บทที่ 400 : ทะลวงขั้นเพิ่มความแข็งแกร่ง
ตามข้อตกลง หากจ้าวเฟิงต้องการ เย่หยานหยูก็ต้องให้ความช่วยเหลือเด็กหนุ่มเป็นจำนวนทั้งหมดสามครั้ง
จุดเปลี่ยนนั้นคือเรื่องเช่นการเพิ่มพลังฝึกตนนั้น เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวได้ใช้หนึ่งในสามครั้งนั้นโดยไม่ลังเล
แม้ว่าจะอยู่ภายในหุบเขาลึกลับนี้แต่มันก็เต็มไปด้วยอันตราย มีอัจฉริยะต่างแดนจำนวนมากปรากฏตัวอยู่ ทว่าเมื่อมีเย่หยานหยู ผู้คุ้มกันในระดับขั้นนายเหนือแท้ระดับสูงเช่นนี้ ผู้ใดเล่าจะกล้าเข้าใกล้
“ได้ ข้าจะคุ้มกันให้เจ้า”
เย่หยานหยูทั้งโกรธทั้งขำ มุมปากยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มขบขัน
สำหรับนาง จ้าวเฟิงจะมีพลังฝึกตนขั้นผู้วิเศษแท้ระดับต่ำหรือขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสูง มันก็ไม่มีความแตกต่างอันใด
หากนางต้องการจะจัดการจ้าวเฟิง อีกฝ่ายย่อมไม่มีทางต่อต้านได้
ความแตกต่างระหว่างทั้งสองมีมากมายเกินไป ไม่ใช่ผู้ที่จะสามารถเป็นคู่ต่อสู้กันได้
ดังนั้นแล้ว การที่จ้าวเฟิงจะทะลวงขั้นพลังฝึกตนสู่ขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสูง หรือกระทั่งขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอด เย่หยานหยูย่อมไม่ใส่ใจ มีเพียงแค่จ้าวเฟิงสามารถทะลวงเข้าขั้นนายเหนือแท้จึงจะมีโอกาสที่อีกฝ่ายจะสร้างปัญหาให้นางได้ มันก็เท่านั้น
จ้าวเฟิงเข้าใจถึงความคิดของเย่หยานหยู ดังนั้นจึงฝึกฝนเพิ่มพลังฝึกตนอย่างบ้าคลั่งและไร้ยางอาย
เด็กหนุ่มปิดเปลือกตา พลังอันบริสุทธิ์ไร้ที่สิ้นสุดของ ‘ราชาผลไม้เร้นมุกสวรรค์’ แพร่กระจายออก นำพาปราณบริสุทธิ์โคจรไปทั่วร่าง ความสามารถในการดูดกลืนเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด
ในสายตาของเย่หยานหยู การที่จ้าวเฟิงกิน ‘ราชาผลไม้เร้นมุกสวรรค์’ เข้าไป จะมีโอกาสราวๆ ห้าในสิบส่วนที่จะสามารถทะลวงขั้นพลังฝึกตนได้
ความจริงแล้ว จากขั้นผู้วิเศษแท้ระดับต่ำไปสู่ขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสูงมันไม่ใช่เพียงช่องว่างเล็กๆ อัจฉริยะยอดฝีมือทั่วไป หากอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบทวีปบุปผาคราม ต้องใช้เวลานับสิบปีนับเป็นเรื่องปกติ
ทว่า
ที่นี่คือซากปรักหักพังสือเฉิง ไอสวรรค์บริสุทธิ์เข้มข้นเหนือกว่าทวีปบุปผาครามนับสิบเท่า
ทว่าในหุบเขาแห่งนี้ได้มีกลิ่นอายโบราณเก่าแก่อยู่ประการหนึ่ง ความหนาแน่นบริสุทธิ์ของไอสวรรค์ที่นี่นับว่าเหนือกว่าพื้นที่อื่นๆ ของซากปรักหักพังสือเฉิง
ดังนั้นแล้ว จ้าวเฟิงจึงนับได้ว่ากำลังฝึกฝนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหนือกว่าทวีปบุปผาครามนับร้อยเท่า
นี่เป็นเพียงอย่างแรก
อย่างที่สอง ก่อนหน้าจ้าวเฟิงได้ใช้ ‘เส้นเลือดใจวารีเร้นลับ’ ในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกาย มีพื้นฐานที่มั่นคง พลังฝึกตนอยู่ในขั้นผู้วิเศษแท้ระดับต่ำค่อนไปทางสูง พื้นฐานร่างกายและพลังนับว่ามั่นคงยิ่งนัก
อย่างที่สาม จ้าวเฟิงมีขอบเขตจิตวิญญาณขั้นนายเหนือแท้
จุดที่สามนี้นับว่าสำคัญ
เมื่อเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้ ความสามารถในการช่วงใช้ไอสวรรค์ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ความสามารถในขั้นนี้ได้ทำให้จ้าวเฟิงที่มีพลังเพียงขั้นผู้วิเศษแท้ระดับต่ำสามารถเพิ่มพลังฝึกตนได้อย่างรวดเร็วเกินกว่ากฎเกณฑ์ทั่วไป
“มีเพียงแค่การที่มี ‘ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นนายเหนือแท้’ จึงจะสามารถดูดกลืนเปลี่ยนแปลงพลังของราชาผลไม้เร้นมุกสวรรค์ได้จนถึงขีดสุด หรือมิเช่นนั้นก็มีเพียงแต่จะเสียเปล่า”
เมื่อจ้าวเฟิงเข้าใจเรื่องนี้ก็รู้สึกหวาดกลัวเย่หยานหยูขึ้นมาเล็กๆ
หากนับรวมจากปัจจัยทั้งหมดด้านบน โอกาสที่จ้าวเฟิงจะสามารถทะลวงขั้นได้อย่างแน่นอนอยู่ที่ราวๆ ห้าถึงหกส่วนจากสิบส่วน
ชัดเจนว่าเย่หยานหยูเองก็เห็นว่าจ้าวเฟิงมีขอบเขตจิตวิญญาณขั้นนายเหนือแท้
“สิ่งเดียวที่นางไม่รู้น่าจะเป็นความสามารถของดวงตาเทพเจ้าของข้า รวมทั้งแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณต้องห้ามในร่างที่สามารถเผาไหม้ได้ชั่วคราว”
จ้าวเฟิงลอบคำนวณในใจ
เย่หยานหยูมาจากสำนักระดับสองดาว ไม่ว่าจะเป็นพลังฝึกตน ความแข็งแกร่ง ประสบการณ์ หรือวิสัยทัศน์ต่างก็สูงส่งจนยากจะเทียบเคียง
แม้ว่านางจะเห็นว่าจ้าวเฟิงมีสายเลือดดวงตาก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวอันใด ‘ชื่อกุ้ย’ จากตำหนักผาดำผู้นั้นที่มีพลังสายเลือดดวงตาที่ทรงพลัง เมื่อเห็นนางก็ยังต้องหลบหนีไป
หลังจากสองชั่วยาม
จ้าวเฟิงได้ดูดกลืนพลังของ ‘ราชาผลไม้เร้นมุกสวรรค์’ เข้าไปจนหมด นี่คือผลประโยชน์จากขอบเขตจิตวิญญาณขั้นนายเหนือแท้ หากเป็นอัจฉริยะผู้อื่น แม้จะได้ครอบครองผลไม้โบราณล้ำค่าเช่นนี้ ในเวลาสั้นๆ ก็ไม่มีหวังที่จะทะลวงขั้นได้อยู่ดี
จากนั้น จ้าวเฟิงจึงใช้พลังของ ‘แกนกลาง’ ราชาผลไม้เร้นมุกสวรรค์
พลังของแกนกลางนี้บริสุทธิ์อย่างมาก สามารถชำระล้างเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกาย มอบไอสวรรค์จำนวนมหาศาลให้พลังฝึกตน
เมื่อเวลาผ่านไป
กลิ่นอายบนร่างของจ้าวเฟิงก็ได้ลึกล้ำขึ้นเล็กๆ
เย่หยานหยูรักษาสัญญา เป็นผู้คุ้มกันของจ้าวเฟิง เคลื่อนไหวไปในระยะสามลี้รอบกายของจ้าวเฟิง เก็บเกี่ยววัสดุล้ำค่าบางส่วน
ส่วนลึกในหุบเขามักจะปรากฏร่างของอัจฉริยะต่างแดนขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อเข้ามาใกล้และรับรู้ถึงตัวตนของเย่หยานหยูก็จะเร่งรีบล่าถอยไปในทันที
สัตว์ปีศาจและปักษาปีศาจใกล้ๆ ได้ถูกกำจัดโดยเย่หยานหยู
ดังนั้นแล้ว การปิดด่านฝึกตนของจ้าวเฟิงจึงได้ปลอดภัยมากเป็นพิเศษ ไม่ได้รับการรบกวนใดๆ
ยามหนึ่ง
ในรอยแยกของผนังผา กลิ่นอายของจ้าวเฟิงได้ลึกล้ำจนถึงขีดสุด
‘ครืน’ เด็กหนุ่มรู้สึกว่าปราณจิตวิญญาณทั่วทั้งร่างส่องประกายสีเขียวพร้อมประกายกระแสไฟฟ้า แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณในร่างได้มีปริมาณมากและบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเดิม
ในขณะเดียวกัน
กระดูกของเขาก็ได้เต็มไปด้วยพลังมหาศาล เข้าใกล้ระดับของขั้นผู้วิเศษแท้
จะอย่างไร แกนกลางของ ‘ราชาผลไม้เร้นมุกสวรรค์’ ก็มีผลในการเสริมความแข็งแกร่งร่างกาย เมื่อรวมกับเส้นเลือดใจวารีเร้นลับก่อนหน้าแล้ว ผลของมันไม่เพียงไม่ขัดแย้ง กระทั่งสามารถส่งเสริมกันและกันได้
“ร่างกาย พลังฝึกตน ความแข็งแกร่งได้พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”
จ้าวเฟิงลอบผงกศีรษะ
เด็กหนุ่มเปิดดวงตาเทพเจ้า พบว่าเย่หยานหยูและแมวขโมยตัวน้อยกำลังขุดค้นผลึกแร่ล้ำค่าหายากบางอย่างอยู่ที่ที่ราบในหุบเขา
“อืม ยังมีเวลาอีกนิดหน่อย”
เมื่อจ้าวเฟิงมีเวลา สตินึกคิดก็เข้าไปในบัวดำ
บัวดำนั้นได้มีพื้นที่ว่างสำหรับภูตผีโดยเฉพาะ เต็มไปด้วยปราณศพและพลังด้านลบอื่นๆ
พลังของหุ่นเชิดศพทั้งสองแข็งแกร่งที่สุด พลังต่อสู้เข้าใกล้ขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอดอย่างมาก
รวมทั้งยังมีวิญญาณอาฆาตใหญ่เล็ก ศพ และโครงกระดูกอยู่อีกจำนวนมาก พลังมีตั้งแต่ขั้นมนุษย์แท้จนขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสูง
จ้าวเฟิงปลดปล่อยกลิ่นอายของดวงตาเทพเจ้าออกไปเล็กๆ ทำให้ภูตผีเหล่านี้สั่นสะท้าน สร้างตราจิตขึ้นบนร่างของพวกมันอย่างง่ายดาย
จากนั้นเด็กหนุ่มจึงทำให้ภูตผีเหล่านี้ทำตัวเป็น ‘ปุ๋ย’ ให้กับหุ่นเชิดศพทั้งสอง
หากเป็นดรุณีบัวดำก่อนหน้า นางย่อมไม่มีทางกระทำเช่นนี้ ภูตผีหลากหลายจะสามารถรับมือได้กับหลายสถานการณ์ การพัฒนาเพียงตัวเดียวนับว่าสุดโต่งเกินไป
ทว่าจ้าวเฟิงชัดเจนว่าต้องการเพียงโล่เนื้อสองตัว หรือเรียกว่าผีคุ้มกันส่วนตัว ไม่ต้องการภูตผีมากมายเพียงนั้น
โดยเฉพาะวิญญาณอาฆาตเหล่านั้นที่มีความสามารถในการจู่โจมทางจิต จ้าวเฟิงนับว่าเชี่ยวชาญในเรื่องนี้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้
ไม่นาน ภูตผีใหญ่เล็กในบัวดำก็ได้กลายเป็น ‘ปุ๋ย’ ไปจนหมด
หุ่นเชิดศพทั้งสองกลืนกินปราณศพ ปราณหยิน และปราณอาฆาตจากที่ภูติผีเหล่านั้นหลงเหลือเอาไว้เข้าไปจำนวนมาก
“อีกเพียงครึ่งวัน หุ่นเชิดศพสองตัวนี่ก็จะมีพลังต่อสู้ในขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอดจริงๆ”
จ้าวเฟิงลอบผงกศีรษะ ที่เหลือไม่จำเป็นต้องให้เขาจัดการแล้ว
ในยามนี้
เย่หยานหยูนำแมวขโมยตัวน้อยมายังบริเวณที่จ้าวเฟิงปิดด่านฝึกตน
“ดีมาก เป็นผู้คุ้มกันให้เจ้า ข้าเสียเวลาไปมาก”
ใบหน้าของเย่หยานหยูเย็นเยียบ เหลือบตามองจ้าวเฟิงคราหนึ่ง
จ้าวเฟิงไม่ต่อต้าน ออกเดินทางไปกับเย่หยานหยู
เย่หยานหยูนำอยู่เบื้องหน้า พุ่งกายตรงไปยังส่วนลึกของหุบเขา ไม่หวาดกลัวว่าจ้าวเฟิงจะหลบหนี
ในหุบเขาลึกลับนี้ได้มีกลิ่นอายเก่าแก่โบราณอย่างมาก วัสดุล้ำค่าต่างๆ บางส่วนได้สูญหายไปแล้วในโลกภายนอก ทว่ากลับปรากฏขึ้นในยามนี้
จ้าวเฟิงเคลื่อนกายตามอีกฝ่ายไป ดวงตาเทพเจ้ามักจะค้นพบผลไม้วิเศษอยู่เรื่อยๆ ให้เขาตามเก็บ
เพียงแค่หนึ่งหรือสองครั้ง เย่หยานหยูไม่ใส่ใจ
แต่จากนั้น จ้าวเฟิงก็ได้ค้นพบสมบัติล้ำค่าหลายครั้งครา แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับนางในขั้นนายเหนือแท้ระดับสูงแล้วมันไม่มีสิ่งใดที่นางต้องการ
เย่หยานหยูเข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดจ้าวเฟิงจึงเอ่ยข้อเสนอเช่นนั้นมา สิ่งใดที่เด็กหนุ่มหาได้ต้องเป็นของเขา
“ดูเหมือนว่าสายเลือดดวงตาของเขาจะไม่ใช่สายต่อสู้แต่เป็นการสนับสนุน ยอดเยี่ยมในการสังเกตตรวจจับพลังจิต”
เย่หยานหยูไม่ใส่ใจ
ในฐานะบุตรีอันเป็นที่รักใคร่ของสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่าง นางได้เห็นอัจฉริยะที่มีสายเลือดดวงตามาจำนวนมาก และไม่ใช่น้อยที่หวาดกลัวนาง
เมี้ยว เมี้ยว
แมวขโมยตัวน้อยแสยะยิ้มแยกเขี้ยว พลันโยนเหรียญทองแดงโบราณขึ้นส่งเสียง ‘ติง ติง’ จากนั้นจึงชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
จ้าวเฟิงเพ่งมองอีกฝ่ายอย่างอาฆาต ทุกครั้งที่แมวนี่เอ่ยบอกทิศทาง ไม่รู้ว่าจะสร้างเรื่องวุ่นวายมากมายอีกเท่าใดตามมา ก่อนหน้าก็นำเขาไปยัง ‘แดนต้องห้ามร้อยหลุมศพ’ เมื่อมาครั้งนี้ จ้าวเฟิงจึงรู้สึกผวาอยู่บ้าง
หมายเหตุ
พรุ่งนี้จะงดอัพนิยาย