Skip to content

King of Gods 1262

King Of Gods

บทที่ 1262 การรุกรานในห้วงฝันบรรพกาล

ห้วงฝันบรรพกาล ใจกลางที่ราบไหม้เกรียมอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง

ฟึ่บ! ร่างของจ้าวเฟิงพลันปรากฏขึ้น

“เคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตา!”

ครั้นมาถึงห้วงฝันบรรพกาล จ้าวเฟิงสำแดงเคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตาทันที โดดเข้าไปในท้องฟ้า ไกลออกไปห้าแสนลี้ ร่างของจ้าวเฟิงกระโดดออกมาจากความว่างเปล่า

“ระยะของเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาเพิ่มขึ้นห้าแสนลี้!” จ้าวเฟิงดีใจ

ทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ เป็นขั้นตอนที่ต้องผสานรวมกับฟ้าดิน ทำความเข้าใจและทะลวงขั้นตลอดอยู่แล้ว ตอนนี้เสวียนอ้าวมิติของจ้าวเฟิงถึงขอบเขตขั้นห้าได้อย่างราบรื่น อีกทั้งเสวียนอ้าวห้าธาตุและเสวียนอ้าววายุอัสนีล้วนถึงขอบเขตขั้นสี่ เสวียนอ้าวอัสนีและเสวียนอ้าวธาตุทองในกลุ่มนั้นใกล้ถึงขั้นห้า

จ้าวเฟิงยังรู้สึกว่าตนเหมือนจะสามารถหลอมรวมไปกับฟ้าดินได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถใช้พลังของห้วงฝันบรรพกาล เพิ่มพลังให้กับตนเอง หากเขาใช้ความสามารถควบคุมห้วงฝันบรรพกาลได้อย่างคล่องแคล่ว ระยะการเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาของเขายังจะเพิ่มขึ้นได้อีก

พรึ่บ! จ้าวเฟิงคลุมชุดคลุมมิติ

เสวียนอ้าวมิติระดับสูงเพิ่มขึ้นในร่างของเขาโดยพลัน ทำให้เสวียนอ้าวมิติเกือบถึงขั้นหก ระหว่างการเดินทาง เขายังรับรู้เสวียนอ้าวมิติและห้วงฝันบรรพกาลไม่หยุด

จ้าวเฟิงค่อยๆ แผ่ความคิดของตนบางส่วนผสานเข้าไปในห้วงฝันบรรพกาล

เสี้ยวขณะนี้จ้าวเฟิงราวกับกลายเป็นผืนนภา สามารถมองลงมาเห็นตัวเองกำลังเดินทาง

วู้ม! ความคิดบางส่วนที่ผสานเข้าไปในห้วงฝันบรรพกาลควบคุมพลังฟ้าดิน รวมถึงมิติ

จ้าวเฟิงที่กำลังเคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตาพลันรู้สึกว่าอุปสรรคในการเคลื่อนย้ายลดลงไปอย่างมาก ระยะทางและความมั่นคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด

จ้าวเฟิงใช้วิธีนี้ทะลุผ่านไปในห้วงฝันบรรพกาล เวลาไม่ถึงห้าวัน เขาก็ตามมาถึงที่ที่จ้าววั่นอยู่

“จากข่าวที่จ้าววั่นส่งมา เผ่าพันธุ์บรรพกาลที่เขาควบคุมอยู่เหมือนจะไปยุแหย่ให้ขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งในห้วงฝันบรรพกาลโมโห…”

สีหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งเครียดเล็กน้อย

พลังของจ้าววั่นในตอนนี้เป็นแค่ปฐมเทพขั้นสี่เท่านั้น ไม่มีทางควบคุมผู้ช่วยที่แข็งแกร่งได้มากเท่าใดนัก

ยามบุกเบิกห้วงฝันบรรพกาล สิ่งที่เขาอาศัยมาโดยตลอดก็คือเผ่าพันธุ์บรรพกาลมหาศาล ใช้จำนวนชิงชัยชนะ แต่ในยามที่พลังของศัตรูแข็งแกร่งถึงในระดับหนึ่ง จำนวนมากเท่าใดก็ไร้ประโยชน์

……

“ถอยเร็ว!” จ้าววั่นบัญชาเผ่าพันธุ์บรรพกาลที่ตนควบคุมอยู่

ฝูงเผ่าพันธุ์บรรพกาลมหาศาลด้านหลังเขาพุ่งผ่านฟ้าดินอย่างบ้าคลั่ง เผ่าพันธุ์บรรพกาลทุกตัวที่นี่ล้วนถึงขั้นเทพแท้จริงทั้งสิ้น ส่วนจำนวนยิ่งมากมายนับไม่ถ้วน แต่ในเวลานี้ ในสายตาของพวกมันล้วนมีแต่ความหวาดกลัว

“เผ่ากิเลนเพลิงโลหิตไม่ได้ไล่สังหารเต็มกำลัง เหมือนกำลังปั่นหัวพวกเรา?”

ข้างๆ จ้าววั่น ยูงหางหงส์ที่มีเปลวเพลิงสีฟ้าม่วงโชติช่วงตัวหนึ่งส่งเสียงใสกังวาน

ยูงหางหงส์ตัวนี้ก็คือเสี่ยวหลิงนั่นเอง

ในตอนที่พื้นที่ที่จ้าววั่นขยายอาณาเขตจนเกือบถึงเผ่ายูงหางหงส์ จ้าววั่นก็ดึงเสี่ยวหลิงมาเป็นพวก และพลังฝึกตนของนางก็ถึงเทพแท้จริงขั้นหก กลายเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดในเหล่าเผ่าพันธุ์บรรพกาลมากมายนี้ แต่ด้วยพลังฝึกตนเทพแท้จริงขั้นหกของนาง ในตอนนี้ก็ทำได้แค่เพียงหนี

ครืน ตึง ตึง! ด้านหลังของทุกคน เมฆทะมึนสีแดงที่ไอความร้อนคุกรุ่นผลักไปข้างหน้าไม่หยุด พร้อมพลังน่าหวาดกลัวที่สยบฟ้าดิน

ในเมฆทะมึนสีแดง สามารถมองเห็นเผ่าพันพันธุ์กิเลนตัวใหญ่ที่ทั่วร่างมีไฟร้อนแรงคุโชนหลายตัวอยู่รางๆ

“เถียหั่ว (เพลิงเหล็ก) นี่มันช่างน่าเบื่อนัก ฆ่าพวกมันทั้งหมดเสียดีกว่า คนที่ผู้อาวุโสสูงสุดต้องการหาไม่อยู่ในนี้แน่ๆ!”

กิเลนสีแดงเขาหักตัวหนึ่งในนั้นแยกยิ้มเหี้ยมเกรียม พ่นลวดลายเปลวเพลิงร้อนแรงออกมา

“อย่าทำเรื่องเกินความจำเป็น ทำภารกิจให้ลุล่วงตามคำสั่งของผู้อาวุโสสูงสุดก็พอแล้ว!”

กิเลนสีแดงที่ตัวค่อนข้างใหญ่อีกตัวเอ่ยเรียบนิ่ง

กิเลนเพลิงแดงตัวนี้ก็คือผู้แข็งแกร่งเทพโบราณที่จ้าวเฟิงเห็นยามแย่งชิงของวิเศษกับสามแดนศักดิ์สิทธิ์ตอนนั้น

“บัดซบ พวกเราไม่ได้รุกรานอาณาเขตของพวกมันเลย เป็นพวกมันที่โจมตีพวกเราอย่างไม่มีสาเหตุ!”

ข้างกายจ้าววั่น เผ่าพันธุ์บรรพกาลตัวใหญ่ที่ละม้ายจระเข้เอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจ

นอกจากที่นี่ คนของจ้าววั่นในที่อื่นๆ ก็โดนเผ่ากิเลนเพลิงโลหิตกดขี่เช่นกัน

“จ้าววั่น ทำไมเขาถึงยังไม่มาอีก?” เสี่ยวหลิงถาม

‘เขา’ ที่เสี่ยวหลิงเอ่ยแน่นอนว่าหมายถึงจ้าวเฟิง ซึ่งก็คือเจ้านายที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์บรรพกาลทั้งหมดที่นี่ แต่วิกฤตครั้งนี้ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้จ้าวเฟิงมาก็ไม่มีความหวังใดๆ ทั้งสิ้น

“มาแล้ว!” จ้าววั่นเอ่ยอย่างราบเรียบ

ตอนที่จ้าวเฟิงใกล้จะตามมาถึง จ้าววั่นก็ไม่กังวลเท่าใดนัก

ในเมื่อไม่ว่าจะเกิดวิกฤตอันตรายอะไร จ้าวเฟิงก็สามารถพาเขาจากไปได้ในทันที เพียงแต่เสียดายขั้วอำนาจเผ่าพันธุ์บรรพกาลที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะควบคุมได้พวกนี้

ห่างออกไปหลายล้านลี้ ร่างของจ้าวเฟิงลอยอยู่กลางอากาศ

ในตอนนี้เขาควบคุมห้วงฝันบรรพกาลในขั้นต้นแล้ว สามารถรับรู้เหตุการณ์ที่ไกลออกไปหลายล้านลี้ได้อย่างชัดเจน

“เป็นเขา?” จ้าวเฟิงตกใจเล็กน้อย

ในเมฆทะมึนสีแดง กิเลนเพลิงแดงตัวหนึ่งที่เป็นหัวหน้า จ้าวเฟิงจำได้แม่นที่สุด

นั่นคือกิเลนเพลิงแดงตัวที่พลันพุ่งมาสังหารตอนห้วงฝันบรรพกาลเปิดเป็นมิติลับ ทำให้เทพแท้จริงสุดยอดที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามต้องร่วมมือกันต้านทานพวกมัน

ในตอนนั้นจ้าวเฟิงไม่กล้าเข้าใกล้สนามรบของกิเลนเพลิงแดงเลย

“ท่าทางขั้วอำนาจที่จ้าววั่นล่วงเกิน อย่างน้อยก็เป็นขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งสุดยอด”

สีหน้าจ้าวเฟิงลำบากใจอยู่บ้าง

หากเป็นขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งทั่วไป จ้าวเฟิงอาศัยข้อได้เปรียบของห้วงฝันบรรพกาล ไม่แน่อาจสามารถจัดการวิกฤตอันตรายได้ และถือโอกาสควบคุมพวกมันด้วยเลย แต่ในขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งที่แข็งแกร่ง ไม่มีทางมีแค่เทพโบราณสองสามคนง่ายๆ เช่นนั้น กระทั่งอาจมีเทพโบราณขั้นแปดขั้นเก้าปรากฏขึ้น

ขณะนี้ทำได้แค่เพียงดำเนินไปทีละขึ้นเท่านั้น หากไม่จำเป็นจริงๆ จ้าวเฟิงไม่อยากทิ้งเผ่าพันธุ์บรรพกาลพวกนี้ไป

“จ้าวเฟิง!” เสี่ยวหลิงที่หนีอยู่ข้างหน้าสุดเห็นจ้าวเฟิงเป็นคนแรก

เพียงชั่วพริบตา นางโดนเส้นผมและดวงตาที่งดงามของจ้าวเฟิงดึงดูดสายตา

เผ่าพันธุ์ยูงหางหงส์เป็นหนึ่งในสี่เผ่าพันธุ์บรรพกาลที่งดงามที่สุด มีความชื่นชอบอย่างแรงกล้าต่อของสวยๆ งามๆ

“นายท่าน!”

ในเผ่าพันธุ์บรรพกาลจำนวนมาก เผ่าพันธุ์บรรพกาลกลุ่มเล็กกลุ่มหนึ่งตะโกนอย่างนอบน้อม

พวกเขาล้วนถูกจ้าวเฟิงลงผนึกดวงใจทมิฬไว้

“ทุกคน พวกเจ้ามีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ!”

จ้าวเฟิงแผ่กลิ่นอายที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งของเทพโบราณออกมา พร้อมตะโกนขึ้นพลัน

การตะโกนนี้ผสานด้วยพลังฟ้าดินของห้วงฝันบรรพกาล พลังและอำนาจมหาศาลนัก

ครืน ตูม ตูม! ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด พลังที่เกิดจากประโยคนี้ของจ้าวเฟิง แม้แต่ผู้แข็งแกร่งขั้นเทพโบราณทั้งสองในเมฆแดงยังตกใจไปเล็กน้อย

“เทพโบราณ!” เสี่ยวหลิงร้องอย่างประหลาดใจ

ยามที่นางร่วมมือกับจ้าวเฟิง เขาเป็นเพียงแค่ปฐมเทพเท่านั้น ส่วนนางเป็นเทพแท้จริงขั้นห้า แต่การพบกันครั้งต่อมา นางทะลวงขั้นหก จ้าวเฟิงกลับทะลวงถึงเทพโบราณ!

“เถียหั่ว พลังของเจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมดาเลย” กิเลนเขาหักตัวนั้นพูดเสียงเย็น

“อืม!” เถียหั่วพยักหน้า

กลิ่นอายเทพโบราณในร่างจ้าวเฟิงไม่แข็งแกร่งนัก แต่พลังต่อฟ้าดินกลับชวนให้คนตกใจ จากนั้น สายตาของเถี่ยหัวก็หยุดลงที่ชุดคลุมมิติบนร่างของจ้าวเฟิง

“ชุดคลุมมิติ เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มคนในตอนนั้น…” สีหน้าของเถียหั่วตระหนกตกใจ

ในบรรดามนุษย์พวกนั้น ส่วนมากล้วนเป็นปฐมเทพ เทพแท้จริง คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นเพียงเทพแท้จริงขั้นห้าเท่านั้น แต่ในตอนนี้ คนที่คลุมชุดคลุมมิติตัวนี้กลับเป็นเทพโบราณ

หรือเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่สิบปี คนที่ได้ชุดคลุมมิติไปจะพัฒนามาจนถึงขั้นนี้แล้ว?

สีหน้าของเถียหั่วค่อยๆ สงบลง

ตามคำสั่งของผู้อาวุโสสูงสุด เขาส่งข่าวออกไปผ่านเคล็ดวิชาลับ

ไม่นานนัก ในวิญญาณของเขาก็มีเสียงแก่ชราดังขึ้น “เจ้าไปสู้กับเขา!”

สีหน้าของเถียหั่วตะลึงไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก

ครืน ฟู่ ฟู่! เถียหั่วก้าวออกไปทันที

ดวงตาทั้งสองลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงจ้องจ้าวเฟิงเขม็ง

“หืม?” จ้าวเฟิงตกใจเล็กน้อย

เสียงตะโกนของตนเมื่อครู่ผสานไว้ด้วยพลังของห้วงฝันบรรพกาล พลังมากพอที่จะสยบเทพโบราณขั้นเจ็ดทั่วไป นอกจากนั้น เผ่ากิเลนเพลิงโลหิตสามารถสังหารจ้าววั่นและคนอื่นๆ ได้แท้ๆ แต่กลับไม่ลงมือ ทำแค่สังหารเผ่าพันธุ์บรรพกาลจำนวนน้อยบางครั้งเท่านั้น

ดังนั้นจ้าวเฟิงคิดว่าพวกมันจะต้องมีจุดประสงค์อื่นแน่นอน จึงไม่ลงมือสังหารในทันที แต่ในตอนนี้ กิเลนเพลิงแดงตัวนี้กลับมีทีท่าเหมือนจะสู้ตัดสินกับเขา

“เถียหั่ว?” กิเลนเขาหักตัวนั้นมีสีหน้าตกใจไปเช่นกัน ไม่เข้าใจว่าทำไม

“พอดีเลย ข้ายังไม่เคยสู้กับเทพโบราณ เอาเจ้ามาฝึกก็แล้วกัน!”

บนร่างจ้าวเฟิงแผ่จิตต่อสู้ออกมาเช่นกัน

ที่เผ่าพันธุ์วิญญาณ จ้าวเฟิงเก็บซ่อนพลังฝึกตนที่แท้จริงไว้ คู่มือที่แข็งแกร่งสุดที่ต่อสู้ด้วยก็คือเซี่ยโหวอู่ขั้นหกสุดยอดเท่านั้น

นี่จะเป็นการต่อสู้ศึกแรกที่สำแดงพลังเต็มที่นับจากทะลวงเทพโบราณมาได้

ครืน! ร่างของกิเลนเพลิงแดงตัวนั้นพลันขยายขึ้นหลายสิบจั้ง แปลงเป็นภูเขาเปลวเพลิงบดขยี้ไปยังจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงไม่กล้าประมาท กระตุ้นกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ประกายแสงอัสนีห้าสีพันล้อมร่าง พุ่งโจมตีไป

“ถอยไปเร็ว!” เผ่าพันธุ์บรรพกาลที่อยู่ข้างๆ จ้าววั่นพากันแตกวงหนีไปทั่วทุกทิศ ไปจากที่ต่อสู้ของเทพโบราณทั้งสองให้เร็วที่สุด

ครืน บึ้ม! เสี้ยวขณะต่อมา จ้าวเฟิงก็ปะทะเข้ากับกิเลนเพลิงแดงที่ตัวใหญ่มากตัวนั้น

แสงอัสนีและเปลวเพลิงสอดประสานกันอย่างบ้าคลั่งในฟ้าดิน ร่างทั้งสองร่างแยกออกมา

“พลังแข็งแกร่งนัก!” เลือดร้อนในกายจ้าวเฟิงพุ่งพล่าน

เสี้ยวขณะที่ปะทะกันเมื่อครู่ แก่นแท้ของจ้าวเฟิงรู้สึกถึงความเจ็บแสบร้อนระอุ

“มาอีกครั้ง!” จ้าวเฟิงคำราม โคจรพลังเทพและพลังเสวียนอ้าว ซัดฝ่ามือแสงมหึมาสายหนึ่งออกไป

การต่อสู้ที่ไม่ต้องกังวลใดๆ ทั้งสิ้นในครั้งนี้ ทั่วร่างของจ้าวเฟิงโล่งสบาย

“พลังเสวียนอ้าวเจ็ดประเภท!” สายตาของเถียหั่วตื่นตะลึง

ผู้แข็งแกร่งขั้นเทพโบราณทั่วไปล้วนเชี่ยวชาญเสวียนอ้าวหลายชนิด แต่ที่ถ่องแท้ก็มีเพียงหนึ่งหรือสองชนิดเท่านั้น แต่พลังเสวียนอ้าวที่แฝงอยู่ในฝ่ามือของจ้าวเฟิงมีมากถึงเจ็ดชนิด อีกทั้งเสวียนอ้าวทุกชนิดเป็นขั้นสี่ขึ้นไป

ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง!

เถียหั่วไม่กล้าประมาท กระตุ้นสายเลือดบรรพกาล เปลวเพลิงทั่วร่างลุกโหมท่วมฟ้า

หลังจากที่กระตุ้นสายเลือดเผ่ากิเลนเพลิงโลหิตโดยสมบูรณ์แบบแล้ว กำลังรบของเถียหั่วเพิ่มขึ้นทบเท่า บดขยี้กระบวนท่าของจ้าวเฟิงจนละเอียด

“แข็งแกร่งยิ่งนัก เขาพัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว!” สายตาของเสี่ยวหลิงทอประกายแวววาว มองไปยังจ้าวเฟิงที่ต่อสู้กับกิเลนเพลิงโลหิตอย่างดุเดือด

เผ่าพันธุ์บรรพกาลที่เหลือก็ใจสั่นสะท้านเช่นกัน สังเกตและศึกษาการต่อสู้ของเทพโบราณจากเจ้านายพวกตนกับเผ่ากิเลนเพลิงโลหิต

ครืน ตูม บึ้ม! สายฟ้าเปลวเพลิงสอดประสานกันในท้องฟ้า จ้าวเฟิงและเถียหั่วประมือกันหลายสิบกระบวนท่าแล้ว

“เจ้าเด็กนี่มันอะไรกัน?” ใจของเถียหั่วสั่นสะท้าน

ในตอนแรกเขาและจ้าวเฟิงยังไม่เป็นรองกัน แต่หลังจากสิบกระบวนท่าแล้ว จ้าวเฟิงเริ่มได้เปรียบ หลังจากยี่สิบกระบวนท่า เถียหั่วก็เริ่มฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!