บทที่ 296 : หนึ่งต่อคนจำนวนมาก (2)
ทันใดนั้น
พวกฉานเซว่ตูอิงทั้งสามสีหน้าปรากฏความตื่นตะลึง หวาดกลัว ไม่เต็มใจ โลภโมโทสัน… อารมณ์ต่างๆได้ปรากฏขึ้นสลับไปมาบนใบหน้า
เด็กหนุ่มผู้นี้ได้เอาสมบัติของชั้นที่สามไปทั้งหมด ตราบเท่าที่ฆ่าเขาได้ย่อมได้ครอบครองสมบัติสายธารจันทราทั้งหมด
ทว่า พวกฉานเซว่ตูอิงทั้งสามกลับยากที่จะก้าวออกไปได้
แม้มีผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเป็นผู้นำ ทั้งยังมีผู้มีพลังขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงอีกสองคนร่วมมือ กลับไม่อาจหาทางโจมตีเด็กนี่ได้
“เป็นเพียงมดปลวกในนภาที่เจ็ด ไม่สิ ไอ้เด็กนี่บรรลุเข้าสู่ขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงตั้งแต่เมื่อใดกัน”
ฉานเซว่ตูอิงและผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวรู้สึกไม่ยินยอม
จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิอยู่บน “สามปทุม” ไม่ขยับไหว ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด สีหน้าสุขุมเยือกเย็น มุ่งมั่นฝึกฝนพลังอย่างเห็นแก่ได้
“พลังของสามปทุมมีมากกว่าที่คิดไว้”
อาจารย์เฮยหยุนมีสีหน้าดีใจ
จ้าวเฟิงได้ใช้ปราณครึ่งจิตวิญญาณในการใช้สามปทุมป้องกันและปล่อยฉีเซียงที่ทำให้รู้สึกง่วงนอนเพื่อทำให้พวกฉานเซว่ตูอิงทั้งสามถอยห่างออกไปชั่วคราว
“จ้าวเฟิง ข้าแนะนำให้เจ้ามอบสามปทุมและสมบัติในชั้นที่สามมาให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นเมื่อโจรเถาชานเฟ่ยและนายท่านปี้มา การร่วมมือกันของผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงสามคน เจ้าจะสามารถต้านทานได้นานเท่าใดกัน”
“หากเจ้ายอมร่วมมือกับเราเมื่อถึงเวลา เราสามารถรองรับความปลอดภัยของชีวิตเจ้าได้”
ฉานเซว่ตูอิงและผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวต่างเอ่ยพูดออกมา
จ้าวเฟิงไม่ได้สนใจพวกเขา ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุดในการย่อยสลายพลังของน้ำร้อยบุปผาศักดิ์สิทธิ์และยาวิเศษอื่นๆ เพิ่มอัตราการเปลี่ยนแปลงของปราณครึ่งจิตวิญญาณในร่าง
ตลอดเวลา ปราณครึ่งจิตวิญญาณภายในร่างของเด็กหนุ่มได้เปลี่ยนแปลงอยู่
การกระทำของจ้าวเฟิงทำให้ฉานเซว่ตูอิงและผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวทั้งโกรธแค้นและอับอายยิ่งนัก
“ไอ้เด็กผมฟ้า อย่าคิดว่าเจ้ามีสามปทุมแล้วพวกเราจะทำอะไรเจ้าไม่ได้”
ดวงตาของฉานเซว่ตูอิงส่องประกายเย็นเยียบอำมหิตวูบ ในมือปรากฏดาบชั้นจิตวิญญาณระดับต่ำเล่มหนึ่ง
เมื่อมีอาวุธชั้นจิตวิญญาณเป็นตัวช่วย พลังโจมตีของเขาก็เพิ่มมากขึ้น ชายฉกรรจ์พุ่งตรงไปยังจ้าวเฟิงอีกครั้ง
ในครั้งนี้
จ้าวเฟิงยังคงใช้พลังของสามปทุมเพื่อปล่อยฉีเซียงที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอนต่อไป กลีบดอกบัวสามสีแต่ละดอกยังรวมตัวกันเพื่อปกป้องเด็กหนุ่มและอาจารย์เฮยหยุน
เปรี้ยงง ตูมม เปรี้ยงงง
การโจมตีของฉานเซว่ตูอิงครั้งนี้รุนแรงเกรี้ยวกราดกว่าเดิม
กลีบดอกบัวสามสีรอบกายที่คอยปกป้องจ้าวเฟิงอยู่ เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่บ้าคลั่งก็หม่นแสงลงหลายส่วน
ทว่า ฉานเซว่ตูอิงยิ่งสู่ยิ่งเหนื่อยล้า รีบถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
“หากเพียงมีผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงสองคนร่วมมือกันก็จะมีความหวังมากขึ้น ทำลายการป้องกันของเด็กนี่ได้ ยังดีที่เขาไม่ได้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง มิเช่นนั้นแม้มียอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงสามคนร่วมมือกันก็ไม่อาจต่อกรได้”
สีหน้าของฉานเซว่ตูอิงย่ำแย่ลง ปรึกษากับผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียว
จากสถานการณ์ในตอนนี้ มีผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเพียงหนึ่งคน ซึ่งนับว่ายากที่จะต่อสู้กับจ้าวเฟิง
อาจารย์เฮยหยุนดวงตาปรากฏความกังวลขึ้น ส่งเสียงผ่านจิตเอ่ย “แม้ว่าจะมีพลังของข้าช่วยเหลือ อย่างมากก็สามารถต้านทานการโจมตีของผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้เพียงสองคนพร้อมกัน ทั้งพลังของโจรเถาชานเฟ่ยยังใกล้เคียงกับขั้นผู้วิเศษแท้ หากสามผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงร่วมมือกันเช่นนั้น…”
แม้พลังของสามปทุมจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ทว่ามันก็มีความสัมพันธ์กับพลังของผู้ใช้โดยตรง
จ้าวเฟิงเพียงเพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง พึ่งพาเพียงขอบเขตพลังจิตที่สูงจึงสามารถใช้พลังของสามปทุมได้บางส่วน
แม้เผชิญหน้ากับความกังวลลนลานของอาจารย์เฮยหยุน จ้าวเฟิงก็ยังคงนิ่งเงียบและฝึกตนต่อไป
ในร่างของเขา พลังของ “น้ำร้อยบุปผาศักดิ์สิทธิ์” และยาวิเศษต่างๆ ที่ได้กินเข้าไปเพิ่งจะย่อยสลายได้เพียงครึ่งหนึ่ง จำต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า เพิ่มพลังขึ้นต่อไป
ส่วนพวกฉานเซว่ตูอิงทั้งสามนั้น เด็กหนุ่มไม่ให้ความสนใจโดยสิ้นเชิง
ฉานเซว่ตูอิงไม่อาจทนมองเด็กหนุ่มต่อไปได้อีก เลื่อนสายตาไปยัง “คัมภีร์บุปผาลึกลับ” ที่อยู่ด้านบนในที่สุด
“จ้าวเฟิงมีอาจารย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องกับดักคอยช่วยเหลือ ทว่ากลับไม่อาจครอบครอง ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ได้ แสดงว่าต้องมีเหตุบางอย่าง”
ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวพูดขึ้น
เมื่อทั้งสามคนตรวจสอบก็ได้พบปัญหาของ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’
“ยังขาดสิ่งของบางสิ่งจึงจะสามารถนำ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ลงมาได้ มิเช่นนั้นเกรงว่าพวกเราจะต้องอยู่ที่นี่เป็นเวลาสี่สิบเก้าวัน”
ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
“ขาดสิ่งใด?”
ฉานเซว่ตูอิงร้อนใจอย่างมาก สมบัติอยู่ใกล้เพียงนี้แต่ไม่อาจนำมาได้ นับว่าน่าหงุดหงิดยิ่งนัก
“ผลึกน้ำแข็งได้กล่าวไว้ว่าจำเป็นต้องใช้โลหิตหยิน”
ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวเอ่ยถึงยามนี้ก็แทบที่จะสบถด่าออกมา
สถานที่รกร้างแห่งนี้จะหาเลือดของสตรีที่มีลักษณะพิเศษเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ทั้งยังต้องการ “โลหิตที่ไหลออกมาครั้งแรก” อีกด้วย
ครืดดดด
ประตูทางทิศตะวันตกเปิดออก
“สามปทุม คัมภีร์บุปผาลึกลับ”
โจรเถาชานเฟ่ยและสตรีชุดสีสดข้ามมายังชั้นที่สามด้วยความยินดี ดวงตาที่เต็มไปด้วยโลภะกวาดมองเห็นจ้าวเฟิงและผลึกน้ำแข็งที่ภายในมี ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ อยู่
“ไอ้เด็กเหลือขอรนหาที่ตาย——-”
โจรเถาชานเฟ่ยสีหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม วาด “พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา” ส่งการโจมตีไปยังจ้าวเฟิง
ครืนนนนนนน
การโจมตีของชายหนุ่มรุนแรงกว่าฉานเซว่ตูอิงหลายเท่านัก
กลีบดอกไม้สามสีที่ปกป้องพวกจ้าวเฟิงทั้งสองเอาไว้หม่นแสงลงอย่างรวดเร็ว
พลังของโจรเถาชานเฟ่ยนั้นเข้าใกล้ขั้นผู้วิเศษแท้ ทั้งยังมีหนึ่งในสี่สมบัติสายธารจันทราอย่าง “พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา” ที่สามารถสร้างแรงกดดันต่อสองผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ มันจะเป็นเรื่องเล่นๆ ได้อย่างไร?
ฟุ่บ
ในช่วงเวลาวิกฤต อาจารย์เฮยหยุนได้นำมือข้างหนึ่งวางลงบนไหล่ของจ้าวเฟิง ถ่ายทอดปราณครึ่งจิตวิญญาณของตนเองให้เด็กหนุ่ม
คว้างงง
กลีบดอกสามสีของสามปทุมได้ส่องแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นอีกครั้ง
“อาจารย์เฮยหยุนโดนพิษเก้าบุปผามรณะของข้า…”
ในเวลาเดียวกัน
จ้าวเฟิงได้เริ่มส่งฉีเซียงสองชนิดที่ทำให้เหนื่อยล้าและทำให้เกิดอารมณ์กำหนัด
ฉีเซียงของสามปทุมได้แทรกซึมเข้าไปเข้าสู่จิตวิญญาณของผู้คน ความรุนแรงของมันนั้นขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งทางจิตใจของแต่ล่ะคน
“เจ้าทำให้สามปทุมยอมรับได้อย่างไร ทั้งยังสามารถใช้ฉีเซียงได้”
โจรเถาชานเฟ่ยเผยสีหน้าตกใจ เว้นระยะถอยห่างออกมา
พลังฉีเซียงของสามปทุมที่แพร่กระจายอยู่สามารถส่งผลต่อผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้
โจรเถาชานเฟ่ยพอที่จะต้านทานได้อยู่บ้าง ทว่าสตรีชุดสีสดที่อยู่ข้างกายเขาไม่ต่อต้านได้ ทั้งยังปลดอาภรณ์ออกพุ่งร่างตรงมายังตัวเขา
ฉานเซว่ตูอิงที่อยู่ฝั่งหนึ่งไม่ได้ลงมือ
“หากโจรเถาชานเฟ่ยสามารถแย่งสามปทุมมาได้ แม้ข้าและนายท่านปี้ร่วมมือกันก็ย่อมต้องพ่ายแพ้ล่าถอย”
ฉานเซว่ตูอิงคิดคำนวณ
ครืดดด
ในยามนี้เองที่ประตูด้านทิศใต้เปิดออก
นายท่านปี้ ปี้เฉี่ยวยู่ ผู้นำตระกูลปี้ คนทั้งสามเข้ามายังชั้นที่สาม
“เกิดอันใดขึ้น”
สถานการณ์ในชั้นที่สามได้ทำให้นายท่านปี้ตกใจและประหลาดใจ
จ้าวเฟิงนั่งอยู่ตรงกลาง โจรเถาชานเฟ่ยและฉานเซว่ตูอิงที่ไม่ได้บุกเข้าไป ราวกับหวาดกลัวบางอย่าง
เมื่อผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั้งสามปรากฏตัวขึ้นได้ทำให้สถานการณ์ซับซ้อนมากกว่าเดิม
“ด้วยพลังของข้า หากยอมแลกบางอย่างไปย่อมสามารถฆ่าเด็กนี่ได้อย่างแน่นอน ทว่าไอ้สองคนอีกด้านนั่นอาจจะ…”
โจรเถาชานเฟ่ยมองไปยังผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั้งสองคนด้วยความระแวดระวัง
หากนายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงร่วมมือกันอีกครั้ง พวกเขาย่อมสามารถกดดันโจรเถาชานเฟ่ยได้
จ้าวเฟิงที่นั่งอยู่ในสามปทุมยังคงนิ่งเฉยและฝึกพลังต่อไป
หยาดเหงื่อเย็นเยียบไหลโชกร่างของอาจารย์เฮยหยุน หากขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั้งสามคนร่วมมือกัน เกรงว่าตัวเขาและจ้าวเฟิงจะต้านทานได้ไม่เกินสิบลมหายใจ
“โอ้? ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ต้องใช้โลหิตหยิน?”
ดวงตาของนายท่านปี้ส่องประกายวูบ
การค้นหาโลหิตหยิน เงื่อนไขนี้ไม่อาจนับว่าเป็นเรื่องง่ายได้เลย
สตรีชุดสีสดที่มากับโจรเถาชานเฟ่ยแน่นอนว่าไม่ใช่สาวพรหมจรรย์ สตรีผู้นี้มาจากสำนักมารย่อมไม่อาจเป็นไปได้
“เด็กผู้หญิงนั่น…”
ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวและฉานเซว่ตูอิงหรี่ตามองไปยังปี้เฉี่ยวยู่
โจรเถาชานเฟ่ยเองก็ตระหนักถึงจุดนี้ ดวงตาส่องประกายเจิดจ้า
ปี้เฉี่ยวยู่ใสซื่อยิ่งนัก อายุเพียงสิบสองสิบสามขวบปี โจรเถาชานเฟ่ยพานพบสตรีมากมาย มองปราดเดียวก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นสาวพรหมจรรย์
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ท่านปี้ นับว่าท่านยอดเยี่ยมในการวางแผนนัก แบบนี้ดีหรือไม่ ให้ข้าทำลายพรหมจรรย์ของเด็กนี่ไหม”
ฉานเซว่ตูอิงหัวเราะบ้าคลั่ง
“ถุย ไอ้แก่ตัณหากลับ เจ้าจะไปเข้าใจอันใด คุณหนูผู้นี้วางใจได้ ข้าจะมอบประสบการณ์ที่เจ้าไม่เคยพานพบมาก่อนให้…”
โจรเถาชานเฟ่ยวาดพัดในมืออย่างสง่างาม
“ท่าน… พวกท่าน…”
เมื่อถูกสองยอดฝีมือจับจ้อง ใบหน้าของปี้เฉี่ยวยู่ก็ซีดเผือดหวาดกลัว
“นายท่านปี้ หรือว่าท่าน…”
ผู้นำตระกูลปี้สีหน้าเปลี่ยนไป รีบเข้าปกป้องบุตรสาวของตนเอง
เมื่อยามที่ปี้เฉี่ยวยู่ยังเยาว์ เป็นนายท่านปี้ที่ได้ส่งนางไปเรียนวิชากลไกค่ายกล
ยามนี้
เพื่อมาเปิดถ้ำสายธารจันทมรา นายท่านปี้เองก็เป็นคนเสนอให้นำปี้เฉี่ยวยู่เข้ามาด้วย
นอกจากนั้น ปี้เฉี่ยวยู่ยังมีคุณสมบัติตามข้อกำหนด มีความบังเอิญเช่นนี้อยู่จริงๆ หรือ?
“เฉี่ยวยู่ นี่คือภารกิจของเจ้า ตั้งแต่ยามที่จอมโจรฉุ่ยเยว่สร้างถ้ำนี้ขึ้นมา โชคชะตาของเจ้าก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ผู้ใดใช้ให้เจ้ามีร่างกายธาตุหยินกันเล่า…”
นายท่านปี้ถอนหายใจยาว
ปี้เฉี่ยวยู่สีหน้าหดหู่ เรือนรางบอบบางอ่อนแอสั่นสะท้านเล็กๆ นางไม่อยากจะคาดคิดเลยว่าสิ่งที่เฝ้ารอนางอยู่คืออันใด
นายท่านปี้นั้น ตั้งแต่ยามที่นางถือกำเนิดมาก็ได้กำหนดโชคชะตาของนางเอาไว้แล้ว
“ในอดีตได้มียอดฝีมือมากมายถูกบังคับเข้ามายังถ้ำลับสายธารจันทรานี้ หลังจากนั้น ผู้เข้าร่วมทุกคนก็ได้ถูกกำจัดทิ้งจนหมดสิ้น ทำลายข้อมูลทั้งหมดลง ทว่าหลังจากที่จอมโจรจันทราสิ้นชีพ ได้มีผู้รอดชีวิตอยู่คนสองคนที่สามารถหลบรอดออกมาได้อย่างยากลำบาก แม้ว่าจากนั้นจะตายจากพิษในเวลาไม่ช้าก็ได้บอกต่อข้อมูลบางส่วนออกมา”
ฉานเซว่ตูอิงมองไปยังนายท่านปี้
“ถูกแล้ว หนึ่งในนั้นคือน้องชายร่วมสายเลือดของข้า แต่พิษร้ายได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วทำให้เขาสิ้นชีพลง ข้านั้นรู้ความลับของสมบัตินี้เพียงเล็กน้อย ตัวอย่างเช่นหากต้องการจะครอบครองคัมภีร์บุปผาลึกลับต้องใช้สิ่งใด”
นายท่านปี้ยอมรับ
ในบรรดาผู้ที่ไปเข้าร่วมในการขุดสุสานคนตาย มีเพียงสองคนที่หลบหนีออกมาได้อย่างทุลักทุเล และหนึ่งในนั้นคือน้องชายร่วมสายเลือดของนายท่านปี้
อีกคนนั้น ก่อนสิ้นลมหายใจได้วาดแผนที่อย่างหยาบๆ เอาไว้ มันได้หายไปกว่าร้อยปี ในที่สุดได้ถูกค้นพบโดยฉานเซว่ตูอิง
นี่คือเบื้องหลังของวันนี้
“ชิชิ เหล่ายอดฝีมือทั้งหลาย ข้าว่าเราควรมาปรึกษากันว่าจะจัดการไอ้เด็กผมฟ้านั่นและแย่งชิงสมบัติกลับมาอย่างไรดีกว่า”
ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวแย้มยิ้มอย่างแยบยล
ยามนี้ เงื่อนไขในการครอบครองสมบัติล้วนพร้อมสมบูรณ์แล้ว
จ้าวเฟิงทำเพียงป้องกัน เมื่อคนทั้งสามร่วมมือกัน หรือกระทั่งสองคนร่วมมือกันก็ย่อมสามารถทะลวงผ่านเกราะป้องกันของเด็กนี่ได้โดยไร้ซึ่งปัญหา
แต่การได้ครอบครอง ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ นั้น เมื่อมีปี้เฉี่ยวยู่ที่เป็น “ส่วนประกอบ” ที่สำคัญก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว มันเพียงแต่จะเป็นผู้ใดที่ “ได้ไป” เท่านั้นเอง
“ต้องโจมตีให้ทะลุผ่านการป้องกันของเด็กนี่ก่อน หากครอบครอง ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ จะทำให้เส้นทางใหม่เปิดออก และไอ้เด็กนั่นจะหนีออกไปได้”
ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์
เป็นเช่นนี้เอง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนต่างก็ผงกศีรษะอย่างเห็นด้วยและคิดแผนการจัดการเด็กหนุ่มตระกูลจ้าว
“ไอ้เด็กนี่ร้ายกาจนัก คิดจะใช้ประโยชน์จากพวกเราเพื่อที่จะได้ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ไปเปิดทางออก อาศัยช่วงชุลมุนแย่งชิงคัมภีร์แล้วใช้สามปทุมบินหลบหนี”
นายท่านปี้พูดด้วยสีหน้าเย็นชา
จ้าวเฟิงที่นั่งอยู่บนสามปทุมแทบจะกระอักโลหิตออกมา เขาไม่ได้ทำอันใด มีเพียงแต่ฝึกพลัง กลับถูกทั้งสามนับเป็น ‘ตัวร้าย’ เสียอย่างนั้น
ทว่าอาจารย์เฮยหยุนกลับมีสายตาเคลือบแคลงสงสัย
จะอย่างไรที่ผ่านมาวิธีการของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวก็ร้ายกาจโหดเหี้ยมนัก ทุกคนล้วนรับรู้เข้าใจในวิธีการของเขาเป็นอย่างดี
“คราวนี้ทำอย่างไรดี?”
สีหน้าของอาจารย์เฮยหยุนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เห็นกับตาตนเองว่าสามยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงร่วมมือกัน วางแผนรวมพลังโจมตีเข่นฆ่าจ้าวเฟิง
“คราแรกข้าว่าจะไหลไปตามน้ำ แต่บัดนี้ดูเหมือนว่าต้องเปลี่ยนแผน…”
สายตาจ้าวเฟิงมองไปยังร่างที่สั่นสะท้านของปี้เฉี่ยวยู่ในมุมหนึ่ง
ก่อนหน้าก็เป็นปี้เฉี่ยวยู่ที่ช่วยเขาขึ้นจากแม่น้ำ จึงทำให้เขามีโอกาสนี้
จ้าวเฟิงรู้สึกซาบซึ้งนัก ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแผน
ช่วยเหลือปี้เฉี่ยวยู่