Skip to content

King of Gods 20

King Of Gods

บทที่ 20 : วิชาระดับพื้นฐาน

เสียงประกาศเอ่ยเริ่มงานประลองประจำตระกูลอย่างเป็นทางการ

ทั่วทั้งสนามเงียบลง

“รอบแรก การประลองแบบกลุ่ม! ผู้ประลองจะถูกแบ่งออกเป็นสิบกลุ่มตามจำนวนสนาม บัดนี้เราจะเริ่มการแบ่งกลุ่ม…”

ภายใต้การจัดการของพรรค เหล่าศิษย์สายนอกก็แบ่งออกเป็นสิบกลุ่ม

“หมายเลข 188 ลานประลองที่เจ็ด!”

จ้าวฟงตรงไปยังลานประลองที่เจ็ด

กฎการประลองนั้นคือ ทุกๆ ลานประลอง จะมีเพียง 10 คนเท่านั้นที่จะได้เข้ารอบต่อไปจากคนจำนวน 50 กว่าคนบนลานประลองนั้นๆ เช่นกลุ่มของจ้าวฟงมีคนทั้งหมด 52 คน จะมีเพียง 10 คนเท่านั้นที่จะได้เข้าไปยังรอบถัดไป

เด็กหนุ่มใช้ดวงตาซ้ายของเขากวาดสังเกตทั้งสิบกลุ่มก่อนค้นพบว่าการแบ่งกลุ่มนี้ได้ถูกจัดไว้ก่อนแล้ว สิบอันดับแรกล้วนอยู่คนล่ะกลุ่มกันทั้งสิ้น

ตัวอย่างเช่น จ้าวเยว่ที่ครองอันดับหนึ่งอยู่กลุ่มที่หนึ่ง จ้าวยี่จางและจ้าวหยูเฟ่ยถูกส่งไปยังกลุ่มที่สองและสามตามลำดับ นั่นหมายความว่าสิบอันดับแรกจะไม่เจอกันในเร็วๆ นี้

“ทุกกลุ่มมีทั้งผู้ที่แข็งแกร่งและอ่อนแออยู่ปะปนกัน นั่นหมายความว่าจะไม่มีผู้ใดบังเอิญผ่านเข้ารอบไปได้ด้วยดวง” จ้าวฟงพยักศีรษะอย่างเข้าใจ

จากนั้นเด็กหนุ่มจึงได้หาผู้ที่จะตึงมือของเขาที่สุด

คนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มคือจ้าวเฉินกางที่ครองอันดับเจ็ดในบรรดาศิษย์สายนอก จ้าวเฉินกางยืนหยัดอย่างมั่นคงพร้อมด้วยกลิ่นอายของขั้นสูงสุดของขั้นสามแห่งหนทางผู้ฝึกตนที่แผ่กระจายออกมา

การที่สามารถติดหนึ่งในสิบได้นั้นย่อมหมายความว่าพวกเขาล้วนมีความแข็งแกร่งในแบบของตน จ้าวฟงชะงักไปชั่วครู่เมื่อเขาค้นพบใบหน้าที่คุ้นเคยท่ามกลางฝูงชน เจ้าของร่างใต้อาภรณ์สีขาวนั้นมีใบหน้างดงาม

“พี่ฟง” จ้าวซุ่ยเอ่ยขณะที่นางมองไปยังจ้าวฟง

จ้าวฟงผงกศีรษะตอบรับ

“น้องซุ่ย! ไม่เป็นไร พี่ยี่จางบอกให้ข้าจัดการจ้าวฟงและทำให้เขาไม่อาจได้รับผลงานใดๆ ไป” จ้าวเฉินกางที่เป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มเอ่ยในขณะที่เขาเดินตรงไปยังจ้าวซุ่ย

“เจ้า…” จ้าวซุ่ยทำท่าจะเอ่ยบางอย่าง ทว่านางก็ชะงักไปกลางคัน

นางไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงไม่ต้องการให้จ้าวฟงประสบความสำเร็จใดๆ…

ในตอนนั้นการประลองก็ได้เริ่มต้นขึ้น

“ 13 vs 65 !”

“ 48 vs 355 !”

“ 179 vs 24 !”

เสียงของผู้ตัดสินดังขึ้นในแต่ละกลุ่ม

รอบแรกจบลงอย่างรวดเร็ว

ผู้ตัดสินทุกคนล้วนเป็นคนของพรรคและมากประสบการณ์ สำหรับการประลองฝ่ายเดียวนั้นผู้ตัดสินย่อมสามารถตัดสินได้อย่างรวดเร็ว

ตัวอย่างเช่น จ้าวเฉินกางเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

“ 188 vs 24 !”

ในที่สุดก็ถึงรอบของจ้าวฟง

ปึก!

ร่างของเขาร่อนลงบนลานประลอง

หมายเลขยี่สิบสี่นั้นเป็นเด็กหนุ่มที่มีพลังฝึกตนที่ขั้นสอง ดวงตาของเขาฉายประกายความหวาดกลัวออกมาเมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้มีระดับขั้นการฝึกตนที่ขั้นสาม

“ฝ่ามือกระแทกวายุ!” เด็กหนุ่มร่างอวบกัดฟันและโจมตีด้วยพลังทั้งหมด วิชาที่เขาใช้เป็นวิชาระดับกลางที่ใช้ความเร็วเพื่อเอาชนะ

“หมัดเหล็กเพลิง!” จ้าวฟงส่งหมัดธรรมดาๆ ออกไป

ตอนที่เขาใช้วิชาหมัดนั้น สีหน้าของผู้ตัดสินประจำลานประลองที่เจ็ดก็แปรเปลี่ยนไป นั่นเป็นเพราะเด็กหนุ่มใช้เพียงวิชาระดับพื้นฐานเท่านั้น!

ปั่ก!

ตอนที่พวกเขาปะทะกัน เด็กหนุ่มร่างอวบก็ถูกส่งลอยออกไป

“หมายเลข 188 ชนะ!” ผู้ตัดสินเอ่ย

เป็นเพราะว่าคู่ต่อสู้ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าใด การประลองของจ้าวฟงจึงไม่ได้รับความสนใจมากมาย

“ ฮึ่ม! เจ้าเด็กนั่นหยิ่งผยองนัก ใช้เพียงวิชาระดับพื้นฐาน!” เหล่าศิษย์ด้านล่างแอบหัวเราะ

“ 188 vs 66 !” ไม่ช้าก็ถึงเวลาที่เด็กหนุ่มต้องออกไปอีกครั้ง

มีกฎอยู่ข้อหนึ่งที่กล่าวว่า เมื่อผู้ประลองแพ้ครบสิบครั้งจะถูกคัดออก การประลองจะไม่สิ้นสุดจนกระทั่งเหลือคนเพียง 10 คน

หากผู้ประลองสามารถเอาชนะได้ 20 ครั้งติดต่อกันจะเข้าสู่รอบถัดไปได้โดยอัตโนมัติ

การประลองรอบถัดไปของจ้าวฟง คู่ต่อสู้เป็นเด็กหนุ่มที่สีหน้าตาคล้ายม้า มีระดับการฝึกตนที่ขั้นสุดยอดของขั้นสอง

“หมัดเหล็กเพลิง!” จ้าวฟงไม่แม้แต่จะเสียเวลาคิดขณะที่ส่งหมัดของเขาออกไปยังจุดอ่อนของคู่ต่อสู้

ปั่ก!

เด็กหนุ่มผู้นั้นล้มกลิ้งหัวปักดิน

“เขาใช้วิชาระดับพื้นฐานอีกแล้ว!” ศิษย์พรรคจ้าวผู้อื่นมองอย่างเหยียดหยาม

“ หมายเลข 188 ชนะ!”

นี่เป็นชัยชนะที่สองของจ้าวฟงแล้ว ทว่าในสองรอบถัดไปเด็กหนุ่มก็ยังคงใช้วิชาระดับพื้นฐานนั้นอยู่

ชนะ 4 รอบติด!

“เจ้าตัวโง่เง่านั่นยโสยิ่ง! เขาคิดว่าไม่มีใครเอาชนะวิชาระดับพื้นฐานของเขาได้หรืออย่างไร?”

“ฮึ่ม! คู่ต่อสู้ของเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าใด! เมื่อใดที่เขาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีระดับขั้นเดียวกันมันย่อมไม่ง่ายเช่นนั้นเป็นแน่!” ศิษย์ด้านล่างหัวเราะในใจ

“ 188 vs 47 !” ในที่สุด รอบที่ห้าของจ้าวฟงก็ปรากฏคู่ต่อสู้ที่มีลำดับขั้นสามในหนทางแห่งผู้ฝึกตน และครองอันดับห้าในกลุ่ม

“จ้าวคุย! เอาชนะเจ้าเด็กเหลือขอนั่นเสีย!” เสียงตะโกนเสียงหนึ่งดังขึ้น มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกไม่พึงพอใจกับการกระทำของเด็กหนุ่ม

“ไอ้หนู เจ้ามาได้แค่นี้แหละ” เรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของจ้าวคุยยืนอยู่เบื้องหน้าจ้าวฟง ความแข็งแกร่งของเขาควบรวมอยู่ในกล้ามเนื้อเหล่านั้น เพียงแค่รูปร่างของเขาก็สร้างความกดดันให้ผู้ฝึกตนขั้นสองต้องยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว

มีศิษย์สายนอกราวๆ 60 คนที่สามารถเข้าสู่ขั้นสามแห่งหนทางผู้ฝึกตน ดังนั้นแล้วผู้ที่มีขั้นสามในกลุ่มจึงล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง

“เอาจริงเถอะ” จ้าวฟงเผยรอยยิ้มบาง เขาไม่เห็นผู้ฝึกตนขั้นสามธรรมดาอยู่ในสายตา

“ฮ่าฮ่าฮ่า หากเจ้ายังกล้าที่จะใช้วิชาระดับพื้นฐานนั่นอยู่ล่ะก็!” จ้าวคุยหัวเราะ ก่อนจะกระโจนเข้าหาเด็กหนุ่มราวกับสิงโตตะครุบเหยื่อ

“ความกราดเกรี้ยวแห่งราชสีห์!” จ้าวคุยควบรวมพลังทั้งหมดภายในร่าง เหล่าผู้ฝึกตนขั้นสุดยอดของขั้นสามส่วนมากไม่แม้แต่จะสามารถเผชิญหน้ากับเขาได้โดยตรง

“ฮี่ฮี่ ไม่เลว! ดูซิว่าเจ้าจะรับการโจมตีของข้าได้หรือไม่ หมัดเหล็กเพลิง!” จ้าวฟงยังคงใช้วิชาระดับพื้นฐานในตอนนี้!

หมัดเหล็กเพลิงอีกแล้ว? ศิษย์ที่ดูการประลองอยู่รู้สึกราวกับจะเป็นลม

ผัวะ!

เสียงกระแทกดังสนั่นขึ้นจากลานประลองที่เจ็ด ก่อนจะตามด้วยเสียงกรีดร้อง

ตูม!

ร่างหนักของจ้าวคุยนอนราบลงกับพื้นลานประลอง ฟันสองสามซี่หักร่วง

อันใดกัน!? ฝูงชนด้านล่างลานประลองจ้องมองฉากนั้นตาค้าง

“หมายเลข 188 ชนะ!” กระทั่งผู้ตัดสินเองก็มีความรู้สึกเหลือเชื่อ เขาชนะด้วยวิชาระดับพื้นฐานอีกครั้งแล้ว!

ชนะ 5 ครั้งติดกัน!

นี่ราวกับตบไปที่หน้าของศิษย์โดยรอบอย่างจงใจ

“วิชาระดับพื้นฐาน… เป็นไปได้อย่างไร…?”จ้าวคุยเดินลงจากลานประลอง ใบหน้าเขียวคล้ำ

หลังจากที่เอาชนะจ้าวคุย การประลองถัดๆ ไปของจ้าวฟงก็ง่ายดายขึ้น

5… 6… 7 ครั้งติด!

หลังจากนั้น ผู้ที่มีระดับขั้นต่ำกว่า 3 ก็จะยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดีเมื่อเผชิญหน้ากับเขา ผู้ที่มีสถิติเดียวกับเด็กหนุ่มในกลุ่มเจ็ดมีเพียงจ้าวเฉินกางเท่านั้น

“ดูเหมือนว่าเด็กนั่นจะฝึกฝนวิชาระดับพื้นฐานกระทั่งเข้าสู่ระดับสุดยอด ไม่แปลกใจเลยที่มันจะทรงพลัง ฮี่ฮี่ รอจนกว่าเจ้าจะพบข้า จากนั้นข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสความแข็งแกร่งของวิชาระดับสูง…” จ้าวเฉินกางหัวเราะเสียงเย็น

จนกระทั่งบัดนี้ จ้าวฟงและจ้าวเฉินกางถูกเรียกในนาม ‘อินทรีคู่’ แห่งลานประลองที่เจ็ด เมื่อไม่มีผู้ใดสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของสองคนนี้ได้

7… 8… 9… 10ครั้งติด!

“เจ้าคิดว่าใครแข็งแกร่งกว่า? จ้าวฟงหรือจ้าวเฉินกาง?”

“ข้าคิดว่าจ้าวเฉินกางแข็งแกร่งกว่านิดหน่อย แต่จ้าวฟงเองก็มิได้อ่อนด้อย นับว่าเป็นม้ามืดแล้ว”

กลุ่มของพวกเขามีคนสองคนที่สร้างสถิติเช่นนี้ ในขณะที่กลุ่มอื่นนั้นมีเพียงผู้เดียว

ตัวอย่างเช่น ความแข็งแกร่งของจ้าวยี่จางนั้นมากเกินไป ทุกกระบวนท่าของเขาสามารถปลิดชีวิตของคู่ต่อสู้ได้ มีเพียงกลุ่มเจ็ดเท่านั้นที่มี ‘อินทรีคู่’ หลายคนล้วนคาดหวังกับการปะทะกันของอินทรีทั้งสองนี้

ในการประลองรอบที่สิบสองของจ้าวฟง เขาก็เผชิญหน้ากับบุคคลที่คุ้นเคย

จ้าวซุ่ย!

นี่นับว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าอึดอัดใจยิ่งนัก

“น้องซุ่ย ยอมแพ้เสียเถอะ” จ้าวฟงเอ่ยเสียงเรียบ

จ้าวซุ่ยเพียงเกือบจะเข้าสู่ขั้นสุดยอดของขั้นสองแห่งหนทางผู้ฝึกตน นางไม่มีทางเทียบเขาได้

“ยอมแพ้? ไม่มีวัน!” จ้าวซุ่ยกัดฟันกรอด ใบหน้าเต็มไปด้วยความดึงดัน นางไม่มีทางยอมแพ้ต่อหน้าจ้าวฟงเด็ดขาด

เมื่อครั้งที่พวกนางยังอยู่ที่หมู่บ้านใบไม้เขียว จ้าวซุ่ยเคยรักจ้าวฟง คิดว่าเขาเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์มากที่สุด ทว่าเมื่อเข้าสู่เมืองประกายอรุณ นางก็ตระหนักได้ว่าหมู่บ้านใบไม้เขียวเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ…

ในฐานะของสตรีอ่อนแอ นางไม่อาจปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมแสนโหดร้ายนี้ได้ ดังนั้นนางจึงตัดสินใจอย่างยากลำบาก นำตนเองไปพึ่งจ้าวยี่จางที่ครองอันดับสาม จ้าวซุ่ยไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้ารักแรกที่นางโยนทิ้งไปเป็นอันขาด

“ได้!” จ้าวฟงส่ายศีรษะอย่างจนใจ

“ฝ่ามือล่องวายุ!” จ้าวซุ่ยแปรเปลี่ยนไปราวกับสายลมที่หลอมรวมกับฝ่ามือนั้น มุ่งตรงไปยังศีรษะของจ้าวฟง ‘ฝ่ามือล่องวายุ’ นั้นเป็นวิชาขั้นสุดยอดของวิชาระดับกลาง และเหมาะสมสำหรับสตรีเมื่อมันเป็นวิชาที่ใช้เคล็ดอ่อนเอาชนะแข็ง

ในด้านของระดับวิชานั้น ‘ฝ่ามือล่องวายุ’ จัดว่าอยู่ในระดับเดียวกับ ‘หมัดมังกรคลั่ง’ ทว่ามันสามารถทำให้คู่ต่อสู้ไม่อาจใช้พลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับที่มันลดทอนกำลังของ ‘หมัดเหล็กเพลิง’

“หมัดเหล็กเพลิง!” จ้าวฟงไม่แม้แต่จะลำบากก้าวเท้าและส่งหมัดของเขาออกไป

ปั่ก!

หมัดและฝ่ามือปะทะกัน

เฮ้อ!

จ้าวฟงถอนหายใจเงียบๆ และพยายามช่วยเด็กสาวทรงตัว อย่างไรก็ตาม… พวกเขาเติบโตขึ้นมาด้วยกัน เด็กหนุ่มไม่อาจมองอีกฝ่ายบาดเจ็บได้

“นิ้วสั่งวายุ!” ตอนที่จ้าวฟงพยุงเด็กสาว ดวงตาของจ้าวซุ่ยก็เปล่งประกายเย็นเยียบในขณะที่นิ้วมือขาวราวหยกของนางพุ่งตรงไปยังอกของจ้าวฟง

ภาพนี้ทำให้ศิษย์หลายคนร้องออกมาอย่างหวาดกลัว ในระยะเพียงนั้นเด็กหนุ่มไม่มีทางที่จะหลบได้

“ฮึ่ม!” สีหน้าของจ้าวฟงเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว ร่างกายของเขาระเบิดพลังออกมาทันที ส่งร่างของจ้าวซุ่ยกระเด็นลอยออกไป

อั่ก!

จ้าวซุ่ยกรีดร้องออกมาพร้อมกับกระอักโลหิตยามที่นางร่วงลงบนพื้น

“หมายเลข 188 ชนะ” ผู้ตัดสินมองไปยังร่างของเด็กสาวอย่างเหยียดหยาม ชัดเจนว่าการกระทำของนางนั้นสร้างความไม่พอใจให้เขา

“ซุ่ยเอ๋อร์!” จ้าวยี่จางมุ่งหน้ามาหาเด็กสาวอย่างรวดเร็ว

จ้าวฟงเดินลงจากลานประลองอย่างเย็นชา เขาไม่เคยคิดว่าจ้าวซุ่ยจะโจมตีเขาในสถานการณ์เช่นนั้น

“เจ้าหนู… เราต้องได้เจอกัน! ข้าจะทำให้เจ้าต้องอับอาย!” จ้าวยี่จางเอ่ยเสียงเย็น

“ข้าจะรอ” จ้าวฟงหันหลังเดินจากไปโดยไม่แม้กระทั่งชายตามองจ้าวซุ่ย

ตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงของเด็กสาวจากด้านหลัง

“พี่เจียน ท่านต้องล้างแค้นให้ข้า…”

หลังจากเอาชนะจ้าวซุ่ยแล้ว จ้าวฟงก็ชนะทั้งหมด 12 ครั้ง

12… 13… 14ครั้งติด!

สถิติของเด็กหนุ่มเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง

วิชาหมัดระดับพื้นฐานของเขาจัดการทุกคนบนลานประลองที่เจ็ด มีเพียง ‘จ้าวเฉินกาง’เท่านั้นที่ครองสถิติเดียวกับเขา

“ยังเหลืออีก 6 รอบก่อนที่ข้าจะเข้ารอบถัดไป”

ทว่า เมื่อเข้าสู่รอบที่ 15 จ้าวฟงก็ได้เผชิญหน้ากับจ้าวเฉินกางที่ครองอันดับหนึ่งในกลุ่ม อินทรีคู่บัดนี้ได้เผชิญหน้ากันเองแล้ว! บรรยากาศของลานประลองที่เจ็ดเข้มข้นถึงขีดสุด!

“ในที่สุดพวกเขาก็เผชิญหน้ากัน!” ศิษย์ที่อยู่ในกลุ่มเจ็ดปล่อยลมหายใจยาวด้วยความตื่นเต้น กระทั่งผู้ประลองกลุ่มอื่นยังส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังมายังลานประลองที่เจ็ด

ผู้ตัดสินประจำลานประลองที่เจ็ดฉีกยิ้ม

“เจ้าหนู ในที่สุดข้าก็เจอกับเจ้า หากเจ้าพอมีฝีมือก็จงใช้ไอ้วิชาระดับพื้นฐานนั่นต่อไปเสีย” จ้าวเฉินกางเลียริมฝีปากขณะที่ดวงตาปรากฏประกายหยอกล้อ

ในด้านความแข็งแกร่งนั้น จ้าวเฉินกางครองอันดับเจ็ดในบรรดาศิษย์สายนอก ทั้งยังฝึกฝนวิชาระดับสูงที่นับว่าสูงกว่าวิชาระดับพื้นฐาน 3 ระดับ

“เหตุใดข้าจะไม่ทำเช่นนั้นกัน? ข้าจะใช้วิชาหมัดระดับพื้นฐาน”จ้าวฟงเอ่ยอย่างใจเย็น

อันใดกัน! เขาจะยังใช้วิชาระดับพื้นฐานนั่นหรือ? ลมหายใจของผู้เฝ้ามองเย็นยะเยือก

“เจ้าเด็กนั่นกินยาผิดรึ?”

“หยิ่งยโสเกินไปแล้ว! เขาคิดหรือว่าการใช้เพียงวิชาระดับพื้นฐานจะสามารถเอาชนะทุกคนในกลุ่มได้?”

“ยัง… ยังใช้วิชาระดับพื้นฐาน?”

ใบหน้าของผู้ตัดสินกระตุก กระทั่งในสายตาของเขา เด็กหนุ่มผู้นี้ก็นับว่ากำแหงนัก!

ในฐานะของคู่ต่อสู้ รอยยิ้มของจ้าวเฉินกางแข็งค้าง รู้สึกราวกับถูกตบหน้า…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!