Skip to content

King of Gods 294

King Of Gods

บทที่ 294 : เก็บเกี่ยว

ในถ้ำลับสายธารจันทรา เวลาได้ผ่านไปเรื่อยๆ

ห้องทั้งเก้าในชั้นที่สามนั้น กลไกมีจำนวนมาก ความอันตรายก็เพิ่มมากขึ้น

ความคืบหนาในชั้นที่สามของโจรเถาชานเฟ่ย นายท่านปี้ และฉานเซว่ตูอิงเป็นไปอย่างเชื่องช้า

ทว่าการร่วมมือกันของจ้าวเฟิงและอาจารย์เฮยหยุนทำให้ความสามารถในการแก้ไขกลไกเหนือกว่าอาจารย์กลไกทั่วไป

ในขณะที่ทั้งสามฝ่ายกำลังผ่านห้องแต่ล่ะห้องด้วยความยากลำบาก จ้าวเฟิงได้เริ่มฝึกพลังลมปราณแล้ว

สิ่งที่เขาทำอย่างแรกคือการดื่ม “น้ำร้อยบุปผาศักดิ์สิทธิ์” เข้าไป

น้ำร้อยบุปผาศักดิ์สิทธิ์เป็นของเหลวจิตวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นโดยสำนักร้อยบุปผา มันมีประโยชน์ในการช่วยให้บรรลุเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง รวมทั้งทำให้ปราณแท้เปลี่ยนแปลงไปเป็นปราณจิตวิญญาณ

โดยพื้นฐานแล้ว ของเหลวนี้นับเป็นขั้นต่อไปของยาปลดวิญญาณ

ในด้านของประสิทธิภาพนั้น น้ำร้อยบุปผาศักดิ์สิทธิ์เหนือกว่ายาปลดวิญญาณเล็กน้อยด้วยผลของยาจะค่อยๆ แพร่ตัวออกมาทีละน้อย เมื่อดื่มของเหลวนี้เข้าไปจะไม่ทำให้เกิดความเร่งรัดจนสร้างผลให้ระดับพลังไม่สมดุล

“ตอนนี้ขอบเขตพลังจิตของข้ามีความมั่นคงอย่างมาก ไม่ด้อยไปกว่าขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง แม้จะกินยาปลดวิญญาณเข้าไปอีกก็ไม่เป็นอันใด”

จ้าวเฟิงโคจรปราณแท้ในร่างอย่างไม่ช้าไม่เร็ว

หลังจากที่ดื่มน้ำร้อยบุปผาศักดิ์สิทธิ์เข้าไป จ้าวเฟิงก็รับรู้ได้ว่าปราณแท้ในร่างค่อยๆ เปลี่ยนแปลงพัฒนาขึ้นทีล่ะน้อย

ขณะที่ยากำลังส่งผล ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้แทรกซึมเข้าไปยังเลือดเนื้อของเขา

คุณสมบัติของน้ำร้อยบุปผาศักดิ์สิทธิ์ยอดเยี่ยมนัก สร้างประโยชน์ให้มากมาย จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่าพลังฝึกตนของตนเองเข้าใกล้นภาที่เจ็ดขั้นสุดยอดอย่างรวดเร็ว

ในยามนี้ สีหน้าอาจารย์เฮยหยุนเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า การคลายกลไกรอบโลงแก้วได้เข้าสู่จุดสำคัญในที่สุด

จ้าวเฟิงลุกขึ้นยืนและดึงผ้าปิดตาออก ใช้พลังของเนตรจิตวิญญาณเทพเจ้าอย่างเต็มที่ และควบคุมทุกรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลง ช่วยเหลืออาจารย์เฮยหยุน

อาจารย์เฮยหยุนถอนหายใจโล่งอก โครงสร้างกลไกในใจกลางชั้นที่สาม เมื่อถึงจุดสำคัญนับว่ายากกว่าที่คิดไปเล็กน้อย ความสามารถของเขาได้เข้าสู่ขีดจำกัดแล้ว

ทว่าด้วยความช่วยเหลือจากจ้าวเฟิงทำให้แรงกดดันที่เขารู้สึกลดลงไปกึ่งหนึ่ง

คว้าง

พื้นผิวโลงแก้วส่องแสงสว่างเป็นชั้นๆ ฝาโลงค่อยๆ เปิดออกเองโดยอัตโนมัติ

“นับว่าเป็นสหายที่มีวาสนานัก สามารถข้ามผ่านแต่ล่ะจุด แก้ไขกลไกจนมาถึงที่นี่ได้นับว่าแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและสติปัญญาของเจ้าแล้ว หากเป็นไปได้ เจ้าผู้หวังในสมบัติมรดกเหล่านี้คงสามารถทำความต้องการสุดท้ายของข้าได้สำเร็จ”

น้ำเสียงอบอุ่นของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น

จ้าวเฟิงและอาจารย์เฮยหยุนตัวแข็งทื่อ สายตาจ้องมองไปยังโลงแก้วด้วยความประหลาดใจ

ภายในโลงแก้ว

ศพของจอมโจรฉุ่ยเยว่ค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างช้าๆ สายตาลึกล้ำจ้องมองมาด้วยความจริงใจ

“อย่าได้บอกข้าเชียวว่านี้คือเคล็ดวิชาจากมรดกความลับสวรรค์ ‘คืนแสงแปลงตะวัน’ ”

อาจารย์เฮยหยุนสูดลมหายใจลึก จ้องมองไปยังภายในโลงแก้ว มันราวกับว่าจอมโจรฉุ่ยเยว่ได้ฟื้นคืนชีพกลับมาในระยะเวลาสั้นๆ

ในยามนี้ จอมโจรฉุ่ยเยว่ยังมีกลิ่นอายของชีวิตอยู่ภายในร่าง เสียงเองก็ถูกส่งออกมาจากริมฝีปากของเขา

แต่ทั้งคำพูดและการเคลื่อนไหวเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขาได้สร้างขึ้นก่อนสิ้นชีพ และเมื่อถึงช่วงเวลาเฉพาะ ร่างนี้ก็จะแสดงมันออกมาครั้งหนึ่ง

“ความปรารถนาสุดท้ายอยู่ภายในสามปทุม ส่วน ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ นั้นเป็นวิชาสายมาร จำต้องได้โลหิตที่มีพลังธาตุหยินมาสังเวยจึงจะสามารถเปิดออกได้ หากใช้กำลังบังคับเปิดออกจะทำให้ทั้งถ้ำสายธารจันทราถล่มลง”

จอมโจรฉุ่ยเยว่เอ่ยขึ้นอย่างลึกล้ำ สายตากวาดมองไปรอบๆ เล็กน้อย

ร่างของเขาค่อยๆ ล้มตัวลงนอนเช่นเดิม กลิ่นอายแห่งชีวิตจางหายไป อุณหภูมิร่างกายกลับไปเย็นเยียบ

จ้าวเฟิงอดที่จะอุทานออกมาไม่ได้ มรดกความลับสวรรค์กระทั่งมีวิธีการลึกลับเช่นนี้ ทำให้คนตายสามารถฟื้นกลับคืนมาได้ในระยะเวลาอันสั้น

แผนการที่ดำเนินมาจนถึงยามนี้ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของจ้าวเฟิงทั้งหมด

มีปัจจัยที่ไม่ได้คาดคิดไว้เพียงอย่างเดียว นั่นคือ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ จำเป็นต้องใช้ “โลหิตหยิน”

“สิ่งใดคือโลหิตหยิน?”

จ้าวเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย ทว่ามือกลับไม่เชื่องช้า คว้าฉวยเอาสมบัติภายในโลงแก้วอย่างรวดเร็ว

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น กระโดดขึ้นไปบนศพของจอมโจรฉุ่ยเยว่ พร้อมคว้าเก็บสมบัติล้ำค่าหายากภายในโลงแก้วอย่างรวดเร็ว

“โลหิตหยิน เป็นลักษณะทางกายภาพพิเศษยามที่สตรีมีโลหิตไหลออกมาครั้งแรก”

อาจารย์เฮยหยุนกระแอมไอเล็กๆ เอ่ยอธิบายอย่างกระอักกระอวล

จ้าวเฟิงเข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดนายท่านปี้จึงตั้งมั่นในการนำปี้เฉี่ยวยู่มาด้วย

อีกทั้งยังบังเอิญที่ปี้เฉี่ยวยู่เคยเรียนวิชากลไกกับอาจารย์เฮยหยุนอีกด้วย

เวลาผ่านไปพักหนึ่ง

หนึ่งคนหนึ่งแมวต่างเก็บสมบัติที่อยู่ในโลงแก้วจนเกลี้ยง

และสิ่งที่มีค่ามากที่สุดย่อมเป็นสามปทุม เมื่อเทียบมูลค่าของมันกับถุงร้อยบุปผาและพัดฉุ่ยเยว่เซียนเถาแล้วยังนับว่าเหนือกว่า

นอกจากสามปทุมแล้วยังมีสมบัติอีกสิบกว่าชิ้น แต่ล่ะชิ้นล้วนเป็นของดี มูลค่าเทียบเท่าได้กับอาวุธชั้นจิตวิญญาณเป็นอย่างน้อย

มีอาวุธชั้นจิตวิญญาณระดับกลางหนึ่งชิ้น อาวุธชั้นจิตวิญญาณระดับต่ำสามชิ้น ทั้งยังมีสมบัติในระดับเดียวกันอีกสองชิ้น

“วารีเร้นลับ ถูกสร้างขึ้นจากน้ำร้อยบุปผาศักดิ์สิทธิ์สี่ชนิดมาผสมกัน ทำให้มันเหนือกว่าของเหลวแบบเก่า สามารถช่วยให้ผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงรับรู้ถึงไอสวรรค์ได้ดีขึ้น เกิดสำนักรู้ในพลัง โอกาสบรรลุสู่ขั้นผู้วิเศษแท้มีมากขึ้นสามส่วน”

“เสื้อคลุมไหมสวรรค์ลี้ลับ สายน้ำเปลวเพลิงไม่อาจกล้ำกราย ฤดูหนาวให้ความอบอุ่น ฤดูร้อนให้ความเย็นสบาย ถักทอขึ้นจากเส้นไหมสวรรค์ที่แข็งเหนียว สามารถต้านทานการโจมตีจากปราณแท้ได้ ผู้มีพลังต่ำกว่าขั้นนายเหนือแท้ไม่อาจสร้างรอยขีดข่วนให้มันได้แม้แต่น้อย”

“ยาซู่โช่ว ยาอายุวัฒนะ เพิ่มช่วงอายุขึ้นอีก 50 ปี ไม่อาจใช้ได้กับการสิ้นอายุขัยตามธรรมชาติ”

สมบัติแต่ล่ะชิ้นเบื้องหน้านั้นล้วนเป็นสิ่งที่สามารถเรียกได้ว่าหายากและไม่อาจประเมินค่าได้

และแม้จะเป็นอาวุธชั้นจิตวิญญาณระดับต่ำ เมื่อเทียบกับสิ่งของในระดับเดียวกันแล้วก็นับว่ามีมูลค่ามากกว่าหลายเท่าตัว

โดยเฉพาะ “วารีเร้นลับ” “เสื้อคลุมไหมสวรรค์ลี้ลับ” และ “ยาซู่โช่ว” ที่มูลค่าของพวกมันไม่อาจประเมินค่าได้

วารีเร้นลับสามารถช่วยให้ทะลวงเข้าสู่สวรรค์ที่สองของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง “ผู้วิเศษแท้” ได้

เสื้อคลุมไหมสวรรค์ลี้ลับ แม้จะไม่ใช่สมบัติชั้นจิตวิญญาณหากครุ่นคิดอย่างจริงจัง ทว่านับเป็นสิ่งหายาก มีความแข็งแกร่งทนทานยิ่งนัก ทั้งยังสามารถต้านทานการโจมตีของผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้

“ยาซู่โช่ว” นั่นสามารถต่ออายุให้ยืนยาว ต่อต้านลิขิตฟ้า ซื้อชีวิตได้

ช่วงชีวิตของคนทั่วไปนั้นอยู่ที่ราวๆ หนึ่งร้อยปี แต่ยาซู่โช่วนี้สามารถเพิ่มได้อีกห้าสิบปี ล้ำค่ายิ่งนัก

จ้าวเฟิงได้ครอบครองยาซู่โช่วทั้งหมดสามเม็ด คนผู้หนึ่งสามารถกินได้หนึ่งเม็ดจึงจะทำให้ยาส่งผลได้อย่างเต็มที่

จ้าวเฟิงอายุเพียงไม่กี่ปี ยาซู่โช่วจึงไม่ได้สร้างความดึงดูดใจแก่เขานัก

ในทางกลับกัน อาจารย์เฮยหยุนนั้นมีอายุเกินร้อยปี เมื่อเห็นยาซู่โช่ว ในใจปรากฏความตื่นเต้นยินดีขึ้นอย่างไม่อาจเทียบ

จ้าวเฟิงแย้มรอยยิ้มบาง มอบยานั้นแก่อาจารย์เฮยหยุนไปหนึ่งเม็ด อีกสองเม็ดที่เหลือเก็บไว้ให้ผู้เป็นบิดามารดา

อาจารย์เฮยหยุนรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก และรีบกลืนยาซู่โช่วเข้าไปในทันที

สมบัติในโลงศพมีแค่อย่างสองอย่างที่จ้าวเฟิงไม่ต้องการ ทว่ามีประโยชน์กับอาจารย์เฮยหยุนอยู่บ้าง จ้าวเฟิงจึงได้มอบให้แก่ชายชราไปเช่นกัน

ความซาบซึ้งนับถือปรากฏขึ้นท้วมท้นในใจของชายชรา

ก่อนหน้า เขาถูกโจรเถาชานเฟ่ยผู้เป็นศัตรูบังคับพามา อีกฝ่ายแน่นอนว่าไม่เคยแบ่งสมบัติใดให้แก่เขา

แต่จ้าวเฟิงกลับมอบสมบัติหลายชิ้นให้ กระทั่งมอบยาอายุวัฒนะซู่โช่วให้แก่ตน

หลังจากที่เก็บสมบัติที่อยู่ในโลงแก้วจนหมดสิ้น สายตาของจ้าวเฟิงจึงมองไปยังผลึกน้ำแข็งที่ภายในมี ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ เหนือโลงแก้ว

“ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ นี้ ไม่มีวิธีอื่นใดที่จะครอบครองมันได้เลยหรือ?”

าวเฟิงถาม

ไม่มี

อาจารย์เฮยหยุนส่ายศีรษะ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ต้องใช้สิ่งของเฉพาะในการเปิดกลไก หากไม่มีสิ่งของเหล่านั้น แม้ความรู้ด้านกลไกจะสูงส่งเพียงใดก็ไร้ประโยชน์

“โลหิตหยิน เฮ้อ…”

จ้าวเฟิงครุ่นคิดก่อนยอมแพ้อย่างง่ายๆ

‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ แม้จะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่อาจเทียบกับ “มรดกอัสนี” ของตัวเขาได้

“ไม่เพียงเท่านั้น เรายังจำต้องเปิด ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ เพื่อที่จะเปิดทางเชื่อมต่อไปยังประตูทางออกสู่ภายนอก มิเช่นนั้นจะต้องรออย่างน้อยสี่สิบเก้าวันให้ถ้ำสายธารจันทรานี้จมน้ำ”

อาจารย์เฮยหยุนเอ่ยต่อ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จ้าวเฟิงก็มีสีหน้าว่างโล่งไปอย่างช่วยไม่ได้

หลังจากที่เข้ามายังชั้นที่สามก็ไม่มีประตูบานใหม่ปรากฏขึ้น ประตูที่ใช้เข้ามาก็ปิดลงโดยอัตโนมัติ ไม่มีหนทางหลบหนี

อีกนัยหนึ่ง หากไม่เปิดทางออก ย่อมไม่มีทางจากไปได้

“เอาเถอะ หากไม่ทุบหม้อจมเรือ(1) จะประสบพบกับโอกาสดีๆ ได้อย่างไร”

จ้าวเฟิงจำต้องยอมรับ

เมื่อเข้ามายังชั้นที่สาม มันมีปัจจัยที่เกินความคาดหมายของเขา

อย่างแรกคือ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ที่ต้องใช้โลหิตหยินจึงสามารถเปิดออกได้

อย่างที่สองคือ เขาไม่อาจย้อนกลับไปออกทางเก่าได้

“หากเจ้าสามารถทำให้สามปทุมยอมรับได้และเตรียมตัว ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถคานอำนาจกับยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้”

อาจารย์เฮยหยุนมีสีหน้ากังวล ทว่ายังคงเสนอความคิดเห็นออกมา

“ได้”

จ้าวเฟิงผงกศีรษะ ทำตามคำแนะนำของอาจารย์เฮยหยุนและเริ่มทำให้สามปทุมยอมรับก่อน

สามปทุมอยู่ในยามปกตินั้นมีขนาดเท่าฝ่ามือหนึ่ง ทว่าเมื่อต้องการใช้จริงๆ มันสามารถเปลี่ยนแปลง กลายเป็นแท่นดอกบัวที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางครึ่งหลาได้

ความจริงแล้ว อาจารย์เฮยหยุนที่บอกจ้าวเฟิงพยายามทำให้ “สามปทุม” ยอมรับ ในใจมีความกังวลอยู่บ้าง

ความยากในการทำให้สามปทุมยอมรับนั้นไม่ใช่เล็กน้อย อย่างแรกต้องมีประสาทสัมผัสจิตวิญญาณที่ค่อนข้างสูง อย่างที่สอง ต้องมีวิชาเฉพาะ หรือไม่ก็ต้องมีพลังสายเลือด

ทว่าผลนั้น

การทำให้ “สามปทุม” ยอมรับของจ้าวเฟิงเป็นไปด้วยความราบรื่น

ขอบเขตพลังจิตของเขาสามารถเทียบเคียงได้กับขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณด้อยกว่าขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงไม่มากนัก เพียงโดยปกติแล้วไม่ได้ใช้

ระหว่างที่พยายามทำให้สมบัติชิ้นนี้ยอมรับ เด็กหนุ่มได้ใช้ “ดวงตาเทพเจ้า” ทำให้ความเร็วในการหลอมเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

หากพูดถึงพลังสายเลือด ในร่างกายของเด็กหนุ่มก็มีสายเลือดโบราณที่กระทั่งเจ้าเมืองหงหูยังหมายตาและบังคับให้แต่งงาน

ดังนั้นแล้ว เงื่อนไขเบื้องต้น จ้าวเฟิงนับว่ามีความเหมาะสม กระทั่งมีความช่วยเหลือจากดวงตาเทพเจ้าที่ทำให้ความเร็วในการหลอมเพิ่มมากขึ้น

หลังจาผ่านไปสองวัน

จ้าวเฟิงทำให้ “สามปทุม” ยอมรับได้สำเร็จ

คว้างงง

กลีบดอกรอบสามปทุมปรากฏแสงสามสี ล้อมรอบและคอยปกป้องจ้าวเฟิงที่อยู่ตรงกลาง

จ้าวเฟิงให้อาจารย์เฮยหยุนใช้พลังทั้งหมดโจมตีเขาครั้งหนึ่ง

เปรี้ยง

กลีบดอกบัวสามสีที่อยู่รอบๆ หลอมรวมกัน สลายพลังที่โจมตีมา

จ้าวเฟิงที่นั่งอยู่ตรงกลางไร้ซึ่งอันตรายใดๆ

แท่นดอกบัวนี้เพียงพอที่จะนั่งเบียดกันได้สองคน หากส่งปราณแท้เข้าไปเสริมจะทำให้พลังป้องกันแข็งแกร่งขึ้นและยาวนานขึ้น

ความเร็วในการบินของสามปทุมมากนัก ทว่าน่าเสียดายที่ในสุสานแห่งนี้มีพื้นที่จำ กัดจึงไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่

“เมื่อทำให้สามปทุมยอมรับได้สำเร็จ เจ้าย่อมมีพลังมากพอที่จะต่อกรกับผู้อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ทว่าหากต้องเผชิญหน้ากับคนมากกว่าสองคนขึ้นไปยังนับว่าอันตรายนัก”

สีหน้าของอาจารย์เฮยหยุนหม่นหมองลง

“ฮี่ฮี่ ความแตกต่างไม่นับว่ามากนัก ข้าสามารถเติมเต็มช่องว่างนั้นได้”

จ้าวเฟิงแย้มยิ้มบาง

เด็กหนุ่มพลันทิ้งตัวลงนั่งบน “สามปทุม” ฝึกพลัง

ภายในสามปทุมสามารถส่งกลิ่นที่ทำให้รู้สึกสงบออกมาได้ซึ่งมีประโยชน์ต่อการฝึกพลัง ทั้งยังสามารถรวบรวมไอสวรรค์ได้

จ้าวเฟิงดื่ม “น้ำร้อยบุปผาศักดิ์สิทธิ์” เข้าไปหนึ่งอึกเล็กๆ โคจรปราณแท้และเริ่มฝึกตน

ผ่านไปแค่เพียงครึ่งวัน พลังฝึกตนของจ้าวเฟิงก็เข้าสู่นภาที่เจ็ดขั้นสุดยอดอย่างเต็มตัว

เมื่อขอบเขตพลังของเขาสูงพอ อยู่ในนภาที่เจ็ดขั้นสุดยอด การโคจรปราณแท้ก็เป็นไปอย่างง่ายดาย

ในยามนี้ น้ำร้อยบุปผาศักดิ์สิทธิ์เหลือเพียงหนึ่งในสามของเหยือก

จ้าวเฟิงดื่มส่วนที่เหลือทั้งหมดเข้าไปในขณะที่มีพลังยังอยู่ในนภาที่เจ็ดแล้วฝึกตนต่อไป ทั้งยังกินยาวิเศษหายากอื่นๆ เข้าไปอีก

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยกินสมบัติและยาวิเศษจำนวนมากเข้าไปอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน

อาจารย์เฮยหยุนมองการกระทำของหนึ่งคนและหนึ่งแมวที่กินยาวิเศษเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง ทั่วทั้งร่างพลันปรากฏหยาดเหงื่อเย็นเยียบไหลโชกอย่างช่วยไม่ได้

ไม่ว่าจะเป็นพลังของยาจิตวิญญาณล้ำค่าเม็ดใดก็มีพลังรุนแรง แม้ว่าจะสามารถย่อยได้ พลังฝึกตนก็อาจจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินไป ทำให้เสียสมดุลได้

ทว่าจ้าวเฟิงและแมวขโมยตัวน้อยนั้นไม่อาจใช้เหตุผลธรรมดาทั่วไปมาวัดได้

แมวขโมยตัวน้อยนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจอ่านออก

ทั้งขอบเขตพลังจิตของจ้าวเฟิงยังเทียบเคียงได้กับขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ต่อให้ใช้เวลาเพียงหนึ่งลมหายใจบรรลุเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

สามวันต่อมา

ปราณแท้ภายในร่างของจ้าวเฟิงบางส่วนได้เปลี่ยนไปเป็นปราณครึ่งจิตวิญญาณ

…………………………………

(1) ทุบหม้อจมเรือ (破釜沉舟) หมายถึง ไปตายเอาดาบหน้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!