Skip to content

King of Gods 541

King Of Gods

บทที่ 541 ชิงของกลางอากาศ

หายไป!

ฟู่ สวบ สวบ–

เถาวัลย์ที่กวัดแกว่งอยู่เต็มบริเวณหายวับไปกับตา

ในวินาทีนั้น ยอดฝีมือจากทั้งสามสำนักบนยอดเขาเสียดฟ้าต่างมองกันอ้าปากค้าง พื้นที่ตรงหน้านั้นไร้ซึ่งกลิ่นอายของสรรพชีวิตใดๆ! แม้แต่ผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดก็มองตาโตเช่นกัน เพียงหนึ่งช่วงลมหายใจหลังจากนั้น ทั่วทั้งพื้นที่แห่งนี้ก็เอ็ดตะโรอื้ออึงไปหมด

“นี่เรื่องอะไรกัน!”

“วารีคืนชีวิตหยดนั้น เหตุใดจึงหายไปกลางอากาศเฉยๆ?”

“หรือว่าระหว่างส่งมันผ่าน ‘ค่ายกลย้ายมิติ’ เกิดมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ทั่วทั้งที่แห่งนั้นแตกตื่นยกใหญ่

คนจำนวนหนึ่งต่างพากันสงสัยในการสลายหายไปของวารีคืนชีวิต

แต่ทว่าราชันย์ในขอบเขตปราณเทวะทั้งสามรวมไปถึง ‘ปรมาจารย์อิ๋นคง’ ผู้ควบคุมค่ายกล ก็ได้ยืนยันแน่ชัดแล้วว่าวารีคืนชีวิตถูกส่งไปยังมิติแห่งนั้นเรียบร้อยแล้ว

“หรือว่าเสี้ยววินาทีก่อนจะเป็น….”

ดวงตาคู่สีเงินของปรมาจารย์อิ๋นคงแฝงไปด้วยความเคลือบแคลงใจ ก่อนจะย้อนคิดอย่างละเอียด วารีคืนชีวิตถูกส่งไปที่ราชาเถาวัลย์เรียบร้อยแล้ว อยู่ดีๆ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียอย่างนั้น

ถ้าหากถูกดูดซึมไปกลางอากาศ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะมีร่องรอยหลงเหลืออยู่ แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นเมื่อครู่ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้สืบหาเลย

“เป็นไปไม่ได้หรอก หรือว่าสายเลือดดวงตาของเจ้าเด็กนั่นจะส่งผลถึงสิ่งใดๆ ในมิติได้?” ราชันย์ปราณเทวะทั้งสามมองหน้ากันไปมา

ในเวลานั้นเอง เหล่ายอดฝีมือบนยอดเขาสูงใจเต้นระส่ำ

ภาพที่เห็นเมื่อครู่มันชักจะแปลกประหลาดเกินไปแล้ว!

เย่หยานหยูและศิษย์คนอื่นของทั้งสามสำนักที่เคยประมือกับจ้าวเฟิงล้วนแต่คาดไม่ถึง ด้วยในซากปรักหักพังคราวก่อน จ้าวเฟิงก็เคยแสดงพลังสายเลือดดวงตาต่างๆ ที่แข็งแกร่งจนพวกเขาคิดว่าถึงขีดสุดมาแล้ว

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม วิชาสายเลือดดวงตาเหล่านั้นล้วนต้องมีร่องรอยให้สืบหา หรือกระทั่งอาจจะรู้ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นวิชาลับประเภทใด

ทว่าภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า การทำให้สิ่งของบางอย่างหายไปกลางอากาศเฉยๆ แบบนี้ มันออกจะผิดปกติเกินไปหรือเปล่า?

ในหุบเขาลี้ลับ

“หะ…หายไปแล้ว!” หากเจ้าหอโครงกระดูกมีดวงตาล่ะก็ ดวงตาของเขาคงโตจนแทบจะถลนออกจากเบ้าแล้ว

เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงที่คอยดูอยู่เบื้องหลังก็ตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง

จ้าวเฟิงที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ เรือนผมสีน้ำเงินปลิวละล่อง ตาข้างซ้ายซึ่งปล่อยพลังดวงตาที่แข็งแกร่งออกมา ภายในใจกลางจะเห็นน้ำวนเล็กๆ อยู่

ทะเลสาบพลังดวงตาในมิติดวงตาซ้ายปรากฏ ‘วารีคืนชีวิต’ หยดหนึ่ง

“เมื่อครู่นั่นคือ…” จ้าวเฟิงตื่นตระหนกจนยากจะสงบสติได้

หาก ‘วารีคืนชีวิต’ หยดนี้ไม่ได้กำลังล่องลอยอยู่ในตาซ้าย ขนาดเขาเองก็คงยังสงสัยว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือเกิดขึ้นเพราะ ‘ความบังเอิญ’

แต่ว่าความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้านี้แล้ว ‘วารีคืนชีวิต’ หยดนั้นถูกเขาใช้ดวงตาเทพเจ้าย้ายเข้ามาภายในนี้กลางอากาศ

อีกทั้งการ ‘ย้าย’ นี้ถือว่าเป็นความสามารถประเภท ‘ข้ามมิติ’ ซึ่งจะไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้

ถ้าจะให้เปรียบก็เหมือนกับเจ้าแมวขโมยตัวน้อยที่สามารถเข้ามาอยู่ภายในมิติเก็บของของเขา

แต่พลังสายเลือดดวงตาอันใหม่ของจ้าวเฟิงกลับลึกล้ำมากนัก สามารถนำเอาสิ่งของที่อยู่กลางอากาศ ‘ย้าย’ เข้ามาอยู่ภายในมิติดวงตาซ้ายของตนได้โดยตรง

“ใต้เท้า เหตุการณ์เมื่อครู่อาจเป็นแค่อุบัติเหตุ ลองลอบส่งไปอีกสักครั้งเถิด” ปรมาจารย์อิ๋นคงเสนอ เขาคิดคำนวณบางอย่างไว้ในใจแล้ว เพียงแค่อยากจะแน่ใจอะไรบางอย่างเท่านั้น

“ได้” เฉิงเยว่เซียนกูผงกศีรษะ

จะอย่างไรก็ดี ตอนนี้ถือว่าทะเลเถาวัลย์ค่อนข้างได้เปรียบกว่า จ้าวเฟิงเองก็ไม่มีสัตว์อสูรตัวใหม่ให้ควบคุมอีกแล้ว

เคลื่อนย้าย!

ครั้นปรมาจารย์อิ๋นคงเริ่มเป็นคนแรกแล้ว ปรมาจารย์ค่ายกลคนอื่นๆ จึงเริ่มเปิด ‘ค่ายกลย้ายมิติ’

ในใจกลางของค่ายกลย้ายมิติเห็นรอยแยกสีเงินเลือนรางชั้นหนึ่ง มันหมุนวนก่อตัวเป็นบางสิ่งคล้าย ‘อุโมงค์ทางเชื่อม’ จากนั้นส่งคลื่นพลังประหลาดเข้าไปทีละสายพร้อมกัน

ไม่นานนัก ปรมาจารย์อิ๋นคงก็ส่งวารีคืนชีวิตหยดที่สองเข้าไปในทางเชื่อมนั้น

“เหอะ! ในครั้งนี้ข้าเอาวารีคืนชีวิตส่งเข้าไปภายในลำต้นของราชาเถาวัลย์มาร” ปรมาจารย์อิ๋นคงเอ่ยเสียงเย็นเยือก

ในหลายครั้งที่ผ่านมาเขาเพียงแค่ส่งวารีคืนชีวิตไปยังใจกลางของทะเลเถาวัลย์ แต่ว่าในครั้งนี้เขาส่งเข้าไปภายในลำต้นราชาเถาวัลย์มาร จำต้องหาตำแหน่งในมิติที่แม่นยำมากกว่าเดิม ซึ่งถือได้ว่ายากขึ้นหลายสิบเท่า

วินาทีที่ ‘ส่ง’ นั้น ดวงตาสีเงินของปรมาจารย์อิ๋นคงปรากฏลำแสงสีเงินลึกล้ำสว่างวาบ

สวบ!

ส่งสำเร็จ!

มุมปากของปรมาจารย์อิ๋นคงยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มทระนงตน

การส่งสิ่งของไปยังจุดหมายได้ถูกต้องแม่นยำระดับนี้ คงจะมีเพียงแค่เขาผู้เป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกลมิติที่สามารถทำได้

หุบเขาลี้ลับ

“มาอีกแล้ว!” ใจจ้าวเฟิงเต้นระรัว

ดวงตาเทพเจ้าของเขาจับจ้องไปยังบริเวณที่มีราชาเถาวัลย์มารตลอดเวลา

เมื่อมิติเริ่มสั่นไหว จ้าวเฟิงก็ตรึงเป้าหมายไว้เรียบร้อยแล้ว

ในครั้งนี้ ตำแหน่งที่วารีคืนชีวิตปรากฏขึ้นลึกล้ำเกินกว่าจะคาดคิด มันกลับปรากฏขึ้นในลำต้นของราชาเถาวัลย์มาร

เรียกได้ว่า ทันทีที่วารีคืนชีวิตปรากฏขึ้นจะถูกราชาเถาวัลย์มารทมิฬดูดกลืนไป

เจ้าหอโครงกระดูกก็ยากจะสัมผัสได้ถึงข้อนี้ แต่ทว่าเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงผู้อยู่เบื้องหลังกลับรู้ซึ้งอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

“แย่แล้ว!”

“หายไปซะ!”

พลังดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงโคจรไปจนถึงขีดสูงสุดของพลัง

ระลอกพลังที่โปร่งแสงของดวงตาค่อยๆ เผยออกมากลางจุดที่มิติกำลังกระเพื่อม แล้วจึงปรากฏน้ำวนในใจกลาง

ในวินาทีนั้นเอง มิติก็เกิดบิดเบี้ยวไปมาจนเป็นเกิดภาพมายาทับซ้อน

สวบ!

วารีคืนชีวิตเพิ่งจะปรากฏขึ้นยังบริเวณนั้นก็ถูกพลังลึกลับบางอย่างดูดซับแล้วย้ายหายไป

ราชาเถาวัลย์มารยังคงขยับเถาวัลย์ที่เหลือไปมาโดยไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยแม้แต่น้อย สถานการณ์คล้ายกับว่าวารีคืนชีวิตยังไม่ทันได้ปรากฏในซากปรักหักพังสือเฉิงเสียด้วยซ้ำ

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง

พรึ่บ!

ในมิติดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็ปรากฏ ‘วารีคืนชีวิต’ หยดที่สอง

“ฮ่าฮ่า จ้าวเฟิง! ทำได้ดีๆ!” ผู้ที่สามารถมองเห็นขั้นตอนทั้งหมดนี้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นคือ ‘เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิง’ ซึ่งเป็นดั่งหัวใจของมิติแห่งนี้

ขนาดราชันย์ในขอบเขตปราณเทวะทั้งสามที่โลกภายนอกยังไม่ชัดเจนในเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ไม่ใช่ว่าพลังประสาทสัมผัสของพวกเขาไม่แข็งแกร่ง ราชันย์ปราณเทวะทั้งสามทำได้เพียงแค่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในมิติซากปรักหักพังผ่านทางภาพเงาเท่านั้น สถานการณ์ภายในลำต้นของราชันย์เถาวัลย์มารพวกเขาเองก็มองไม่เห็น

“ปรมาจารย์อิ๋นคง สภาพการณ์เป็นเช่นใดบ้าง?” เฉิงเยว่เซียนกูหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วทอดสายตาไปทางปรมาจารย์อิ๋นคง

ทำไมจึงไม่มีปฏิกิริยาใด?

ฝูงชนล้วนแต่รู้สึกสงสัย พวกเขาทุกคนมองเห็นปรมาจารย์อิ๋นคงส่ง ‘วารีคืนชีวิต’ หยดนั้นเต็มสองตา

“ใต้เท้า วารีคืนชีวิตหยดนั้นข้าลักลอบส่งเข้าไปภายในลำต้นของราชาเถาวัลย์มารได้สำเร็จ ทว่าถูกจ้าวเฟิงใช้พลังมิติบางอย่าง ‘ชิงกลางอากาศ’ ไปเสียแล้ว”

ปรมาจารย์อิ๋นคงพูดอย่างสะกดอารมณ์

ชิงไปกลางอากาศ? บรรดายอดฝีมือในที่แห่งนั้นต่างก็พากันเงียบกริบ

ในวินาทีนั้น ราชันย์ปราณเทวะทั้งสามก็มองปรมาจารย์อิ๋นคงไม่ละสายตา รอให้เขาให้คำตอบที่ชัดเจนมากกว่านี้

“จากที่ข้าวิเคราะห์ ข้าคิดว่าสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงผู้นั้นน่าจะมีพลังที่คล้ายการ ‘เคลื่อนย้ายมิติ’ พูดง่ายๆ ก็คือ สามารถย้ายสิ่งของจากมิติหนึ่งไปยังอีกมิติหนึ่ง หลักการนี้จะให้เปรียบง่ายหน่อยก็เหมือนข้าส่งวารีคืนชีวิตผ่าน ‘ทางเชื่อม’ ไปที่ซากปรักหักพังสือเฉิง เพียงแต่ว่าความสามารถนี้ของจ้าวเฟิงพิสดารมากกว่า…” ปรมาจารย์อิ๋นคงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง

จากนั้น สิ่งที่เขาอธิบายจะเกี่ยวข้องกับหลักการมิติบางอย่างซึ่งมีเพียงราชันย์ปราณเทวะทั้งสามและผู้สูงศักดิ์บางส่วนเท่านั้นที่ฟังพอจะเข้าใจ

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ หากว่าเป็นแบบนั้นแล้ว สายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงก็น่ากลัวกว่าที่เราคาดคิดไว้มากนัก” เฉิงเยว่เซียนกูเอ่ยเสียงต่ำ

“หรือว่าเขาเป็นลูกหลานของสายเลือดเนตรเทพเจ้าคนใด?”

คนในฝูงชนผู้หนึ่งเอ่ยด้วยเสียงอันดังจึงทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น

เดินหมากมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ถึงแม้ว่าราชันย์ปราณเทวะทั้งสามจะแข็งแกร่งสักปานใด แต่ผู้คนก็ยังสัมผัสได้ถึงความพ่ายแพ้ที่อยู่เบื้องหน้า

ทันทีที่ล้มเหลว ได้รับความพ่ายแพ้ คนส่วนมากมักจะเตรียมหาข้ออ้างที่ดูสมเหตุสมผล

“ทายาทของสายเลือดเนตรเทพเจ้า? เป็นไปไม่ได้! แปดเนตรเทพเจ้าไม่มีชนิดนี้” ปรมาจารย์อิ๋นคงส่ายหัวปฏิเสธในทันที ราชันย์ปราณเทวะทั้งสามเชื่อในคำพูดของเขา

ด้วยเพราะว่าปรมาจารย์อิ๋นคงมีความเข้าใจใน ‘แปดเนตรเทพเจ้า’ ถึงขั้นที่ว่าแจ่มแจ้งในพลังตามตำนานของ ‘เนตรเทพเจ้า’ ทุกประเภทเสียด้วยซ้ำ

“เอาเถอะ ทุกท่านอย่าเพิ่งคาดเดากันไป อย่างไร ‘ดวงเนตรมิติ’ ของปรมาจารย์อิ๋นคงก็นับว่าเป็นหนึ่งใน ‘แปดเนตรเทพเจ้า’ ซึ่งมีแหล่งพลังของมรดกสายเลือดส่วนหนึ่งด้วย”

เฉิงเยว่เซียนกูเอ่ยปากเพื่อตัดบทการคาดเดาไปเรื่อยของฝูงชน เสียงวิจารณ์อื้ออึงจึงเงียบไป

ราชันย์ปราณเทวะทั้งสามและปรมาจารย์อิ๋นคงจึงกลับมาปรึกษาหารือกันอีกครั้ง

“ยังพอมีอีกวิธีหนึ่ง พวกเราสามารถทำเหมือนครั้งก่อนที่นำเอาพลังชีวิตของ ‘วารีคืนชีวิต’ ทะลวงเข้าไปทีละน้อย” ปรมาจารย์อิ๋นคงเอ่ยเสนอความคิด

“ยังมีวารีคืนชีวิตเหลืออยู่สองหยด” เฉิงเยว่เซียนกูผงกศีรษะน้อยๆ

หุบเขาลี้ลับ

หลังภัยอันตรายสองคราผ่านพ้นไป จ้าวเฟิงหลังเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ภายในแววตานอกเหนือจากความอ่อนล้าหวาดกลัวแล้วยังมีความลิงโลดอยู่หลายส่วนทีเดียว

วู้ วิ้ง~

ทันใดนั้น รอบราชาเถาวัลย์มารทมิฬเกิดพลังแห่งชีวิตทะลักหลั่งออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง ราชาเถาวัลย์และทะเลเถาวัลย์ก็ดูดซับพลังทั้งหมดนั้นไว้

ในเวลาอันสั้น ราชาเถาวัลย์ซึ่งอยู่ใจกลางของทะเลเถาวัลย์ทั้งรูปร่างกับไอพลังก็เติบโตไม่หยุด พลังชีวิตนั้นส่งมาต่อเนื่องไม่หยุด ไม่ใช่แค่ระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง

“ฝั่งนั้นก็ไม่ได้โง่นี่” จ้าวเฟิงใจเต้นรัว

พลัง ‘เคลื่อนย้ายกลางอากาศ’ ของดวงตาเทพเจ้าในแต่ละครั้งสามารถจัดการของได้เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ทุกครั้งที่ใช้พลังนี้ พลังสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงก็สูญสลายไปอย่างฮวบฮาบ

เพียงแค่สองครั้งเมื่อครู่ พลังดวงตาของจ้าวเฟิงก็หายไปแล้วถึงสองสามส่วน สูญสลายไปมากกว่าใช้เนตรสวรรค์เสียอีก สำหรับการส่งพลังชีวิตแทรกซึมมาแบบไม่หยุดครานี้จ้าวเฟิงเองก็รู้สึกจนปัญญา

“จ้าวเฟิง! ‘ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป’ ใกล้จะแบกรับต่อไปไม่ไหวแล้ว” เจ้าหอโครงกระดูกตะโกนอย่างร้อนใจเมื่อรู้สึกถึงความตึงเครียดที่มากขึ้น

เมื่อพลัง ‘วารีคืนชีวิต’ ถูกส่งมาเรื่อยๆ จึงทำให้ราชาเถาวัลย์มารทมิฬและทะเลเถาวัลย์เติบโตไม่จบสิ้น

ในเวลานั้น ทะเลเถาวัลย์กว้างขึ้นราวห้าหกสิบลี้ ใหญ่กว่าค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปไปแล้วเรียบร้อย

ทันทีที่ ‘ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป’ พังทลาย ต่อให้เป็นจ้าวเฟิงกับเจ้าหอโครงกระดูกร่วมมือกัน ก็เกรงว่าจะรับมือกับการเติบโตอันบ้าคลั่งของทะเลเถาวัลย์เหล่านี้ไม่ไหว

“ฮ่าฮ่าฮ่า…เจ้าเด็กนั่นจนปัญญาจะรับมือแล้วล่ะมั้ง!”

“กองทัพสัตว์อสูรของเขาก็สลายไปหมด ไม่มีสัตว์อสูรให้เขาควบคุมอีกแล้ว”

เหล่ายอดฝีมือบนยอดเขาเทียมฟ้าเผยสีหน้ายิ้มกริ่ม

ในเวลานี้จ้าวเฟิงราวกับมาถึงทางตันแล้ว

พลังวายุอัสนีที่เขาเรียกออกมาถูกเถาวัลย์มารทมิฬยับยั้งไว้ เขาเองก็ไม่มีกองทัพสัตว์อสูรในมือให้ควบคุมได้อีก

เมื่อมองเห็นพลังของราชันย์เถาวัลย์มารแข็งแกร่งขึ้นทีละน้อยจนเกือบจะเท่าขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ก็ทำให้คิดได้ว่าทุกนาทีที่ผ่านไป อันตรายที่มิติสือเฉิงต้องเผชิญก็มากขึ้นหนึ่งส่วนเช่นกัน

“ยังเหลืออีกวิธีหนึ่ง!” จ้าวเฟิงพึมพำ

พรึบ แซ่ด!

เงาสายฟ้าสว่างขึ้นวาบหนึ่งแล้วจ้าวเฟิงก็หายไปทันที

“จ้าวเฟิง! ทำไมท่านหนีไปซะแล้วล่ะ!” เจ้าหอโครงกระดูกที่กำลังประคับประคองค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปตะโกนอย่างเสียขวัญ

แซ่ด ชวิ้ง!

แทบจะเป็นเวลาเพียงก้าวเดียวเท่านั้น จ้าวเฟิงร่อนตัวลงบนหอคอยพฤกษาปีศาจ

“เจ้ามนุษย์ หากเจ้าไม่ไปรับมือกับเถาวัลย์ทางนั้น เมื่อมันมาถึงข้าตรงนี้ก็ยากที่จะหลบหนีไปได้แล้ว” หอคอยพฤกษาปีศาจเอ่ยเสียงทุกข์ระทม

“พี่พฤกษาปีศาจ ให้พวกเราร่วมกันรบอีกครั้งเถิด จะแพ้หรือจะชนะก็อยู่ที่วินาทีถัดไปนี่แล้ว” จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ

ทันทีที่เอ่ยจบ ดวงตาเทพเจ้าทางซ้ายของเขาก็ปล่อยพลังดวงตาที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ราวกับว่ากลายเป็นถ้ำใต้น้ำลึกล้ำซึ่งตรึงเป้าหมายไปที่ราชาเถาวัลย์มารทมิฬ

“จ้าวเฟิง …หรือท่านคิดว่า…?” เจ้าหอโครงกระดูกใจสั่นระรัว

ในเสี้ยววินาทีนั้น เขาคาดเดาได้ว่าจ้าวเฟิงช่างบ้าบิ่นเกินไปแล้ว

“เจ้าหอโครงกระดูก เจ้าทนต่อไปอีกสักหน่อย” จ้าวเฟิงพนักหน้า ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด

เขาอยากจะลองวิธีนั้น แต่หากมีเขาเพียงคนเดียว การจะทำให้สำเร็จความเป็นไปได้มีไม่ถึงสิบส่วนด้วยซ้ำ

แต่ถ้าได้ความช่วยเหลือของหอคอยพฤกษาปีศาจ ความเป็นไปได้น่าจะมีถึงแปดส่วนเลยทีเดียว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!