บทที่ 607 หลอมรวมเปลี่ยนแปลง
ในตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า จ้าวเฟิงเก็บสะสมและจัดการทรัพยากรธาตุวายุอัสนีส่วนหนึ่ง รวมไปถึงผลึกเริ่มต้นชั้นยอดส่วนหนึ่ง กระทั่งของวิเศษล้ำค่าหายาก
ถัดจากนั้น เขาจึงพลิกอ่านความรู้จากในบันทึกทั้งหลาย
ขอเพียงแค่มีผลึกเริ่มต้นเพียงพอ ในตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่านี้ ต่อให้เป็นความรู้หรือข่าวสารบางส่วนล้วนหาเจอได้
ในความเป็นจริงแล้ว จ้าวเฟิงมั่นใจอย่างมากว่าจะสมปรารถนาในการทะลวงโจมตีขอบเขตแก่นก่อกำเนิด
จากการอาบและซึมซับ ‘กลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาล’ กับ ‘เลือดหัวใจวาฬทะเล’ ซ้ำไปซ้ำมา สภาวะวิญญาณของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วยิ่ง เข้าใกล้ขีดสุดของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงแล้ว
เรียกได้ว่า สภาวะวิญญาณของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงจำนวนมากยังสู้จ้าวเฟิงไม่ได้
อีกทั้งจ้าวเฟิงเองก็อยู่ในระดับขอบเขตแก่นก่อกำเนิดมานานแล้ว ทั้งยังเข้าใจลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิม
เริ่มจากลู่เทียนอี้ เจ้าหอโครงกระดูก จ้าวลัทธิโลหะเลือด มาจนถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงที่พบนอกดินแดน หรือกระทั่งระดับพลังของครึ่งก้าวสู่ราชัน
ในระดับชั้นพลัง จ้าวเฟิงมีพร้อมทั้งหมดแล้วยามอยู่ในขั้นนายเหนือแท้
ถึงขนาดที่ว่า ความเข้าใจในพลังของเขานำไปไกลกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำ นี่เป็นผลมาจากดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งมั่นคงขึ้น กับความสามารถในการเรียนรู้ของดวงตาเทพเจ้าที่เป็นเลิศยิ่งขึ้น
“ตามบันทึกว่าไว้ว่า ความสำเร็จในการจะทะลวงผ่านขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดต่ำมาก ครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดไม่น้อย ทะลวงผ่านมาหลายครั้งคราวก็ยากจะทำได้สำเร็จ” จ้าวเฟิงพลิกอ่านบันทึกแล้วจึงค้นพบว่ายากกว่าที่คิดไว้หลายส่วน
การจะทะลวงผ่านขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดสามารถบรรยายด้วยคำสี่คำ
“หลอมรวมไอสวรรค์!”
ความหมายที่แฝงมาคือ การนำไอสวรรค์เข้มข้นซึ่งวิ่งวนทั่วร่าง แปรสภาพมาเป็นปราณก่อกำเนิด หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘ใจกลางแก่นก่อกำเนิด’
ใจกลางแก่นก่อกำเนิดแบ่งเป็นสองระดับ
หนึ่งคือปราณก่อกำเนิดของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต้นทั่วไป เรียกว่าใจกลางแก่นก่อกำเนิดธรรมดา
สองคือแก่นผลึกของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง ที่ทำให้ปราณก่อกำเนิดเข้าใกล้ขั้นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว!
ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำเทียบเท่ากับใจกลางแก่นก่อกำเนิดธรรมดา
ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงเทียบเท่าได้กับปราณก่อกำเนิดในสภาพตกผลึกแล้ว
“จากขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริง มาจนถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำ แล้วไปถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง เป็นการเปลี่ยนแปลงระดับพลังสองครั้ง ไม่แปลกเลยที่ความต่างของระดับต่ำและระดับสูงจะมากมายเพียงนี้”
จ้าวเฟิงอ่านบันทึกจนทะลุปรุโปร่งแล้ว จึงมีความรู้ความเข้าใจในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิม
สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ก็คือ ‘หลอมรวมไอสวรรค์’ อีกทั้งในกระบวนการนี้
จ้าวเฟิงทำสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ภายในจุดตันเถียนของเขา แหล่งกำเนิดพลังล้วนแต่เป็น ‘ครึ่งก้าวของปราณที่แท้จริง’ ที่พิสุทธิ์มากมายนัก
ในยามแรกที่บรรลุขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด จ้าวเฟิงจงใจผ่อนความเร็วลง ให้ความสำคัญกับคุณสมบัติของครึ่งก้าวสู่ปราณที่แท้จริง แล้วยังหลอมรวมเข้ากับเสวียนอ้าวของวายุอัสนีพิฆาตสีม่วงที่สูงส่งกว่านั้น ในขณะที่หลอมรวมพลังเสวียนอ้าวเข้าด้วยกัน ครึ่งก้าวสู่ปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงยังลึกล้ำยิ่งกว่าผู้สูงศักดิ์บางส่วนนัก
ดังนั้นครึ่งก้าวสู่ปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงจึงมีคุณสมบัติและความบริสุทธิ์สูง เสวียนอ้าววายุอัสนีที่ประกอบอยู่ก็แข็งแกร่งมากมายนัก
หนึ่งในนั้นย่อมต้องเป็นเพราะประโยชน์จากกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาล ที่ทำให้ครึ่งก้าวสู่ปราณที่แท้จริงของวายุอัสนีซึ่งหลอมรวมไว้ด้วยกันเข้าใกล้แหล่งกำเนิดพลังทุกที กลิ่นอายทำลายล้างที่แฝงอยู่ล้ำหน้าเกินกว่าจักรพรรดิวายุอัสนีในยามเดียวกัน
ดังนั้นในความเป็นจริงแล้ว พลังของครึ่งก้าวสู่ปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงจึงไม่ได้ด้อยไปกว่าปราณที่แท้จริงของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำบางส่วนเลย
แน่นอนว่าพลังก็คือพลัง นี่ไม่ได้หมายความว่าครึ่งก้าวสู่ปราณที่แท้จริงของ
จ้าวเฟิงจะทัดเทียมกับปราณที่แท้จริงได้
ครึ่งวันหลังจากนั้น
“เริ่มโจมตี” จ้าวเฟิงที่มีความรู้ทางทฤษฎีอย่างเต็มที่เริ่มฝึกตนอย่างจริงจัง
ภายในจุดตันเถียน
ที่มาของพลังเป็นสีม่วงเต็มผืน จับตัวเหนียวหนืดเป็นอย่างมาก ส่วนที่ประกอบอยู่ภายในนั้นล้วนแต่เป็น ‘ครึ่งก้าวสู่ปราณที่แท้จริง’
วูบ!
จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ แล้วจึงกระตุ้นปราณจิตวิญญาณทั่วร่าง เค้นเอาพลังภายในร่างจากทุกมุมที่ซุกซ่อนอยู่ออกมา
เมื่อมองด้วยตาเปล่าจะเห็นเพียงแค่ของเหลวสีม่วงอ่อน เกิดแสงประกายต่อกันเป็นเส้นสายไม่มีขาดตอน เคลื่อนมาอัดแน่นรวมอยู่ตรงจุดตันเถียนไม่หยุด
ในขณะกระตุ้นเคลื่อนย้ายทั้งหลายนี้ จ้าวเฟิงเองก็ตกใจ
เขาไม่เคยรู้เลยว่าร่างกายของตนเองจะมีพลังซุกซ่อนอยู่อย่างมหาศาล
นี่เป็นเพราะผลประโยชน์จากแก่นแท้ชีวิตของจ้าวเฟิง หลังจากหลอมรวมกับกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาล พลังชีวิตที่แฝงอยู่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายนัก
วิ้ง วิ้ง! ผลัวะ~
ตรงจุดตันเถียน แหล่งกำเนิดพลังสีม่วงนั่นเหนียวหนืดเหมือนโจ๊ก ดูดซึมเอาปราณจิตวิญญาณมหาศาลทั่วร่างกายจนแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม แล้วบีบอัดให้หดเล็กลงไปอีก
หลอมรวมไอสวรรค์
นี่จะเป็นขั้นตอนที่ช้าและยากลำบาก ต้องทุ่มเทพลังกับไอวิญญาณจำนวนมาก
เวลาในแต่ละวันผ่านไปเรื่อยๆ
สิบวันต่อมา
แหล่งกำเนิดพลังสีม่วงภายในจุดตันเถียนเหนียวหนืดจนไม่มีที่เปรียบ ถึงขนาดมีทีท่าจะ ‘แห้งผาก’ และ ‘แข็งตัว’ เสียด้วยซ้ำ
“เร็วขนาดนี้เลยรึ?” จ้าวเฟิงประหลาดใจอยู่บ้างเหมือนกัน
ตามที่ในบันทึกว่าเอาไว้ เมื่อแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณแท้จริงไปจนถึงขั้นเริ่มแข็งตัว จะต้องใช้เวลาฝึกตนเกือบสองเดือน
อีกทั้งทันทีที่ไม่อาจแข็งตัวเป็น ‘ใจกลางขอบเขตแก่นก่อเนิด’ ได้ มันจะแปรสภาพเป็นของเหลว พลังมหาศาลนั้นหรือกระทั่งการสะท้อนกลับจะส่งผลเสียต่อร่างกาย
เพราะอย่างไรการเปลี่ยนแหล่งกำเนิดพลังมาเป็นใจกลางแก่นก่อกำเนิด ก็ถือเป็นขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว
เกรงว่าหากเกิดข้อผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ความพยายามทั้งหมดอาจจะล้มเหลว
ในเวลาดังกล่าว สถานการณ์ที่จ้าวเฟิงทะลวงผ่านราบรื่นเรียบร้อย รวดเร็วกว่าที่ในบันทึกจดไว้สี่ถึงห้าเท่า
“ดูเหมือนการทะลวงขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดเป็นเรื่องแน่นอนแล้ว ต้องรอดูว่าจะมีส่วนประกอบพลังแข็งแกร่งกว่านี้หรือไม่หากว่าทะลวงผ่านไปได้แล้ว” สายตาของจ้าวเฟิงเป็นประกาย
ในยามที่เขาทะลวงผ่านขั้นนายเหนือแท้ในคราวก่อน เป็นเพราะขอบเขตพลังลึกล้ำเกินจะเปรียบ จึงทะลวงผ่านไปนายเหนือแท้ระดับต้นโดยผ่านระดับเริ่มต้นไปเลย
ทำนองเดียวกัน
ในครั้งนี้องค์ประกอบในด้านต่างๆ ของจ้าวเฟิงล้วนแต่ลึกล้ำเกินจะเปรียบ ทั้งยังเหนือกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงต้น
แล้วเวลาก็ผ่านไปสี่ห้าวัน
ใจกลางแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณที่แท้ของจ้าวเฟิงแห้งผากประหนึ่งโคลนที่แข็งตัวแล้ว
แต่ทว่า ส่วนที่แห้งผากเหล่านั้นมีเพียงแค่หนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น
เวลานี้เอง แหล่งกำเนิดพลังของจ้าวเฟิงก็ถูกขัดเกลามาจนถึงขีดสุด
“ใจกลางแหล่งกำเนิดพลังเริ่มอยู่ในสภาพแห้งผาก หากว่าเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรอถึงสิบวันก็จะแข็งตัวทั้งหมด”
จ้าวเฟิงรู้สึกว่าความเร็วนี้รวดเร็วมาก ราบรื่นเกินไปแล้ว!
ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ จ้าวเฟิงสัมผัสได้ว่าบริเวณใจกลางที่มีเป็นสภาพของแข็ง มี ‘ปราณที่แท้จริง’ เส้นละเอียดเล็กอยู่ด้วย
เป็นปราณที่แท้จริงที่สมบูรณ์แบบ! ไม่ใช่ครึ่งก้าวสู่ปราณที่แท้จริง
วิ้ง วิ้ง!
ในใจกลางของแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณแท้จริง ไม่เพียงแต่จะแข็งทื่อ แต่ยังมี ‘ปราณที่แท้จริง’ ที่บริสุทธิ์หมุนวนออกมาเป็นเส้นสาย
ปราณที่แท้จริงเส้นเล็กละเอียดนั้นคือกระแสพลังสีม่วงสว่าง ภายนอกปรากฏลวดลายลี้ลับบางส่วน ซึ่งรวมความเข้าใจที่จ้าวเฟิงมีต่อวายุอัสนีพิฆาตไว้ด้วย
อีกทั้งในลายเส้นของกระแสพลังสีม่วง ยังสาดซัดกลิ่นอายทำลายล้างที่แกร่งกล้าส่วนหนึ่งออกมา
“ปราณที่แท้จริงปรากฏออกมาแล้ว? ปกติเมื่อทะลวงโจมตีขั้นขอบเขตแก่นก่อเนิดธรรมดา ปราณที่แท้จริงจะปรากฏออกมาในวันที่ใกล้จะสามารถทะลวงผ่านไปได้”
จ้าวเฟิงตะลึงลาน ตั้งแต่ปิดด่านฝึกตนมาจนถึงตอนนี้ เหตุการณ์ทั้งหมดรวดเร็วเกินไปมาก เกินไปกว่าสิ่งที่เขาอ่านเจอในบันทึกเสียอีก
“ช่างรวดเร็วยิ่งนัก ระดับนี้นับว่ารวดเร็วจริงๆ”
จ้าวเฟิงกลับรู้สึกว้าวุ่นใจอยู่บ้าง
ใช่สิ!
ทันใดนั้นเอง จ้าวเฟิงเกิดความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว “ข้าสามารถยืดเวลาคงสภาพของครึ่งก้าวสู่ปราณที่แท้จริง แล้วผสานเอากลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาลบางส่วนเข้าไป”
ยืดเวลาการรวมตัวและคงสภาพของไอสวรรค์ รวมถึงหย่อนพละกำลังในการทะลวงผ่านขอบเขตด้วย
หากว่าเป็นผู้ฝึกตนธรรมดาย่อมต้องไม่กล้าทำเช่นนี้แน่
เพราะการทะลวงขั้นต้องมีจิตตั้งมั่น หากวอกแวกเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้แหล่งกำเนิดพลังที่กำลังจะแข็งตัวเป็นรูปร่างเกิดการ ‘เปลี่ยนแปลง’
แต่กับจ้าวเฟิงนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่กังวลปัญหานี้เท่าไหร่นัก
ถึงขนาดไม่จำเป็นต้องเพ่งจิตทั้งหมด ใจกลางแหล่งกำเนิดพลังจะดูดซึมเอาครึ่งก้าวสู่ปราณที่แท้จริงส่วนนอก แล้วสร้างเป็นปราณที่แท้จริงจำนวนมากด้วยตัวมันเอง
จ้าวเฟิงไม่สามารถยับยั้งสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ในทางตรงกันข้าม ต่อให้จ้าวเฟิงอยากจะเลิกทะลวงผ่านขั้น ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
ถ้าหากยอดฝีมือผู้ที่ไม่สามารถทะลวงผ่านขอบเขตแก่นก่อกำเนิดบางคนรู้เข้า เกรงว่าคงจะโกรธจนกระอักเลือดเป็นแน่
พรึ่บ!
จ้าวเฟิงรวบรวมสตินึดคิดแล้วดำดิ่งลงไปภายในห้วงฝันบรรพกาล
เป็นเพราะอยู่ระหว่างการทะลวงขั้น จ้าวเฟิงจึงวางแผนว่าจะอยู่ในห้วงฝันบรรพกาลเพียงแค่ไม่กี่ช่วงลมหายใจ เพื่อดูดซึมกลิ่นอายส่วนหนึ่ง
แต่ทว่า
ในวินาทีที่เข้าไปภายในห้วงฝันบรรพกาล กลิ่นอายยิ่งใหญ่มหาศาลกดดันร่างกายและจิตใจ รวมทั้งครึ่งก้าวสู่ปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงที่กำลังเปลี่ยนสภาพไม่หยุดไว้ทันที เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนัก
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้ใจของจ้าวเฟิงเต้นรัวเร็ว
โชคดีที่ความเร็วในการเปลี่ยนสภาพเพียงแค่ลดลง อย่างน้อยก็ยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใด
หืม?
ทันใดนั้นเอง จ้าวเฟิงก็ค้นพบว่าใจกลางแหล่งกำเนิดพลังที่เริ่มจะอยู่ตัว ได้เชื่อมโยงสำนึกรู้ของตนเองเข้ากับมิติของห้วงฝันบรรพกาลหลังจากที่เข้าไปภายในนั้นแล้ว
ในยามที่ทะลวงขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด สำนึกรู้จะต้องเชื่อมโยงกับแหล่งกำเนิดพลังและโลกภายนอก
ดังนั้น สำนึกรู้ที่แข็งแกร่งจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการทะลวงผ่านขอบเขตแก่นก่อกำเนิด
“เกือบจะลืมไปแล้วว่ามิติห้วงฝันบรรพกาลกับโลกความเป็นจริงไม่ใช่ระดับมิติเดียวกัน”
จ้าวเฟิงไม่อาจจะคาดเดาได้เลยว่า หากทะลวงขั้นในที่แห่งนี้ ใจกลางของแหล่งกำเนิดพลังจะประสานกับฟ้าดิน ไม่รู้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
ฮู~
ทันใดนั้น จ้าวเฟิงสัมผัสได้ว่า ‘กลิ่นอายในฟ้าดิน’ ของห้วงฝันบรรพกาลทะลักเข้าไปภายในใจกลางแหล่งกำเนิดพลังของตน
โครม!
ใจและกายจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน
‘กลิ่นอายในฟ้าและดิน’ นั้น ถึงแม้ว่าจะเล็กละเอียดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ความเร็วในการดูดซึมยังไม่ถึงหนึ่งในพันส่วนของยามอยู่โลกภายนอก แต่กลับมีแรงกดดันหนักหนาราวภูเขา ประสาทสัมผัสที่แข็งแกร่งราวกับโดนสายอัสนีบาตจู่โจม
ต้องรู้ว่า ‘กลิ่นอายในฟ้าและดิน’ ที่ดูดซึมเข้าไปไม่ใช่กลิ่นอายธรรมดา เป็นได้มากว่าอาจเป็น ‘ไอสวรรค์ในฟ้าดิน’ ที่อยู่ภายในห้วงฝันบรรพกาล
หนึ่งช่วงลมหายใจ…สองช่วงลมหายใจ…สามช่วงลมหายใจ
แก่นแท้ชีวิตของจ้าวเฟิงแบกรับความรู้สึกกดดันที่ไม่อาจจะคาดคิดได้ แล้วยังมีแรงโจมตีอย่างรุนแรงเหมือนสายฟ้าฟาดลงมาด้วย
สามช่วงลมหายใจ
อึก!
จ้าวเฟิงกระอักเลือด สตินึกคิดกลับมาสู่โลกความเป็นจริง
อาการบาดเจ็บของเขาเล็กน้อยมาก เลือดลมปั่นป่วนเป็นหลัก ซึ่งเป็นอาการข้างเคียงจากการโจมตีทางประสาทสัมผัส
“แย่ล่ะ!” จ้าวเฟิงตรวจสอบแหล่งกำเนิดพลังตามสัญชาตญาณ
ผลลัพธ์คือ เขาค้นพบว่าใจกลางที่แข็งตัวแล้วของแหล่งกำเนิดพลัง เมื่อโดนโจมตีจากกลิ่นอายฟ้าดินในห้วงฝันบรรพกาลก็ปริแตกกระจัดกระจาย
จ้าวเฟิงขมวดคิ้วหน้านิ่ว ใจเต้นระรัว
ใจกลางที่แข็งตัวแล้วแตกสลาย จำนวนครึ่งก้าวสู่ปราณที่แท้จริงที่อยู่รอบด้านลดลงไปส่วนหนึ่ง
ทั้งจุดตันเถียนยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบเหมือนว่าโดนทำลายอย่างหนัก
จ้าวเฟิงอยากจะร่ำไห้เสียแล้ว
ระดับขั้นเช่นนี้ เหมือนกับโดนลดกลับไปยังยามที่เพิ่งบรรลุขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดใหม่ๆ
แหล่งกำเนิดพลังภายในร่างลดลงไปส่วนหนึ่ง!
นั่นเป็นแหล่งกำเนิดพลังเชียวนะ!
เขาอดรู้สึกเสียใจในภายหลังไม่ได้ ในยามที่ทะลวงผ่านขั้นไม่ควรจะรีบร้อนเข้ามาภายในห้วงฝันบรรพกาลเลย
เฮ้อ~
จ้าวเฟิงสูดหายใจเข้าลึก พยายามสงบนิ่ง แล้วตรวจตราแหล่งกำเนิดพลังภายในจุดตันเถียนอย่างละเอียด
“มิใช่แล้ว!”
ทันทีที่ตรวจตรา จ้าวเฟิงก็เปลี่ยนสีหน้าไป
แหล่งกำเนิดพลังที่หลงเหลือเป็นเศษเสี้ยวจำนวนลดลงไปถึงเก้าส่วน แต่ว่าคุณสมบัติกับความบริสุทธิ์กลับไปอยู่ในระดับขั้นใหม่
ครึ่งก้าวสู่ปราณที่แท้จริงที่เหลือบางส่วน แหล่งกำเนิดพลังที่แฝงอยู่ รวมไปถึงระดับความแข็งแกร่ง ทั้งหมดเแทบจะไม่มีความแตกต่างกับ ‘ปราณที่แท้จริง’ เลย
แซ่ด วิ้ง!
ใจกลางฝ่ามือของจ้าวเฟิงเกิดไอวายุอัสนีสีม่วงเป็นเส้นๆ ไม่ใช่สีม่วงอ่อนเหมือนในยามก่อนอีกแล้ว แต่เป็นสีม่วงบริสุทธิ์
วายุอัสนีดังกล่าวปรากฏลายเส้นเป็นระลอกคลื่นน้ำ ลึกล้ำ บริสุทธิ์ และรุนแรง ระลอกคลื่นพลังดังกล่าวสาดซัดกลิ่นอายทำลายล้างที่เก่าแก่ทรงพลังออกมา
“เป็นไปได้อย่างไร?” จ้าวเฟิงตกใจจนอ้าปากค้าง ตะลึงงันไป
ปราณที่แท้จริงของวายุอัสนีสีม่วงนั้น กลิ่นอายของมันกลับสร้าง ‘วายุอัสนีพิฆาต’ ที่ลึกซึ้งไปถึงแปดเก้าส่วน
แต่ความเข้าใจในพลังที่เขามีต่อ ‘วายุอัสนีพิฆาตสีม่วง’ มีอยู่เพียงสี่ห้าส่วนเท่านั้นเอง
นอกเหนือจากนั้นแล้ว
‘กลิ่นอายฟ้าและดิน’ ในห้วงฝันบรรพกาลที่วายุอัสนีพิฆาตสีม่วงดูดซึมเข้าไป ยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกมากที่ไม่มีใครล่วงรู้