บทที่ 64 : ผู้ใดคือผู้ล่า?
“เหตุใดเราจึงต้องป้องกัน? เราควรจะไปฆ่าพวกมันทั้งหมด” คำพูดของจ้าวเฟิงสร้างความตื่นตะลึงให้แก่ผู้อื่น
โจมตีตระกูลหลิว?
จ้าวคาหยวนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ไม่ไม่! ตระกูลหลิวนับเป็นพระเจ้าของหมู่บ้านใบไม้เขียว…”
ในความคิดจองพวกเขานั้น ตระกูลหลิวเป็นสิ่งที่ไม่อาจต่อกรได้ สิ่งที่พวกเขาทำได้มีเพียงการป้องกันเท่านั้น สำหรับการโจมตีนั้นลืมไปได้เลยจนกว่าพวกเขาจะมีความคิดว่าพวกเขามีชีวิตอยู่มานานเกินไปแล้ว
“ให้เป็นหน้าที่ข้า”
จ้าวเฟิงทิ้งภาพติดตาไว้ ณ ที่ที่เขาเคยยืน เสี้ยววินาทีถัดไปเขาก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคาและหายไปในไม่กี่ลมหายใจ
ไม่ดีแล้ว!
จ้าวคาหยวนและจ้าวเทียนหยางรู้สึกอึดอัด เด็กหนุ่มคนเดียวจะเอาชนะตระกูลหลิวได้อย่างไร?
“ตามเขาไป!”
ภายในห้องนั้น ทั้งสองร้องตะโกนขึ้น ทว่าไม่มีผู้ใดในหมู่บ้านใบไม้เขียวสามารถตามจ้าวเฟิงได้ทัน กระทั่งความเร็วของจ้าวคาหยวนก็ยังไม่ถึงครึ่งของเด็กหนุ่ม ด้านนอก จ้าวเฟิงได้ใช้นภาลอยล่องและทะยานผ่านยอดไม้ เท้าของเขานั้นแทบจะไม่แตะพื้นเลยขณะที่วิ่ง บัดนี้นภาลอยล่องของเขาได้เข้าสู่ระดับสูงแล้ว แต่เมื่อเขาใช้มัน เขาสามารถใช้กระบวนท่าลมเคลื่อนกับมันได้
กระบวนท่าลมเคลื่อนนั้นเป็นกระบวนท่าที่ง่ายที่สุดในเศษเสี้ยววิชาเซียนทั้งสี่ ในตอนนี้ เมื่อเขาใช้กระบวนท่าลมเคลื่อนและนภาลอยล่องด้วยกัน ร่างของเขาก็ว่องไวและปราดเปรียวราวกับสายลมจริงๆ
ปึก! ปึก!
จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาเบาขึ้นและการพุ่งทะยานของเขานั้นลื่นไหลมากขึ้น
ในเสี้ยววินาทีถัดมา ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ฟุ่บ!
เงาพร่าเลือนปรากฏและหายไปด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ จ้าวเฟิงไม่อาจอดกลั้นความยินดีไว้ได้ กระบวนท่าลมเคลื่อนนี้มีผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมนัก ดังนั้นแล้วดูเหมือนจ้าวหลินหลงจะเข้าใจผิดยามที่เขาใช้มันอย่างวิชาโจมตี
หมู่บ้านใบไม้เขียว ตระกูลหลิว
“ผู้อาวุโส อัจฉริยะจากตระกูลจ้าวได้ทำร้ายพี่น้องของเรา” ผู้ฝึกตนของตระกูลหลิวเอ่ยอย่างเร่งรีบ
“หืม? ตระกูลจ้าวกระจ้อยร่อยนั่นกล้าที่จะทำร้ายคนของเราหรือ?” ชายปลายวัยกลางคนนั่งอยู่ภายในห้อง
ในขณะที่เขาเอ่ยนั้น เขากระทั่งค่อยๆ จิบน้ำชาจากถ้วยชาในมือ เขาคือราชาแห่งหมู่บ้านใบไม้เขียว และผู้ที่กล้าท้าประลองในไม่กี่ปีที่ผ่านมาล้วนหายไป กองกำลังเช่นตระกูลจ้าวนั้นเป็นเพียงแค่มดในสายตาของตระกูลหลิว หากไม่เป็นเพราะพรรคหลักจ้าว ตระกูลหลิวคงยึดครองมันไปแล้ว
“ผู้อาวุโส ท่านต้องช่วยพวกเรา พวกมันไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย” ผู้ฝึกตนตระกูลหลิวครวญคราง
“บอกตระกูลจ้าวว่าเราจะให้เวลาพวกมันหนึ่งวันในการส่งตัวเด็กนั่นมา หรือมิเช่นนั้น…” เสียงที่ดังขึ้นจากชายร่างอ้วนเย็นเยียบ
“ขอรับ ขอรับ” สีหน้าของผู้ฝึกตนตระกูลหลิวแปรเปลี่ยนเป็นสมใจทันที
“ไม่ดีแล้ว! เด็กจากตระกูลจ้าวได้มาที่นี่!” ในตอนนั้นเอง เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นจากภายนอก
ตุบ! ตุบ!
เงาพร่าเลือนปรากฏขึ้นภายในตึกใหญ่ของตระกูลหลิว ไม่มีผู้ใดสามารถรับมือได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวของเขา
“หัวหน้าพรรค! หัวหน้าพรรค! ไอ้เด็กนั่นเข้ามาในตึกใหญ่และทำร้ายคนไปเกือบยี่สิบคนแล้ว!”
ความวุ่นวายเกิดขึ้นภายในตึก
ภายในห้องนั่งเล่นของตระกูลหลิว หัวหน้าตระกูล หลิวกุยโยงนั่งอยู่กับผู้อาวุโสอีกสองคนและผู้ฝึกตนขั้นหก
“ความเร็วของหมอนั่นเร็วยิ่ง” หนึ่งในผู้อาวุโสที่ผอมแห้งราวกิ่งไม้เอ่ย
“เมื่อใดกันที่ตระกูลจ้าวมีเด็กมากพรสวรรค์เช่นนี้?” ผู้อาวุโสที่ค่อนข้างอ้วนมีใบหน้าเคร่งขรึม
ด้วยพลังฝึกตนขั้นห้าของพวกเขา พวกเขาไม่แม้แต่จะสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย มันยังดีที่ ณ ตอนนี้ ตึกใหญ่ได้กลับไปเงียบงันอีกครั้งเมื่อเด็กหนุ่มไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นอีก
ดวงตาของทุกคนเบนไปมองยังหัวหน้าพรรคซึ่งมีพลังฝึกตนสูงที่สุด เส้นผมของหลิวกุยโยงเป็นสีขาวโพลน แต่ยังคงมีใบหน้าใจเย็น
“ในด้านของความเร็วนั้น ข้าไม่ได้เร็วไปกว่าเขา”
เป็นไปได้อย่างไร!?
หัวใจของทั้งหมดบีบรัด
อย่างไรก็ตาม พลังฝึกตนของหลิวกุยโยงนั้นได้เข้าสู่ขั้นหกเมื่อครึ่งปีก่อน และเขาได้กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของหมู่บ้านใบไม้เขียว
พวกเขาจะทำอย่างไรดี?
ตระกูลหลิวรู้สึกว่ามันค่อนข้างย่ำแย่
“แน่นอนว่าหากเขาเผชิญหน้ากับข้าตรงๆ ข้ามั่นใจว่าข้าจะชนะ” มีเพียงหัวหน้าพรรคที่ยังคงสงบ
“หึ! เจ้าเด็กเหลือขอนั่นกล้ามาที่นี่ ข้าจะทำให้มั่นใจว่ามันจะไม่ได้กลับไป” ทุกคนตวาดลั่น
ในเวลานั้น เหล่าระดับสูง 80% ของตระกูลปรากฏตัวและความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นสามารถบดขยี้ทุกกองกำลังในหมู่บ้านใบไม้เขียวลงได้
หากเด็กตระกูลจ้าวนั่นมา… นี่เป็นแผนที่หลิวกุยโยงวางขึ้น
“ฮะฮะ พวกเจ้าอยู่ด้วยกันทั้งหมด เยี่ยมเลย! พวกเจ้าช่วยไม่ให้ข้าต้องลำบากหาพวกเจ้าทีล่ะคน” เสียงหัวเราะเด็กๆ ดังขึ้นจากหลังคา
สีหน้าของเหล่าผู้ฝึกตนพลันแปรเปลี่ยนไปในทันที เมื่อใดกันที่เขาไปอยู่บนหลังคา?
ตูม!
หลังคาสั่นสะท้านขณะที่เด็กหนุ่มทะลวงมันลงมาและกระโดดลงบนพื้นห้อง
เด็กหนุ่มผู้นั้นคือจ้าวเฟิง
เขากระโดดลงมาตรงใจกลางห้องพอดี ซึ่งหมายความว่าเขาถูกล้อมไว้
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ขอบคุณที่มาเยือน!” เสียงของผู้อาวุโสร่างอวบเต็มไปด้วยความยืนดี
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิวกุยโยงและผู้อาวุโสร่างผอม ผู้ฝึกตนขั้นสี่อีกหกคนก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกัน
“เจ้ายอดเยี่ยมโดยแท้ เพียงแต่ยังเด็กไปเสียหน่อย”
หลินกุยโยงมีแวว ‘ข้าจะชนะ’ บนใบหน้า หากจ้าวเฟิงไม่ได้ออกมาตรงๆ พวกเขาย่อมไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้เพราะเขารวดเร็วเกินไป แต่บัดนี้… อีกฝ่ายยอมปล่อยมือจากข้อได้เปรียบนั้นและเผชิญหน้ากับพวกเขาโดยตรง
ในตอนนั้น พวกเขาต่างมองไปยังร่างของเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าโง่เขลา จ้าวเฟิงพลันเข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะยังไม่เข้าใจว่าผู้ใดคือผู้ล่า และผู้ใดคือผู้ถูกล่า” เด็กหนุ่มแย้มยิ้ม
“ไอ้เด็กเหลือขอ ตาย!”
เหล่าผู้ฝึกตนเข้าใกล้เขา เต็มไปด้วยความตื่นเต้น มีเพียงหัวหน้าพรรคที่ปรากฏความกังวลในแววตา ทว่าอีกฝ่ายถูกล้อมแล้ว ดังนั้นแล้วมันไม่ควรจะมีปัญหาอันใด
“จัดการมัน!” ผู้อาวุโสร่างอวบเอ่ยสั่ง
หมัดพยัคฆ์คำราม!
ฝ่ามือทลายผา!
แข้งเมฆาล่อง!
กลุ่มของผู้ฝึกตนใช้วิชาที่แตกต่างกันในการโจมตีจ้าวเฟิง เด็กหนุ่มเผชิญหน้ากับการโจมตีของคนหกคนในคราเดียว หลิวกุยโยงและผู้อาวุโสอีกสองคนขวางทางเข้าออกเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหลบหนี
ปึก! ปึก! ตึง!
วิชาหลากหลายได้โจมตีลงบนร่างของเขา
กำแพงเหล็กหวนกลับ!
ทั่วทั้งร่างของเด็กหนุ่มแปรเปลี่ยนไปราวกับโลหะและสะท้อนการโจมตี
กร๊อบบบ
เสียงของกระดูกที่แตกหักดังขึ้นไม่หยุด
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ผู้ฝึกตนทั้งหกล้มลง บาดเจ็บสาหัส ภาพนั้นสร้างความตื่นตะลึงให้ผู้อาวุโสทั้งสองรวมทั้งหลินกุยโยง
“มะ… มันทำเช่นนั้นได้อย่างไร?” ผู้อาวุโสร่างอ้วนกรีดร้องออกมา
“ตาพวกเจ้าแล้ว” จ้าวเฟิงหันไปเผชิญหน้ากับทั้งสาม
“ท่าน เราสามารถพูดคุยกันอย่างสันติได้”
รอยยิ้มที่น่าเกลียดเสียยิ่งกว่าการร้องไห้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินกุยโยง ความแข็งแกร่งที่เด็กหนุ่มเพิ่งจะแสดงออกนั้นเหนือกว่าที่พวกเขารู้ กระทั่งหลินกุยโยงเองก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้
“ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งวัน จงนำคนตระกูลหลิวทั้งหมดออกไปจากหมูบ้านใบไม้เขียวซะ หรือไม่เช่นนั้นข้าจะทำลายพลังฝึกตนของเจ้า” จ้าวเฟิงเอ่ย
เขาได้อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านใบไม้เขียวเสียเป็นส่วนมากและรู้ว่าพฤติกรรมปกติของตระกูลหลิวเป็นเช่นไร ดังนั้นแล้วบทลงโทษของเขาจึงนับว่าค่อนข้างเบาเลยทีเดียว
“ขอรับ ขอรับ ขอรับ!” หลินกุยโยงรีบตอบรับในทันใดก่อนมองไปทางผู้อาวุโสทั้งสอง
พวกเขายอมรับโดยง่าย?
เพียงแค่เด็กหนุ่มกำลังสงสัยนั้นเอง
ฝ่ามือทลายวายุ!
พลังภายในของหลินกุยโยงระเบิดออกขณะที่เขาส่งกระบวนท่าโจมตีระดับสูงไปยังหน้าผากของจ้าวเฟิง
“ตายยย!” ผู้อาวุโสอีกสองคนล้วนโจมตีจากด้านข้าง
ภายใต้ระยะทางสั้นๆ พร้อมด้วยการโจมตีอย่างกะทันหันของผู้ฝึกตนขั้นห้าสองคนและผู้ฝึกตนขั้นหกหนึ่งคน กระทั่งจ้าวเฟิงยังเผลอเปิดช่องว่าง
“ไอ้หนู เจ้านับว่าเด็กเกินไป!” หลินกุยโยงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขณะที่ฝ่ามือของเขาไปถึงยังหน้าผากของจ้าวเฟิง
“โง่เขลา!” จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงเย็นพร้อมทิ้งภาพติดตาไว้ยังสถานที่ที่เคยยืนอยู่
ไม่ดีแล้ว!
การโจมตีจากหลินกุยโยงและผู้อาวุโสทั้งสองล้วนพลาดไป พวกเขาไม่แม้แต่จะสามารถแตะชายเสื้อของเด็กหนุ่มได้
ฟุ่บ!
วินาทีต่อมา ร่างของจ้าวเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งใจกลางคนทั้งสาม สถานที่เดิมที่เขาเคยยืนราวกับเวลาได้หมุนกลับ
อันใดกัน!?
เหงื่อเย็นเยียบไหลโชกเต็มแผ่นหลังของทั้งสาม
“วิชาระดับสูง… ขั้นสุดยอด?” หลิวกุยโยงเค้นคำพูดออกมา
ในตอนนั้นเองที่พวกเขาตระหนักได้ว่าเด็กหนุ่มเบื้องหน้าพวกเขานั้นน่าหวาดกลัวเพียงใด