Skip to content

King of Gods 173

King Of Gods

บทที่ 173 : ชัยชนะ

จ้าวเฟิงปลดปล่อยจิตสังหารอันรุนแรงออกไปพร้อมกับที่เขาใช้พลังจิตเสียงโจมตีอย่างต่อเนื่อง มันได้ทำให้ร่างของค้างคาวที่อยู่ใกล้ๆ ร่วงลงอย่างไร้สติหรือบินหนีไปด้วยความหวาดกลัว

จักรพรรดิค้างคาวที่แข็งแกร่งที่สุดได้ถูกรั้งไว้โดยหยางก่าน การต่อสู้ของพวกเขาได้ทำให้ค้างคาวตัวอื่นๆ และคนอื่นๆ ไม่อาจเข้าไปใกล้ได้

สามในหกของค้างคาวขุนนางถูกจัดการลงแล้ว และอีกสามตัวที่เหลือไม่กล้าที่จะเข้าใกล้พวกเขา

สำหรับเหล่าค้างคาวสีดำที่บินว่อนอยู่ในอากาศ ไม่มีตัวใดที่สามารถเข้าใกล้จ้าวเฟิงและคนอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวใดก็ร่วงหล่นหรือไม่ก็หาทางหลบหนี

นั่นหมายความว่าข้อได้เปรียบกันใหญ่หลวงของฝั่งค้างคาว ‘การเอาจำนวนเข้าว่า’ ได้ถูกจัดการโดยจ้าวเฟิง

กระทั่งบัดนี้ ไม่มีศิษย์ที่เหลือคนใดตายหรือถูกเตะออกไป

สถานการร์นั้นสามารถเรียกได้ว่าเยี่ยมยอด

“เราแค่ต้องฆ่าค้างคาวขุนนางเพิ่มอีกสองตัว จากนั้นเราจะสามารถพุ่งการโจมตีทั้งหมดไปยังจักรพรรดิค้างคาวได้”

จ้าวเฟิงแนะนำ

หลังจากใช้พลังจิตเสียงโจมตีไปเป็นจำนวนมาก เด็กหนุ่มก็เริ่มที่จะเหนื่อยล้า เขาใช้โอกาสนี้ในการจิบไวน์จิตวิญญาณเพื่อฟื้นฟูพลังขึ้นจำนวนหนึ่ง

หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อย มันก็ถูกตัดสินใจว่าเป่ยโม่ยและกวานเฉินจะเป็นผู้โจมตีหลัก ในขณะที่คนอื่นๆ จะปกป้องจ้าวเฟิงและสนับสนุนจากระยะไกล

กี๊! กี๊!

จ้าวเฟิงพ่นการโจมตีเสียงออกอีกสองครั้งเพื่อช่วยเป่ยโม่ยและกวานเฉินในการจัดการค้างคาวขุนนางอีกตัว กระทั่งค้างคาวขุนนางเหล่านี้ยังได้รับผลจากการโจมตีของเด็กหนุ่ม ทำให้พวกมันบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของเป่ยโม่ยเพียงหนึ่งครั้ง

เด็กหนุ่มผมครามจะปลดปล่อยการโจมตีออกไปพร้อมกับรั้งสายคันศรโหลวฮัวของเขา

ไม่ช้า หนึ่งในค้างคาวขุนนางที่เหลือก็ถูกจัดการ โดยขณะที่อีกสองตัวนั้นบาดเจ็บสาหัส

จ้าวเฟิงคิดว่าผลนั้นได้ถูกกำหนดไว้อย่างแน่นอนแล้ว ค้างคาวขุนนางอีกสองตัวนั้นบาดเจ็บสาหัสและไม่มีแรงคุกคามใดๆ เหลือมากนัก

ในตอนนั้นเอง

เด็กหนุ่มตระกุลจ้าวได้ยินเสียงร้องแหลมที่สั่นสะท้านกำแพงพร้อมกับที่ร่างของจักรพรรดิค้างคาวได้กระแทกหยางก่านออกไปและพุ่งตรงมายังเขา

“ไม่ดีแล้ว!”

จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ของอันตรายถึงชีวิต

จักรพรรดิค้างคาวนั้นเป้นสัตว์อสูรเหยาที่พลังอยู่นนภาที่หกแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ และมีสติปัญญาสูง หมายความว่ามันได้ค้นพบความสำคัญของจ้าวเฟิงแล้ว

มันต้องการที่จะฝ่าออกไปและฆ่ามนุษย์ผู้นั้นหลายครั้งครา ทว่าถูกหยุดไว้โดยหยางก่าน

เมื่อเห็นลูกหลานของมันถูกฆ่าไปตัวแล้วตัวเล่า จักรพรรดิค้างคาวก็ได้เสียสติไปและพุ่งไปยังจ้าวเฟิงแม้ว่ามันจะต้องรับการโจมตีจากหยางก่านโดยตรงก็ตาม

“ศิษย์น้องจ้าว ระวัง!”

หยางก่านตะโกนขึ้นจากเบื้องหลัง

จ้าวเฟิงนั้นอาจแข็งแกร่ง แต่เด็กหนุ่มย่อมถูกฆ่าในเสี้ยววินาทีเมื่อเผชิญหน้ากับจักรพรรดิค้างคาวในนภาที่หกแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ

กี๊

จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึกและโคจรปราณแท้ทั้งหมดของเขา กระตุ้นโลหิตสีคราม และในเวลาเดียวกันก็ได้สร้างการโจมตีเสียงพลังจิตขึ้น

พลังโจมตีของเสียงพลังจิตนี้ถูกสร้างถึงโดยพลังเต็มที่ของเด็กหนุ่มและมีพลังของสายเลือด

ฟุ่บ

การโจมตีเสียงนั้นไปถึงยังร่างของจักรพรรดิค้างคาวเกือบจะในทันที และกระทั่งสิ่งที่แข็งแกร่งเช่นมันยังชะงักไปเล็กๆ

จ้าวเฟิงนิ่งอึ้ง พลังจิตเสียงโจมตีของเขานั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อต่อกรกับค้างคาวโดยเฉพาะ และการโจมตีนี้กระทั่งฆ่าค้างคาวในนภาที่สี่แห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณได้ในเสี้ยววินาทีกลับไม่อาจกระทั่งทำอันตรายคู่ต่อสู้ได้

จักรพรรดิค้างคาวนั้นหยุดไปเพียงครึ่งลมหายใจ ทว่าอีกฝ่ายนั้นทำเพียงพุ่งตรงไปยังจ้าวเฟิงด้วยความเกรี้ยวกราดยิ่งกว่าเก่า

ทว่าหลายสิ่งสามารถกระทำได้ในเวลาครึ่งลมหายใจ

จ้าวเฟิงรีบล่าถอยไปหลายหลาพร้อมกับร่างที่บิดโค้งราวกับมัจฉา

เช้ง!

หยางก่านชักดาบยาวสีทองของเขากลับก่อนจะฟาดฟันไปยังร่างของจักรพรรดิค้างคาว สร้างรอยเลือดลากยาวบนร่างของมัน

ฟุ่บ ผึงง

จ้าวเฟิงหมุนตัว 180 องศาขณะที่วิ่งอยู่ก่อนจะยิงธนูที่มีพลังของสายเลือดของเขาออกไปด้วยคันศรโหลวฮัว

วินาทีที่เขาได้ใส่พลังของสายเลอดลงไป เด็กหนุ่มรับรู้ได้ว่าคันศรโหลวฮันนั้นได้สั่นสะท้านเล็กๆ พร้อมกับปลดปล่อยความรู้สึกอบอุ่นออกมา ลูกธนูพุ่งออกไปทิ้งรอยพาดสีครามไว้บนอากาศ ไปถึงยังเป้าหมายด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

ฉวะ!

ลูกธนูโจมตีเข้าไปยังรอยบาดแผลที่หยางก่านสร้างไว้บนร่างของจักรพรรดิค้างคาวอย่างแม่นยำ

จ้าวเฟิงรู้ว่าการโจมตีของเขาไม่อาจพุ่งทะลุผ่านการป้องกันของอีกฝ่ายได้โดยตรง ทว่าธนูนี้ได้โจมตีไปยังจุดที่ปรากฏอาการบาดเจ็บและเปิดบาดแผลนั้นให้กว้างขึ้น

“กวานเฉิน เป่ยโม่ย ช่วยข้า!”

หยางก่านส่งสัญญาณให้อีกสองคนยื่นมือเข้าช่วยเหลือเขาในการต่อกรกับจักรพรรดิค้างคาว และแม้ว่ากวานเฉินจะไม่เต็มใจอย่างมาก เขาก็ยังคงเข้าไปสนับสนุนหยางก่านพร้อมด้วยอาวุธในมือ

หากพวกเขาปะทะกับมันโดยตรง ทั้งเป่ยโม่ยและกวานเฉินย่อมถูกฆ่าในเสี้ยววินาทีโดยจักรพรรดิค้างคาว ทว่าหยางก่านได้ปะทะอยู่กับอีกฝ่าย สิ่งที่ทั้งสองต้องทำมีเพียงการสนับสนุนเท่านี้

กี๊

จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงเย็นพร้อมกับพุ่งกลับไปยังจักรพรรดิค้างคาวพร้อมกับส่งการโจมตีพลังจิตคลื่นเสียงของเขาเพื่อก่อกวนศัตรู

กระทั่งจักรพรรดิค้างคาวก็ไม่อาจเมินเฉยต่อการโจมตีพลังจิตคลื่นเสียงของเด็กหนุ่มได้และถูกบีบให้อยู่ในสถานการณ์เข้าตาจน

เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวยังคงเว้นระยะไว้ช่วงหนึ่งและปลดปล่อยลูกธนูของเขาออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า โจมตีซ้ำไปยังอาการบาดเจ็บของอีกฝ่าย

จักรพรรดิค้างคาวได้ถูกบีบให้ล่าถอยโดยทั้งสี่ และอาการบาดเจ็บของมันก็ได้หนักหนายิ่งขึ้น มันเสียสติไปโดยสมบูรณ์และพยายามที่จะหนีไป ทว่าถูกขัดขวางโดยทั้งกลุ่มกับจ้าวเฟิงที่ยิ่งการโจมตีคลื่นเสียงพลังจิตออกไปในจุดสำคัญ

หลังจากผ่านไปครึ่งเวลาน้ำเดือด จักรพรรดิค้างคาวก็ได้ร่วงหล่นตายลงบนพื้นอย่างหนักหน่วงในที่สุด

หลังจากจัดการจักรพรรดิค้างคาวแล้ว ทุกคนก็พ่นลมหายใจยาวอย่างโล่งอกพร้อมกับที่ค้างคาวที่เหลือได้แตกกระจายไป แม้ว่าบางส่วนจะต้องการแก้แค้น พวกมันก็ได้ถูกบังคับให้ล่าถอยโดยคลื่นเสียงพลังจิตของจ้าวเฟิง

สำหรับยามนี้ มีค้างคาวหลายร้อยตัวตายตกอยู่ในถ้ำ โดยที่เจ็ดสิบห้าในร้อยส่วนนั้นถูกฆ่าโดยจ้าวเฟิง

“ศิษย์น้องจ้าว เจ้าได้มีส่วนร่วมอย่างมาก หากเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ ผู้ใดเล่าจะรู้ว่าจะมีกี่คนที่จะสามารถผ่านไปได้ทั้งยังมีชีวิต หลังจากการทดสอบสิ้นสุดลง ข้าจะรายงานไปยังสำนัก”

หยางก่านเอ่ยด้วยความซาบซึ้งและชื่นชม

ทุกคนควรจะรู้ว่าการทดสอบที่สองนั้นยากกว่าการทดสอบแรกมากมายนัก และภายใต้สถานการณ์ปกติ มันย่อมมีไม่เกิน 3 คนที่จะผ่านการทดสอบนี้

ทว่าจ้าวเฟิงนั้นคือผู้ที่เปลี่ยนสถานการณ์ทั้งหมดที่ได้ตอบโต้ ‘การเอาจำนวนเข้าว่า’ ของเหล่าค้างคาว ทำให้ไม่มีผู้ใดถูกเตะออกจากการทดสอบ

หลังจากฆ่าจักรพรรดิค้างคาวแล้ว ทั้งหมดก็ได้มุ่งลึกเข้าไปในถ้ำซึ่งมีสมบัติอยู่จำนวนมาก

จ้าวเฟิงเปิดดวงตาซ้ายของเขาออกอย่างลับๆ และกวาดตาสำรวจไปทั่วถ้ำ เขาไม่ได้หยิบฉวยสมบัติอย่างง่ายดาย แต่มันต้องเป็นสิ่งที่ดีเมื่อเขาจะคว้ามัน

หลังจากที่เดินไปถึงจุดหนึ่ง กำแพงสีแดงก็ได้ปรากฏขึ้น

“เยี่ยม! นี่คือผลไม้จิตวิญญาณ ‘ผลโลหิตสีชาด’ ที่สามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของร่างกายขึ้นได้อย่างชัดแจ้ง!”

กวานเฉินเห้นผลไม้ที่เติบโตอยู่ที่มุมหนึ่ง

ฟุ่บ!

ร่างร่างหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นก่อนหน้าเขาและหยิบผลโลหิตสีชาดไป

“ศิษย์น้องจ้าว ข้าพบผลโลหิตสีชาดนี่ก่อน!”

กวานเฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงทะมึนทึม

“หากท่านพบมันก่อน เหตุใดจึงเป็นข้าที่หยิบมันขึ้นมา?”

จ้าวเฟิงเยาะเย้ย

ดวงตาซ้ายของเขาสามารถเห็นว่ามีสิ่งใดอยู่โดยรอบ แต่แม้กระนั้นเขาก็สามารถหยิบไปได้เพียงบางส่วนเท่านั้น

“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ศิษย์น้องจ้าวทำงานมากที่สุด ดังนั้นเขาควรจะได้ก่อน นอกจากนั้นมันยังมีผลโลหิตสีชาดมากกว่าหนึ่ง”

หยางก่านเอ่ย

กวานเฉินรู้สึกเสียจอย่างมาก ทว่ามันไม่มีสิ่งใดที่เขาจะทำได้นอกจากไปหาสมบัติอย่างอื่น

ผลโลหิตสีชาดนั้นเป็นผลจิตวิญญาณที่มีแก่นแท้ของอัสดงรวมทั้งโลหิตของสัตว์ ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายอย่างมาก

มันมีโอกาสสูงสำหรับผู้ที่กินมันเข้าไปในการทะลวงเข้าสู่นภาต่อไปหากพวกเขาอยู่ภายใต้นภาที่สี่แห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ

มันมีผลไม้นี้อยู่ 5-6 ผลรอบๆ จ้าวเฟิงได้ไป 2 หยางก่าน 1 เป่ยโม่ย 1 และหลั่นเสี่ยวหยวนได้ผลสุดท้ายไป

“หืมมม?”

ดวงตาของจ้าวเฟิงพลันจับจ้องไปยังมุมหนึ่ง มันมีผลไม้สีแดงเงินที่ส่งกลิ่นอายหนาวเย็นออกมาเติบโตอยู่

“ผลหยินเยือกแข็ง! ผลจิตวิญญาณที่เป็นขั้วตรงข้ามของผลโลหิตสีชาด”

ร่างของจ้าวเฟิงพลันกลายเป็นเงาพร่าเลือนขณะที่เขาพุ่งตรงไปยังทิศทางนั้น ทว่าหยางก่าน เป่ยโม่ย และคนอื่นๆ ต่างก็ค้นพบผลนั้นในเวลาเดียวกัน

สองในห้าของผลหยินเยือกแข็งถูกครอบครองโดยจ้าวเฟิง ในขณะที่อีกสามนั้นถูกแบ่งไปยังหยางก่าน เป่ยโม่ย และหลินฟ่านคนล่ะหนึ่ง

หลินฟ่านนั้นมักจะอยู่ติดกับจ้าวเฟิงตลอดเวลา ดังนั้นแล้วเขาจึงได้รับของดีมาจำนวนหนึ่ง

หลินฟ่านพบรูปแบบที่แน่นอนอยู่อย่างหนึ่ง ตราบเท่าที่จ้าวเฟิงมุ่งตรงไปยังบางอย่าง สมบัติที่ดีจะปรากฏขึ้น

ทว่ามันไม่ได้มีเพียงเขาที่ค้นพบสิ่งนี้ หยางก่านและคนอื่นๆ เองต่างก็มีความรู้สึกเดียวกัน

“เหตุใดพวกท่านทุกคนถึงได้ตามข้ามากัน?”

จู่ๆ จ้าวเฟิงก็เอ่ยขึ้น

คนอื่นๆ ต่างหัวเราะอย่างอึดอัดและคงระยะห่างกับเด็กหนุ่มไว้ช่วงหนึ่ง

หลังจากนั้นจ้าวเฟิงก็ไม่ได้นำของไปจำนวนมากและจะพิจารณาก็ต่อเมื่อพวกมันอยู่ในชั้นจิตวิญญาณ เมื่อเขารู้ว่าผู้อื่นจะเคลือบแคลงและกระหายอยากหากเขานำไปมากเกินไป

มันมีสมบัติจำนวนมากในถ้ำ ทว่ามีเพียงหนึ่งในสิบที่อยู่ในชั้นจิตวิญญาณ เมื่อพวกมันอยู่ในระดับนั้น ภายในของพวกมันจะมีพลังจำนวนมากอยู่

จ้าวเฟิงคำนวณว่าในบรรดาสมุนไพรชั้นจิตวิญญาณรับสิบที่เขาได้รับมานั้น ผลหยินเยือกแข็งและผลโลหิตสีชาดมีค่ามากที่สุด และสิ่งอื่นๆ นั้นมีผลที่ดีกว่ายามสร้างเป็นยาแทนที่จะกินพวกมันเข้าไปโดยตรง

ครึ่งวันต่อมา สิ่งของภายในถ้ำค้างคาวได้ถูกนำออกไปจนหมด

มีคนบางคนที่กินสมุนไพรเหล่านั้นเขาไปในทันทีเพื่อทำให้พลังฝึกตนของพวกมันเพิ่มขึ้นและมั่นคง

ตัวอย่างเช่นเป่ยโม่ย ผลหยินเยือกแข็งที่เขากินนั้นมีธาตุเดียวกับธาราเหนือสวรรค์ทมิฬของเขา ซึ่งหมายความว่ามันสามารถเพิ่มพลังฝึกตนของเขาได้

จ้าวเฟิงนั้นไม่ได้ใส่ใจว่าผลไม้นั้นมีธาตุใด เมื่อวิชาที่เขาฝึกฝนนั้นสามารถดูดซึมได้ทั้งหมด ทว่าเขาเพิ่งจะทะลวงนภา มันจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ฉลาดในการใช้สมุนไพรเหล่านี้ในการเพิ่มพลังฝึกตนของเขาในตอนนี้

หลินฟ่านกินผลหยินเยือกแข็งและนั่งขัดสมาธิบนพื้น ฝึกตน

สองชั่วโมงต่อมา

หยางก่านเป็นคนแรกที่จากไป เขาต้องการที่จะออกไปคนแรกในการทดสอบที่สอง เพื่อที่เขาจะได้รางวัลมากกว่าจากการทดสอบ

จากนั้นคนที่เหลือจึงจากไปที่ล่ะคน ทว่าจ้าวเฟิงและหลินฟ่านก็ยังคงไปด้วยกัน

หลังจากกินผลหยินเยือกแข็งเข้าไป หลินฟ่านก็เข้าใกล้ขั้นสุดยอดของนภาที่สองแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ และปราณแท้ของเขาได้มีธาตุน้ำแข็งอยู่ภายในซึ่งเพิ่มพลังของเขาขึ้นอย่างมาก

ผู้อื่นเช่นกวานเฉิน หลันเสี่ยวหยวน และหลิวเยว่เอ๋อร์ต่างก็มีความพัฒนาขึ้นเช่นกัน

จุดประสงค์ของการทดสอบนั้นคือการเค้นความสามารถของคนผู้หนึ่งออกมาและใช้ทรัพยากรในการเพิ่มพูนพลังฝึกตนของคนผู้นั้น

“ศิษย์น้องจ้าว เหตุใดเจ้าจึงไม่แย่งชิงตำแหน่ง ‘ออกไปคนแรก’ เล่า?”

หลินฟ่านพลันเอ่ยถามขึ้น

เมื่อการทดสอบที่สองเริ่มต้นขึ้น มันก็ได้เอ่ยไว้แล้วว่ายิ่งคนผู้หนึ่งใช้เวลาน้อยเท่าใดในการทำการทดสอบนี้ให้เสร็จสิ้น รางวัลก็จะยิ่งสูงค่าขึ้น

“ข้าจะไม่ไปยื้อแย่งสิ่งนั้น”

จ้าวเฟิงสั่นศีรษะ

“เช่นนั้น ศิษย์น้องจ้าว เจ้า…”

“กฎได้เอ่ยไว้ว่าความสามารถในการทดสอบรวมทั้งจำนวนของการทดสอบที่ผ่านพ้นต่างส่งผลต่อผลลัพธ์”

จ้าวเฟิงแย้มยิ้มบาง

“จำนวนของการทดสอบที่ผ่านพ้นและความสามารถในการทดสอบ… ความสามารถ!”

ดวงตาของหลินฟ่านเปล่งประกายขึ้นเมื่อเขาเข้าใจในที่สุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!