บทที่ 601 เงาร่างมรณะ
“เนตรพิฆาตผ่านอากาศ!”
ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานที่พลังปราณเทวะกำลังแหวกอากาศตรงไปรับมือนั้นเอง ‘มีดสามชุ่น’ ก็พลันทะลุออกมาจากภายในร่างของเงามรณะ กลิ่นอายของวายุอัสนีค่อยๆ ทำลายและลุกลามผ่านบริเวณช่วงอก
ทั้งสองฝั่งต่างตกตะลึงพรึงเพริด
“ผู้เยาว์คนนั้น หรือว่า…”
ถึงตอนนี้แล้วผู้เฒ่าหน้าดำจะไม่เข้าใจความเป็นจริงได้อย่างไร เขาทั้งตื่นกลัวพลังสายเลือดดวงตาที่น่ากลัวของจ้าวเฟิง และยังโดนจ้าวเฟิงใช้เป็นเหยื่อล่อ ในใจจึงพลันรู้สึกโมโหและอับอาย
เหอะ!
มุมปากของจ้าวเฟิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ
ไม่ว่าผู้เฒ่าหน้าดำหรือเงามรณะล้วนเป็นยอดฝีมือที่ล้ำหน้าเกินกว่าที่เขาจะรับมือไหว
ภายใต้สถานการณ์การรบของสำนักสองดาว เขาทำให้ผู้สูงศักดิ์สองคนทุ่มเทสุดแรงจนสำเร็จ ถึงขั้นทำให้ครึ่งก้าวสู่ราชันต้องออกหน้าลงมือเอง ทั้งหมดนี้ก็เกินความคาดหมายทั้งหมดของจ้าวเฟิงแล้ว
“บริวารของจักรพรรดิแห่งความตาย ถึงแม้ว่าไม่ใช่ขอบเขตราชันปราณเทวะก็ยังน่ากลัวถึงขนาดนี้…”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมองสำรวจ ‘เงามรณะ’ จนทะลุปรุโปร่ง
ฟู่~
บริเวณทรวงอกของเงามรณะเกิดเป็นควันสีดำลอยกรุ่น กลิ่นอายแห่งการทำลายล้างกัดกร่อนภายในร่างกาย ในเวลาเดียวกันใบมีดสามชุ่นค่อยๆ สูญสลายไป
“เป้าหมายของคำสั่งล่าสังหารไม่ได้ง่ายดายเลยจริงๆ…”
เงามรณะแค่นหัวเราะ ร่างกายแข็งทื่อ การโจมตีของ ‘เนตรพิฆาต’ ดังกล่าวแทงผ่านที่หัวใจพอดี กลิ่นอายทำลายล้างแผ่กระจายออกมา
ตามหลักการทั่วไป ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตราชันปราณเทวะลงไปจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
วิ้ง~
ร่างของเงามรณะเป็นประหนึ่งเงากึ่งโปร่งแสง ส่องประกายวูบวาบในอากาศ ให้ความรู้สึกดั่งเงาทับซ้อน
บริเวณที่บาดเจ็บนั้นก็ค่อยๆ สมานตัวในยามที่เงาร่างทับซ้อนเปลี่ยนไปมา
อีกฟากหนึ่งของสนามรบ
“ร่างเงามรณะ? หรือว่าจะเป็นร่างที่ดำรงอยู่แบบกึ่งอมตะในตำนาน เจ้าและจักรพรรดิแห่งความตาย มีความเกี่ยวข้องกันอะไรกัน” ‘ครึ่งก้าวสู่ราชัน’ ผู้นั้น หวาดกลัวจนพูดไม่ออก
ร่างเงามรณะ!
บนเรือ ใจจ้าวเฟิงพลันหนักอึ้ง มองสบตากับเจ้าหอโครงกระดูกแล้วสีหน้าก็คล้ำเข้ม
“ร่างเงามรณะ?ตามบันทึกแล้วมีเพียงแค่สามสิบหก ‘องครักษ์แห่งความตาย’ ที่เป็นบริวารของ ‘จักรพรรดิแห่งความตาย’ จึงจะมีสภาวะในระดับนี้” ผู้เฒ่าหน้าดำมีสีหน้าตะลึงลาน
ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่า ร่างเงามรณะที่เกือบจะสังหารเขาได้สำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่ามีประวัติความเป็นมาที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน
ถ้าหากว่าเงามรณะนั้นเป็น ‘องครักษ์แห่งความตาย’ ในตำนานจริงๆ เช่นนั้นความพ่ายแพ้ของเขาก็ไม่ได้น่าแปลกใจเลยแม้แต่น้อย
แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ การที่เขายังมีชีวิตรอดอยู่จนถึงตอนนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจนัก
ถ้าหากไม่ได้จ้าวเฟิงและครึ่งก้าวสู่ราชันลงมือช่วยเหลือ เขาน่าจะตายไปหลายครั้งหลายคราวแล้ว
“องครักษ์แห่งความตาย?ตัวแทนของพลังมรณะ การโจมตีแข็งแกร่ง คุณสมบัติการป้องกันเรียกได้ว่าเกือบเป็นอมตะ จนไม่ต้องใส่ใจความเร็วในการเคลื่อนกายของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดเลย…” ความคิดต่างๆ หมุนวนในหัวของจ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว
ดวงตาเทพเจ้าที่เลียนแบบในระยะเวลาสั้นๆ ก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าตกใจเอาการทีเดียว
ต่อให้มีขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงสิบคนหรือมากกว่าสิบคน ก็ยากจะเป็นคู่ต่อสู้ของ ‘องครักษ์แห่งความตาย’ ได้ ถึงขนาดที่ว่าเนตรพิฆาตทะลวงผ่านจุดตายก็ไม่สามารถทำร้ายองครักษ์แห่งความตายให้ถึงแก่ชีวิต
“หืม?กลิ่นอายทำลายล้าง!” ร่างเงามรณะสั่นไหวน้อยๆ เพิ่งเตรียมจะลงมือร่างกายก็แข็งทื่อ
แซ่ด!
มือข้างหนึ่งของเขาวางยังบริเวณทรวงอกที่ฟื้นตัวอย่างช้าๆ บนหน้าผากมีร่องรอยของความเจ็บปวดน้อยๆ
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ผู้เฒ่าหน้าดำที่รอดพ้นอันตรายไปอย่างหวุดหวิดเหงื่อโทรมทั่วร่าง
“ที่แท้ก็เป็น…พลังของเสวียนอ้าวทำลายล้าง! มันมีขึ้นเพื่อทำลายล้างทุกอย่างเบื้องหน้า อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น ต่อให้ใช้วิธีการที่สูงส่ง หรือมีความสามารถในการรักษาบาดแผลจนเกือบเป็นอมตะ ก็ล้วนแต่โดนยับยั้งไว้ทั้งสิ้น” ครึ่งก้าวสู่ราชันที่อยู่ในสนามรบอีกฝั่งหนึ่งใจเต้นระรัว
พื้นที่ภายในดินแดนทวีปเล็กๆ นี้ ปรากฏพลังมรณะและพลังการทำลายล้างที่สูงส่งทั้งสองประเภทในเวลาเดียวกัน
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้นเอง ‘วายุอัสนีพิฆาต’ ของข้า ประกอบไปด้วยกลิ่นอายเสวียนอ้าวทำลายล้าง พลังทำลายจึงเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังขัดขวางการรักษาบาดแผลได้อีกด้วย” ใจจ้าวเฟิงพลันกระตุก
ยามที่ฝึกวายุอัสนีพิฆาตในคราก่อน เขาพอรับรู้ถึงข้อนี้อยู่รางๆ
ในวันนี้ วายุอัสนีสีม่วงของเขาหลอมรวมเข้ากับกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาล ทำให้กลิ่นอายทำลายล้างที่แฝงอยู่เข้าใกล้แหล่งกำเนิดพลังมากยิ่งขึ้น จนล้ำหน้ากว่าจักรพรรดิวายุอัสนีในยามเดียวกันไปแล้ว
ดังนั้น ถึงแม้ว่า ‘เงาร่างมรณะ’ จะมีคุณสมบัติเป็นร่างเงาก็ตาม แต่อาการบาดเจ็บหนักหนากว่าที่คาดคิดไว้มาก
คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของสภาวะอมตะคือ มีพลังฟื้นฟูรักษาตัวที่แข็งแกร่ง ทว่าทันทีที่พลังการรักษาโดนควบคุม อาการบาดเจ็บจะหนักขึ้นเรื่อยๆ
“ต่อให้เป็นเช่นนี้… สามารถใช้พลังรบได้แค่หกเจ็ดส่วน แต่ความยุ่งยากทั้งหลายตรงหน้าก็ไม่ควรค่าที่จะกังวลอยู่ดี” เงามรณะดำมืดส่งเสียงเหอะ
ขวับ! ขวับ!
เงามรณะดำมืดบินโฉบเฉี่ยวในอากาศราวกับวิญญาณ เกิดเป็นเงาทะมึนที่เกาะกันเป็นสาย ทั้งยังสาดพลังเหมันต์มรณะที่น่ากลัวออกมา
“แย่ล่ะ!” ใจของผู้เฒ่าหน้าดำกระตุกวูบ ไม่อาจจะจับร่องรอยการเคลื่อนกายขององครักษ์แห่งความตายได้เลย แต่ไอเหมันต์มรณะกลับทะลวงผ่านดวงวิญญาณอย่างรวดเร็ว
หยุด!
พลังปราณเทวะที่สั่นสะเทือนชั้นดวงวิญญาณทำให้อากาศทั่วผืนฟ้าเกิดแรงกดที่น่ากลัวขึ้น ไอสวรรค์จากฟ้าดินก็แทบเหมือนโดนแช่แข็งอย่างไรอย่างนั้น
แต่ทว่าในครั้งนี้
“หึ ร่างข้าได้รับการปกป้องจากพลังมรณะของจักรพรรดิ มีแต่ราชันที่แท้จริงถึงจะทำร้ายข้าได้” เงามรณะไม่เป็นอะไรจากการโจมตีแต่อย่างใด รับเอาแรงปะทะจากพลังของครึ่งก้าวสู่ราชันปราณเทวะจังๆ
“ภายใต้การต้านทานของพลังขอบเขตปราณเทวะจากข้า ยังโจมตีกลับได้อย่างสบายๆ แบบนี้อีก”
ครึ่งก้าวสู่ราชันที่อยู่อีกฟากไม่สามารถขัดขวางการลงมือของเงาร่างมรณะได้เลย
สนามรบในละแวกใกล้เคียง มีเพียงจ้าวเฟิงและครึ่งก้าวสู่ราชันที่มองเห็นร่องรอยการเคลื่อนกายและแนวทางการโจมตีของเงานั้น
สวบ! สวบ!
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงมองเห็นเงามรณะสองร่างที่เป็นประดุจคมมีดเย็นเยือกไร้ร่องรอย เส้นหนึ่งตรงมายังตนเอง ส่วนอีกเส้นหนึ่งนั้นตรงดิ่งไปยังผู้เฒ่าหน้าดำ
“อ๊าก!”
ผู้เฒ่าหน้าดำกรีดร้องโหยหวน เมื่อร่างกายโดนหนึ่งในเส้นของ ‘เงามรณะ’ พุ่งทะลวงผ่านร่างไป
ขวับ โครม!
ใบมีดที่ไร้ร่องรอยระเบิดลำแสงเย็นเยียบ บิดร่างกายของผู้เฒ่าหน้าดำจนแหลกเป็นธุลี
“ไม่! ศิษย์น้องหก…” ราชันปราณเทวะที่อยู่อีกฟากของสนามรบส่งเสียงตะโกนอย่างเจ็บปวดทรมาน
“ในวันนี้ ‘ทหารตรวจตรามรณะ’ ที่ชื่อเสียงสะเทือนทั่วดินแดนหมู่เกาะ
อู่เยวี่ยต้องมาจบชีวิตลงเช่นนี้หรือ…”
บนเรือ หลี่อวิ๋นหยาลอบถอนหายใจ เขาเองก็มาจากวังลิ่วหวน ในช่วงเวลานั้นผู้เฒ่าหน้าดำที่เป็นทหารตรวจตรามรณะคือฝันร้ายของทั้งเทพเซียนและภูติผี ไม่มีใครไม่หวาดกลัวเขา
เพียะ โครม…
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ใบมีดไร้รูปร่างของเงามรณะก็ตรงดิ่งมายังทิศทางของเรือ
“ระวัง!”
หลี่อวิ๋นหยาและเจ้าหอโครงกระดูกร้องเสียงหลง
สิ่งที่สังหารผู้เฒ่าหน้าดำเป็นเพียงแค่ร่างแยกมายาที่องครักษ์แห่งความตายสร้างขึ้นมาเท่านั้น แต่ว่าร่างจริงกลับตรงดิ่งไปที่เรือหลานเหลย กลิ่นอายเย็นเยียบที่น่ากลัวครอบคลุมไปทั่วเรือ
ด้วยพลังฝึกตนอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลาย หลี่อวิ๋นหยาและเจ้าหอโครงกระดูกดวงวิญญาณสั่นสะท้าน ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่กับที่ แทบคิดจะหลบหนีไม่ได้แม้แต่น้อย
“เนตรจิตวิญญาณเหมันต์!”
จ้าวเฟิงพยายามใช้ดวงตาเทพเจ้าเล็งไปที่เงามรณะเพื่อมองสำรวจ แต่ว่าเงาดังกล่าวเร็วเกินไปมากนัก แล้วยังมีโล่คุ้มกันจากพลังมรณะ จึงทำให้ผลของเนตรจิตวิญญาณเหมันต์โดนลดทอนไปมาก
“เหอะเหอะ เป้าหมายสังหาร เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าคนนั้นเมื่อครู่เป็นศัตรูของเจ้า” เงามรณะเลือนรางปรากฏกายขึ้นบนเรือ
ทันทีที่เอ่ยคำพูดดังกล่าวออกมา ไม่ว่าจะจ้าวเฟิงหรือหลี่อวิ๋นหยากับเจ้าหอโครงกระดูกที่อยู่ข้างกายล้วนแต่ตื่นตะลึง
เงามรณะไม่เหมือนผู้เฒ่าหน้าดำ เขาบุกทะลวงมาจากทะเลความว่างเปล่าด้านนอกดินแดน จากสถานการณ์ตอนนี้จึงมองออกได้ไม่ยากเลยว่าจ้าวเฟิงและผู้เฒ่าหน้าดำเป็นศัตรูกัน
ถึงกระทั่งเรื่องที่ว่าผู้เฒ่าหน้าดำมีชัยเหนือพวกจ้าวเฟิง เขาเองก็คาดการณ์ได้หมด
“องครักษ์แห่งความตายผู้นี้ ก็รู้อยู่ชัดๆ ว่าผู้เฒ่าหน้าดำเป็นศัตรูของข้า แล้วไยยังลงมือสังหารเขาอีก?” จ้าวเฟิงงุนงงอย่างที่สุดเมื่อสังเกตถึงอะไรบางอย่างได้
“ฮึ ก่อนจะสำเร็จภารกิจ ต้องจัดการพวกคนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดก่อน” เงามรณะแค่นหัวเราะเย็นชา
เมื่อเอ่ยจบก็ค่อยๆ ยื่นมือที่มีควันดำลอยล้อมรอบออกมา ตราประทับฝ่ามือเลือนรางสาดซัดพลังมรณะที่เยือกเย็นน่าสะพรึงขวัญ กดลงไปที่พวกของจ้าวเฟิงจากเบื้องบน
โครม!
จ้าวเฟิงและคนอื่นๆ ใจสั่นสะท้านประหนึ่งโดนกดทับจากภูเขาเหมันต์ขนาดมโหฬาร
อึก!
หลี่อวิ๋นหยากระอักเลือดออกมา คุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้นแล้วหมดสติไป
เจ้าหอโครงกระดูกพยายามแบกรับไว้ พื้นฐานพลังกระดูกของเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่แรงกดทับจากดวงวิญญาณทำให้ใจของเขาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
หลี่อวิ๋นหยาและเจ้าหอโครงกระดูกล้วนแต่ได้รับบาดเจ็บทางวิญญาณ ทว่าคนทั้งสองได้รับแค่พลังที่หลงเหลือจาก ‘หัตถ์มายา’ เท่านั้น
เป้าหมายที่แท้จริงก็คือจ้าวเฟิง
“ฝันไปเถอะ!” ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงเป็นประหนึ่งมหาสมุทรบ้าคลั่ง ทะลักสายธารพลังดวงตาออกมาหมุนวนไม่หยุด
ดวงตาเทพเจ้าด้านซ้ายค่อยๆ สาดกลิ่นอายจากแหล่งกำเนิดพลังบรรพกาลที่ทำให้ภูติผีเทพเซียนต้องหลีกหนี
เรือนผมสีน้ำเงินของเขาสะบัดอย่างรุนแรง ดวงตาซ้ายมองทะลวงผ่านดวงวิญญาณ ควบคุมพลังของสรรพชีวิตบนโลก
“หืม?ควบคุมดวงวิญญาณของมันไม่ได้เลย!” เงามรณะตื่นตะลึง
ต้องรู้ไว้ก่อนเลยว่า หัตถ์มายาที่เขาปลดปล่อยออกไปนั้นแฝงด้วยพลังมรณะเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าจะเป็นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงบางส่วนก็ยากจะต้านทานเคล็ดวิชามรณะของเขา
ดวงตาเทพเจ้าโจมตีกดดันในชั้นของดวงวิญญาณและมีพลังในการสลายพลังที่แข็งแกร่ง
สำหรับจุดนี้จ้าวเฟิงไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย
“เพียงแต่ว่าทำไมเขาไม่เล่นงานข้าโดยตรงเหมือนยามที่สังหารผู้เฒ่าหน้าดำ ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้น ต่อให้ดวงตาเทพเจ้าของข้าสามารถมองได้ปรุโปร่ง ก็คงยากจะหลบหลีกและต้านทานได้” ดวงตาของจ้าวเฟิงเป็นประกายสว่างวาบ
ถึงแม้ว่าองครักษ์แห่งความตายจะสาดกลิ่นอายสะพรึงขวัญออกมาปกคลุมทั่วร่างของเขา แต่ว่ากลับไม่มีจิตสังหารที่แท้จริงเลย
“เนตรพิฆาตผ่านอากาศ!” ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงแปรเปลี่ยนไปฉับพลัน
โครม วูบ!
สายธารพลังดวงตาที่ลึกล้ำปรากฏขึ้นบริเวณใกล้ร่างของ ‘เงามรณะ’ ในใจกลางสายธารดวงตานั้นผุดน้ำวนขึ้นน้อยๆ
โครม ตูม!
ไอใบมีดสามชุ่นพลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง แล้วพุ่งทะลวงผ่านช่วงทรวงอกของเงามรณะ
“ช่างดีนัก!” ใจของคนบนเรือเต้นระส่ำ
ถ้าหากว่าเนตรพิฆาตทั้งสองครั้งสามารถสร้างความเสียหายสะสมได้ในระดับเดียวกัน ต่อให้เงามรณะนั้นมีสภาวะที่ใกล้เคียงกับร่างอมตะ ก็ต้องได้รับบาดเจ็บเกือบถึงชีวิตอยู่บ้าง
“เหอะเหอะ ลูกไม้เดิมๆ จะสำเร็จอีกครั้งได้อย่างไร” เสียงหัวเราะต่ำๆ ชวนขนลุกดังขึ้นข้างๆ
ฟู่ วูบ!
เงาของเนตรพิฆาตค่อยๆ สูญสลายหายไปเหลือเพียงแค่เศษเสี้ยวเงา
“อ๊าก…”
เจ้าหอโครงกระดูกหวาดกลัวจนพูดไม่ออก เมื่อที่มาของกลิ่นอายมรณะที่เย็นยะเยือกปรากฏขึ้นข้างกายเขา
หรือหากจะพูดให้ถูกก็คือ ปรากฏที่เบื้องหลังของจ้าวเฟิง
“เหอะเหอะ เป้าหมายของคำสั่งล่าสังหารมาถึงมือข้าง่ายดายอะไรเช่นนี้”
มือที่มีควันดำลอยกรุ่นข้างหนึ่งยื่นออกมา กำลังจะบีบไปที่หลอดลมของจ้าวเฟิง
ทันใดนั้นเอง
กลิ่นอายมรณะที่ครอบคลุมทั่วร่างของจ้าวเฟิงก็ทำให้ครึ่งก้าวสู่ปราณที่แท้จริงทั่วร่างเขาเป็นรูปเป็นร่างขึ้น พลังสายเลือดก็เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างยากจะหาใดเปรียบ
ยามที่เขาเรียก ‘เนตรพิฆาต’ เสร็จ องครักษ์แห่งความตายก็ปรากฏกายขึ้นแล้วลงมือทันที
จ้าวเฟิงแทบจะหลบหลีกไม่ทัน ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายและวิญญาณก็โดนควบคุมโดยพลังที่น่ากลัวอย่างมาก
ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้นเอง
“กรุ๊งกริ๊ง!”
กริชลึกลับกึ่งโปร่งแสงชิ้นหนึ่งลากลำแสงเงามีดตัดมือของเงามรณะ เกิดเป็นเสียงราวกับเหล็กกระทบกันสลับไปมา
“ใครกัน?” เงามรณะร่างกายแข็งทื่อไปทันที
ฉับ!
นิ้วสองนิ้วที่กำลังจะสัมผัสคอของจ้าวเฟิงขาดออกในทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น
เมี้ยว เมี้ยว!
บนพื้นจุดเดิมมีเส้นสายสีเทากะพริบน้อยๆ
แล้วแมวขโมยที่ตัวใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อยก็นั่งอยู่บนบ่าของเงามรณะ ดวงตาแมวคู่นั้นทั้งคมกริบและน่าเกรงขาม