเป็นผลึกเทพระดับสูงล้านชิ้น ก็ยากจะเปลี่ยนเป็นผลึกเทพระดับสุดยอดชิ้นหนึ่ง

“พวกเราไปที่ชั้นเจ็ดกันเถอะ!” จ้าวเฟิงเอ่ยทันที

จ้าวเฟิงมีสายธารผลึกระดับล่างสายหนึ่งในห้วงฝันบรรพกาล ผลึกเทพระดับต่ำจำนวนน้อยนิดเท่านี้ไม่นับเป็นอะไร

“สหายจ้าว ข้ามีธุระ คงไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนเจ้า!”

ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงไม่สนใจหอคอยฝึกตนเท่าไหร่นัก

แน่นอน เป็นไปได้ที่ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงอยากไปทำความรู้จักกับปฐมเทพอัจฉริยะคนอื่นๆ ก่อนจะมีงานประลองยุทธ์ผาเก่า

“ได้ น้องสาวข้า คงต้องวานปฐมเทพเจี้ยนเฟิงช่วยดูแลสักครู่แล้ว!”

จ้าวเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงมอบหานหนิงเอ๋อร์ให้ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงดูแลชั่วคราว

“ไม่ทราบว่าท่านต้องการฝึกตนอยู่กี่วัน?”

สตรีชุดเขียวถาม

“หนึ่งเดือน!”

จ้าวเฟิงจ่ายผลึกเทพระดับต่ำจำนวนรอยชิ้น แลกป้ายคำสั่งชิ้นหนึ่งมา แล้วจึงเข้าไปในหอคอยฝึกตน

ห้องฝึกตนร้อยห้องในหอคอยฝึกตนชั้นหนึ่งถูกปิดเอาไว้ แต่ที่ทางเข้าของแทบทุกห้องลับจะมีคนคอยเฝ้าอยู่ประมาณสองสามคน เหมือนเพื่อจะแย่งชิงที่กัน

ต่อมา จ้าวเฟิงไปถึงชั้นสองของหอคอยฝึกตน ก็เป็นสถานการณ์อย่างเดียวกัน

จนถึงชั้นหก เขาจึงมองเห็นคนสามคนรออยู่ที่นี่ จากนั้นจ้าวเฟิงก็มาถึงชั้นเจ็ด

ชั้นเจ็ดมีห้องลับฝึกตนเพียงยี่สิบห้อง ตอนนี้เหลือเพียงแค่สามห้อง

จ้าวเฟิงมายังด้านหน้าของห้องลับที่ประตูเปิดออก แล้วจึงเอาป้ายคำสั่งหย่อนลงไปในช่องข้างๆ

พรึ่บ! ด้านหน้าเขาปรากฏม่านแสงขึ้น ด้านบนนั้นมีตัวเลือกในการปรับอุณหภูมิและแรงโน้มถ่วงของบรรยากาศ

จ้าวเฟิงกดเลือกพื้นหลังส่งๆ ก่อนเข้าไปในห้องลับฝึกตน

อย่างไรเสีย เดิมทีจ้าวเฟิงก็คิดจะเข้ามาลองดูเท่านั้น หากจะฝึกตนเขาย่อมเลือกฝึกในชุดคลุมมิติอยู่แล้ว

“ไม่เลวจริงๆ ถ้าหากข้าไม่มีชุดคลุมมิติ คงจะฝึกตนในหอคอยของตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายนี้แน่!”

จ้าวเฟิงสัมผัสมิติที่เอาไว้ฝึกตนโดยเฉพาะพลางเอ่ยประเมิน

ขั้วอำนาจบางส่วนแทบจะมีพื้นที่ลับสำหรับฝึกตนแบบนี้

นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เผ่าพันธุ์นับหมื่นของดินแดนเทพรกร้างแย่งกันเข้าร่วมขั้วอำนาจใหญ่ๆ

ขั้วอำนาจยิ่งแข็งแกร่ง สถานะยิ่งสูงส่ง ก็จะได้ทรัพยากรและสวัสดิการในการฝึกต่างๆ ที่ล้ำค่ากว่าด้วย

“ไม่รู้ว่าจะทับซ้อนกับกระแสเวลาในชุดคลุมมิติได้หรือไม่!”

ถ้าหากกระแสเวลาในห้องลับฝึกตนทับซ้อนกับเวลาในชุดคลุมมิติได้ เช่นนั้นแล้วจ้าวเฟิงก็จะมีเวลาในการฝึกเพิ่มขึ้นอีกมาก

พรึ่บ! จ้าวเฟิงเบิกดวงตาเทพเจ้า กวาดสายตามองทุกอาณาเขตในโลกมิติส่วนตัว

หลังจากแน่ใจว่าไม่มีจุดน่าสงสัยใด เขาจึงเอาชุดคลุมมิติออกมา

ฟิ้ว! จ้าวเฟิงเข้าไปยังมิติในชุดคลุมมิติ

เหนือศีรษะเป็นท้องฟ้าที่พร่างพราวไปด้วยแสงดาวไม่มีจุดสิ้นสุด ใต้ฝ่าเท้าเต็มไปด้วยแผ่นหินสีเทา

“ไม่ทับซ้อนกัน!”

จ้าวเฟิงมีเสวียนอ้าวเวลา เมื่อเขาสัมผัสดูโดยละเอียดแล้วก็ได้ข้อสรุป

“นายท่าน ข้ากลับไปมีพลังเทียบเท่าเทพแท้จริงขั้นสามแล้ว!”

มังกรวารีล้างโลกาเอ่ยอย่างยินดีอยู่ไม่ไกล

ในยามที่เขารุ่งโรจน์ก็เป็นถึงเทพแท้จริงขั้นหก ตอนนี้เขาอยู่ไม่ไกลจากเป้าหมายแล้ว

อีกด้าน จ้าวหวัง จ้าวหุย และเจ้าแมวขโมยน้อยก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

“ไม่รู้ว่าจ้าววั่นบุกเบิกที่ทางในห้วงฝันบรรพกาลเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”

จ้าวเฟิงพึมพำ

ปัจจุบันเขามีร่างแยกสามร่าง จ้าวหวังต้องใช้เวลาควบคุมไม้เท้าคำสาปมรณะ และสะกดความชั่วร้ายในร่างเอาไว้

ส่วนจ้าวหุยฝึกฝนศาสตร์แพทย์ผู้รักษา ต้องการเวลาเพื่อเพิ่มพูนความรู้มาก จึงไม่มีเวลาไปทำเรื่องอื่น

ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงให้จ้าววั่นไปบุกเบิกห้วงฝันบรรพกาล

โชคดีที่มีห้วงฝันบรรพกาล ไม่เช่นนั้นแล้วทรัพยากรพื้นฐานในการฝึกตนของกลุ่มจ้าวเฟิงคงจะไม่พอ

“เจ้าแมวขโมยตัวน้อยกำลังเตรียมจะทะลวงขั้นเทพแล้ว!”

จ้าวเฟิงตื่นตะลึงเล็กน้อย

แมวขโมยตัวน้อยในตอนนี้กำลังนอนเกียจคร้านอยู่บนพื้น แต่จ้าวเฟิงรู้ว่ามันกำลังฝึกฝนอยู่

กำลังรบจริงๆ ของแมวขโมยตัวน้อยไม่แข็งแกร่งนัก ไม่รู้เลยว่ามันจะทะลวงผ่านเทพแท้จริงได้ถึงขั้นที่เท่าไหร่

ตุบ! จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิและเริ่มปิดด่านฝึกตน

“ ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ขั้นที่สิบเอ็ดคือห้าธาตุกลับเป็นหนึ่ง ปริมาณทรัพยากรที่ต้องใช้ก็ลดลง แต่ต้องเน้นทักษะการทำความเข้าใจของตนเองให้มาก ถ้าหากมีพรสวรรค์ไม่มากพอ เกรงว่าจะไม่มีทางแตะขั้นถัดไปได้เลย!”

จ้าวเฟิงเอาทรัพยากรฝึกตนจำนวนมากออกมา โคจรวิชาเพื่อดูดซึมพลังที่อยู่ภายใน

ในเวลาเดียวกัน ความคิดของเขาก็เข้าไปในกลุ่มแสงวนพลังเทพ ดำดิ่งลงไปในโลกของพลังทั้งห้าธาตุ

‘ธาตุทั้งห้ากลับเป็นหนึ่ง ไปถึงระดับสูงแล้ว!’

จ้าวเฟิงรู้สึกภาคภูมิใจอยู่บ้าง

จ้าววั่นมีเนตรหมื่นปรากฏการณ์ ขอแค่เขาฝึกฝน จ้าวเฟิงก็จะบรรลุในพลังธาตุทั้งห้าจำนวนมากไปด้วย

ดังนั้นการผสานพลังเทพทั้งห้าธาตุของเขาจึงมีพัฒนาการรวดเร็วยิ่ง

ตอนที่จ้าวเฟิงผสานพลังธาตุทั้งห้าเข้าด้วยกัน ห้าธาตุกลับเป็นหนึ่งก็ถือว่าแตะขอบเขตที่สมบูรณ์แล้ว ตอนนั้นพลังเทพห้าธาตุของจ้าวเฟิงเท่ากับพลังเทพของเทพแท้จริงขั้นสี่เป็นอย่างน้อย

ขณะที่ฝึกฝน ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ จ้าวเฟิงก็หล่อหลอมกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์และอนุมาน ‘วิชาแยกวิญญาณ’ ไปด้วย แถมยังดูดซึมพลังอัสนีเทวะในผลึกเทพอัสนี

พลังอัสนีเทวะมีอานุภาพโจมตีผู้แข็งแกร่งขั้นต่ำกว่าเทพแท้จริงลงไปจนถึงแก่ชีวิตได้ แต่คุกคามเทพแท้จริงขึ้นไปได้เท่านั้น แต่พลังอัสนีเทวะของจ้าวเฟิงเหมือนจะแข็งแกร่งไปเรื่อยๆ ตามพัฒนาการของเขา

เช่นนั้นจึงมีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น

คือจ้าวเฟิงใกล้จะบรรลุเสวียนอ้าวทำลายล้างแล้ว

แหล่งกำเนิดของพลังอัสนีเทวะก็คือเสวียนอ้าวทำลายล้าง ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของอัสนีเทวะก็ขึ้นอยู่กับเสวียนอ้าวทำลายล้างเช่นกัน

เวลาค่อยๆ เคลื่อนคล้อยผ่าน เหลืออีกสามสิบวันจะถึงงานประลองยุทธ์ผาเก่า นั่นแปลว่าจ้าวเฟิงจะฝึกตนในชุดคลุมมิติได้เป็นเวลาสามร้อยวัน

ตั้งแต่เดินทางออกจากเกาะเทียนอวี่มา จ้าวเฟิงก็เดินทางรอนแรมตลอด ไม่ได้ปิดด่านฝึกตนมานานแล้ว อาจเป็นเพราะเหตุนี้ จ้าวเฟิงจึงรู้สึกว่าการฝึกครั้งนี้ราบรื่นไร้อุปสรรคใด

……

ระหว่างที่จ้าวเฟิงอยู่ในพื้นที่ของหอดารา เตรียมพร้อมเพื่อเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ผาเก่า

แขกไม่ได้รับเชิญผู้หนึ่งก็มาเยือนสถานที่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่จ้าวเฟิงมาถึงในตอนแรก…เผ่าหยกทอง!

วู้ม โครม!

อาณาเขตเผ่าหยกทองอับแสงลงไป ภูติผีปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนกรีดร้องเสียงดัง

“ไม่ทราบว่าท่านมาที่นี่มีธุระอะไร?”

ผู้อาวุโสร่างหยกโปร่งแสงรีบโผล่หน้าออกมา

“ผู้อาวุโสสูงสุด!” ทุกคนในเผ่าหยกทองทรุดลงไปคารวะทันที

ผู้อาวุโสคนนี้ก็คือผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าหยกทอง เป็นผู้แข็งแกร่งเทพโบราณขั้นเจ็ด

แต่ที่พวกเขาคาดคิดไม่ถึงก็คือ เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขาเผชิญหน้ากับแขกไม่ได้รับเชิญแล้ว กลับค้อมตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม

เบื้องหน้าผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าหยกทองเป็นชายวัยกลางคนที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยลายประหลาดสีม่วง เขาลอยตัวสูงอยู่ด้านบน มองฝูงชนด้านล่าง

คนผู้นี้ก็คือเทพโบราณเฮยเทียน (ฟ้าทมิฬ) จากตำหนักวิญญาณบรรพกาล ผู้กำลังตามหาตราเทพบรรพกาล

“พวกเจ้ามีใครเคยเห็นของสิ่งนี้หรือไม่?”

ข้างกายเทพโบราณเฮยเทียนเกิดม่านแสงขึ้น ภายในปรากฏเหล็กทรงสามเหลี่ยมสีดำชิ้นหนึ่ง ด้านบนสลักลวดลายสีเขียวที่สลับซับซ้อน

หลังจากสอบถามก็พบว่าไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน

จากนั้นเทพโบราณเฮยเทียนจึงไปจากเผ่าหยกทอง แต่ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในอาณาเขตของเผ่านี้

“มันเป็นของอะไรกันแน่? ถึงกับทำให้เทพโบราณแห่งตำหนักวิญญาณบรรพกาลเดินทางมาด้วยตนเอง!”

ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าหยกทองทอดถอนใจ

ที่ตั้งของตำหนักวิญญาณบรรพกาลอยู่ห่างไกลจากที่นี่มาก แต่ในช่วงรุ่งโรจน์ที่สุดของตำหนักวิญญาณบรรพกาล มันเคยเป็นขั้วอำนาจห้าดาวที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนเทพรกร้าง ถึงแม้ในปัจจุบันนี้จะไม่รุ่งเรืองเช่นตอนนั้น แต่ก็ยังคงน่าเกรงขามยิ่งนักในบรรดาขั้วอำนาจห้าดาวด้วยกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!