บทที่ 370 : ผู้ถูกเลือกคนใหม่
นี่คือการต่อสู้ระหว่าง ‘ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้’ ย่อมมีผู้มาชมดูมากเป็นพิเศษ
อัจฉริยะที่อยู่ภายในมิติได้เฝ้าสังเกตอยู่ในระยะใกล้หนึ่งร้อยลี้อย่างลับๆ แรกเริ่มมีคนเพียงไม่กี่คน ทว่าจากนั้นคนจึงมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นหลายสิบคน
มุมหนึ่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เหนือผาแห่งหนึ่ง
บุคคลที่ “ร่างติดกัน” ศีรษะทั้งสองสีหน้าโหดเหี้ยม มีแขนสี่แขนได้จ้องมองไปยังการต่อสู้จากห่างออกไป
“สวะ… จะดีที่สุดถ้าพวกมันต่อสู้กันจนบาดเจ็บหนัก หากเราลงมือในยามนั้นย่อมสามารถกำจัดได้ทั้งหมด”
แฝดผู้น้องแย้มยิ้มแปลกประหลาด
“ปิงเว่ยเซียนจื่อ สตรีผู้นั้นคงต้องการให้เราลงมือแทนนาง ชิชิ ไปเอาความคิดโง่ๆ นั่นมาจากที่ใด ไม่มีผู้ใดสามารถสั่งพวกเรา แฝดไท่หยุนได้”
แฝดผู้พี่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ
แฝดไท่หยุนนี้ไม่ได้ตกลงร่วมมือกับปิงเว่ยเซียนจื่อ ทว่าลอบมาสังเกตการณ์อย่างลับๆ
สถานการณ์นั้นเรียบง่ายนัก พวกปิงเว่ยเซียนจื่อทั้งสองกำลังได้เปรียบ
ในสายตาของผู้ถูกเลือกทั้งหลาย ‘เหยื่อ’ ได้มีพลังเหนือกว่าที่คาด สามารถต่อต้านผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ได้
“ไอ้เจ้าก้อนหินนั่นเสียเปรียบอย่างสมบูรณ์แล้ว”
“เจ้าก้อนหินนั่นถูกโจมตีโดยไอ้เด็กนั่นจนไม่มีทางตอบโต้”
บนใบหน้าทั้งสองของแฝดไท่หยุนระบายไปด้วยความประหลาดใจ ไม่อยากเชื่อยามที่มองไปยังการต่อสู้
ในแม่น้ำ
จ้าวเฟิงใช้ ‘เนตรจิตวิญญาณเหมันต์’ ทำให้จิตใจของชื่อเฉิงเทียนแข็งค้าง ความเร็วการเคลื่อนไหวร่างกายเชื่องช้าลง
ฟุ่บ ฟุ่บ
การโจมตีของศรน้ำแข็งจากคันศรหลัวซุยได้ทำให้ชื่อเฉิงเทียนหนึบชาและสะท้านหนาวเยือก
ย่าห์
ชื่อเฉิงเทียนคำรามอย่างกราดเกรี้ยว แหงนใบหน้าขึ้นคำรามเสียงดังยาว แทบจะเสียสติไป ทว่าก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์เชื่องช้าแข็งทื่อนี้ได้
พลังของเขาต่อให้แข็งแกร่งเพียงใด แต่กลับไม่สามารถเข้าใกล้ฝ่ายตรงข้ามได้ นับว่าน่าอับอายมากเพียงใดกัน?
แม้ว่าพลังป้องกันของเขาจะแข็งแกร่ง คันศรหลัวซุยของจ้าวเฟิงก็เล็งไปที่หัวเข่าของเขา โจมตีไม่หยุด อาการบาดเจ็บได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งเวลาผ่านไป สติของชื่อเฉิงเทียนก็เริ่มชะงักนิ่ง
นี่บนร่างของเขากระทั่งมีสมบัติเกี่ยวกับศาสตร์แห่งวิญญาณ สามารถต่อต้านป้องกันการโจมตีพลังจิตได้ หรือมิเช่นนั้นอาการบาดเจ็บทางจิตใจย่อมเลวร้ายกว่านี้หลายเท่าแล้ว
ชัดเจนว่าก่อนหน้าที่จะเข้าร่วมงานชุมนุมเซียนมังกร ผู้อาวุโสที่อยู่เบื้องหลังชื่อเฉิงเทียนได้คาดถึงจุดอ่อนด้านจิตใจของอีกฝ่ายไว้แล้ว จึงได้เตรียมสมบัติเกี่ยวกับศาสตร์แห่งวิญญาณไว้
ลานประลองชางกู่
บนที่นั่งผู้ชมและแท่นสูง เหล่ายอดฝีมือทั่วทั้งทวีป รวมทั้งผู้สูงศักดิ์บางคนได้ให้ความสนใจกับการต่อสู้นี้
“จ้าวเฟิง จ้าวเฟิง”
คนรุ่นหลังบางคนที่กำลังเฝ้ามองอยู่อดที่จะร้องให้กำลังใจอีกฝ่ายขึ้นไม่ได้ เต็มไปด้วยความตื่นเต้นนับถือ
ผู้คนทั้งหลายได้เห็นปาฏิหาริย์ครั้งแล้วครั้งเล่าของเด็กหนุ่มผู้นี้ด้วยตาตนเอง
“มันยากที่จะเชื่อได้จริงๆ ว่าเขาจะสามารถกลายเป็นผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้คนใหม่ได้ด้วยระยะเวลารวดเร็วเพียงนี้”
“ก่อนหน้าที่ประลองกับปิงเว่ยเซียนจื่อ เขาสามารถประลองจนเสมอได้อย่างยากลำบาก บัดนี้มิคาดว่าจะมีพลังเพียงพอที่จะตอบโต้ชื่อเฉิงเทียนได้แล้ว”
เสียงพึมพำดังขึ้นบนที่นั่งผู้ชม เก้าสิบเก้าในร้อยส่วนของคนทั้งหมดกำลังให้ความสนใจการต่อสู้นี้อยู่
ตั้งแต่เริ่มงานชุมนุมเซียนมังกรจนถึงยามนี้ เด็กหนุ่มผู้นี้นับเป็นอัจฉริยะหน้าใหม่ที่แท้จริง สามารถตอบโต้ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ได้ สร้างสถานการณ์ที่ยิ่งใหญ่ครั้งใหม่ขึ้น
“ศิษย์น้องจ้าว… เจ้าสามารถมาถึงจุดนี้ได้นับว่านำพาข่าวดีมาให้ข้าโดยแท้ ข้าจะนำข่าวดีนี้กลับไปยังสิบสามแคว้น ไปยังสำนักจันทร์สลาย ไปบอกท่านอาจารย์”
หยางก่านรู้สึกซาบซึ้งจนหลั่งน้ำตา ทั่วทั้งร่างสั่นสะท้านอย่างตื่นเต้น
ในยามนี้ เขายินดีอย่างมากจนแทบจะเสียสติไปแล้ว
“สำนักจันทร์สลายได้ให้กำเนิดอัจฉริยะเช่นนี้ขึ้นได้ รอให้ศิษย์น้องจ้าวกลับไปยังสิบสามแคว้น ย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของสิบสามแคว้นเมฆาได้เป็นแน่”
หยางก่านรู้สึกประหลาดใจและยินดี เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ด้วยความรวดเร็วในการเติบโตของจ้าวเฟิงยามนี้ รอเพียงให้งานชุมนุมเซียนมังกรสิ้นสุดลง เข้าไปยัง ‘มรดกยู่ไว่’ พลังย่อมเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน
บนแท่นสูง
ห้า–>เก้าผู้สูงศักดิ์มองไปยังการต่อสู้ของจ้าวเฟิงและชื่อเฉิงเทียนอย่างเยือกเย็น–>อย่างใจเย็น
“จ้าวเฟิงได้เข้าสู่ระดับของผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้อย่างแท้จริงแล้ว นี่คือผู้ถูกเลือกคนที่หก จะสามารถมีคนที่เจ็ด หรือมากกว่านั้นได้หรือไม่กัน?”
บุรุษร่างยักษ์ผิวสีทองแดงเอ่ยพูดเสียงต่ำ สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ในยามนี้ ไม่มีผู้ใดสงสัยพลังของจ้าวเฟิงที่ได้ครอบครองตำแหน่ง ‘ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้’ คนใหม่อีกต่อไป
อายุเพียง17 ปี ทว่าได้กลายเป็นผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ แม้จะกวาดตามองไปทั่วคงมีเพียงหยูเทียนฮ่าวและผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ที่สามารถเทียบเคียงได้
“จ้าวเฟิงผู้นี้ ระดับพลังไม่ได้แตกต่างไปจากชื่อเฉิงเทียนมากนัก ทว่ากลับสามารถมองเห็นจุดอ่อนของผู้อื่นได้”
ผู้สูงศักดิ์ฉวนเจี่ยนเอ่ยหลังจากถอนหายใจ
“ถูกแล้ว ไม่มีมนุษย์คนใดที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีวิชาที่ไร้ซึ่งจุดบกพร่อง จ้าวเฟิงผู้นี้สามารถมองหาจุดอ่อนของผู้อื่นได้ทุกครั้ง นี่นับเป็นอาวุธพิเศษที่เขาครอบครอง”
ผู้สูงศักดิ์ปี้เยว่ผงกศีรษะยอมรับ นางได้ให้ความสนใจกับจ้าวเฟิงมาเป็นเวลานาน แม้ยามแรกจะเป็นเพียงเพราะแมวขโมยตัวน้อยก็ตาม
“เพียงแต่… หากเขายังโจมตีแบบนี้ต่อไป ขาของชื่อเฉิงเทียนอาจจะพิการ”
ผู้สูงศักดิ์คนหนึ่งมุ่นคิ้วเข้าหากัน
ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ หลายครั้งในทวีปจึงจะปรากฏขึ้นสักคน อาจกล่าวได้ว่าเขาคือว่าที่ผู้สูงศักดิ์ในอนาคต ผู้ที่จะควบคุมชะตาของทวีป
หากเป็นไปได้ สหพันธ์แดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่อนุญาตให้ผู้ถูกเลือกคนใดบาดเจ็บสาหัส หรือว่าพิการ
ในมิติ
เข่าของชื่อเฉิงเทียนรับการโจมตีของคันศรหลัวซุยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ก้าวเดินก็เริ่มโซเซ เคลื่อนไหวลำบาก
“ข้ายิงไปหลายสิบดอกแล้ว… แต่ละดอกมีพลังกัดกร่อนของสายฟ้าและน้ำแข็ง พลังรุนแรงมากพอที่จะคุกคามผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ได้ ทว่ากลับทำได้เพียงสร้างอาการบาดเจ็บเล็กๆ ให้แก่เขา”
จ้าวเฟิงที่เคลื่อนไหวไปรอบๆ อย่างสะเปะสะปะพร้อมรั้งคันศรรู้สึกประหลาดใจเล็กๆ
หากเปลี่ยนอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ผู้อื่นที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน แบกรับการโจมตีของศรมากเพียงนี้ หากไม่ตายก็คงเสียเลือดเนื้อไปบ้างแล้ว
แน่นอนว่า
แม้การต่อสู้จะรุนแรง ทว่ากลับสั้นเพียงไม่กี่สิบลมหายใจ ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของคนทั้งสองได้ถูกตัดสินแล้ว
ชื่อเฉิงเทียนจิตใจบาดเจ็บ การตอบสนองเชื่องช้า เข่าได้รับบาดเจ็บ ความเร็วการเคลื่อนไหวลดน้อยลงอย่างมาก
แม้ว่าจ้าวเฟิงจะต่อสู้ในระยะประชิดก็สามารถเอาชนะชื่อเฉิงเทียนได้แล้ว
“ไอ้หัวขโมยไร้ยางอาย… อย่าได้ใจไปนัก”
ปิงเว่ยเซียนจื่อรู้สึกตัว ร่างกายเป็นประกายแสงเย็นเยียบจากที่ห่างไกล พุ่งตรงไปยังจ้าวเฟิง
ในยามนี้ นางไม่อาจทำตามข้อตกลงที่มีกับชื่อเฉิงเทียนได้แล้ว
“ช้าไปแล้ว”
จ้าวเฟิงเผยรอยยิ้มเยือกเย็น ร่างยืนนิ่งมั่นคง รั้งสายคันศรหลัวซุย ในดวงตาซ้ายปรากฏเพลิงอัสนีสีเขียว
เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้า
จ้าวเฟิงใช้เพลิงอัสนีเทพเจ้ามองไปยังร่างของ ‘ชื่อเฉิงเทียน’
“ไม่ดีแล้ว”
“รีบให้เขาหยุดเร็วเข้า”
ผู้สูงศักดิ์บนแท่นสูงทั้งหลายใบหน้าขาวซีดลงอย่างพร้อมเพรียงกัน
ก่อนหน้านี้ การโจมตีธาตุสายฟ้าและน้ำแข็งของจ้าวเฟิงได้กัดกร่อนร่างกายของชื่อเฉิงเทียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความเย็นแข็งที่ไม่อาจเทียบเคียงได้กัดกร่อนผิวหนังที่แข็งราวศิลาของชื่อเฉิงเทียน พลังของจิตวิญญาณเหมันต์เองก็ได้แช่แข็งจิตใจของเขาอย่างต่อเนื่อง
หากใช้ ‘เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้า’ อีกครั้ง มันจะสร้างความร้อนสูงขึ้นบนร่างและสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับชื่อเฉิงเทียน ไม่ว่าจะเป็นกายเนื้อหรือจิตวิญญาณ
ทว่า
แม้จะรู้เช่นนั้น ผู้สูงศักดิ์บนแท่นสูงก็ไม่อาจที่จะทำอันใดได้
งานชุมนุมเซียนมังกรในยามนี้ สหพันธ์แดนศักดิ์สิทธิ์ได้สูญเสียการควบคุมไปแล้ว มันถูกชักนำโดยลานประลองชางกู่
ในยามนี้ ชื่อเฉิงเทียนก็รับรู้ได้ถึงอันตรายมหาศาลที่ไล่ต้อนจิตใจ
ชายหนุ่มหมดกำลัง นั่งลงบนพื้น มือทั้งสองกุมศีรษะ นี่อาจทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีรุนแรงนั้นได้ ลดอาการบาดเจ็บลงได้กึ่งหนึ่ง
ฟุ่บ เปรี้ยง
กลุ่มเพลิงอัสนีที่รุนแรงกลับมุ่งตรงไปยังร่างของปิงเว่ยเซียนจื่อ
“เฮือก นี่เจ้า…”
ปิงเว่ยเซียนจื่อทั้งกราดเกรี้ยวทั้งตื่นตะลึง เพลิงอัสนีระเบิดออกบนร่าง อาละวาดไปทั่วร่างของนาง พลังของเพลิงอัสนีที่ไม่อาจมองเห็นได้กัดกร่อนจิตใจของนางอย่างรวดเร็ว อาละวาดทำลายทุกสิ่ง
แน่นอนว่าด้วยพลังฝึกตนธาตุน้ำแข็งมหาศาลของปิงเว่ยเซียนจื่อย่อมสามารถลดพลังของ ‘เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้า’ ได้ในระดับหนึ่ง ทว่าผลของมันก็ยังคงชัดเจน
เมื่อเทียบกับรอบแรก พลังของ ‘เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้า’ ของจ้าวเฟิงได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับใหม่โดยสิ้นเชิง
หลังจากการปิดด่านฝึกตน จ้าวเฟิงได้หลอมรวมแหล่งกำเนิดบริสุทธิ์ของไอสวรรค์อัสนีจาก ‘ศิลาสายฟ้าเร้นลับ’ เพิ่มพลังของเปลวเพลิงวิญญาณอัสนีอย่างตั้งใจ
วิชาดวงตาที่ถูกใช้ออกได้โจมตีไปยังปิงเว่ยเซียนจื่ออย่างคาดไม่ถึง จิตใจไม่ทันได้ตั้งรับ บนร่างขาวราวหิมะปรากฏรอยไหม้สีดำขึ้นจางๆ
ฮูว์
นอกจากนั้นในเวลาเดียวกัน ชื่อเฉิงเทียนใช้มือสองข้างกุมศีรษะคู้ตัวอยู่บนพื้น เมื่อพบว่าเพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้าไม่ได้โจมตีมาที่ตนเองก็อดที่จะถอนหายใจยาวเหยียดอย่างโล่งอกไม่ได้ จิตใจปรากฏความหวาดกลัวขึ้น
การโจมตีวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงนั้นความเร็วมากมายยิ่งนัก สามารถโจมตีมาถึงเขาได้ก่อนที่เขาจะหดตัวคู้ได้อย่างแน่นอน
หากจ้าวเฟิงโหดร้ายมากกว่านี้อีกนิด ‘เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้า’ ย่อมเล็งไปที่เข่าที่บาดเจ็บของเขา สามารถทำให้ชื่อเฉิงเทียนต้องเสียขาไปได้อย่างแน่นอน
“เหตุใดเขาจึงไม่โจมตีข้า?”
ชื่อเฉิงเทียนที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติในใจปรากฏความสงสัยขึ้น
ในยามนี้ เขาพบว่าหลังจากที่ปิงเว่ยเซียนจื่อถูก ‘เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้า’ โจมตีก็ได้รับบาดเจ็บอย่างมาก รวมทั้งความเสียหายที่ไม่อาจมองเห็นได้อีกมหาศาล
บริเวณแม่น้ำปรากฏความวุ่นวายขึ้นเต็มไปหมด
สองผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ ปิงเว่ยเซียนจื่อและชื่อเฉิงเทียน หนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ อีกหนึ่งอยู่บนพื้นดิน ทว่ามีสภาพน่าอนาถไม่แพ้กัน
ผิวขาวงดงามของปิงเว่ยเซียนจื่อ รวมทั้งใบหน้างดงามได้ปรากฏรอยไหม้ดำขึ้นหลายแห่ง
เรือนผมสีดำของนางได้ปรากฏควันดำลอยขึ้น ราวกับไก่ย่างไหม้เกรียมไร้ซึ่งภาพลักษณ์ของ ‘เซียนจื่อ (仙子: สาวงาม)’ โดยสิ้นเชิง
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงชื่อเฉิงเทียน ชายหนุ่มคุดคู้ตัวอยู่บนพื้น ถูกโจมตีจนขาเดี้ยงไปข้างหนึ่ง การเคลื่อนไหวสีหน้าเชื่องช้าแข็งทื่อ
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
นอกมิติ บนที่นั่งผู้ชมได้ปรากฏเสียงหัวเราะดังลั่นขึ้น
“จ้าวเฟิงผู้นี้ฉลาดกว่าที่คาดนัก”
ผู้สูงศักดิ์หลายคนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ถอนหายใจอย่างโล่งอกเล็กๆ
จ้าวเฟิงไม่ได้โจมตีไปยังชื่อเฉิงเทียนอย่างเลือดเย็น ทว่าใช้วิธี ‘ข่มขู่’ จัดการสองผู้ถูกเลือกพร้อมกัน หากเทียบกับการโจมตีฝ่ายตรงข้ามตรงๆ แล้วยังนับว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า
แน่นอนว่ายิ่งคิด ผู้คนก็ยิ่งตื่นตะลึงในพลังการควบคุมอันน่าพรั่นพรึงของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าว
อัจฉริยะที่เฝ้ามองอยู่ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ จิตใจตื่นตะลึงนิ่งอึ้ง
นี่เป็นภาพอันใดกัน?
จ้าวเฟิงที่อยู่ในสายตาของพวกเขา เรือนผมสีฟ้าพลิ้วไหวหยอกล้อกับสายลม มือทั้งสองไพล่หลังหลังเหยียดตรง หน้าผากปรากฏประกายบุปผาอัสนีสีเขียวดูลึกลับส่องประกาย สายตาเย็นเยียบไร้ความรู้สึก ราวกับเหยียดหยามสองผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ที่ตกลงสู่สถานการณ์ลำบาก
เด็กหนุ่มที่ดูชั่วร้ายผู้นี้ได้ควบคุมสถานการณ์ ดูราวกับเป็นราชาแห่งหมู่มาร
มีพลังที่สามารถเอาชนะผู้ถูกเลือกได้ และอีกหนึ่งกระบวนท่าสามารถจัดการอีกหนึ่งผู้ถูกเลือก
นี่เป็นวิธีการบ้าบิ่นประเภทใดกัน?
อัจฉริยะทั้งหลายที่อยู่ในเหตุการณ์และยอดฝีมือจากทุกทิศทางแทบจะกลั้นลมหายใจ
หลายคนอดที่จะครุ่นคิดไม่ได้ว่านี่คือช่วงเวลาอันใดกัน?
หลังจากหยูเทียนฮ่าว หลังจากห้าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ กลับปรากฏอัจฉริยะที่มีความสามารถราวสัตว์ประหลาดเช่นนี้ขึ้น
ในเวลาสั้นๆ ชื่อเฉิงเทียนและปิงเว่ยเซียนจื่อไม่อาจผลีผลามลงมือได้
ชื่อเฉิงเทียนได้รับบาดเจ็บ พลังต่อสู้ได้รับความเสียหายอย่างมาก ตกอยู่ในความหวาดผวาชั่วคราว ไม่มีความคิดที่จะต่อสู้อีก
ปิงเว่ยเซียนจื่อได้ถูกโจมตีจาก ‘เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้า’ กะทันหัน จิตใจได้รับบาดเจ็บเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เมื่อพบว่าพลังต่อสู้ของชื่อเฉิงเทียนได้รับความเสียหายอย่างมาก ในใจก็ปรากฏความลังเลขึ้น
ทันใดนั้น
จ้าวเฟิงเผชิญหน้ากับสองผู้ถูกเลือกอย่างสบายๆ ทำให้สองผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้รู้สึกขลาดเขลาขึ้นเล็กๆ
“ไอ้หัวขโมยไร้ยางอาย…”
นัยน์ตาหงส์ของปิงเว่ยเซียนจื่อปรากฎจิตสังหารเย็นเยียบขึ้น เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวสิ้นหวัง
ตั้งแต่ที่นางกลายเป็นผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ นางยังไม่เคยเสียหน้าและศักดิ์ศรีมากมายเพียงนี้มาก่อนเลยมิใช่หรือ?
หญิงสาวสลายเพลิงอัสนีที่เผาไหม้จิตใจ สื่อสารกับชื่อเฉิงเทียนด้วยพลังจิตอย่างลับๆ
“ข้าแพ้แล้ว”
ชื่อเฉิงเทียนแย้มยิ้มขมขื่นและสิ้นหวัง ไม่สนใจที่จะต่อสู้อีก กระทั่งลอบยินดีในใจที่จ้าวเฟิงไม่ลงมือโจมตีเขาอย่างเลือดเย็น
ชื่อเฉิงเทียนล่าถอยไป เหลือเพียงปิงเว่ยเซียนจื่อที่จนมุมอยู่กับจ้าวเฟิง บนผิวขาวราวหยกส่งความเย็นเยียบอันตรายออกมา บรรยากาศหนาวเยือกกัดกร่อนไปถึงหัวใจ