Skip to content

King of Gods 251

King Of Gods

บทที่ 251 : ชายแดนอาณาจักรใหญ่ (2)

จ้าวเฟิงคิดอย่างหดหู่ หากตระกูลหลิวที่ว่าเป็นตระกูลเดียวกับหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของอาณาจักรนภา มันย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

หนึ่งราชา สามสำนัก สี่ตระกูล

แปดขั้วอำนาจที่แบกรับชีวิตภายในอาณาจักรนภา มีอำนาจเหนือผู้ใด

และไม่ว่าจะเป็นขั้วอำนาจใดก็มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าแคว้นใหญ่ สามารถกวาดล้างแคว้นใหญเหล่านั้นได้

ในแปดขั้วอำนาจ ‘ราชวงศ์’ ย่อมมียศสูงที่สุด

ทว่าจากขั้วอำนาจทั้งหมด ผู้มาใหม่เช่นจ้าวเฟิงย่อมไม่มีสัมพันธ์ใดๆ กับคนเหล่านั้น

เขามีผลต่อสถานการณ์ทั้งหมดเพียงเล็กน้อย เด็กหนุ่มกระทั่งยากที่จะส่งผลต่อสถานการณ์ของสิบสามแคว้น การที่เขามาอยู่ในสถานที่เช่นอาณาจักรนภาก็เปรียบเสมือนฝุ่นผงเล็กๆ ที่ไม่มีค่าอันใด

หลังจากจัดการความคิดของตน จ้าวเฟิงก็มองไปยัง ‘สายธารกราดเกรี้ยว’ ที่อยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง

สายธารกราดเกรี้ยวนั้นเป็นกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก คลื่นรุนแรงได้ถาโถมเข้าสู่ตลิ่ง สายลมรุนแรงกระโชกพัด เพียงพอให้ผู้ที่อยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดปราณต้องเผชิญความยากลำบาก

“สายธารเกรี้ยวกราดคือแม่น้ำแรกของอาณาจักรนภา หนึ่งในสามแม่น้ำใหญ่แห่งทวีปเหนือ หากต้องการเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ อาณาจักรนภา ไปยังเมืองหลวงที่แสนรุ่งเรือง และมุ่งตรงไปยังหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ ตระกูลหลิว ข้าจำต้องข้ามผ่านสายน้ำที่น่าหวาดกลัวนี้ไป”

จ้าวเฟิงยืนอยู่ที่ริมแม่น้ำเป็นเวลานาน ประกายตาสั่นระริก เรือนผมสีเขียวครามพริ้วไหวไปตามสายลม

ในยามนี้ ผู้คนที่อยู่ใกล้แม่น้ำและต้องการที่จะข้ามไปไม่ได้มีแค่เพียงจ้าวเฟิง

เจ้าของสายตาเหล่านั้นและเหล่ายอดฝีมือล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือ ‘ข้ามแม่น้ำ’

สายธารเกรี้ยวกราดนั้นอยู่ด้านทิศใต้ของอาณาจักรนภา เป็นเพียงแค่เขตชายแดนเท่านั้น ทว่าเมื่อเทียบกับสิบสามแคว้นแล้วนับว่ามีชีวิตชีวามากกว่าหลายเท่านัก

มีเพียงการข้าม ‘สายธารเกรี้ยวกราด’ ไปเท่านั้นจึงจะสามารถข้ามไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง อาณาจักรนภาได้

ในอาณาจักรนภานั้นมีแปดขั้วอำนาจที่ยิ่งใหญ่ หกขั้วอำนาจอยู่ทางทิศใต้ของสายธารเกรี้ยวกราด ในขณะที่อีกสองสำนักใหญ่ได้ครอบครองสถานที่ที่เต็มไปด้วยไอสวรรค์ ไม่ได้รวมอยู่ในนี้

โฮกกกก

เสียงคำรามดังขึ้นจากความว่างเปล่า กลิ่นอายของผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงแพร่กระจาย ทำให้ผู้คนที่อยู่ริมแม่น้ำมีสีหน้าเปลี่ยนไป ต่างกวาดตามองไปรอบๆ

เสือดาวสี่ปีกได้ปรากฏตัวขึ้น รูปร่างเทียบเท่าได้กับช้างตัวหนึ่ง ทั่วทั้งร่างปรากฏลายคลื่นสายลม บนหลังปรากฏคนผู้อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง มันได้พลิ้วกายลงที่ริมแม่น้ำอย่างช้าๆ

“เสือดาวสี่ปีก”

“ไม่น่าเชื่อ มันคือสัตว์เลี้ยงต่อสู้ชั้นจิตวิญญาณ พลังของเสือดาวสี่ปีกนี้อาจสามารถฉีกกระชากร่างของผู้ที่อยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้อย่างง่ายดาย”

เหล่าผู้ที่อยู่ริมแม่น้ำเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ไม่ต้องเอ่ยถึงชายในชุดสีทองเลย ต่อให้เป็นเพียงคนธรรมดาที่ได้นั่งอยู่บน ‘เสือดาวสี่ปีก’ ก็สามารถทำให้ผู้ที่อยู่ในขั้นก่อกำเนิดปราณต้องล่าถอยแล้ว

เมื่อเสือดาวสี่ปีกนั้นร่อนลง จ้าวเฟิงก็รู้สึกได้ว่านางแอ่นมรกตของเขาตัวสั่นสะท้านอย่างชัดเจน

หากพูดถึงความเร็วของมัน นางแอ่นมรกตอาจไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวเสือดาวสี่ปีก ทว่าหากพูดถึงเรืองของพลังต่อสู้ มันนับได้ว่าด้อยกว่าอย่างมาก

เมื่อเข้ามาในอาณาจักรนภา เด็กหนุ่มพบว่ามีผู้ฝึกตนมากมายที่ขี่สัตว์อสูรประเภทนก

นางแอ่นมรกตของเขานั้นค่อนข้างหายากและมีค่าสูง โดยเฉพาะในด้านความเร็วอันน่าตื่นตะลึงที่ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องริษยา

บุคคลชุดทองกวาดสายตาราบเรียบมองคนที่อยู่ริมแม่น้ำเล็กน้อย แต่เมื่อมันจับจ้องไปยังนางแอ่นมรกตของจ้าวเฟิง สายตานั้นก็ได้ปรากฏความประหลาดใจเล็กๆ ขึ้น ทว่าเขาก็ไม่ได้มองอยู่นานนัก

จ้าวเฟิงมีพลังเพียงในนภาที่หกแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ ทว่ากลับมีสัตว์เลี้ยงเป็นถึงนางแอ่นมรกต ควรจะรู้ว่ากระทั่งผู้ที่อยู่ในนภาที่เจ็ดหรือขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงก็ยังไม่อาจหาสัตว์ขี่ที่ดีเช่นนั้นได้

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด ผู้คนที่อยู่ริมแม่น้ำก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น

คนเหล่านี้มีพลังฝึกตนที่ต่ำที่สุดอยู่ในนภาที่สี่ถึงห้า นภาที่หกและเจ็ดนั้นนับว่าค่อนข้างปกติ พบเห็นได้บ่อยนัก

ในขณะเดียวกัน ริมแม่น้ำก็ได้ปรากฏผู้ที่อยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงขึ้นจำนวนมาก

พลังต่อสู้ของคนเหล่านี้ไม่อาจเทียบเคียงกับคนของสิบสามแคว้นได้ เพียงผู้ที่อยู่ในนภาที่เจ็ดทั่วไป จ้าวเฟิงก็ไม่อาจจัดการได้ในระยะเวลาสั้นๆ แล้ว

แน่นอนว่าเมื่อสายตาของคนทั้งหมดจับจ้องไปยังผู้ที่อยู่ในชุดสีทองก็จะรู้สึกได้ถึงความกดดันและชื่นชม

“พูดตรงๆ ด้วยพลังฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงนั้นก็สามารถบินข้ามแม่น้ำไปได้ บางทีเขาอาจเพียงไม่ต้องการเปลืองแรงโดยเปล่าประโยชน์”

จ้าวเฟิงพึมพำอยู่ในใจ

ผู้คนที่มาอยู่ริมแม่น้ำได้เฝ้ารอเรือข้ามฟากอยู่

เรือธรรมดาย่อมไม่อาจทนทานกระแสน้ำของสายธารเกรี้ยวกราดได้ มีเพียงเรือที่ถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษโดยที่มีค่ายกลเสริมกำลังอยู่จึงจะสามารถทนต่อพายุและคลื่นแสนรุนแรงเหล่านั้นได้

ทว่าเรือเช่นนี้ วัสดุที่ใช้ในการสร้างขึ้นนั้นแพงนัก วัสดุที่ใช้เทียบเท่าได้กับอาวุธชั้นจิตวิญญาณ และต้องการการว่างค่ายกลจากผู้เชี่ยวชาญค่ายกล นับว่ามูลค่าของมันนั้นไม่อาจประเมินค่าได้

“เรือข้ามนภามาถึงแล้ว”

เสียงใครบางคนที่ริมแม่น้ำตะโกนขึ้น ผู้คนเพ่งมองไปยังคลื่นลมรุนแรงเบื้องหน้า

สายตาของจ้าวเฟิงนั้นยอดเยี่ยมที่สุดในคนทั้งหมด เด็กหนุ่มมองเห็นเรือสีเงินดำยาวหลายฟุตเคลื่อนเข้ามาใกล้

บนดาดฟ้าเรือใหญ่นั้นได้ปรากฏร่องรอยของค่ายกลซับซ้อน

แม้ว่าจ้าวเฟิงจะโจมตีอย่างสุดตัวก็ยากนักที่จะทำลายเรือได้

ด้วยค่ายกลจำนวนมากนั้นทำให้เรือสามารถแล่นผ่านคลื่นลมรุนแรงมาได้โดยไม่ถูกทำลายจากคลื่นที่มีน้ำหนักกว่าหมื่นจิน

ใกล้สายธารกราดเกรี้ยวได้ปรากฏท่าเรือจำนวนมาก

โดยปกติแล้ว แต่ล่ะท่าเรือจะมี ‘เรือข้ามนภา’ คอยรับส่งผู้มาเยือน

ในยามนี้ บนเรือข้ามนภานั้นมีคนจำนวนน้อยนิด

คนทั่วไปจะคิดหาวิธีต่างๆ เพื่อเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรนภา ทว่าเมื่อเข้าไปแล้วผู้ที่จะออกมานั้นกลับมีน้อยมาก

บนเรือข้ามนภานั้นได้ปรากฏเสาลูกเรือสี่คน พวกเขามีเรือนร่างสูงใหญ่ทรงพลัง กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างราวกับถูกหลอมขึ้นจากทองแดง พลังที่มองไม่เห็นแพร่กระจายออกมาจากมัดกล้ามเนื้อเหล่านั้น

“ลูกเรือทั้งสี่ได้ฝึกฝนวิชาเสริมกายาจนเทียบเท่าได้กับนภาที่เจ็ดแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ เพียงร่างกายอย่างเดียวก็สามารถเอาชนะผู้ฝึกตนทั่วไปในระดับเดียวกันได้”

จ้าวเฟิงชะงักงันอยู่อย่างเงียบๆ ยอดฝีมือในระดับนี้ หากเยาว์วัยเพียงพออาจได้เข้าร่วมงานพันธมิตร มีโอกาสที่จะได้รับตำแหน่งดารา

“รับได้ทั้งหมดสี่สิบเก้าคน ทุกคนต้องจ่ายผลึกเริ่มต้นระดับต่ำคนล่ะสามร้อยผลึก”

ลูกเรือคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดังชัดเจน

ฟิ้ว

เมื่อสิ้นคำ ร่างของบุคคลในชุดสีทองก็ได้บินไปยังเรือข้ามนภา กลิ่นอายรุนแรงของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงแพร่กระจาย ทำให้สีหน้าของลูกเรือทั้งสี่แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่ายังคงไปเก็บผลึกเริ่มต้นจากอีกฝ่ายอยู่ดี

“ผลึกเริ่มต้นระดับต่ำสามร้อยผลึก? มันมิใช่จำนวนเล็กน้อยเลย”

จ้าวเฟิงค่อนข้างประหลาดใจ

ผลึกเริ่มต้นระดับต่ำสามร้อยผลึกนั้นเทียบเท่าได้กับผลึกเริ่มต้นจำลองสามแสนผลึก

แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับสิบสามแคว้นแล้ว สิ่งแลกเปลี่ยนหลักของที่นี่ย่อมไม่ใช่ผลึกเริ่มต้นระดับต่ำ

ยุทธภพแห่งนี้ ผลึกเริ่มต้นจำลองเป็นเพียงสกุลเงินรอง มักจะใช้ในการจับจ่ายในพื้นที่ที่ด้อยกว่า

“การส่งออกผลึกเริ่มต้นของอาณาจักรนภานั้นมากมาย มันมีทรัพยากรจำนวนมาก ทั้งยังร่ำรวยยิ่งนัก ดังนั้นแล้วมูลค่าของสิ่งต่างๆ ย่อมสูงขึ้นเช่นกัน”

จ้าวเฟิงเข้าใจชัดเจนอย่างรวดเร็ว

ในงานพันธมิตร เขาได้รับผลึกเริ่มต้นระดับต่ำหนึ่งหมื่นผลึกเป็นรางวัล เทียบเท่าได้กับผลึกเริ่มต้นจำลองหนึ่งล้านผลึก

ในสิบสามแคว้น เงินหนึ่งล้านผลึกนับว่าเป็นจำนวนมหาศาล ทำให้ผู้อื่นรู้สึกริษยา

ทว่าในสถานที่แห่งนี้ ผลึกเริ่มต้นระดับต่ำหนึ่งหมื่นผลึกกลับไม่นับว่ามากมาย ทั้งผู้ฝึกตนในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั่วไปยังมีทรัพย์สินที่มากมายกว่าจ้าวเฟิงเสียเป็นส่วนมาก

ฟิ้ว ฟิ้ว

ผู้คนต่างเร่งรีบไปยังเรือข้ามนภาอย่างรวดเร็ว

เรือข้ามนภาหยุดลงที่ริมแม่น้ำ ทว่าที่แห่งนั้นยังคงมีคลื่นและกระแสลมรุนแรง เพียงพอในการกวาดร่างของผู้ฝึกตนในขอบเขตก่อกำเนิดปราณทั่วไปออกไป

ดังนั้นแล้วทางเข้าเพียงแห่งเดียวจึงเป็นท่าเรือ

“41… 42… ยังเหลืออีกเจ็ดที่”

ลูกเรือเอ่ย

หากครบจำนวนสี่สิบเก้าคน เรือจึงจะออกจากที่นี่

คนที่อยู่บนฝั่งบางคนค่อนข้างกังวลและรีบร้อน

เนื่องจากเรือข้ามนภาแต่ล่ะลำนั้นต้องรอสิบวันจึงจะย้อนกลับมา นอกจากนั้นที่ริมฝั่ง ทุกๆ หลายพันลี้จึงจะปรากฏเรือข้ามนภาหนึ่งลำ

“เร็วเข้า”

จ้าวเฟิงเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกจึงไม่รู้ถึงสิ่งเหล่านี้ ทำให้เขาอยู่เกือบลำดับสุดท้าย

ย่าห์

ร่างของจ้าวเฟิงขยับวูบ ส่งเสียงฟ้าคำรามออกมา

ทว่าการเคลื่อนไหวของเขาเมื่อเทียบกับผู้ที่เตรียมตัวอยู่ก่อนแล้วนับว่าเชื่องช้ากว่าหลายเท่าตัวนัก

เมื่อจ้าวเฟิงพุ่งตรงไปยังท่าเรือใกล้ๆ คนสี่คนก็ได้แย่งชิงที่ว่างที่เหลืออีกสองที่อยู่แล้ว

“หมัดเหมันต์นภา”

หมัดของเด็กหนุ่มผมเงินสร้างเสียงลมหวีดหวิว พายุหิมะได้ปรากฏถาโถมบริเวณรอบๆ ในระยะสิบหลา สร้างประกายแสงสีฟ้าขึ้น

เด็กหนุ่มผมเงินผู้นั้นใช้เพียงมือเดียวในการบีบบังคับให้ผู้ฝึกตนในนภาที่เจ็ดหนึ่งคนและผู้ฝึกตนในนภาที่หกสองคนล่าถอย

การโจมตีระดับนี้แทบจะเทียบเท่าได้กับการโจมตีของชางหยูเยว่ในงานพันธมิตร

สีหน้าของจ้าวเฟิงแปรเปลี่ยนไป อาณาจักรนภานั้นเต็มไปด้วยทรัพยากร ทำให้เหล่าอัจฉริยะจำนวนมากต้องการเข้าไป

เมื่อเอ่ยถึงพลังของเด็กหนุ่มผมเงิน หากจ้าวเฟิงไม่ใช้พลังสายเลือดย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ มีเพียงยามที่ยังมีพลังอยู่ในนภาที่เจ็ดเท่านั้นจึงรับมือได้

เมื่อเด็กหนุ่มผมเงินขึ้นเรือไปแล้วจึงเหลือเพียงจ้าวเฟิงและคนอีกสามคน

ไป

ผ้าคลุมเงาหยินของจ้าวเฟิงโบกสะบัด ร่างกายพร่าเลือน เสียงคำรามของสายฟ้ารุนแรงกว่าเก่า

ในยามนั้นเอง ความเร็วของเขาได้เหนือกว่าผู้ฝึกตนในนภาที่เจ็ดหนึ่งคนและผู้ฝึกตนในนภาที่หกสองคน

“อย่าแม้แต่จะคิด”

ทั้งสามคนมิใช่อ่อนแอ พลังต่อสู้ของทุกคนล้วนอยู่ในระดับของอ้าวเยว่เทียนหรือสวีจึเสวียน

“ม่านป้องกันอัสนี”

จ้าวเฟิงไม่หลบหลีก ทั่วทั้งร่างปรากฏประกายสายฟ้าที่เป็นราวกับใยแมงมุมขึ้น สร้างม่านป้องกันสายฟ้าสีเขียว

เปรี้ยง

การโจมตีของทั้งสามมุ่งตรงไปยังร่างของจ้าวเฟิงอย่างรุนแรง ประกายสายฟ้ารอบร่างของเด็กหนุ่มสว่างวาบก่อนจะมุ่งตรงไปยังร่างของผู้โจมตี

ผู้ที่อยู่ในนภาที่เจ็ดร่างกายชาหนึบ หายใจกระท่อนกระแท่น อีกสองคนร่างสั่นสะท้าน ล่าถอยออกไปหลายฟุต บนร่างปรากฏรอยไหม้หลายแห่ง

ฟุ่บ

กว่าที่สติของพวกเขาจะกลับมา ร่างของจ้าวเฟิงก็ได้ผ่านไปอย่างราบรื่นเรียบง่ายพร้อมด้วยประกายสายฟ้าและ “รายชื่อ” สุดท้ายที่ได้ขึ้นเรือไป

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น ลมหายใจของเด็กหนุ่มก็หอบกระชั้น มีสีหน้าภาคภูมิใจ

หลังจากเข้าสู่อาณาจักรนภา ความรู้สึกที่รุนแรงที่สุดที่เขารู้คือการต่อสู้

การแข่งขันนั้นรุนแรงยิ่งนัก

กระทั่งการขึ้นเรือก็ยังต้องแข่งขันกัน

“ผลึกเริ่มต้นระดับต่ำแปดร้อยผลึก”

ลูกเรือเอ่ยสีหน้าไร้อารมณ์

“เหตุใดจึงเป็นแปดร้อย?”

สีหน้าของจ้าวเฟิงแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าทุกคนต้องจ่ายคนล่ะสามร้อยผลึก นี่นับว่าแพงอย่างน่าสงสัย

“นกสัตว์เลี้ยงของเจ้าต้องใช้ห้าร้อยผลึก”

ลูกเรือเอ่ยอย่างหมดความอดทน

จ้าวเฟิงส่งผลึกเริ่มต้นแปดร้อยผลึกออกไปอย่างเงียบงัน มูลค่าของนางแอ่นมรกตนั้นอาจจะสูงกว่าผลึกเริ่มระดับต่ำต้นห้าร้อยผลึกนัก

บัดนี้เสือดาวสี่ปีกของคนชุดทองผู้อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้หายไปแล้ว

ราวกับว่ารับรู้ได้ถึงสายตาของจ้าวเฟิง อีกฝ่ายจึงแย้มยิ้มเล็กๆ ให้ “เจ้ามาจากนอกเขตอาณาจักรนภา”

จ้าวเฟิงผงกศีรษะ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้คนบนเรือต่างมีสายตาดูแคลนเหยียดหยามขึ้น คล้ายคลึงกับการมองคนบ้านนอกผู้หนึ่ง

สีหน้าของคนชุดทองยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ไร้ซึ่งความเหยียดหยาม เขาเอ่ยอธิบายอย่างว่า“ข้ามีถุงเก็บสัตว์เลี้ยงที่ใช้ในการเก็บสัตว์เลี้ยงประเภทนกโดยเฉพาะ”

“ข้าขอถามท่านได้หรือไม่ว่าถุงเก็บสัตว์เลี้ยงนั้นมีมูลค่าเท่าใดกัน?”

สายตาของจ้าวเฟิงจับจ้องไปยังถุงสีดำที่เอวของอีกฝ่าย

“หนึ่งแสนผลึกเริ่มต้น”

คนชุดทองเอ่ยตอบอย่างเรียบง่าย

หนึ่งแสนผลึกเริ่มต้น

จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึก รับรู้ว่าถุงเก็บสัตว์เลี้ยงนี้นั้นมีมูลค่าสูงกว่าตัวเขาเกือบสิบเท่า

ในระหว่างทางไปอาณาจักรนภา จ้าวเฟิงก็ได้รับความประทับใจใหม่ๆ มากขึ้น เช่นแม้ว่าการแข็งขันของที่นี่รุนแรงนัก ทว่าคนเหล่านั้นเองก็รวยมากเช่นกัน

หมายเหตุ: 1 จิน = 0.5 กิโลกรัม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!