บทที่ 646 แผนบุรุษรูปงาม
“ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของน้ำตาเงือกเป็นอย่างไรบ้าง?”
จ้าวเฟิงค้นพบว่าลูกศิษย์ผู้สืบทอดสองคนที่ใช้ผลึกน้ำตาเงือกตกอยู่ในกลิ่นอายจิตวิญญาณที่สวยงามบริสุทธิ์
‘ผลึกน้ำตาเงือก’ ในมือของคนทั้งสอง ฉายแสงราวผลึกใสสกาวครอบคลุมไปทั่วร่างกายและจิตใจ
ผ่านไปชั่วครู่
ลูกศิษย์ผู้สืบทอดทั้งสองคนเปิดตาออก นัยน์ตาสุกสกาว วิญญาณโปร่งแสง
ขอบเขตวิญญาณของพวกเขาหรือกระทั่งดวงวิญญาณเหมือนโดนชะล้าง กลิ่นอายบนเรือนร่างก็เกิดการเปลี่ยนแปลงรางๆ อยู่บางส่วน
พลังของคนทั้งสองไม่มีสัญญาณว่าจะเพิ่มขึ้น
แต่จ้าวเฟิงรับรู้ได้ว่า ขอบเขตวิญญาณและพลัง ‘ใจ’ ของพวกเขาเพิ่มระดับขึ้น
จะต้องรู้ว่า
การจะเลื่อนขึ้นเป็นราชันปราณเทวะ หลักๆ คือต้องพึ่งพาการเพิ่มระดับสภาวะจิตใจ รวมไปถึงระดับชั้นดวงวิญญาณแบบก้าวกระโดด
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผลึกน้ำตาเงือกส่งผลเอื้อต่อการทะลวงผ่านไปยังราชันในขอบเขตปราณเทวะ
แต่แน่นอนว่าผลลัพธ์เช่นนี้ ไม่ได้มีผลในการช่วยเหลืออย่างชัดเจน นอกเหนือจากว่าจะมี ‘สุราเซียนมายา’
ทว่าสำหรับคนในขั้นครึ่งก้าวสู่ราชัน ผลลัพธ์ในการชะล้างวิญญาณของผลึกน้ำตาเงือกมีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง
“พลังของวิญญาณเพิ่มขึ้นแล้ว เช่นนั้นพลังของตนเองก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย” จ้าวเฟิงรำพึง
ในฉับพลันนั้น เขาระลึกถึงคนผู้หนึ่ง นั่นก็คือซินอู๋เหิน
ซินอู๋เหิน คืออัจฉริยะที่มีความสามารถต่ำที่สุดเท่าที่จ้าวเฟิงเคยพบมา แต่ทว่าพลังในขอบเขตวิญญาณของซินอู๋เหินลึกล้ำอย่างยิ่งจนไม่อาจคาดคิดได้
ต่อให้เป็นในวันนี้ จ้าวเฟิงก็คงไม่อาจจะสอดส่องความลึกล้ำของซินอู๋เหินได้ปรุโปร่ง
“ลองดูแล้วกัน” จ้าวเฟิงล้วงเอา ‘ผลึกน้ำตาเงือก’ ออกมาแล้วค่อยๆ ปิดตาลง
ข้างหูเหมือนมีเสียงเพลงโบราณของเผ่าเงือก
ความงดงามที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความเจ็บปวดและรสชาติทุกข์สุขในชีวิต ปรากฏขึ้นติดต่อกันไม่หยุดภายในวิญญาณของจ้าวเฟิง ทั้งโปร่งใสและบริสุทธิ์ยิ่ง
วิญญาณของจ้าวเฟิงเหมือนว่าโดนโจมตีจากวันเวลา
ในทุกๆ ความเศร้าโศกหรือเสียใจ กลิ่นอายความรักที่สวยงามและฉ่ำหวาน ล้วนชะล้างผ่านวิญญาณของเขาไป
เผ่าเงือกเป็นเผ่าพันธุ์เก่าแก่ลี้ลับ
ในชีวิตหนึ่งของเผ่าเงือกยากที่จะหลั่งน้ำตา นอกเสียจากจะมีความรักที่ลึกซึ้งตราตรึงไปถึงจิตวิญญาณ
ในทุกๆ หยาดน้ำตาล้วนแต่เพิ่มระดับความรักในจิตวิญญาณของเผ่าเงือก
ขณะถูกชะล้างโดยความรักภายในจิตวิญญาณที่งดงามนั้น จากที่ตอนแรกมีความรู้สึกต่างๆ ประเดประดังเข้ามา วิญญาณของจ้าวเฟิงก็ค่อยๆ โปร่งใสกระจ่างแจ้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ใจของจ้าวเฟิงค่อยๆ ใสสะอาดมากขึ้นทุกที
ในระยะเวลาสั้นๆ นั้นเอง ความทรงจำต่างๆ ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในหัวของเขา
ช่วงเวลาในวัยเด็ก
สตรีรูปร่างสูงโปร่งในอาภรณ์สีม่วง นัยน์ตาคู่งามเป็นประกายสดใส ประดุจภูติพรายที่มีชีวิตชีวาในสายลม
เงาแบบบางในชุดสีม่วงผู้ซึ่งแอบอาทรอยู่เงียบๆ และคอยวิ่งตามหลังตลอดเวลา
เมื่อได้พบหน้าหลังจากกันเป็นระยะเวลานาน
เงาร่างแบบบางที่เต็มไปด้วยเงาปกคลุมกอดกันอย่างแนบแน่น ด้วยความรู้สึกชิดเชื้อเหมือนเด็กหญิงผู้เป็นเพื่อนบ้าน
วูบ!
ภาพนั้นสั่นไปเล็กน้อย
ประสบการณ์ที่บิดเบี้ยวทับซ้อน ทั้งความสุขและความเศร้า ความเวทนาและความผิดหวัง ปรากฏขึ้นซ้ำไปมาไม่รู้จบในหัวของจ้าวเฟิง
ทันใดนั้น
ใบหน้าอ้างว้างหวานละมุน สูงสง่าเยือกเย็น ผ้าสีขาวสะบัดพริ้ว เงาร่างแบบบางนั้นเป็นประหนึ่งเทพธิดาในภาพวาดที่รางเลือน
“ที่แท้ข้าเองก็เคยมีเช่นกัน”
วิญญาณของจ้าวเฟิงค่อยๆ ใสสะอาดขึ้นจากการชะล้างของความรักในจิตวิญญาณ
ขอบเขตวิญญาณของเขาเสมือนว่าโดนชำระล้างแล้วอย่างไรอย่างนั้น
ภายในหัว ทะเลสาบพลังดวงตาค่อยๆ ฉายแสงสว่างจากผลึกใสกระจ่าง
น้ำทุกหยดของพลังดวงตาก็ล้วนแต่ชัดเจนแจ่มแจ้ง
ขอบเขตวิญญาณของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้นๆ
ถึงแม้ว่าพลังดวงวิญญาณจะไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงก็สะอาดกระจ่างขึ้นอีก
ถึงขนาดที่ว่าลักษณะของดวงวิญญาณยังปรากฏขึ้นกลางห้วงความคิดเช่นกัน
“นี่ก็คือข้า?”
จ้าวเฟิงรับรู้ตัวตนของตัวเองกระจ่างแจ้งปรุโปร่งขึ้น
ห้วงความคิดและวิญญาณของเขาแข็งแกร่งมีพลัง หมอกควันที่กระจายออกไป กลับคืนสู่สภาพเดิมของตน
เวลาครึ่งชั่วยามผ่านไป
ผลึกน้ำตาเงือกในมือจ้าวเฟิงถูกใช้ไปแล้วสิบชิ้น
มาจนถึงช่วงสุดท้าย ใจของเขาราวน้ำนิ่งสงบ สุกสกาวราวผลึกแก้ว
“ศิษย์น้องจ้าว สถานการณ์ดูท่าจะไม่ดี ร่องรอยของพวกเราถูกราชาเงือกจับได้แล้ว” เสียงของเฉินอี้หลินดังขึ้น
จ้าวเฟิงเปิดตาขึ้น กลางนัยน์ตามีแสงดุจแก้วปรากฏรางๆ แล้วหายไปอย่างอย่างรวดเร็ว
แต่ดวงตาของเขากระจ่างดุจดวงดารา แล้วยังใสสกาวราวผลึกแก้ว
“ถูกจับได้เป็นเรื่องที่ช้าเร็วก็ต้องเกิดขึ้น”
จ้าวเฟิงไม่ได้ประหลาดใจแต่อย่างใด เขาทำความเข้าใจสถานการณ์ในระยะสิบลี้จากเหล่ากองทัพเผ่าวารีที่พรางตัวอยู่ในละแวกใกล้เคียง
พวกเขาลงมือสังหารอสูรมัจฉาในอาณาจักรเงือกไปมาก แล้วมีจำนวนอีกไม่น้อยเช่นกันที่โดนจ้าวเฟิงจับเป็นทาส
มีเงือกมากมายสูญหายไป ย่อมทำให้อาณาจักรเงือกตื่นตกใจอยู่แล้ว
“พวกเราต้องรีบลงมือ ก่อนที่คนในระดับสูงของเผ่าเงือกจะรู้เรื่อง” น้ำเสียงของเฉินอี้หลินมีแววร้อนรน
แต่ว่าบุรุษเรือนผมสีน้ำเงินผู้อยู่เบื้องหน้ากลับไม่มีทีท่าตื่นตระหนก ดวงตามุ่งมั่นรู้แจ้ง
“มีเงือกเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่สูญหายไป ภายในเวลาสั้นๆ ไม่น่าจะกระเทือนอะไรต่อระดับสูงสุดของอาณาจักรเงือก จากที่ข้ารู้มา ในระยะสิบปีที่ผ่านมาราชาเงือกปิดด่านฝึกตนมาตลอด”
จ้าวเฟิงเอ่ยแจกแจงช้าๆ
มีตัวเลือกให้คนทั้งหมดเลือกอยู่สองทาง
อย่างแรก สลายตัวแยกย้ายในเวลาที่ถูกต้อง คนทั้งหมดก็เก็บเกี่ยวได้มากมายแล้ว โดยเฉพาะจ้าวเฟิงที่ฉกชิงเอาทรัพยากรล้ำค่ามาได้มหาศาล
อย่างที่สอง วางแผนบุกเข้าไปในตำหนักใต้ทะเลสาบ
หากเลือกตัวเลือกที่สอง ก็ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายอย่างใหญ่หลวง อาจต้องโดนไล่ล่าจากคนทั้งอาณาจักรเงือก หรืออาจถึงขั้นต้องเผชิญหน้ากับราชาเงือก
“จ้าวเฟิง เจ้ามีแผนหรือไม่?” เจียงฟานถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
แววตาของเฉินอี้หลินสว่างวาบ ด้วยตลอดทางที่ผ่านมาราบรื่นเป็นอย่างยิ่ง เหมือนกับว่าทั้งหมดนี้ล้วนแต่อยู่ภายใต้การคาดการณ์และการควบคุมของจ้าวเฟิง
“วิธีง่ายดายยิ่ง พวกเจ้าลองย้อนคิดดู ถึงตัวอย่างการเข้าไปภายในตำหนักใต้ทะเลได้สำเร็จในอดีต”
จ้าวเฟิงยิ้มออกมา
ในอดีต?
ทุกคนย่อมรู้ดี!
หลายพันปีก่อน อัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นได้พบรับกับองค์หญิงเงือกภายใต้พรหมลิขิต ด้วยความช่วยเหลือจากนาง จึงสามารถเข้าไปภายในตำหนักใต้ทะเลสาบได้สำเร็จ
“ตามที่ข้าได้รู้มา องค์หญิงเงือกรุ่นนี้ใบหน้างามล่มเมือง และที่สำคัญก็คือนางยังไม่มีคู่ครอง” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ
“จ้าวเฟิง เจ้าคงจะไม่ลอกเลียนวิธีในยามก่อนใช่หรือไม่?” เจียงฟานกลอกตาขึ้นด้านบน
“สติปัญญาของเผ่าเงือกไม่ได้ด้อยไปกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์เลย พวกเขาไม่ได้โง่ จะใช้วิธีเดียวกันทำให้สำเร็จอีกครั้งได้หรือ?”
“ความสำเร็จในอดีตเป็นเพราะพรหมลิขิตประจวบเหมาะ เกรงว่ายากจะลอกเลียนแบบได้อีกครั้ง”
“อีกอย่าง ในกลุ่มพวกเรามีใครที่จะทำให้องค์หญิงเงือกหลงรักได้? เช่นนั้นต้องเสี่ยงขนาดไหนกันเชียว?”
คนทั้งหมดส่ายศีรษะกันเป็นแถว
เผ่าเงือกเองก็ไม่ใช่พวกโง่ที่จะโดนหลอกด้วยวิธีการเดิมสองครั้งติดกัน
“เหอะเหอะ ใครบอกกันล่ะว่าความสำเร็จในยามก่อนไม่อาจลอกเลียนได้? ภายในหมู่พวกเรามีคนเช่นนั้นอยู่”
จ้าวเฟิงยิ้มแย้มเบาๆ ก่อนเอ่ยเป็นนัย
“ใครกัน? ใครที่มีความสามารถเช่นนี้ ทำให้องค์หญิงเงือกตกหลุมรักได้ในทันทีที่พบหน้า?”
คนทั้งหมดสบตาแล้วมองหน้ากันไปมา ในกลุ่มคนทั้งหมดก็ไม่ได้มีอัจฉริยะคนใดหน้าตาหล่อเหลาโดดเด่น
“คนผู้นั้นก็คือเจ้า” จ้าวเฟิงยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม สายตาหยุดลงบนเรือนร่างของเจียงฟาน
“อ๊า!” เจียงฟานร่างกายโซเซ เกือบจะตะโกนก่นด่าเสียแล้ว
นี่มันรังแกกันชัดๆ!
“ศิษย์น้องจ้าว นี่ไม่ใช่การเล่นสนุก เจ้ามีวิธีการใดกันแน่?”
เฉินอี้หลินเอ่ยอย่างเป็นการเป็นงาน
หากจะพูดถึงหน้าตา เจียงฟานผู้นี้นับว่าธรรมดายิ่ง เมื่อเปรียบกับจ้าวเฟิงแล้วยังห่างไกลอยู่เหมือนกัน
“เป็นเช่นนี้” จ้าวเฟิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยอธิบาย
“เผ่าเงือกเชื่นชมยอดฝีมือเช่นกัน จะเคารพเลื่อมใสสายเลือดที่หายากเป็นอย่างยิ่ง แล้วศิษย์พี่เจียงก็มีสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ จากที่ข้าได้เรื่องมาจากข้าทาสเผ่าเงือก จึงรู้มาว่าองค์หญิงเงือกผู้นี้ยิ่งยโสเป็นอย่างยิ่ง มองข้ามอัจฉริยสายเลือดในเผ่าพันธุ์เดียวกันเสียสิ้น”
“อืม จะให้พูดง่ายๆ ก็คือ องค์หญิงเงือกผู้นี้ชื่นชมยอดฝีมือและหลงใหลในสายเลือดสูงส่งหายาก” จ้าวเฟิงเอ่ยสรุป
เมื่อได้ยิน ลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าเข้าใจ
“นี่ไม่ได้…อย่างไรก็ไม่ได้!”
เจียงฟานคัดค้านสุดแรง วิธีการนี้ไม่สมเหตุสมผลเลยแม้แต่นิดเดียว
เฉินอี้หลินขมวดคิ้ว แผนการนี้เมื่อฟังดูแล้ว แน่นอนว่ามีช่องโหว่อยู่บางส่วน
อันดับแรก มีความเสี่ยงมากเกินไป
อันดับที่สอง ความรักนั้นเดิมเป็นเรื่องของโชคชะตาฟ้าลิขิต
“พวกเจ้าฟังแผนการข้าให้จบ…” น้ำเสียงของจ้าวเฟิงพลันกดต่ำลง
ท้ายที่สุดแล้วเหลือเพียงเฉินอี้หลินและเจียงฟานที่ได้ยินแผนการของจ้าวเฟิงในหัวพวกเขา
“เจ้าแน่ใจรึ?” เฉินอี้หลินเอ่ยปากถาม
สีหน้าของเจียงฟานดูโล่งใจขึ้นมาบ้าง
“มีความหวังอยู่เก้าสิบส่วน! หากพวกเจ้าไม่ยินดีก็กลับไปทางเดิมได้” จ้าวเฟิงเอ่ยตัดบท
“ตกลง! จ้าวเฟิง!” ในที่สุดเจียงฟานก็ตัดสินใจเสี่ยงดวงดู
ถ้าหากไม่ตอบตกลงก็จะเสียโอกาสเข้าไปภายในตำหนักใต้ทะเลสาบ
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ท่ามกลางสายตาของคนทั้งหลาย เจียงฟานโดนเผ่าเงือกหลายตัวจับมัดมือไพล่หลังไว้อย่างแน่นหนา
ทหารเผ่าเงือกในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดสี่นายจับกุมเจียงฟานเอาไว้
นอกจากนี้ ในละแวกใกล้เคียงยังมีเงือกบางส่วน ในนั้นมีนางเงือกหน้าตาสะสวยอยู่ด้วย
“เผ่ามนุษย์ผู้มาจากโลกภายนอกคนนี้กล้าดูหมิ่นองค์หญิงเผ่าเงือก เอาตัวเขาส่งไปยังที่พำนักให้องค์หญิงตัดสินโทษ” จ้าวเฟิงเอ่ยสำทับ
นางเงือกผู้มีใบหน้างดงามนางนั้นรู้จักองค์หญิงเงือกพอดี
“เจ้าค่ะ”
นางเงือกผู้นี้ตกปากรับคำ แล้วส่งเจียงฟานผู้ที่เป็นเหมือนบรรณาการเข้าไปภายในอาณาจักรเงือก
ถัดจากนั้น
เรื่องทั้งหมดล้วนอยู่ในการคาดเดาและการควบคุมของจ้าวเฟิง
เจียงฟานถูกมัดอย่างแน่นหนา แล้วถูกส่งไปที่คฤหาสน์ขององค์หญิงภายในอาณาจักรเงือก
ตลอดทาง
มีเงือกมากมายจ้องมองอย่างสงสัยใคร่รู้ ดูน่าหวาดกลัวแต่ไม่มีอันตรายใดๆ
ในสายตาของเผ่าเงือก เผ่ามนุษย์เองก็นับได้ว่าเป็น ‘ประเภท’ ที่หายาก ส่งมอบบรรณาการในระดับนี้ไปที่จวนองค์หญิงเงือกก็ไม่มีใครแปลกใจอะไร
ด้วยเพราะความผิดปกติส่วนหนึ่งภายในอาณาจักรเงือก จึงไม่มีใครเอ่ยรายงานต่อเบื้องบน
จ้าวเฟิงใช้ดวงตาและหูร่วมกับเหล่าทาสเงือกเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายใน
แต่ศิษย์คนอื่นๆ ของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินกลับไม่ได้รับข่าวคราวใดๆ
คฤหาสน์ขององค์หญิงเงือก
“เผ่าพันธุ์มนุษย์? บรรณาการงั้นเรอะ?”
นางเงือกใบหน้างดงามล่มเมือง ทอดกายอย่างเกียจคร้านบนเตียง เมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้ นัยน์ตานางกะพริบน้อยๆ มีแววสนใจใคร่รู้อย่างมากลอดออกมา
ไม่ต่างกันกับที่เผ่าพันธุ์มนุษย์รู้สึกว่านางเงือกเป็นสิ่งหายาก
องค์หญิงเผ่าเงือกเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านั้น
“เอามาตัวมาให้ข้า!” องค์หญิงเผ่าเงือกมีสีหน้าคาดหวังและสนใจ
หลายพันปีที่ผ่านมา ‘ความรักของมนุษย์และเงือก’ นับว่าเป็นความรักต้องห้ามสำหรับคนในเผ่าพันธุ์
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกัน ยิ่งเป็นเรื่องต้องห้ามนางก็ยิ่งสนอกสนใจ
ไม่นานนัก
‘เจิงฟาน’ ที่ถูกจับมัดไว้อย่างแน่นหนาถูกแก้มัดต่อหน้าองค์หญิงเผ่าเงือก
“เจ้าก็คือเผ่ามนุษย์?” องค์หญิงเผ่าเงือกรู้สึกประหลาดใจมาก จึงใช้มือลูบไล้ไปทั่วร่างกายของเจียงฟานทั้งจากบนลงล่าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ลูบร่างกายเบื้องล่าง ร่างกายของเจียงฟานแข็งทื่อ ใบหน้าแดงก่ำ รู้สึกเหมือนโดนเหยียดหยามอย่างยิ่ง ในใจก่นด่าจ้าวเฟิงไม่หยุด
แต่ในเวลาเดียวกัน
เขาเองก็ลอบคาดหวังในใจ หากมีความรักหวานชื่นกับองค์หญิงเงือกผู้สูงศักดิ์งามล่มเมืองตนนี้ก็คงไม่เลวนัก
หลังจากที่ระเบิดพลังสายเลือดออกมาตั้งแต่ยังเล็ก เขาก็อยู่ในการฝึกตนที่ยากลำบากมาโดยตลอด
เจียงฟานมีอายุถึงยี่สิบกว่าปีแล้ว เป็นชายชาตรี แต่ประสบการณ์ในด้านความรู้สึกกลับไม่เคยมีเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ เจียงฟานก็ค่อยๆ ปลดปล่อยกลิ่นอายสายเลือดของตนออกมา
“เอ๋? สายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณงั้นหรือ?”
วิญญาณและสายเลือดขององค์หญิงเผ่าเงือกล้วนแต่สัมผัสได้ถึงความกดดัน รู้สึกตื่นตระหนกยิ่งนัก
นัยน์ตาราวจันทร์เสี้ยวคู่นั้นของนาง นอกจากสายตาของความเทิดทูนแล้ว ยังเป็นประกายราวดวงดารา ระยิบระยับกระจ่างตา
ในใจของเจียงฟานรู้สึกพึงใจน้อยๆ สายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณนับว่าไม่ธรรมดาเสียจริง
องค์หญิงเงือก? เรื่องกล้วยๆ!
แต่ทว่า
ประโยคถัดมาขององค์หญิงเผ่าเงือกทำให้เขาประหนึ่งตกลงสู่หุบเหวลึก
“เหอะเหอะ เจ้าจะต้องเป็นไส้ศึกที่พวกมนุษย์ส่งมาเป็นแน่ อยากจะใช้ ‘แผนชายงาม’ มาล่อลวงข้างั้นเรอะ?”
“เหอะ! แผนการเดิมตั้งแต่ในอดีตยังอยากจะใช้อีกครั้ง เป็นความคิดของเจ้าโง่คนไหนกัน”
เจียงฟานเกือบจะกระอักเลือดออกมา นี่มันเกินไปแล้ว!