Skip to content

King of Gods 445

King Of Gods

บทที่ 445 เสวียนอ้าวแห่งสายลมและสายฟ้า

จ้าวเฟิงยกมือขึ้นขยี้ตาซ้ายเบาๆ อย่างจนใจ ในสภาวะพิเศษเช่นนี้ที่ไม่อาจใช้ดวงตาเทพเจ้าได้ง่ายๆ ทำให้เขารู้สึกไม่ชินเล็กๆ

ผู้เฒ่าเจียงที่อยู่ใกล้ๆ นัยน์ตาส่องประกายวาบ รับรู้ถึงข้อมูลบางอย่างได้

ในวินาทีนั้น เขาค้นพบว่าดวงตาซ้ายที่ไร้ประกายของจ้าวเฟิงส่องประกายสีน้ำเงินเข้มผ่าน ทว่ามันดูราวกับเขาตาฝาดไป นอกจากนั้น จ้าวเฟิงยังยกมือขึ้นขยี้ดวงตา นับว่าเป็นสองสัญญาณแล้ว

“น้องชายจ้าว จอมเชือดเคียวโลหิตนั่นเป็นพวกกระหายเลือดยิ่งนัก หากปล่อยให้เขาหนีไป ไม่ว่าจะเป็นท่านหรือข้าก็ต้องมีปัญหาในอนาคตเป็นแน่”

ผู้เฒ่าเจียงเอ่ยขึ้นอย่างรอบคอบ

เมื่อเห็นด้วยตาตนเองว่าปราณสีแดงโลหิตกำลังออกห่างไปที่เส้นขอบฟ้า หัวใจของผู้เฒ่าเจียงก็เต็มไปด้วยความกังวลลนลาน

แต่เด็กหนุ่มผมฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ ยังคงมีท่าทีไม่ใส่ใจ ดูเกียจคร้านอยู่หลายส่วน การบดขยี้หน่อเกิดของปัญหาในอนาคต จ้าวเฟิงย่อมเช้าใจดี ยามที่ลงมือเขาจึงไม่เคยออมมือให้

“จอมเชือดเคียวโลหิตนี่เป็นเพียงปลาเล็ก หากสามารถล่อพวกสมาชิกหลักของพันธมิตรมังกรโลหะออกมาได้ด้วยเขา…”

จ้าวเฟิงคิดอยู่ในใจ

สำหรับเขา การฆ่าจอมเชือดเคียวโลหิตไม่มีความยากเย็นใดๆ แม้แต่น้อย หากเขาจะฆ่า จอมเชือดเคียวโลหิตนั่นย่อมไม่มีโอกาสหลบหนี

ทว่า ยามที่จ้าวเฟิงรู้สึกว่าวิชาฝึกตนของ ‘จอมเชือดเคียวโลหิต’ มีความคล้ายคลึงกับ ‘ตำหนักมารจันทรา’ เด็กหนุ่มก็เปลี่ยนความคิด

บริเวณที่จ้าวเฟิงเคยยืนเหลือเพียงประกายกระแสไฟฟ้า ตามด้วยแสงสว่างวาบและเสียงครืนครางของอัสนี

ผู้เฒ่าเจียงและคนอื่นๆ ปากอ้าออกเล็กๆ เด็กหนุ่มที่อยู่ห่างเพียงเอื้อมเมื่อครู่หายไปแล้ว

“ดูเร็ว”

องค์ชายสามและคนอื่นๆ เงยหน้าขึ้น เห็นเพียงกลุ่มก้อนกระแสไฟฟ้าสีเขียวครามพุ่งผ่านก้อนเมฆ ไล่ตามปราณสีแดงเลือดที่อยู่ห่างออกไป

ในกลุ่มก้อนกระแสไฟฟ้าสีเขียวครามนั้นปรากฏร่างของจ้าวเฟิงอยู่จางๆ ความเร็วของเขาเหนือกว่าปราณสีแดงเลือด

“จ้าวเฟิงผู้นี้ฝึกฝนในวิชาแห่งอัสนี เชี่ยวชาญในด้านความเร็ว ดูเหมือนว่าจอมเชือดเคียวโลหิตยากจะมีชีวิตรอดไปได้แล้ว”

ผู้เฒ่าเจียงถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก มีสีหน้ายินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่นอยู่บ้าง

ในเวลาเดียวกัน

จอมเชือดเคียวโลหิตกระตุ้นโคจรวิชาลับ หลบหนีไปได้เพียง 1-2 ลี้ก็พลันได้ยินเสียงคำรามของสายฟ้าและเสียงกรีดร้องของสายลม

“บัดซบ สำนึกรู้ของเขาคือเสวียนอ้าวแห่งสายฟ้า… ไม่สิ เสวียนอ้าวแห่งสายลมและสายฟ้า”

ท่าทีของจอมเชือดเคียวโลหิตราวกับตายมาแล้วหลายปี ใบหน้าเต็มไปด้วยความอึดอัด

ยามที่จ้าวเฟิงทะยานร่างมา เสียงคำรามของสายฟ้าได้เช้าใกล้มาอย่างรวดเร็วพร้อมกับสายลมที่กระโชกพัดอย่างรุนแรง สร้างแรงลมที่ทรงพลังขึ้น

วิชาฝึกตนธาตุสายฟ้าและวิชาฝึกตนธาตุลมล้วนแล้วแต่เชี่ยวชาญในความเร็ว

เมื่อทั้งสองรวมกัน มันจะกลายเป็นสุดยอดความเร็วของคนในระดับเดียวกัน

ในอดีต ‘มหาจักรพรรดิวายุอัสนี’ ได้ทำความเช้าใจเสวียนอ้าวแห่งสายลมและสายฟ้าจนถึงจุดสุดยอด เป็นที่เลื่องลือว่าเป็นมหาจักรพรรดิที่มีความเร็วเป็นอันดับหนึ่ง พลังต่อสู้เหยียดหยามฟ้าดิน

ในห้วงความคิด

อนุสรณ์วายุอัสนีโบราณยังคงแตกหักเช่นแต่เดิม เงียบงันไร้ซึ่งสีสัน ส่งกลิ่นอายเรียบง่ายออกมา ตราสายลมและสายฟ้าที่หลอมรวมส่งกลิ่นอายลึกล้ำไร้ที่สิ้นสุดออกมา จิตใจของจ้าวเฟิงหลอมรวมเช้าไปในอนุสรณ์โบราณ รับรู้ได้ถึงโลกแห่งวายุอัสนีอันยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต โลกใบนั้นเองก็แตกหักเช่นเดียวกับอนุสรณ์วายุอัสนีโบราณ ราวกับถูกฉีกกระชากเป็นเศษเสี้ยว สายฟ้าฟาดลงที่ขอบฟ้า พายุแห่งความตายเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงัน ด้วยขอบเขตจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงสามารถรับรู้ได้เพียงชายขอบรกร้างของโลกแห่งอนุสรณ์โบราณนี้

เสวียนอ้าวแห่งสายฟ้าและสายลมที่เขาสามารถทำความเช้าใจได้มีเพียงแค่ราวๆ หนึ่งในร้อยส่วน ไม่อาจนับเป็นอันใดได้

“การหลอมรวมกันระหว่างสายลมและสายฟ้าสามารถสร้างความเร็วที่ว่องไวที่สุดในโลกได้ ข้าเพียงทำความเช้าใจได้แค่ชายขอบก็กระทั่งเหนือกว่าความเร็วยามที่พลังสมบูรณ์พร้อมในซากปรักหักพังสือเฉิงแล้ว”

ตลอดทั้งการเคลื่อนไหว ส่วนหนึ่งของจิตใจของจ้าวเฟิงหลอมรวมอยู่ในอนุสรณ์วายุอัสนีโบราณ เขายังไม่ได้ใช้ออกอย่างเต็มที่ มิเช่นนั้นคงตามจอมเชือดเคียวโลหิตทันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสายฟ้าหรือสายลมก็ล้วนแล้วแต่เป็นพลังธรรมชาติที่จ้าวเฟิงคุ้นเคย

วิชาในอดีตของเขาทั้ง ‘วิชานภาลอยล่อง’ ‘ฝ่ามือวายุอัสนี’ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ และ ‘มรดกอัสนี’ ต่างก็เกี่ยวข้องกับธาตุทั้งสองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

เมื่อมีพื้นฐานเหล่านี้ จ้าวเฟิงจึงเลือก ‘มรดกมหาจักรพรรดิวายุอัสนี’ และสามารถทำความเช้าใจได้เล็กน้อย

ที่สุดขอบฟ้า

ร่างของทั้ง หนึ่งนำหนึ่งตาม เจ้าตามข้าหนี บ้างก็วนรอบภูเขา บ้างก็ทะลวงฝ่าผืนป่า

ทว่า ไม่ว่ากลุ่มก้อนปราณสีแดงสดนั้นจะพยายามหลบเลี่ยงเช่นไร มันก็ไม่อาจสลัดสายลมที่โอบล้อมไปด้วยกระแสไฟฟ้าเบื้องหลังออกได้

“ขอข้าบังอาจถามนามที่สูงศักดิ์ของท่านได้หรือไม่ เหตุใดท่านจึงต้องเป็นศัตรูกับพันธมิตรมังกรโลหะด้วย แม้จะต้องตาย อย่างน้อยก็ขอทราบนามของท่าน”

ท่าทีของจอมเชือดเคียวโลหิตราวกับตายมาแล้วหลายปี ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

ความแตกต่างของระดับพลังระหว่างชั้นมนุษย์แท้กับชั้นผู้วิเศษแท้นั้นไม่อาจที่จะถูกทำลายได้โดยง่าย

จอมเชือดเคียวโลหิตนับเป็นผู้ที่โดดเด่นในบรรดาคนระดับเดียวกัน อย่างมากก็สามารถรับมือกับผู้ฝึกตนชั้นผู้วิเศษได้ในระยะเวลาสั้นๆ หรือหลบหนีได้ แต่เมื่อต่อสู้ด้วยเป็นเวลานาน เขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ฝึกตนชั้นผู้วิเศษแท้

แต่ศัตรูที่แข็งแกร่งผู้นี้ฝึกฝนในวิชาธาตุสายฟ้าและลม ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือความอดทนก็ล้วนแล้วแต่เหนือกว่าเขาเกินจะเทียบเคียง

“ฮี่ฮี่ สบายใจเถอะ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าตายหรอก”

เสียงหัวเราะคิกคักดังแหวกผ่านอากาศมาสู่ใบหู่ ตามด้วยเสียงครืนครางของสายฟ้า

ใบหน้าของจอมเชือดเคียวโลหิตขาวซีด สูดลมหายใจเย็นเยียบเช้าไป ตื่นตะลึงในการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของจ้าวเฟิงที่ทั้งลึกลับไม่อาจคาดเดา เช้าใกล้ตนเองมา

เคียวเสี้ยวจันทร์โลหิต

มีหรือที่จอมเชือดเคียวโลหิตจะยอมโดยง่าย เขาเผาไหม้ปราณจิตวิญญาณ เคียวสีเลือดในมือผ่าลงด้วยคมเคียวสีแดงสดที่สั่นสะท้านไปถึงวิญญาณ ราวกับจันทร์เสี้ยวที่ตัดผ่านท้องฟ้าไป

ในเสี้ยววินาที ชั้นเมฆบนท้องนภาสีฟ้าครามก็ถูกอาบย้อมไปด้วยสีแดงสด พลังสีแดงเลือดรุนแรงแผ่ขยายไปทั่วระยะหนึ่งร้อยจ้างโดยรอบ

กระบวนท่านี้ย่อมเป็นไพ่ลับของจอมเชือดเคียวโลหิต

เมื่อหกเดือนก่อน เขาใช้กระบวนท่านี้ตอบโต้ผู้ฝึกตนชั้นผู้งิเศษแท้ที่แข็งแกร่งคนหนึ่งจนบาดเจ็บแล้วหลบหนีไป

“เคียวเสี้ยวจันทร์โลหิต ไม่ดีแล้ว… กระบวนท่านี้สามารถคุกคามผู้ฝึกตนในชั้นผู้วิเศษแท้ทั่วไปได้”

ผู้เฒ่าเจียงที่อยู่ห่างออกไปหลายลี้รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของกระบวนท่านั้น ทว่าในเสี้ยววินาทีนั้น สถานการณ์ก็พลันแปรเปลี่ยนไป จันทร์เสี้ยวสีเลือดที่ตัดผ่านความว่างเปล่าพลันถูกฉีกกระชากสลายหายไป

“เจ้า… เจ้า…”

จอมเชือดเคียวโลหิตตื่นตะลึงจนใบหน้าขาวซีด ร่างกายรับรู้ได้ถึงความหนึบชาจนกระตุกสั่น

ฝ่ามือเรียวทรงพลังขย้ำแน่นอยู่ที่ไหลของเขา ตามด้วยปราณจิตวิญญาณที่เต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้าสีเขียว

“จริงๆ… รูปแบบวิชานี่ดูคล้ายคลึงกับที่อัจฉริยะของตำหนักมารจันทราใช้ แต่ว่าหยาบกว่า”

จ้าวเฟิงกระซิบอยู่ในใจ

ในซากปรักหักพังสือเฉิง เด็กหนุ่มได้ฆ่าอัจฉริยะจากตำหนักมารจันทราไปอ้อมๆ ไม่น้อยเช่นกัน

หลังจากที่ยืนยันคำตอบแล้ว

จ้าวเฟิงจึงใช้นิ้วมือสร้างลำแสงกระแสไฟฟ้ารุนแรงทะลวงจุดตันเถียนของจอมเชือดเคียวโลหิต

“เจ้า… ไม่นะ…”

จอมเชือดเคียวโลหิตกรีดร้องโหยหวนอย่างหวาดกลัว ดิ้นรนอย่างหนัก

หลังจากครึ่งลมหายใจ จุดตันเถียนของเขาถูกทำลาย จุดชีพจรแหลกสลายลงจุดแล้วจุดเล่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก แข็งค้างไปราวกับตอไม้

จอมเชือดที่น่าพรั่นพรึง ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนหวาดกลัว กลับกลายเป็นเพียงคนอ่อนแอที่ไม่มีแม้แต่แรงจะหักคอไก่ ความหงุดหงิดขุ่นมัวนี้กระทั่งน่าหวาดกลัวกว่าความตายเสียอีก

“ฆ่าเจ้ามันง่ายเกินไป ข้าจะทำลายพลังฝึกตนของเจ้า ทำให้เจ้ากลับกลายเป็นเพียงคนอ่อนแอ ต้องทนทานความอับอายขายขี้หน้าที่แสนเจ็บปวดไปตลอดกาล”

จ้าวเฟิงวาดมือ โยนร่างของ ‘จอมเชือดเคียวโลหิต’ ลงไปยังป่าเบื้องล่าง

เมื่อทำเรื่องทั้งหมดเสร็จสิ้น

เด็กหนุ่มก็กลับกลายเป็นกลุ่มก้อนกระแสไฟฟ้า กลับไปรวมตัวกับผู้เฒ่าเจียงและคนอื่นๆ

“ลำบากน้องชายจ้าวลงมือแล้ว”

ผู้เฒ่าเจียงเอ่ยขึ้นประโยคหนึ่งอย่างโล่งใจด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แสดงความซาบซึ้งครั้งแล้วครั้งเล่า ในใจของชายชราปรากฏความสงสัย เหตุใดจ้าวเฟิงจึงไม่ฆ่าจอมเชือดเคียวโลหิตเสียให้เสร็จสิ้นไป จะอย่างไร จอมเชือดเคียวโลหิตย่อมนำข่าวของจ้าวเฟิงไปบอกแก่ ‘พันธมิตรมังกรโลหะ’ เป็นแน่

สามารถคาดเดาได้เลยว่าไม่นาน จ้าวเฟิงจะโดนตั้งค่าหัวไล่ล่าโดยพันธมิตรมังกรโลหะ กระทั่งสร้างวิกฤตเรื่องเลวร้ายตามมาอีกเป็นพรวน

นอกจากนั้น จ้าวเฟิงราวกับจงใจทำเช่นนั้น

อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเขาไม่เช้าใจถึงความแข็งแกร่งของพันธมิตรมังกรโลหะ หรือรู้อยู่แล้ว ทว่ายังคงต้องการเป็นศัตรูกับคนเหล่านั้นอยู่ดี?

เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว หัวใจของผู้เฒ่าเจียงก็เกิดความตื่นเต้นขึ้น

‘ศัตรูของศัตรูคือมิตร’ หากจ้าวเฟิง อัจฉริยะที่มีพลังลึกล้ำไม่อาจหยั่งถึงและพรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาดผู้นี้สามารถร่วมมือกับพวกเขาได้ มันย่อมเป็นเรื่องที่เขาเฝ้าฝันแน่นอน

จ้าวเฟิงยกมือขึ้นขยี้ดวงตาซ้ายอีกครั้ง เผยท่าทีกังวลออกมา มองไปยังทิศทางของสิบสามแคว้นที่อยู่ห่างออกไป

สิบสามแคว้นอยู่ระหว่างเส้นแบ่งของสองแคว้นใหญ่ ในความเป็นจริงแล้ว สิบสามแคว้นอยู่ห่างจากสองแคว้นใหญ่ไม่มากนัก

เมื่อเห็นด้วยตาตนเองว่าหัวใจของจ้าวเฟิงตั้งท่าจะจากไป ผู้เฒ่าเจียงก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย “น้องชาย เป็นเจ้าที่ช่วยชีวิตพวกเรา คนแซ่เจียงผู้นี้ไม่รู้จะตอบแทนเช่นไร โปรดให้เราได้ดูแลเจ้าเสียหน่อยเถิด”

“น้องชายจ้าวเพิ่งกลับมายังแคว้นเมฆา สถานการณ์ที่เจ้าไม่รู้อีกมากเราสามารถอธิบายให้เจ้าฟังได้ ข้าเชื่อว่าผู้เฒ่าซู่แห่งพันธมิตรสังหารมังกรต้องสนใจเจ้าเป็นแน่”

องค์ชายสามอดไม่ได้ที่จะเอ่ยรั้ง สีหน้าเต็มไปด้วยความจริงใจ

พันธมิตรสังหารมังกร?

ฝีเท้าของจ้าวเฟิงชะงักลง

“สมาชิกของพันธมิตรสังหารมังกรส่วนมากมาจากสำนักที่ถูกทำลายโดยพันธมิตรมังกรโลหะ นำโดยเจ็ดสำนักสมบัตินภา ผู้เฒ่าซู่คือผู้นำของ ‘พันธมิตรสังหารมังกร’ นำทุกคนเช้ารับมือกับพันธมิตรมังกรโลหะ”

องค์ชายสามเอ่ยตอบ

แคว้นเมฆาในยามนี้ได้ถูกควบคุมอยู่โดยพันธมิตรมังกรโลหะ

‘พันธมิตรสังหารมังกร’ คำว่า ‘สังหารมังกร’ ชัดเจนว่ามีเป้าหมายอยู่ที่พันธมิตรมังกรโลหะที่ใช้หนึ่งฝ่ามือปิดฟ้านั่น

จ้าวเฟิงแย้มยิ้มบาง ทำท่าจะเอ่ยปฏิเสธ

พูดตามตรง ต่อให้เขามีความสนใจในพันธมิตรสังหารมังกรอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่อาจเทียบได้กับบ้านเกิดของตนเองเช่นสิบสามแคว้นได้

ทว่า เด็กหนุ่มเพียงเตรียมจะเปิดปาก ความรู้สึกเจ็บปวดจากดวงตาซ้ายก็รุนแรงยิ่งขึ้น

มิติในดวงตาซ้าย

บ่อน้ำเหมันต์เย็นเยียบไหวกระเพื่อม ใจกลางสายน้ำสีน้ำเงินที่เชียวกรากส่องประกายคลื่นสีฟ้าอ่อนขึ้น บ่อน้ำเหมันต์นั้นราวกับหลอมละลายลง มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 9.9 จ้าง

“ดวงตาเทพเจ้าเข้าสู่สถานะวิวัฒนาการแล้ว อย่าได้บอกข้าเชียวว่าการทำความเช้าใจอนุสรณ์วายุอัสนีโบราณก่อนหน้า…”

จ้าวเฟิงลอบถอนหายใจในใจ

ในยามนี้ พลังฝึกตนของเขาเทียบได้กับชั้นครึ่งก้าวสู่ชั้นนายเหนือแท้ ขอบเขตจิตวิญญาณเหนือกว่าชั้นนายเหนือแท้ระดับสูงทั่วไป และดวงวิญญาณที่ขยายออกเหนือกว่าชั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอดไปแล้ว

ตราบเท่าที่เขาปิดด่านฝึกตนเสียหน่อยก็สามารถทะลวงเช้าสู่ชั้นนายเหนือแท้ได้โดยไม่มีคอขวดใดๆ

ทว่า ดวงตาที่สำคัญนี้ เนตรจิตวิญญาณเทพเจ้าได้เช้าสู่สภาวะวิวัฒนาการ

จ้าวเฟิงวิเคราะห์อย่างระมัดระวัง

การกลับไปยังสิบสามแคว้นเขามีไพ่ตายอยู่สองใบคือ ‘โล่มังกรหยก’ และมรดกอาวุธวิเศษชั้นดินภายในร่าง ‘หอกจักรพรรดิเหมันต์’

แต่เดิมเขามีไพ่ตายสามใบ แต่ดวงตาเทพเจ้าได้เช้าสู่สภาวะวิวัฒนาการอยู่ในยามนี้

“เรื่องเร่งด่วนคือต้องให้ดวงตาเทพเจ้าข้ามช่วงวิวัฒนาการไปได้ด้วยดีก่อน เมื่อเทียบกับการบรรลุสู่ชั้นนายเหนือแท้แล้ว พลังของมันมากมายกว่า”

จ้าวเฟิงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

หากมีดวงตาเทพเจ้า แม้เขาจะไม่บรรลุสู่ชั้นนายเหนือแท้ก็ยังคงเหนือกว่าผู้ฝึกตนชั้นนายเหนือแท้ส่วนมากได้ด้วยวิธีการเดิม

ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าดวงตาเทพเจ้ายังวิวัฒนาการไปแล้ว ในทางกลับกัน การบรรลุสู่ชั้นนายเหนือแท้ไม่ได้ทำให้ความแข็งแกร่งของจ้าวเฟิงเพิ่มมากขึ้นเท่าใด จะอย่างไรเขาก็มีขอบเขตจิตวิญญาณชั้นนายเหนือแท้ แม้ไม่ใช้ดวงตาเทพเจ้าก็ยังสามารถเป็นคู่ต่อสู้กับผู้ฝึกตนชั้นนายเหนือแท้ทั่วไปได้

“น้องชายจ้าว เจ้าคิดเช่นไร?”

ใบหน้าของผู้เฒ่าเจียงเต็มไปด้วยความหวัง เฝ้ารอคำตอบของจ้าวเฟิง

องค์ชายสามพลันนึกถึงบางอย่างขึ้นได้ สายตาปรากฏความกระตือรือร้นขึ้น

“น้องสาวคนที่เก้าของข้ามีศักดิ์เป็นองค์หญิง เป็นที่เลื่องลือถึงความงามในสองแคว้นใหญ่ ทั้งยังเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของแคว้นใหญ่สมบัตินภา ไม่นานมานี้นางเพิ่งจะกลับมาจากงานชุมนุมเซียนมังกร ข้าเชื่อว่ายอดอัจฉริยะเช่นน้องชายจ้าวคงเคยได้ยินถึงงานชุมนุมเซียนมังกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปมาบ้าง คงสามารถพูดคุยกับน้องเก้าของข้าได้”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!