บทที่ 252 : มูลค่าของแมวขโมยตัวน้อย
เมี้ยว เมี้ยว
บางทีอาจเป็นเพราะมันได้กลิ่นของเงินตรา แมวขโมยตัวน้อยจึงได้กระโจนออกจากกำไลมิติและมองออกไปรอบๆ ด้วยดวงตากลมโต
“เป็นแมวที่น่ารักอันใดเช่นนี้!”
“ฮะฮะ มิคิดว่าแมวตัวเล็กๆ เช่นนี้จะดูฉลาดเฉลียวนัก”
การปรากฏตัวขึ้นของแมวขโมยตัวน้อยได้ดึงดูดความสนใจของสตรีบนเรือหลายคนในทันที
เมี้ยว เมี้ยว
แมวขโมยตัวน้อยกอดอก ท่าทีเย่อหยิ่ง กลั่นแกล้งหยอกล้อดรุณีเหล่านั้นอยู่พักหนึ่ง ทำให้พวกนางยิ้มไม่หยุด
หัวใจของจ้าวเฟิงบีบรัดแน่น แอบก่นด่าสัตว์เลี้ยงตัวจ้อยอยู่ในใจ เจ้าจะออกมาเล่นอันใดตอนนี้ อย่างแย่ข้าอาจจะต้องจ่ายผลึกเริ่มต้นเพิ่ม
แต่โชคดี
แมวขโมยตัวน้อยนั้นมีขนาดเพียงหนึ่งฝ่ามือ เป็นเพียงสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กชนิดหนึ่ง จึงไม่ถูกเก็บผลึกเริ่มต้นเพิ่ม
บุคคลในชุดทองปรากฏความสนใจในตัวของจ้าวเฟิงและแมวขโมยตัวน้อยขึ้นพอประมาณ ทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเพิ่ม
เสียงตะโกนดังขึ้น
หลังจากที่เรือข้ามนภาบรรทุกคนทั้ง 49 คนแล้ว ลูกเรือทั้งสี่ก็ได้กางใบเรือ สายลมรอบด้านได้ผลักดันให้เรือแล่นออกจากท่าเรือ
คลื่นพายุรุนแรงของสายธารกราดเกรี้ยวนั้นน่ากลัวยิ่งนัก แม้ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในนภาที่เจ็ดแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ หากตกลงไปก็มิอาจทนอยู่ได้นาน ต้องจมลงสู่ก้นแม่น้ำ สังเวยชีวิตให้กับมัน
ท่ามกลางพายุนั้น การที่เรือข้ามนภาจะสามารถแล่นไปได้อย่างรวดเร็วนับว่ายากนัก
“ความกว้างของสายธารกราดเกรี้ยวนั้นเกือบจะมากถึงร้อยลี้ นี่คือบริเวณที่ค่อนข้างแคบ ด้วยความเร็วเท่านี้ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4-5 วัน มิเช่นนั้นเกรงว่าจะไม่มีวิธีเข้าไปยังฝั่งได้”
จ้าวเฟิงคาดคำนวณ
เวลา 4-5 วันนั้น หากใช้เวลาในช่วงนี้ฝึกฝน มันย่อมผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าปัญหานั้นคือกระแสคลื่นที่รุนแรงของสายธารกราดเกรี้ยว เรือข้ามนภามักจะสั่นรุนแรงจากกระแสคลื่นเหล่านั้น จะอย่างไรคลื่นที่สาดซัดเข้าหาเรือก็หนักนับล้านจิน
ไม่เพียงเท่านั้น
เมื่อพายุได้สร้างคลื่นยักษขึ้นบ่อยครั้ง เรือข้ามนภาจึงมักจะโคลงเคลงรุนแรง มีโอกาสที่จะพลิกคว่ำ
ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงการฝึกตนเลย เพียงแค่การได้หลับสักงีบก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว
เมื่อเรือข้ามนภาโคลงเคลง เหล่ามนุษย์ที่อยู่บนเรือต่างก็เผชิญกับความยากลำบาก ต้องโคจรพลังปราณแท้ในร่างเพื่อที่จะยืนได้อย่างมั่นคง
ผู้ที่แสดงอาการได้สุขุมเยือกเย็นที่สุดในยามนี้ย่อมเป็นบุคคลชุดทองผู้อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง
เขานั่งนิ่งอยู่บนเรือราวกับตะปูที่ตอกลงเนื้อไม้ ไม่ว่าสายลม สายฝน และพายุจะสาดซัดเพียงใดก็ยังคงไร้ซึ่งอารมณ์ใด
จากนั้นจึงเป็นผู้ที่อยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงที่มีทีท่าผ่อนคลายเช่นกัน
ความแข็งแกร่งของผู้ที่อยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเหล่านี้มากมายนัก ทั่วทั้งร่างปรากฏปราณกึ่งจิตวิญญาณแท้ครอบคลุม เมื่อเทียบกับผู้ที่อยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงที่จ้าวเฟิงพบในสิบสามแคว้นแล้วนับว่าแข็งแกร่งกว่ามากนัก
โชคดีที่เรือข้ามนภานั้นไม่ได้โคลงเคลงตลอดเวลา ในบางครั้งผืนน้ำก็เงียบสงบ
เมื่อเรือข้ามนภาเริ่มมั่นคง เหล่ายอดฝีมือบนเรือมักจะพูดคุยกันหรือกระทั่งทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ
“น้องชายผู้นี้ ‘นางแอ่นมรกต’ ของเจ้านี่ขายหรือไม่ ข้าจะจ่ายผลึกเริ่มต้นระดับต่ำสองพันผลึกให้เป็นการแลกเปลี่ยน”
ชายร่างอ้วนวัยกลางคนในชุดสีเทามาถึงยังข้างกายของจ้าวเฟิงอย่างเงียบงันก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ
ผลึกเริ่มต้นระดับต่ำสองพันผลึก?
จ้าวเฟิงแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย หากที่แห่งนี้คืออาณาเขตของสิบสามสำนัก มันก็เทียบเท่าได้กับผลึกเริ่มต้นจำลองสองหมื่นผลึก ซึ่งมิใช่จำนวนน้อยๆ
ทว่า เด็กหนุ่มส่ายศีรษะ “ข้าไม่ขาย”
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขายังต้องการนางแอ่นมรกตในการเดินทาง นอกจากนั้นเขามิคิดว่านางแอ่นมรกตตัวนี้จะมีค่าเพียงเท่านี้
บนเรือ นอกจากเสือดาวสีปีกของชายในชุดสีทองผู้นั้นแล้วก็ไม่มีผู้ใดมีสัตว์วิเศษชนิดนกที่เหนือกว่าจ้าวเฟิงอีก บางคนนั้นกระทั่งไม่มีนกเป็นสัตว์พาหนะเสียด้วยซ้ำ
“เช่นนั้นเอาอย่างนี้เป็นเช่นไร ข้าจะให้ผลึกเริ่มต้นระดับต่ำสามพันผลักที่เทียบเท่าได้กับผลึกเริ่มต้นจำลองสามหมื่นผลึก ซึ่งนับว่าเยอะมากแล้ว”
ชายวัยกลางคนชุดเทาขบฟันแน่นก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
จ้าวเฟิงส่ายศีรษะ
“3,500”
“4,000”
“5,000 นี่เป็นราคาสุดท้ายที่ข้าจะให้เจ้าได้”
ไม่ว่าชายวัยกลางคนชุดเทาจะเอ่ยอย่างไร จ้าวเฟิงก็ส่ายศีรษะ
คนที่อยู่ใกล้เคียงหลายคนมองด้วยสีหน้ารังเกียจหรือไม่ก็ดูถูก
คนฉลาดเห็นได้ว่าชายวัยกลางคนชุดเทานั้นต้องการที่จะหลอกเด็กบ้านนอกจากนอกอาณาเขตอาณาจักรนภาผู้นั้น
ทว่าสิ่งที่คาดไม่ถึงนั้นคือเด็กหนุ่มผู้นี้กลับไม่ดูคล้ายจะหวั่นไหวไปกับเงินจำนวนมหาศาลนั้น
บริเวณนอกอาณาจักรนภานั้นมักจะขาดแคลนทรัพยากร ไอสวรรค์เบาบาง ปริมาณของผลึกเริ่มต้นเองก็น้อยนิด
โดยปกติแล้ว ผู้ที่มาจากนอกเขตอาณาจักรนภามักจะหวั่นไหวโดยง่ายกับผลึกเริ่มต้นหลายพันหลายหมื่นผลึก ทว่าเด็กหนุ่มผู้นี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น
ชายวัยกลางคนร่างอ้วนเอ่ยเสนอราคาไปถึงแปดพันผลึกเริ่มต้น ทว่าจ้าวเฟิงยังคงไม่หวั่นไหวเช่นเดิม
“ ‘นางแอ่นมรกต’ ของข้านี้มีค่าถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”
จ้าวเฟิงรู้สึกประหลาดใจและคาดไม่ถึงเล็กๆ
ในอาณาจักรนภา ไอสวรรค์นั้นหนาแน่น ปริมาณของผลึกเริ่มต้นก็มหาศาล ราคาของสิ่งที่อยู่ที่นี่จึงเพิ่มสูงขึ้นไปตามๆ กัน
ทว่าเมื่อสิ่งนั้นหายาก มันย่อมมีค่ามากขึ้น
อาณาจักรนภานั้นแต่เดิมเป็นแดนแห่งผู้ฝึกตนที่ถูกพัฒนาขึ้น สัตว์ปีศาจในผืนป่าใกล้เคียงได้ถูกฆ่าล้างไปจำนวนมาก ปักษาวิเศษที่มีถิ่นฐานที่สิบสามแคว้นจึงค่อนข้างหายาก
หากคนทั่วไปต้องการที่จะครอบครองนกเป็นพาหนะสักตัวก็มีเพียงแต่ไปยังเขตอันตราย
ราคาสูงล้ำ ในขณะที่ สิ่งนั้นมีปริมาณน้อยนัก
มันคือสองเหตุผลที่ทำให้สัตว์ขี่ประเภทนกในอาณาจักรนภานั้นหายากและล้ำค่าเป็นพิเศษ
“หึ ผลึกเริ่มต้นระดับต่ำแปดพันผลึก เจ้าจะขายหรือไม่ขาย”
สายตาของชายวัยกลางคนชุดเทาทะมึนขึ้น สีหน้าหดหู่
กลิ่นอายของเขาอยู่ในนภาที่เจ็ดแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ เมื่อเทียบกับผู้ที่อยู่ในสิบสามแคว้นนับว่าแข็งแกร่งกว่ามากนัก
จ้าวเฟิงคาดเดาความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายว่าสามารถเทียบเคียงได้กับสวีจึเสวียนและอ้าวเยว่เทียน ทั้งยังมีประสบการณ์ที่มากกว่า
เด็กหนุ่มเพียงเตรียมจะเอ่ยปฏิเสธก็ได้ปรากฏเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นจากใกล้ๆ “เฮ้? ฮุยเหมาอิง เจ้าจะบังคับเขาให้ขายหรืออย่างไร?”
เด็กหนุ่มผมเงินเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า
เด็กหนุ่มผู้นี้จ้าวเฟิงเคยเห็นมาก่อน ก่อนหน้าที่จะขึ้นมาบนเรือ คนผู้นี้ได้ใช้ ‘หมัดเหมันต์นภา’ ในการบีบบังคับให้ผู้ที่อยู่ในนภาที่เจ็ดหนึ่งคนและนภาที่หกสองคนล่าถอย แข็งแกร่งยิ่งนัก
หากไม่ใช้พลังสายเลือด เมื่อเผชิญหน้ากับคนผู้นี้ จ้าวเฟิงย่อมไม่มีโอกาสชนะมากนัก
“ฉีจิ่ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
ผู้ที่ถูกเรียกว่าฮุยเหมาอิงสีหน้าน่ากลัว มองไปยังเด็กหนุ่มผมเงินอย่างตักเตือน
“หากค้าขายอย่างสุจริต ผู้ใดให้ราคาสูงกว่าก็ย่อมได้ของไป หรือว่าสกุลฉีของข้าไร้ซึ่งคุณสมบัติในการซื้อขาย?”
ฉีจิ่วเค้นเสียงเย็น
ด้วยพลังในนภาที่เจ็ดแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ พลังของฉีจิ่วอาจเทียบเคียงได้กับชางหยูเว่ ทำให้คนที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็ค่อยๆ หลบหลีกออกไป
ชายวัยกลางคนชุดเทาชะงักงัน เขาไม่อาจขัดขวางมิให้อีกฝ่ายจ่ายในราคาที่สูงกว่าได้
ทั้งพลังและพรสวรรค์ของอีกฝ่ายล้วนเหนือกว่าเขามากนัก
“ข้าจะให้ผลึกเริ่มต้นระดับต่ำหนึ่งหมื่นผลึกสำหรับนางแอ่นมรกตของเจ้า”
เสียงของฉีจิ่วบางเบา ทว่าปรากฏความทรงพลังประการหนึ่งที่ทำให้ผู้รับฟังยากที่จะปฏิเสธ
ผลึกเริ่มต้นระดับต่ำหนึ่งหมื่นผลึกนั้นแทบจะเท่ากับผลึกเริ่มต้นในมือของจ้าวฟิงทั้งหมดรวมกันแล้ว
“ข้าให้ 11,000 ผลึก”
ชายวัยกลางคนชุดเทาไม่ยอมแพ้
“ท่านทั้งสอง ข้าบอกแล้วว่านกนางแอ่นมรกตตัวนี้ไม่ขาย”
สีหน้าของจ้าวเฟิงยังคงเรียบนิ่ง ส่ายศีรษะโดยไม่เอ่ยสิ่งใด
เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้คนต่างก็รู้สึกคาดไม่ถึง
เด็กหนุ่มผู้นี้มาจากนอกเขตอาณาจักรนภา ทว่าสามารถเมินเฉยต่อผลึกเริ่มต้นจำนวนมหาศาลได้อย่างง่ายดาย
“ได้ยินมาว่าผู้ฝึกตนที่นอกอาณาจักรนั้นยากจนนัก หรือว่ามันมิใช่ความจริง?”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะเป็นนายน้อยของสำนักใดสำนักหนึ่ง หรืออาจจะเป็นลูกหลานของอาณาจักรสักแห่ง?”
ผู้ที่อยู่ใกล้ๆ ต่างมองหน้ากัน
ฉีจิ่วและฮุยเหมาอิงสบตากันครั้งหนึ่งก่อนที่จะเมินหน้าหนีออกจากกันอย่างรวดเร็ว
ฉีจิ่วไม่มีท่าทีใดๆ ในขณะที่ดวงตาของฮุยเหมาอิงปรากฏประกายเย็นเยียบ
ในยามนี้ บนเรือข้ามนภา ไม่มีผู้ใดกล้าสร้างปัญหาขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูกันก็จะไปตกลงกันหลังจากขึ้นไปบนฝั่ง
สีหน้าของจ้าวเฟิงยังคงเรียบเฉยเช่นก่อนหน้า แมวขโมยตัวน้อยบนไหล่อ้าปากหาวออกมาครั้งหนึ่ง
ทันใดนั้น
ความวุ่นวายครั้งนี้เพียงเพิ่งจะสิ้นสุดลง อีกฝั่งหนึ่งก็เรือก็ได้ปรากฏคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
“แมวของเจ้าตัวนี้ค่อนข้างน่ารักเสียจริง เจ้าขายให้ข้าได้หรือไม่?”
เด็กสาวชุดสีฟ้าผู้หนึ่งเดินตรงมา ในดวงตาเจิดจ้าคู่นั้นส่องประกายเจ้าเล่ห์เย็นเยียบ อายุราวๆ 14-15 ปี ผิวสีขาวอมชมพูราวหยกน้ำงาม ชายเสื้อประดับลายรากบัวสีขาวสะอาด
เด็กสาวชุดสีฟ้านั้นอายุน้อยกว่าจ้าวเฟิง ทว่าพลังฝึกตนนั้นได้เข้าสู่ขั้นสุดยอดของนภาที่หกแล้ว
ข้างกายนั้นเป็นเด็กหนุ่มอารมณ์ร้อนชุดดำผู้หนึ่ง อายุราวๆ เดียวกับจ้าวเฟิง
เด็กสาวและเด็กหนุ่มทั้งสองที่เดินเคียงข้างกันมานั้นเยาว์วัยนัก ทว่าพลังฝึกตนกลับมากถึงขั้นนี้
สองคนเบื้องหลังเองก็อยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ชายชราในชุดผ้าฝ้ายสั่นศีรษะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่ขาย”
จ้าวเฟิงเอ่ยสองคำออกมาอย่างเย็นชา
เด็กหนุ่มรู้สึกสับสนอยู่บ้าง เหตุใดพวกคนอาณาจักรนภาเหล่านี้จึงได้ต้องการค้าขายกับคนนอกอาณาจักรเช่นเขานัก?
หรือเป็นเพราะคนนอกนั้นง่ายที่จะหลอกและกลั่นแกล้ง?
“เจ้าเด็กผมเขียว เราคือคนจากตระกูลหลิวผู้ดูแลเขตหลินหลาน หากเจ้าสนใจก็จงเอ่ยราคาที่ต้องการมาแล้วขายมันให้กับเรา”
เด็กหนุ่มชุดดำเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา ตัดสินอีกฝ่ายจากรูปลักษณ์ภายนอก
“ตระกูลหลิวผู้ดูแลเขตหลินหลาน?”
“ตระกูลหลิวนี่ หรือว่าเกี่ยวข้องกับหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของอาณาจักร?”
ผู้คนบนเรือชะงักงันไปเล็กๆ
“ตระกูลหลิว? สามคนนี้มาจากตระกูลหลิวที่เป็นเป้าหมายที่ข้าตามหา นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรืออย่างไร?”
จ้าวเฟิงคิดอยู่ในใจ
เด็กหนุ่มรักษาสีหน้า ก่อนจะลองเอ่ยขึ้น “เจ้าบอกให้ข้าเอ่ยราคาเช่นที่ต้องการ?”
“ใช่”
เด็กหนุ่มอารมณ์ร้อนโอ้อวด
เด็กสาวชุดฟ้ามองไปยังแมวขโมยตัวน้อย มือขาวอมชมพูกำแน่น “แมวนี่ฉลาดนัก มีสัตว์วิเศษที่ฉลาดเช่นนี้ วันนี้ข้าจะต้องซื้อมันให้ได้”
“อืมม เอาเช่นนี้แล้วกัน… ข้าจะให้ส่วนลดพวกเจ้ากึ่งหนึ่ง”
จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างสบายอารมณ์
เมี้ยว เมี้ยว
แมวขโมยตัวน้อยกวัดแกว่งอุ้งมือของมัน แสดงท่าทีประท้วง ความฉลาดนี้ได้ทำให้เด็กสาวชุดฟ้าชื่นชอบมันยิ่งขึ้นไปอีก
“ไม่ว่าจะเท่าใดก็เอ่ยมา”
เด็กหนุ่มชุดดำค่อนข้างพึงพอใจ เด็กผมเขียวผู้นี้ย่อมเคยได้ยินถึงชื่อเสียงของตระกูลหลิวมาก่อน การให้ส่วนลดกึ่งหนึ่งนั้นนับว่าเป็นสิ่งที่ดี
“ผลึกเริ่มต้นหนึ่งพันล้านผลึก”
จ้าวเฟิงเอ่ยราคาออกมาอย่างช้าๆ
ราคานั้นได้ทำให้ร่างของคนหนาวเยือกขึ้นในทันใด
“พันล้าน เด็กหนุ่มผู้นี้นับว่าพูดจาใหญ่โตเสียจริง”
“แม้ว่าจะใช้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลหลิวก็ไม่อาจจ่ายผลึกเริ่มต้นจำนวนมากเช่นนั้นได้”
ผู้คนที่อยู่ที่นั่นหลังจากรู้สึกประหลาดใจก็แสดงสีหน้าชื่นชมออกมา
เด็กหนุ่มชุดดำและเด็กสาวชุดฟ้าชะงักไปชั่วครู่
“เจ้า…”
เด็กหนุ่มชุดดำใบหน้าเดี๋ยวขาวซีดเดี๋ยวม่วงคล้ำ ร่างกายสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
เขาคิดว่าแมวขนาดเท่าฝ่ามือตัวหนึ่งจะมีราคาค่างวดสักเท่าใด อย่างมากก็คงมากกว่าหนึ่งแสนผลึกเริ่มต้นไปไม่เท่าใด
ผู้ใดเล่าจะคาดคิดว่าจ้าวเฟิงจะพูดจาใหญ่โตเช่นนั้น
เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้ เขาแย้มยิ้มก่อนจะเอ่ย “สิ่งที่ข้าเอ่ยหมายถึงผลึกเริ่มต้นระดับสุดยอด”
ผลึกเริ่มต้นระดับสุดยอด
ไม่เพียงแค่เด็กหนุ่มชุดดำ แต่คนอื่นๆ บนเรือเองก็นิ่งอึ้ง
บุคคลในชุดทองผู้อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงสั่นศีรษะพร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้“ผลึกเริ่มต้นระดับสุดยอดนั้นหายไปจนหมดสิ้นแล้ว กระทั่งผลึกเริ่มต้นระดับสูงยังไม่เห็นแม้แต่เงา แม้จะเป็นเพียงผลึกเริ่มต้นระดับกลางยังหายากยิ่งนัก”
ยอดฝีมือที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงต่างก็พูดขึ้นเช่นกัน
ชัดเจนว่าจ้าวเฟิงนั้นไม่ต้องการที่จะขาย เขาจึงได้เอ่ยเริ่มต้นที่ ‘ราคาสูงเทียมฟ้า’
“ไอ้เด็กหัวเขียวนี่กล้าล้อเล่นกับพวกเรา คอยดูเถอะ…”
เด็กหนุ่มชุดดำร่างสั่นสะท้านอย่างหนัก เขาหมุนตัวเดินจากไป
เขาไม่คิดว่าไอ้เด็กบ้านนอกที่มาจากนอกเขตอาณาจักรจะไม่ไว้หน้าตัวเขา อีกสองคนเองก็ต้องระงับอารมณ์ของตนเช่นกัน
เมี้ยว เมี้ยว
ใบหน้าของแมวขโมยตัวน้อยเต็มไปด้วยความยินดีขณะที่มองไปยังจ้าวเฟิงอย่างพึงพอใจ ก่อนที่จะมองไปยังเด็กหนุ่มชุดดำด้วยสายตาเหยียดหยามครั้งหนึ่ง
“แมวนี่ ข้าชอบมันยิ่งนัก…”
เด็กสาวชุดฟ้ากัดริมฝีปากสีแดงของนาง ดวงตาใสกระจ่างปรากฏความฉลาดเฉลียว มองไปยังชายชราในชุดผ้าฝ้ายผู้อยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเบื้องหลังด้วยสายตาที่ราวกับขอความช่วยเหลือ