Skip to content

King of Gods 1226

King Of Gods
BC

บทที่ 1226 ผลึกเสวียนอ้าว

ทุกคนที่เข้าร่วมงานประลองยุทธ์ผาเก่า รวมถึงคนที่ชมการประลองอยู่ตลอด พากันเข้าไปอุโมงค์ห้าสีที่มุ่งสู่ใต้ดินไม่หยุด จนมาถึงตำหนักใหญ่โอ่อ่าหลังหนึ่ง มีบางคนที่ดวงดีหน่อย เข้าไปถึงขุมสมบัติในตำหนักโดยตรง จึงเก็บสมบัติมาได้บางส่วน แต่ก็มีบางคนที่ถูกส่งไปสถานที่อันตราย เผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีปีศาจ ต้องตายไปอย่างคับแค้นใจ

C

บึ้ม โครม! รอบตำหนักเต็มไปด้วยเสียงสู้รบอย่างดุเดือด

คนที่มาเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ผาเก่า ส่วนมากรวมกลุ่มกันมา ดังนั้นภายในตำหนัก คนส่วนใหญ่จึงแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็ก เช่นนี้จะปลอดภัยยิ่งกว่า

“สังหาร!” ปฐมเทพสองคน เทพแท้จริงสองคน ร่วมมือสังหารปีศาจสองตัว

หนึ่งตัวในนี้เป็นถึงปีศาจขั้นที่สาม ทั่วร่างสร้างจากกิ่งไม้แห้ง โจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว พลังชีวิตแข็งแกร่งอย่างยิ่ง

อีกตัวหนึ่งคือปีศาจขั้นที่สี่ เป็นแสงสีทองเจิดจ้ากลุ่มหนึ่ง สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ตามใจชอบ การโจมตีแข็งแกร่งดุดันจนต้านทานไม่ไหว แต่ปีศาจแสงทองตัวนี้ พลังป้องกันและพลังชีวิตค่อนข้างต่ำ

ตูม บึ้ม! หลังจากการสังหารครั้งใหญ่แล้ว กลุ่มสี่คนก็สังหารปีศาจที่แข็งแกร่งทั้งสอง

“นี่มันผลึกเสวียนอ้าว!”

เทพแท้จริงขั้นสี่ในกลุ่มมองผลึกแวววาวที่ลอยละล่องออกจากร่างปีศาจสองตัวนี้ สีหน้าอึ้งตะลึง

ผลึกเสวียนอ้าวเป็นผลึกที่ช่วยให้บรรลุพลังเสวียนอ้าว นอกจากสถานที่พิเศษบางแห่งที่พวกมันเกิดขึ้นได้เองแล้ว ก็จะต้องให้ผู้แข็งแกร่งที่เก่งกาจใช้พลังเสวียนอ้าวของตนเองสร้างออกมา

เผ่าพันธุ์ขั้วอำนาจที่แกร่งกล้าจำนวนมากใช้ผลึกเสวียนอ้าวให้อัจฉริยะในเผ่าลึกซึ้งและเข้าใจเสวียนอ้าว

“มิน่าล่ะ พลังเสวียนอ้าวของปีศาจเหล่านี้ลึกล้ำ คิดไม่ถึงว่าในร่างของพวกมันจะแฝงด้วยผลึกเสวียนอ้าว!”

แววตาผู้อาวุโสคนนี้เปล่งประกาย ต่อให้เป็นเขาผู้มีฐานะเทพแท้จริงขั้นสี่ ก็ยังไม่ค่อยเห็นผลึกเสวียนอ้าว

แต่ในปัจจุบัน เขาได้ผลึกเสวียนอ้าวเจ็ดชิ้นมาในพริบตา

“ไป เดินทางลึกเข้าไปอีก!” สีหน้าผู้อาวุโสตื่นเต้นมากนัก

ระดับอันตรายของตำหนักแห่งนี้ต่ำมาก แต่โอกาสและสมบัติกลับล้ำค่าเกินจะเปรียบ

ในฐานะที่พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่เข้ามาที่นี่ พูดได้ว่าเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด

ไม่นานเท่าไหร่นัก ขุมสมบัติแห่งนี้จะเปิดออกโดยสมบูรณ์ พอถึงเวลานั้นย่อมเกิดการนองเลือดมากกว่านี้แน่

จ้าวเฟิงที่อยู่ห่างจากคนกลุ่มนี้ไปสองสามชั้นกำแพงกำลังโรมรันสังหารปีศาจตัวหนึ่ง

“ปีศาจขั้นที่สาม มีเสวียนอ้าวธาตุน้ำขั้นสาม แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!”

สีหน้าจ้าวเฟิงจริงจังขึ้น

จนถึงตอนนี้ เสวียนอ้าวจำนวนมากของเขายังไม่แตะขั้นสาม ทว่าปีศาจที่นี่ พลังเสวียนอ้าวโดยปกติจะเท่ากับพลังฝึกตน ดังนั้นกำลังรบจึงแข็งแกร่งผิดปกติ

แต่เหมือนพวกมันจะไม่มีกลยุทธ์ต่อสู้ที่สูงส่งลึกล้ำ และก็ไม่มีอาวุธเทพใด

“เจ้าหนุ่ม เจ้าอ่อนแอจนเกินไป จงตายไปเสีย!”

ปีศาจมัจฉาร่างสีน้ำเงินโปร่งแสงอ้าปากกว้างอย่างดุร้ายแล้วร้องคำราม

“ในธาตุทั้งห้า ดินข่มน้ำ!”

จ้าวเฟิงโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ปลดปล่อย ‘ขอบเขตแก่นแท้อัสนี’ ด้วยพลังเทพธาตุดิน ฉับพลันทันใด ปีศาจรูปร่างปลาถูกพลังขอบเขตของจ้าวเฟิงกักเอาไว้

เคร้ง เคร้ง!

ในมือจ้าวเฟิง ชิ้นเหล็กทรงสามเหลี่ยมสีดำกลายเป็นขวานยักษ์เล่มหนึ่ง

จ้าวเฟิงเคลื่อนย้ายพลังเทพห้าธาตุ แสงสายฟ้าห้าสีกลายเป็นระลอกแสงสายฟ้าสีเหลืองเข้มสายหนึ่ง ถึงแม้ธาตุทั้งห้ากลับเป็นหนึ่ง แต่ระหว่างพวกมันยังคงสับเปลี่ยนได้ตามใจปรารถนา แม้พลังเทพห้าธาตุจะแกร่ง แต่ถ้าหากพลังเทพอีกสี่ธาตุกลายเป็นพลังเทพธาตุดินทั้งหมด พลานุภาพจะเกินกว่าปกติ

แซ่ด แซ่ด!

ขวานยักษ์ในมือจ้าวเฟิงปกคลุมด้วยแสงสายฟ้าสีเหลืองเข้มชั้นหนึ่ง

จ้าวเฟิงยกขวานยักษ์ขึ้นอย่างยากลำบาก โจมตีไปยังปีศาจมัจฉาทันใด

“อ๊าก…” ปีศาจมัจฉาตัวนั้นกรีดร้องโหยหวน

“เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้า!”

จ้าวเฟิงโคจรดวงตาซ้ายทันที ใช้วิชาดวงตาวิญญาณกับปีศาจตัวนี้

พลังวิญญาณของปีศาจโดยทั่วไปแข็งแกร่งมาก และตอนนี้พลังดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงก็ถึงขีดสุดยอดของเทพแท้จริงขั้นสอง ปลดปล่อยวิชาดวงตาวิญญาณแล้วสามารถทำร้ายอีกฝ่ายจนบาดเจ็บสาหัส

โครม ผัวะ!

กลุ่มเพลิงสายฟ้าสีม่วงเข้มระเบิดออกเหนือวิญญาณของปีศาจมัจฉา

“ฝ่ามือครองสวรรค์!”

จ้าวเฟิงไม่ให้โอกาสปีศาจมัจฉาได้พักหายใจ เขาโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรงทั้งในชั้นกายเนื้อและวิญญาณ

ไม่นานนัก ปีศาจมัจฉาตัวนี้ก็ถูกจ้าวเฟิงสังหาร

ขวับ! จ้าวเฟิงยื่นมือเก็บผลึกแวววับสีฟ้าทั้งสามเข้าไปในมิติเก็บของ

เขาโคจรดวงตาซ้าย จับจ้องชายผิวดำด้านหน้าอีกครั้ง

ยามนี้ชายผิวดำผู้นั้นกำลังตะลุมบอนกับปีศาจขั้นสี่ตัวหนึ่ง แต่ชายผิวดำเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาสังหารอีกฝ่ายลงได้อย่างรวดเร็ว

“เสวียนอ้าวแห่งเงา เสวียนอ้าวแห่งไฟ!”

จ้าวเฟิงพอจะเข้าใจชายผิวดำผู้นี้บ้างแล้ว อย่างไรเสีย คนผู้นี้ก็มีพลังแข็งแกร่ง และมีความเป็นไปได้สูงที่จะกลายเป็นศัตรูของตน

“แต่หากไม่ได้คนผู้นี้นำทาง ข้าจะเดินทางต่อก็ยากลำบากยิ่ง!”

จ้าวเฟิงเอ่ยพลางยิ้ม

อีกทั้งเหมือนชายผิวดำผู้นี้จะมีเป้าหมายเพียงสิ่งเดียวโดยตลอด

ตลอดทางที่ผ่านมา เขาสังหารแต่ปีศาจ ไม่แยแสโอกาสระหว่างทาง ตรงลิ่วไปไม่สนใจสิ่งใด

จ้าวเฟิงมองออกถึงจุดนี้ ถึงติดตามชายผิวดำไป

เขากระตุ้นดวงตาซ้ายไม่หยุด คอยสอดแนมและสำรวจสถานการณ์รอบๆ

“นั่นคือ?”

ดวงตาซ้ายจ้าวเฟิงเจอเป้าหมายขนาดใหญ่ที่ยากจะมองทะลุผ่านในที่ห่างไกล

ส่วนรอบๆ เป้าหมายแห่งนั้นมีปีศาจที่แข็งแกร่งจำนวนมาก ตัวที่อ่อนแอที่สุดในนั้นเป็นปีศาจขั้นที่สาม

จ้าวเฟิงคาดการณ์ในใจ บางทีที่นี่อาจจะเป็นเป้าหมายสุดท้ายของชายผิวดำ

วู้ม!

จ้าวเฟิงกระตุ้นดวงตาซ้ายสุดแรงก็ยังยากจะมองทะลุผ่านเป้าหมายดังกล่าวได้

“ช่างเถอะ!” จ้าวเฟิงถอดใจที่จะมองทะลุผ่านเป้าหมายนั้น

ถึงแม้เขายังสามารถย้ายพลังดั้งเดิมของเนตรเทพเจ้ามาเพิ่มพลังดวงตาซ้าย แต่เช่นนี้จะทำให้ดวงตาซ้ายของเขาอ่อนแอลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นับว่าได้ไม่คุ้มเสีย

จ้าวเฟิงลอบติดตามชายผิวดำ และยังจัดการปีศาจที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น

“กลุ่มกองกำลังรอบๆ ตำหนักก็เดินทางมารวมตัวกันที่นี่!”

เวลาว่างของจ้าวเฟิงจะใช้ไปกับการสำรวจสถานการณ์รอบตำหนักแห่งนี้

เป้าหมายที่เขาไม่สามารถมองทะลุผ่านไปได้ถือว่าเป็นใจกลางของตำหนักใหญ่

การสำรวจขุมสมบัติโดยทั่วไป สถานที่ที่มีโอกาสมากที่สุดย่อมเป็นจุดอันตรายที่สุด หรือไม่ก็เป็นพื้นที่ใจกลางที่สุด นี่เป็นหลักการที่ใครก็สามารถเข้าใจได้

ถึงแม้ชายผิวดำผู้นั้นจะชิงลงมือก่อน ทว่าเขาอยู่ตัวคนเดียว ส่วนปีศาจที่เจอก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นความเร็วที่เขาเดินทางจึงช้าลงทุกที

‘ข้าพรางตัวไว้น่าจะดีกว่า!’ จ้าวเฟิงพึมพำในใจ

เพราะก่อนนี้เขาเคยข่มขู่ชายผิวดำไว้ เรียกได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีความรู้สึกดีให้จ้าวเฟิงแม้แต่น้อย ถึงขั้นที่อาจทำร้ายเขาก็เป็นได้ หนำซ้ำคนที่มาถึงภายในตำหนักได้ต่างก็เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งทั้งสิ้น จ้าวเฟิงไม่มีความจำเป็นต้องพาตัวเองไปเสี่ยงภัย

‘ถ้าหากโอกาสในนั้นอันตรายเกินไป ข้าจะกลับทันที’

จ้าวเฟิงวางแผนเช่นนี้ในใจ

อย่างไรเสีย ยามนี้ทุกคนก็ล้วนแต่กำลังสำรวจตำหนัก จ้าวเฟิงสามารถฉวยโอกาสนี้หนี สลัดพวกศัตรูไปทั้งหมดได้พอดี

เวลาค่อยๆ ผ่านไป ทุกคนเอาแต่ง่วนอยู่การสำรวจตำหนัก อีกทั้งยังรุกคืบเข้าในส่วนกลางเรื่อยๆ

ในวินาทีหนึ่ง ชายผิวดำผู้นั้นก็มาถึงบริเวณใกล้เคียงเป้าหมายที่จ้าวเฟิงมองไม่เห็น

ชายผิวดำหยุดฝีเท้า ท่าทีระมัดระวังอย่างยิ่ง

ตรงหน้าเขามีตำหนักผลึกห้าสีขนาดเล็กหลังหนึ่ง ถูกปกคลุมไปด้วยควันแสงห้าสี

หากสำรวจโดยละเอียดจะมองเห็นว่าตำหนักผลึกห้าสีหลังนี้สร้างขึ้นจากผลึกชิ้นเล็กส่วนหนึ่ง ซึ่งก็คือผลึกเสวียนอ้าว

ทั้งตำหนักสร้างขึ้นจากผลึกเสวียนอ้าว ภายในอาจมีสมบัติล้ำค่ายิ่งกว่าอยู่ด้วย!

ทว่าในหมอกห้าสี่ยังมีปีศาจกลิ่นอายทรงพลังซ่อนตัวอยู่มากมาย มองแล้วชวนให้รู้สึกหวาดกลัว ไม่กล้าย่างเท้าเข้าไป

กองกำลังที่แข็งแกร่งสี่คนเดินทางมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว

ผู้นำกลุ่มก็คือจื่อเฟิง อัจฉริยะลำดับสี่ในรายชื่อปฐมเทพ

คนทั้งสี่ของตำหนักรัตติกาลม่วงถูกตำหนักผลึกห้าสีหลังนั้นดึงดูดความสนใจ

จากนั้นทั้งสี่คนถึงจับจ้องชายผิวดำที่อยู่อีกด้าน

“เทพแท้จริงเฮยเต้า (หัวขโมยทมิฬ)!”

เทพแท้จริงขั้นห้าผู้หนึ่งของตำหนักรัตติกาลม่วงมองชายผิวดำ

ส่วนอีกสามคนสีหน้าอึ้งตะลึงไม่ต่างกัน

เทพแท้จริงเฮยเต้าเป็นหัวขโมยที่โด่งดังของเขตผาเก่า นอกจากการลักเล็กขโมยน้อยแล้วก็ไม่สนใจสิ่งอื่น กระทั่งขั้วอำนาจสี่ดาวระดับสุดยอดเขาก็ยังเคยขโมยมาแล้ว

“ทุกท่านอย่าตกใจไป ข้าเทพแท้จริงเฮยเต้าเหมือนจะไม่เคยไปตำหนักรัตติกาลม่วงมาก่อน!”

เทพแท้จริงเฮยเต้าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะส่งกระแสจิตบอก

“เจ้าไม่กล้าหรอก!”

ดวงตาเย็นชาของเทพแท้จริงจื่อเฟิงเหลือบมองอีกฝ่าย

เทพแท้จริงเฮยเต้าหัวเราะชั่วร้าย ไม่พูดอะไร

ไม่นาน กลุ่มที่สองก็มาถึงสถานที่แห่งนี้ ปฐมเทพกุยอีก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

“ทุกท่าน พวกเราควรจะร่วมมือกันพิชิตที่นี่ให้ได้”

เทพแท้จริงเฮยเต้าเป็นฝ่ายเจรจากับคนสองกลุ่ม

“ร่วมมือกับเจ้าเทพแท้จริงเฮยเต้า?” หนึ่งในกลุ่มปฐมเทพกุยอีเอ่ย

“ถึงแม้ทุกท่านไม่อยากจะร่วมมือกับข้า แต่กำลังรบของตัวข้าเองก็ไม่เลวนัก หนำซ้ำถ้าหากรออยู่ที่นี่ต่อก็จะมีคนมามากขึ้นเรื่อยๆ พอถึงตอนนั้นก็ยากจะจัดการแล้ว!”

ประโยคนี้ของเทพแท้จริงเฮยเต้าพูดถึงประเด็นสำคัญ

ในตอนนี้มีเพียงสองกลุ่มบวกกับเทพแท้จริงเฮยเต้า ขอแค่พิชิตตำหนักผลึกแห่งนี้ได้ จะแบ่งผลประโยชน์กันได้อย่างง่ายดาย

ถ้าหากรอให้คนมาถึงที่นี่เพิ่มขึ้น ถึงแม้จะโจมตีตำหนักแห่งนี้ง่ายดายอย่างยิ่ง แต่ตอนแบ่งผลประโยชน์จะเกิดการแย่งชิงดุเดือดขึ้นอีก

“ตกลง พวกเราร่วมมือกัน!”

สุดท้ายแล้ว ขั้วอำนาจทั้งสองและเทพแท้จริงเฮยเต้าก็ได้ข้อสรุปร่วมกัน

สวบ สวบ สวบ…

คนสองกลุ่มกับเทพแท้จริงเฮยเต้าพุ่งออกไปทันที

“ไสหัวไป นี่ไม่ใช่สถานที่ที่พวกเจ้าควรจะมา!”

“พวกเจ้ารนหาที่ตายทั้งนั้น!”

ในหมอกแสงห้าสีรอบตำหนักมีเสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวดังขึ้น

ขวับ ขวับ ขวับ…

เงาร่างทรงพลานุภาพที่มีกลิ่นอายน่าตื่นตะลึงหลายสายพุ่งออกมาจากควันแสงห้าสี

พวกมันล้วนเป็นปีศาจที่เกิดจากในตำหนักผลึก

ในเวลาเดียวกัน พวกมันก็ได้รับการหล่อเลี้ยงจากพลังจำนวนมหาศาลของตำหนัก รวมทั้งการชะล้างจากเสวียนอ้าว ดังนั้นพลังฝึกตนจึงสูงส่ง เสวียนอ้าวทรงพลัง กำลังรบน่าพรั่นพรึง

สู้รบกันไปชั่วขณะหนึ่ง ฝั่งปีศาจเป็นฝ่ายได้เปรียบ เมื่อพวกมันใช้เสวียนอ้าวห้าธาตุอยู่ที่นี่ พลานุภาพจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

“ปีศาจเหล่านี้ทรงพลังนัก!”

ปฐมเทพรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งถูกปีศาจโจมตีจนถอยร่นไปติดๆ กัน รู้สึกตื่นตะลึงนัก

แต่กลุ่มที่สามก็เดินทางมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว

“ปฐมเทพเทียนเสวี่ย รีบมาช่วยข้าเร็ว พวกเราร่วมกันโจมตีที่นี่จะแบ่งผลประโยชน์ข้างในให้เท่าๆ กัน!”

ปฐมเทพจื่อเฟิงรีบเชื้อเชิญกลุ่มปฐมเทพเทียนเสวี่ย

ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้ว กลุ่มปฐมเทพเทียนเสวี่ยจึงตกลงร่วมมือกันเป็นการชั่วคราว

ตูม! การเข้าร่วมของกลุ่มที่สามทำให้มนุษย์เป็นฝ่ายได้เปรียบในพริบตา เอาชนะปีศาจได้ไม่หยุด

“สังหาร!”

สุดท้ายแล้ว ปีศาจจำนวนมากถูกสังหารจนเหลือเพียงห้าตัวเท่านั้น

สวบ สวบ!

ถึงแม้ปีศาจห้าตัวนั้นจะมีความคิดของตนเอง แต่หากอยู่ต่อต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย พวกมันจึงเอาแต่หนีอย่างเดียว

กลุ่มทั้งสามและเทพแท้จริงเฮยเต้าย่อมไม่มีแรงจะไปไล่ล่าปีศาจ

“รีบเข้าไปเร็ว!”

ทุกคนมีใบหน้าฮึกเหิม พุ่งเข้าไปในตำหนักผลึกห้าสี

สวบ!

ณ มุมหนึ่งไม่ไกลนัก ประกายแสงสีทองอ่อนสายหนึ่งพุ่งออกมา

“เหอะๆ ข้าเองก็อยากจะเข้าไปแบ่งผลประโยชน์ด้วย!”

จ้าวเฟิงที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลคอยสังเกตสถานการณ์การต่อสู้แถวตำหนักผลึกแห่งนี้

ตอนนี้การต่อสู้จบลง ปีศาจที่ปกป้องตำหนักผลึกถูกขับไล่ออกไป ถึงเวลาที่จ้าวเฟิงจะลงมือบ้างแล้ว

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!