บทที่ 541 ชิงของกลางอากาศ
หายไป!
ฟู่ สวบ สวบ–
เถาวัลย์ที่กวัดแกว่งอยู่เต็มบริเวณหายวับไปกับตา
ในวินาทีนั้น ยอดฝีมือจากทั้งสามสำนักบนยอดเขาเสียดฟ้าต่างมองกันอ้าปากค้าง พื้นที่ตรงหน้านั้นไร้ซึ่งกลิ่นอายของสรรพชีวิตใดๆ! แม้แต่ผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดก็มองตาโตเช่นกัน เพียงหนึ่งช่วงลมหายใจหลังจากนั้น ทั่วทั้งพื้นที่แห่งนี้ก็เอ็ดตะโรอื้ออึงไปหมด
“นี่เรื่องอะไรกัน!”
“วารีคืนชีวิตหยดนั้น เหตุใดจึงหายไปกลางอากาศเฉยๆ?”
“หรือว่าระหว่างส่งมันผ่าน ‘ค่ายกลย้ายมิติ’ เกิดมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ทั่วทั้งที่แห่งนั้นแตกตื่นยกใหญ่
คนจำนวนหนึ่งต่างพากันสงสัยในการสลายหายไปของวารีคืนชีวิต
แต่ทว่าราชันย์ในขอบเขตปราณเทวะทั้งสามรวมไปถึง ‘ปรมาจารย์อิ๋นคง’ ผู้ควบคุมค่ายกล ก็ได้ยืนยันแน่ชัดแล้วว่าวารีคืนชีวิตถูกส่งไปยังมิติแห่งนั้นเรียบร้อยแล้ว
“หรือว่าเสี้ยววินาทีก่อนจะเป็น….”
ดวงตาคู่สีเงินของปรมาจารย์อิ๋นคงแฝงไปด้วยความเคลือบแคลงใจ ก่อนจะย้อนคิดอย่างละเอียด วารีคืนชีวิตถูกส่งไปที่ราชาเถาวัลย์เรียบร้อยแล้ว อยู่ดีๆ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียอย่างนั้น
ถ้าหากถูกดูดซึมไปกลางอากาศ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะมีร่องรอยหลงเหลืออยู่ แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นเมื่อครู่ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้สืบหาเลย
“เป็นไปไม่ได้หรอก หรือว่าสายเลือดดวงตาของเจ้าเด็กนั่นจะส่งผลถึงสิ่งใดๆ ในมิติได้?” ราชันย์ปราณเทวะทั้งสามมองหน้ากันไปมา
ในเวลานั้นเอง เหล่ายอดฝีมือบนยอดเขาสูงใจเต้นระส่ำ
ภาพที่เห็นเมื่อครู่มันชักจะแปลกประหลาดเกินไปแล้ว!
เย่หยานหยูและศิษย์คนอื่นของทั้งสามสำนักที่เคยประมือกับจ้าวเฟิงล้วนแต่คาดไม่ถึง ด้วยในซากปรักหักพังคราวก่อน จ้าวเฟิงก็เคยแสดงพลังสายเลือดดวงตาต่างๆ ที่แข็งแกร่งจนพวกเขาคิดว่าถึงขีดสุดมาแล้ว
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม วิชาสายเลือดดวงตาเหล่านั้นล้วนต้องมีร่องรอยให้สืบหา หรือกระทั่งอาจจะรู้ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นวิชาลับประเภทใด
ทว่าภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า การทำให้สิ่งของบางอย่างหายไปกลางอากาศเฉยๆ แบบนี้ มันออกจะผิดปกติเกินไปหรือเปล่า?
ในหุบเขาลี้ลับ
“หะ…หายไปแล้ว!” หากเจ้าหอโครงกระดูกมีดวงตาล่ะก็ ดวงตาของเขาคงโตจนแทบจะถลนออกจากเบ้าแล้ว
เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงที่คอยดูอยู่เบื้องหลังก็ตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง
จ้าวเฟิงที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ เรือนผมสีน้ำเงินปลิวละล่อง ตาข้างซ้ายซึ่งปล่อยพลังดวงตาที่แข็งแกร่งออกมา ภายในใจกลางจะเห็นน้ำวนเล็กๆ อยู่
ทะเลสาบพลังดวงตาในมิติดวงตาซ้ายปรากฏ ‘วารีคืนชีวิต’ หยดหนึ่ง
“เมื่อครู่นั่นคือ…” จ้าวเฟิงตื่นตระหนกจนยากจะสงบสติได้
หาก ‘วารีคืนชีวิต’ หยดนี้ไม่ได้กำลังล่องลอยอยู่ในตาซ้าย ขนาดเขาเองก็คงยังสงสัยว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือเกิดขึ้นเพราะ ‘ความบังเอิญ’
แต่ว่าความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้านี้แล้ว ‘วารีคืนชีวิต’ หยดนั้นถูกเขาใช้ดวงตาเทพเจ้าย้ายเข้ามาภายในนี้กลางอากาศ
อีกทั้งการ ‘ย้าย’ นี้ถือว่าเป็นความสามารถประเภท ‘ข้ามมิติ’ ซึ่งจะไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้
ถ้าจะให้เปรียบก็เหมือนกับเจ้าแมวขโมยตัวน้อยที่สามารถเข้ามาอยู่ภายในมิติเก็บของของเขา
แต่พลังสายเลือดดวงตาอันใหม่ของจ้าวเฟิงกลับลึกล้ำมากนัก สามารถนำเอาสิ่งของที่อยู่กลางอากาศ ‘ย้าย’ เข้ามาอยู่ภายในมิติดวงตาซ้ายของตนได้โดยตรง
“ใต้เท้า เหตุการณ์เมื่อครู่อาจเป็นแค่อุบัติเหตุ ลองลอบส่งไปอีกสักครั้งเถิด” ปรมาจารย์อิ๋นคงเสนอ เขาคิดคำนวณบางอย่างไว้ในใจแล้ว เพียงแค่อยากจะแน่ใจอะไรบางอย่างเท่านั้น
“ได้” เฉิงเยว่เซียนกูผงกศีรษะ
จะอย่างไรก็ดี ตอนนี้ถือว่าทะเลเถาวัลย์ค่อนข้างได้เปรียบกว่า จ้าวเฟิงเองก็ไม่มีสัตว์อสูรตัวใหม่ให้ควบคุมอีกแล้ว
เคลื่อนย้าย!
ครั้นปรมาจารย์อิ๋นคงเริ่มเป็นคนแรกแล้ว ปรมาจารย์ค่ายกลคนอื่นๆ จึงเริ่มเปิด ‘ค่ายกลย้ายมิติ’
ในใจกลางของค่ายกลย้ายมิติเห็นรอยแยกสีเงินเลือนรางชั้นหนึ่ง มันหมุนวนก่อตัวเป็นบางสิ่งคล้าย ‘อุโมงค์ทางเชื่อม’ จากนั้นส่งคลื่นพลังประหลาดเข้าไปทีละสายพร้อมกัน
ไม่นานนัก ปรมาจารย์อิ๋นคงก็ส่งวารีคืนชีวิตหยดที่สองเข้าไปในทางเชื่อมนั้น
“เหอะ! ในครั้งนี้ข้าเอาวารีคืนชีวิตส่งเข้าไปภายในลำต้นของราชาเถาวัลย์มาร” ปรมาจารย์อิ๋นคงเอ่ยเสียงเย็นเยือก
ในหลายครั้งที่ผ่านมาเขาเพียงแค่ส่งวารีคืนชีวิตไปยังใจกลางของทะเลเถาวัลย์ แต่ว่าในครั้งนี้เขาส่งเข้าไปภายในลำต้นราชาเถาวัลย์มาร จำต้องหาตำแหน่งในมิติที่แม่นยำมากกว่าเดิม ซึ่งถือได้ว่ายากขึ้นหลายสิบเท่า
วินาทีที่ ‘ส่ง’ นั้น ดวงตาสีเงินของปรมาจารย์อิ๋นคงปรากฏลำแสงสีเงินลึกล้ำสว่างวาบ
สวบ!
ส่งสำเร็จ!
มุมปากของปรมาจารย์อิ๋นคงยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มทระนงตน
การส่งสิ่งของไปยังจุดหมายได้ถูกต้องแม่นยำระดับนี้ คงจะมีเพียงแค่เขาผู้เป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกลมิติที่สามารถทำได้
หุบเขาลี้ลับ
“มาอีกแล้ว!” ใจจ้าวเฟิงเต้นระรัว
ดวงตาเทพเจ้าของเขาจับจ้องไปยังบริเวณที่มีราชาเถาวัลย์มารตลอดเวลา
เมื่อมิติเริ่มสั่นไหว จ้าวเฟิงก็ตรึงเป้าหมายไว้เรียบร้อยแล้ว
ในครั้งนี้ ตำแหน่งที่วารีคืนชีวิตปรากฏขึ้นลึกล้ำเกินกว่าจะคาดคิด มันกลับปรากฏขึ้นในลำต้นของราชาเถาวัลย์มาร
เรียกได้ว่า ทันทีที่วารีคืนชีวิตปรากฏขึ้นจะถูกราชาเถาวัลย์มารทมิฬดูดกลืนไป
เจ้าหอโครงกระดูกก็ยากจะสัมผัสได้ถึงข้อนี้ แต่ทว่าเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงผู้อยู่เบื้องหลังกลับรู้ซึ้งอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
“แย่แล้ว!”
“หายไปซะ!”
พลังดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงโคจรไปจนถึงขีดสูงสุดของพลัง
ระลอกพลังที่โปร่งแสงของดวงตาค่อยๆ เผยออกมากลางจุดที่มิติกำลังกระเพื่อม แล้วจึงปรากฏน้ำวนในใจกลาง
ในวินาทีนั้นเอง มิติก็เกิดบิดเบี้ยวไปมาจนเป็นเกิดภาพมายาทับซ้อน
สวบ!
วารีคืนชีวิตเพิ่งจะปรากฏขึ้นยังบริเวณนั้นก็ถูกพลังลึกลับบางอย่างดูดซับแล้วย้ายหายไป
ราชาเถาวัลย์มารยังคงขยับเถาวัลย์ที่เหลือไปมาโดยไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยแม้แต่น้อย สถานการณ์คล้ายกับว่าวารีคืนชีวิตยังไม่ทันได้ปรากฏในซากปรักหักพังสือเฉิงเสียด้วยซ้ำ
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
พรึ่บ!
ในมิติดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็ปรากฏ ‘วารีคืนชีวิต’ หยดที่สอง
“ฮ่าฮ่า จ้าวเฟิง! ทำได้ดีๆ!” ผู้ที่สามารถมองเห็นขั้นตอนทั้งหมดนี้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นคือ ‘เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิง’ ซึ่งเป็นดั่งหัวใจของมิติแห่งนี้
ขนาดราชันย์ในขอบเขตปราณเทวะทั้งสามที่โลกภายนอกยังไม่ชัดเจนในเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ไม่ใช่ว่าพลังประสาทสัมผัสของพวกเขาไม่แข็งแกร่ง ราชันย์ปราณเทวะทั้งสามทำได้เพียงแค่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในมิติซากปรักหักพังผ่านทางภาพเงาเท่านั้น สถานการณ์ภายในลำต้นของราชันย์เถาวัลย์มารพวกเขาเองก็มองไม่เห็น
“ปรมาจารย์อิ๋นคง สภาพการณ์เป็นเช่นใดบ้าง?” เฉิงเยว่เซียนกูหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วทอดสายตาไปทางปรมาจารย์อิ๋นคง
ทำไมจึงไม่มีปฏิกิริยาใด?
ฝูงชนล้วนแต่รู้สึกสงสัย พวกเขาทุกคนมองเห็นปรมาจารย์อิ๋นคงส่ง ‘วารีคืนชีวิต’ หยดนั้นเต็มสองตา
“ใต้เท้า วารีคืนชีวิตหยดนั้นข้าลักลอบส่งเข้าไปภายในลำต้นของราชาเถาวัลย์มารได้สำเร็จ ทว่าถูกจ้าวเฟิงใช้พลังมิติบางอย่าง ‘ชิงกลางอากาศ’ ไปเสียแล้ว”
ปรมาจารย์อิ๋นคงพูดอย่างสะกดอารมณ์
ชิงไปกลางอากาศ? บรรดายอดฝีมือในที่แห่งนั้นต่างก็พากันเงียบกริบ
ในวินาทีนั้น ราชันย์ปราณเทวะทั้งสามก็มองปรมาจารย์อิ๋นคงไม่ละสายตา รอให้เขาให้คำตอบที่ชัดเจนมากกว่านี้
“จากที่ข้าวิเคราะห์ ข้าคิดว่าสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงผู้นั้นน่าจะมีพลังที่คล้ายการ ‘เคลื่อนย้ายมิติ’ พูดง่ายๆ ก็คือ สามารถย้ายสิ่งของจากมิติหนึ่งไปยังอีกมิติหนึ่ง หลักการนี้จะให้เปรียบง่ายหน่อยก็เหมือนข้าส่งวารีคืนชีวิตผ่าน ‘ทางเชื่อม’ ไปที่ซากปรักหักพังสือเฉิง เพียงแต่ว่าความสามารถนี้ของจ้าวเฟิงพิสดารมากกว่า…” ปรมาจารย์อิ๋นคงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง
จากนั้น สิ่งที่เขาอธิบายจะเกี่ยวข้องกับหลักการมิติบางอย่างซึ่งมีเพียงราชันย์ปราณเทวะทั้งสามและผู้สูงศักดิ์บางส่วนเท่านั้นที่ฟังพอจะเข้าใจ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ หากว่าเป็นแบบนั้นแล้ว สายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงก็น่ากลัวกว่าที่เราคาดคิดไว้มากนัก” เฉิงเยว่เซียนกูเอ่ยเสียงต่ำ
“หรือว่าเขาเป็นลูกหลานของสายเลือดเนตรเทพเจ้าคนใด?”
คนในฝูงชนผู้หนึ่งเอ่ยด้วยเสียงอันดังจึงทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น
เดินหมากมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ถึงแม้ว่าราชันย์ปราณเทวะทั้งสามจะแข็งแกร่งสักปานใด แต่ผู้คนก็ยังสัมผัสได้ถึงความพ่ายแพ้ที่อยู่เบื้องหน้า
ทันทีที่ล้มเหลว ได้รับความพ่ายแพ้ คนส่วนมากมักจะเตรียมหาข้ออ้างที่ดูสมเหตุสมผล
“ทายาทของสายเลือดเนตรเทพเจ้า? เป็นไปไม่ได้! แปดเนตรเทพเจ้าไม่มีชนิดนี้” ปรมาจารย์อิ๋นคงส่ายหัวปฏิเสธในทันที ราชันย์ปราณเทวะทั้งสามเชื่อในคำพูดของเขา
ด้วยเพราะว่าปรมาจารย์อิ๋นคงมีความเข้าใจใน ‘แปดเนตรเทพเจ้า’ ถึงขั้นที่ว่าแจ่มแจ้งในพลังตามตำนานของ ‘เนตรเทพเจ้า’ ทุกประเภทเสียด้วยซ้ำ
“เอาเถอะ ทุกท่านอย่าเพิ่งคาดเดากันไป อย่างไร ‘ดวงเนตรมิติ’ ของปรมาจารย์อิ๋นคงก็นับว่าเป็นหนึ่งใน ‘แปดเนตรเทพเจ้า’ ซึ่งมีแหล่งพลังของมรดกสายเลือดส่วนหนึ่งด้วย”
เฉิงเยว่เซียนกูเอ่ยปากเพื่อตัดบทการคาดเดาไปเรื่อยของฝูงชน เสียงวิจารณ์อื้ออึงจึงเงียบไป
ราชันย์ปราณเทวะทั้งสามและปรมาจารย์อิ๋นคงจึงกลับมาปรึกษาหารือกันอีกครั้ง
“ยังพอมีอีกวิธีหนึ่ง พวกเราสามารถทำเหมือนครั้งก่อนที่นำเอาพลังชีวิตของ ‘วารีคืนชีวิต’ ทะลวงเข้าไปทีละน้อย” ปรมาจารย์อิ๋นคงเอ่ยเสนอความคิด
“ยังมีวารีคืนชีวิตเหลืออยู่สองหยด” เฉิงเยว่เซียนกูผงกศีรษะน้อยๆ
หุบเขาลี้ลับ
หลังภัยอันตรายสองคราผ่านพ้นไป จ้าวเฟิงหลังเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ภายในแววตานอกเหนือจากความอ่อนล้าหวาดกลัวแล้วยังมีความลิงโลดอยู่หลายส่วนทีเดียว
วู้ วิ้ง~
ทันใดนั้น รอบราชาเถาวัลย์มารทมิฬเกิดพลังแห่งชีวิตทะลักหลั่งออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง ราชาเถาวัลย์และทะเลเถาวัลย์ก็ดูดซับพลังทั้งหมดนั้นไว้
ในเวลาอันสั้น ราชาเถาวัลย์ซึ่งอยู่ใจกลางของทะเลเถาวัลย์ทั้งรูปร่างกับไอพลังก็เติบโตไม่หยุด พลังชีวิตนั้นส่งมาต่อเนื่องไม่หยุด ไม่ใช่แค่ระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง
“ฝั่งนั้นก็ไม่ได้โง่นี่” จ้าวเฟิงใจเต้นรัว
พลัง ‘เคลื่อนย้ายกลางอากาศ’ ของดวงตาเทพเจ้าในแต่ละครั้งสามารถจัดการของได้เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ทุกครั้งที่ใช้พลังนี้ พลังสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงก็สูญสลายไปอย่างฮวบฮาบ
เพียงแค่สองครั้งเมื่อครู่ พลังดวงตาของจ้าวเฟิงก็หายไปแล้วถึงสองสามส่วน สูญสลายไปมากกว่าใช้เนตรสวรรค์เสียอีก สำหรับการส่งพลังชีวิตแทรกซึมมาแบบไม่หยุดครานี้จ้าวเฟิงเองก็รู้สึกจนปัญญา
“จ้าวเฟิง! ‘ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป’ ใกล้จะแบกรับต่อไปไม่ไหวแล้ว” เจ้าหอโครงกระดูกตะโกนอย่างร้อนใจเมื่อรู้สึกถึงความตึงเครียดที่มากขึ้น
เมื่อพลัง ‘วารีคืนชีวิต’ ถูกส่งมาเรื่อยๆ จึงทำให้ราชาเถาวัลย์มารทมิฬและทะเลเถาวัลย์เติบโตไม่จบสิ้น
ในเวลานั้น ทะเลเถาวัลย์กว้างขึ้นราวห้าหกสิบลี้ ใหญ่กว่าค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปไปแล้วเรียบร้อย
ทันทีที่ ‘ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป’ พังทลาย ต่อให้เป็นจ้าวเฟิงกับเจ้าหอโครงกระดูกร่วมมือกัน ก็เกรงว่าจะรับมือกับการเติบโตอันบ้าคลั่งของทะเลเถาวัลย์เหล่านี้ไม่ไหว
“ฮ่าฮ่าฮ่า…เจ้าเด็กนั่นจนปัญญาจะรับมือแล้วล่ะมั้ง!”
“กองทัพสัตว์อสูรของเขาก็สลายไปหมด ไม่มีสัตว์อสูรให้เขาควบคุมอีกแล้ว”
เหล่ายอดฝีมือบนยอดเขาเทียมฟ้าเผยสีหน้ายิ้มกริ่ม
ในเวลานี้จ้าวเฟิงราวกับมาถึงทางตันแล้ว
พลังวายุอัสนีที่เขาเรียกออกมาถูกเถาวัลย์มารทมิฬยับยั้งไว้ เขาเองก็ไม่มีกองทัพสัตว์อสูรในมือให้ควบคุมได้อีก
เมื่อมองเห็นพลังของราชันย์เถาวัลย์มารแข็งแกร่งขึ้นทีละน้อยจนเกือบจะเท่าขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ก็ทำให้คิดได้ว่าทุกนาทีที่ผ่านไป อันตรายที่มิติสือเฉิงต้องเผชิญก็มากขึ้นหนึ่งส่วนเช่นกัน
“ยังเหลืออีกวิธีหนึ่ง!” จ้าวเฟิงพึมพำ
พรึบ แซ่ด!
เงาสายฟ้าสว่างขึ้นวาบหนึ่งแล้วจ้าวเฟิงก็หายไปทันที
“จ้าวเฟิง! ทำไมท่านหนีไปซะแล้วล่ะ!” เจ้าหอโครงกระดูกที่กำลังประคับประคองค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปตะโกนอย่างเสียขวัญ
แซ่ด ชวิ้ง!
แทบจะเป็นเวลาเพียงก้าวเดียวเท่านั้น จ้าวเฟิงร่อนตัวลงบนหอคอยพฤกษาปีศาจ
“เจ้ามนุษย์ หากเจ้าไม่ไปรับมือกับเถาวัลย์ทางนั้น เมื่อมันมาถึงข้าตรงนี้ก็ยากที่จะหลบหนีไปได้แล้ว” หอคอยพฤกษาปีศาจเอ่ยเสียงทุกข์ระทม
“พี่พฤกษาปีศาจ ให้พวกเราร่วมกันรบอีกครั้งเถิด จะแพ้หรือจะชนะก็อยู่ที่วินาทีถัดไปนี่แล้ว” จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ
ทันทีที่เอ่ยจบ ดวงตาเทพเจ้าทางซ้ายของเขาก็ปล่อยพลังดวงตาที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ราวกับว่ากลายเป็นถ้ำใต้น้ำลึกล้ำซึ่งตรึงเป้าหมายไปที่ราชาเถาวัลย์มารทมิฬ
“จ้าวเฟิง …หรือท่านคิดว่า…?” เจ้าหอโครงกระดูกใจสั่นระรัว
ในเสี้ยววินาทีนั้น เขาคาดเดาได้ว่าจ้าวเฟิงช่างบ้าบิ่นเกินไปแล้ว
“เจ้าหอโครงกระดูก เจ้าทนต่อไปอีกสักหน่อย” จ้าวเฟิงพนักหน้า ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
เขาอยากจะลองวิธีนั้น แต่หากมีเขาเพียงคนเดียว การจะทำให้สำเร็จความเป็นไปได้มีไม่ถึงสิบส่วนด้วยซ้ำ
แต่ถ้าได้ความช่วยเหลือของหอคอยพฤกษาปีศาจ ความเป็นไปได้น่าจะมีถึงแปดส่วนเลยทีเดียว