Skip to content

King of Gods 654

King Of Gods

บทที่ 654 สำรวจอุทยาน

ทะเลสาบจื่อเยียน

บุรุษหนุ่มหยางกวงยืนอยู่บนพื้นน้ำ แหงนศีรษะขึ้นในทันที

“พลังของราชันงั้นรึ?” บนใบหน้าของเวินลั่วอันเคร่งขรึมลง

‘เนตรสวรรค์’ สีฟ้ากึ่งโปร่งแสงที่อยู่เหนือศีรษะคู่นั้นลอยอยู่ท่ามกลางกลุ่มเมฆ สอดส่ายสายตามองทั่วทั้งทะเลสาบจื่อเยียน

สรรพชีวิตที่อยู่ในสายน้ำบริเวณใกล้เคียง ล้วนแต่สัมผัสได้ถึงความกดดันที่เกิดขึ้นในชั้นวิญญาณ

“จ้าวเฟิงผู้นั้นน่าจะได้ ‘สุราเซียนมายา’ มาเสริม แล้วด้วยวิธีการบางอย่าง จึงสามารถสำแดงพลังในระดับราชันได้ แต่ระดับดวงวิญญาณของเขาหรือกระทั่งการฝึกตนไม่ได้ถึงราชันเลยด้วยซ้ำ”

บุรุษหนุ่มหยางกวงกลับมาอยู่ในสภาวะสงบอีกครั้ง

เพียงไม่ใช่ราชันที่แท้จริงก็ไม่อยู่ในสายตาของเขาแล้ว

ถ้าหากว่าไม่มีราชาเผ่าเงือก เขาคงจะบุกเข้าไปใน ‘ตำหนักเทพเผ่าเงือก’ นานแล้ว

“เจ้ามนุษย์ ถ้าหากว่าเจ้าร่วมมือกับข้าตั้งแต่แรก จ้าวเฟิงคนนั้นคงไม่สามารถลึกซึ้งในพลังของราชันได้”

ราชาเผ่าเงือกคำรามเสียงก้อง

บุรุษหนุ่มหยางกวงยืนไม่ไหวติงอยู่ที่เดิม

เมื่ออยู่ในอุทยานครึ่งเซียน เขาไม่เชื่อใครหน้าไหนทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นราชาต่างเผ่าพันธุ์ด้วย

พรึ่บ!

เนตรสวรรค์หายวับไปจากอากาศเหนือทะเลสาบจื่อเยียน

“ไม่สู้อาศัยโอกาสนี้ดูสถานการณ์ของอุทยานครึ่งเซียนเสียหน่อย” จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ

สิ่งที่พิเศษอย่างยิ่งของดวงตาข้ามระยะทางคือสามารถมองข้ามผ่านขีดจำกัดของระยะทาง

ต่อให้พลังประเภทนี้จะถูกจำกัดอย่างมากภายในอุทยานครึ่งเซียน

แต่เมื่อจ้าวเฟิงอยู่ในสภาวะดวงตาข้ามระยะทาง จะสามารถเข้าถึงพลังของราชันในเบื้องต้นได้ จึงถูกกดดันมากขึ้นจากอุทยานครึ่งเซียน

ในวินาทีต่อมา

อุทยานครึ่งเซียน ชั้นเจ็ดของหอหมื่นทรัพย์

สมบัติล้ำค่าหลายสิบชิ้นที่ส่องแสงเป็นประกายลอยเลือนรางอยู่กลางอากาศ รัศมีสุกสกาวของสมบัติแข็งกล้ามากพอที่จะให้ใจของผู้เป็นราชันต้องตกใจ

“ใครขวางทางข้า!”

หนานกงเซิ่งยืนอยู่บนพื้น ประกายเรืองรองสีเงินรอบร่างเจิดจ้าแสบตา

พลังราชันกลุ่มหนึ่งกระตุ้นพลังที่ยิ่งใหญ่ของขอบเขตปราณเทวะ กระแทกอัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ในชั้นดวงวิญญาณจนสั่นสะเทือน

อัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เข้าร่วมการแย่งชิงมีมากถึงเจ็ดแปดสิบคน

แต่ทว่า หนานกงเซิ่งกลับอาศัยพลังของตนเพียงคนเดียวประลองกับอัจฉริยะเหล่านั้น เห็นได้ชัดว่าไม่มีท่าทีจะอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อย

“อย่าปล่อยให้หนานกงเซิ่งได้ครอบครอง ‘กระบี่ฟ้าดิน’ ถ้าหากว่าเขาได้ครอบครองกระบี่เล่มนี้แล้วล่ะก็ จะไม่มีอัจฉริยะคนใดสามารถประมือกับเขาได้”

 

“กระบี่ฟ้าดิน ธนูเหนือนภา ตราหมื่นทิศ…ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นมรดกอาวุธวิเศษที่มีอานุภาพกำหนดฟ้าดินได้ ระดับแทบจะเทียบเท่าได้กับ ‘ชั้นนภา’ ไม่ว่าจะชิ้นใด หากไปอยู่ยังโลกภายนอก ก็ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้”

ชั้นเจ็ดของหอหมื่นทรัพย์มีเหล่าอัจฉริยะจำนวนมาก

อัจฉริยะที่กล้าแย่งชิงสิ่งของภายในหอหมื่นทรัพย์เป็นยอดฝีมือสายตรงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ความสามารถของอัจฉริยะที่นี่แข็งแกร่งกว่าผู้ที่ปรากฏกายอยู่ที่ทะเลสาบจื่อเยียนเท่าหนึ่ง

แต่ทว่าสมบัติล้ำค่านับสิบชิ้นได้มายากเย็นยิ่ง หนึ่งจะต้องพึ่งความสามารถ สองจะต้องลองสื่อสารกับอาวุธวิเศษ

ความสามารถของหนานกงเซิ่งก็ทำได้เพียงฝืนสร้างสายสัมพันธ์กับ ‘กระบี่ฟ้าดิน’

พรึ่บ!

แล้วในเวลานี้เอง ดวงตาสีฟ้าโปร่งแสงดวงหนึ่งปรากฏขึ้นที่ชั้นเจ็ดของหอหมื่นทรัพย์

“พลังของราชันงั้นรึ?”

หนานกงเซิ่งสัมผัสถึงได้ทันที ร่างกายของเขาทะลักพลังของราชันที่น่ากลัวออกมา

หากจะพูดถึงการฝึกตน หนานกงเซิ่งอยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ราชัน แต่กลับมีพลังของราชันครึ่งหนึ่งแล้ว

โครม!

พลังราชันของจ้าวเฟิงสั่นสะท้านน้อยๆ แล้วถูกกดดันในทันที

ที่แท้เขารีบร้อนฝึกพลังราชัน ดังนั้นรายละเอียดบางอย่างจึงยังทิ้งห่างจากหนานกงเซิ่งไม่น้อย

ในขณะที่จ้าวเฟิงกำลังเตรียมจะจากไปนั้นเอง

วิ้ง!

ในหมู่สมบัติล้ำค่าจำนวนมาก ภายในนั้นมี ‘ธนูโบราณ’ ชิ้นหนึ่งส่งเสียงร้องหึ่งๆ บริเวณรอบๆ ปรากฏกลุ่มสายน้ำหมุนวนแล้วพลันอับแสงลง

“หืม?”

จ้าวเฟิงเกิดความรู้สึกลึกลับบางอย่างกับคันธนูโบราณนั้น

“ธนูเหนือนภา!”

อัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้านล่างพูดไม่ออก

อาวุธวิเศษล้ำค่าเหล่านี้ได้รับพลังจากครึ่งเซียน จึงไม่สามารถดึงดันแย่งชิงมาได้

ทว่าเมื่อดูจากท่าทางแล้ว ‘ธนูเหนือนภา’ คันนี้กำลังจะหลุดออกจากการควบคุมของพลังครึ่งเซียน

“หากเจ้ายินดีก็ไปกับข้าสิ”

ภายในเนตรสวรรค์ ทะลักคลื่นพลังดวงตาที่แข็งแกร่งและแปลกประหลาดออกมาในฉับพลัน

ทันใดนั้น ตรงใจกลางก็เกิดตาน้ำวน กลืนกินเอา ‘ธนูเหนือนภา’ เข้าไป

วูบ!

ธนูเหนือนภาที่เป็นหนึ่งในมรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าของหอหมื่นทรัพย์เจ็ดชั้น หายไปอย่างไร้ร่องรอย!

“เป็นใครกันที่โผล่มาอย่างไร้ร่องรอยแล้วฉกฉวยเอา ‘ธนูเหนือนภา’ ไป?”

อัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์คนอื่นที่อยู่ในที่ดังกล่าวจ้องตาโต

 

หอหมื่นทรัพย์มีทั้งหมดแปดชั้น เมื่อขึ้นไปเรื่อยๆ ทุกชั้นล้วนแต่ต้องทุ่มแรงกายแรงใจ และจะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันเป็นหมู่คณะ

ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา สถิติสูงสุดที่ถูกบันทึกไว้คือชั้นเจ็ด

แถมความเร็วในครั้งนี้สามารถเรียกได้ว่าทำลายสถิติที่เคยมีมา

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีกำลังรบสูงส่งจนฝืนชะตาฟ้าดินอย่าง ‘หนานกงเซิ่ง’

“มีเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน!”

หนานกงเซิ่งยืนเอามือไพล่หลัง ในใจรู้สึกไม่ยุติธรรม

เขาเสียเวลาไปกว่าครึ่งวันในการทดลอง ก็ยังไม่ได้ครอบครอง ‘กระบี่ฟ้าดิน’ เสียที แต่ว่าอัจฉริยะคนที่ใช้เคล็ดวิชาข้ามผ่านระยะทางลี้ลับกลับได้ ‘ธนูเหนือนภา’ ไปอย่างง่ายดาย

“ดวงตาดวงนั้นคล้ายกับ…” ศิษย์พี่หนาน ต่งเหวินเจี้ยน และคนอื่นๆ ที่ปะปนอยู่ในฝูงชนมองสบตากัน

พรึ่บ!

เนตรสวรรค์ดวงนั้นหายไปจากหอหมื่นทรัพย์ในทันที

ในความจริงแล้ว จ้าวเฟิงไม่ได้ต้องการเข้าร่วมการแย่งชิงในหอหมื่นทรัพย์ กำลังรบของหนานกงเซิ่งทำให้เขาเกิดความหวั่นวิตก

จ้าวเฟิงเพียงแค่สำเร็จพลังครึ่งก้าวสู่ราชัน นอกเหนือจากสภาวะวิญญาณแล้ว ด้านอื่นยังห่างไกลกับราชันอย่างมาก

อุทยานครึ่งเซียนเป็นพื้นที่ที่มีบริเวณกว้างขวาง ที่นี่อุดดมไปด้วยพฤกษานานาพรรณ แล้วยังเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรมากมาย ทั้งยังเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติล้ำค่ามหาศาลของอุทยานครึ่งเซียนอีกด้วย

“สวนร้อยบุปผา!”

ดวงตาไร้รูปร่างดวงหนึ่งปรากฏขึ้นในอากาศเหนือสวนบุปผาแห่งนั้น

จ้าวเฟิงอดทอดถอนใจไม่ได้ หากจะพูดถึงจำนวนของทรัพยากรล้ำค่าในฟ้าดิน ในสวนร้อยบุปผาแห่งนี้มีจำนวนเป็นหลายเท่าตัวของทะเลสาบจื่อเยียน

แน่นอนว่าภยันอันตรายที่นี่ย่อมมากมายกว่าทะเลสาบจื่อเยียนนัก

เมื่อมองไปเบื้องล่าง จ้าวเฟิงก็สัมผัสถึงกลิ่นอายมารที่อยู่ในขั้นราชันได้อย่างรวดเร็ว

“เอ๊ะ!”

ในขณะที่ดวงตาจดจ้องไปที่บริเวณหนึ่ง จ้าวเฟิงก็ต้องตกใจเป็นอย่างยิ่ง

มุมหนึ่งภายในสวนร้อยบุปผามีพลังของราชันปกคลุมเป็นรัศมีกว่าครึ่งลี้

สัตว์อสูรเขาเดียวตัวหนึ่งที่มีเกล็ดสีม่วงห่อหุ้ม มีอัสนีสีม่วงครอบคลุมทั่วร่าง สังหารอสูรฝูงหนึ่งจนหมดสิ้นอย่างง่ายดาย

พลังของอสูรฝูงนั้นเทียบเท่าได้กับกองทัพเผ่าวารีที่จ้าวเฟิงควบคุมอยู่

ยากที่จะเชื่อได้ว่า อสูรเขาเดียวเกล็ดม่วงธรรมดาตัวไม่ใหญ่ไม่เล็กนี้เป็นสัตว์อสูรที่อยู่ในขั้นราชัน

แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ!

ที่คาดคิดไม่ถึงไปกว่านั้นคือ บนร่างของสัตว์เขาเดียวตัวนั้นมีสตรีผมยาวระพื้นที่งดงามราวภาพฝันนั่งอยู่ด้วย

ดรุณีผู้นั้นสวมอาภรณ์สีฟ้ากระโปรงจีบสีขาว สะอาดบริสุทธิ์ ใบหน้างดงามราวหยก ดวงตาเป็นประกายเหมือนดวงดารา ชวนหลงใหลดั่งภาพฝัน

“เมิ่งซี!” ใจของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน

ดรุณีผู้นั้นก็คือยอดอัจฉริยะของสำนักศักดิ์สิทธิ์หนึ่งพันเดียวดาย…เมิ่งซี

ในมือของเมิ่งซีมีกิเลนหยกสีม่วงชิ้นหนึ่ง คอยควบคุมอสูรเขาเดียวในขั้นราชันที่นางนั่งอยู่

“ควบคุมอสูรในขั้นราชันตัวหนึ่ง ทำได้อย่างไรกัน?” จ้าวเฟิงยากที่จะเชื่อได้

เดิมเขาคิดว่าพลังของหนานกงเซิ่งแปลกประหลาดยิ่งนักแล้ว

คิดไม่ถึงเลยว่าในมือของเมิ่งซีจะมีอาวุธสังหารเช่นนี้อยู่ด้วย

ความสามารถของเมิ่งซีถือว่าเป็นยอดฝีมือในบรรดาอัจฉริยะดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และมีชื่อเสียงพอๆ กันกับหนานกงเซิ่ง

แต่ในตอนนี้ นางแค่ควบคุมอสูรเขาเดียวตัวหนึ่ง ก็เก็บกวาดสวนร้อยบุปผา แล้วฉกชิงสมบัติล้ำค่าจำนวนนับไม่ถ้วนมาได้

“เอ๊ะ? พลังของราชัน?”

เมิ่งซีมีปฏิกิริยา นางเองก็มีพรสวรรค์สายเลือดลี้ลับในแขนงวิญญาณ ซึ่งจัดอยู่ในสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังของราชัน นางจึงไม่ได้หวั่นกลัวแต่อย่างใด

เมิ่งซีและสัตว์เขาเดียวมองบนฟากฟ้าพร้อมกัน

แต่ว่าเนตรสวรรค์ดวงนั้นปรากฏขึ้นเพียงครู่เดียวเท่านั้นแล้วจึงหายวับไป

ในวินาทีที่มันหายไปนั้นเอง

โครม~

ภายในอากาศเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เพลิงอัสนีสีม่วงไร้ที่มาที่ไป จู่ๆ ก็ทะลวงไปยังตำแหน่งที่เนตรสวรรค์หายไป

“ตอบโต้ว่องไวซะจริง”

 

เมิ่งซีแค่นเสียงเย็น นัยน์ตาชวนฝันเป็นประกายน้อยๆ นางจดจำเนตรสวรรค์ดวงนั้นได้

เมื่อดวงตาออกจากสวนร้อยบุปผาแล้ว ในใจจ้าวเฟิงก็เกิดความกังวลขึ้น

ถึงแม้สำนึกรู้ของเขาจะสูงส่งขึ้นแบบก้าวกระโดด จนมีพลังของครึ่งก้าวสู่ราชันได้แล้ว แต่เมื่อเปรียบกับหนานกงเซิ่งและเมิ่งซีแล้วก็นับได้ว่าต่างกันไม่น้อย

“หอหมื่นทรัพย์กับสวนร้อยบุปผาแทบจะโดนหนานกงเซิ่งและเมิ่งซียึดครองเอาไว้เกือบหมด อีกไม่นานนัก คนทั้งสองย่อมเคลื่อนกำลังพลไปที่บริเวณอื่นของอุทยานครึ่งเซียนแน่” จ้าวเฟิงทอดถอนใจ

วูบ!

ทัศนวิสัยของเนตรสวรรค์ของเขาเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่ง

ไม่นาน เนตรสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นภายในตำหนักที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง

“ตำหนักหย่างซิน!” จ้าวเฟิงเอ่ยกับตนเอง

ตำหนักหย่างซินคือสถานที่ที่เจ้าของอุทยานแห่งนี้ใช้ในการเข้าฌานฟื้นฟูพลังและปิดด่านฝึกตนในกาลก่อน

หากจะพูดถึงจำนวนของสมบัติล้ำค่า ตำหนักหย่างซินย่อมไม่อาจเทียบเท่าหอหมื่นทรัพย์ ทะเลสาบจื่อเยียน และสวนร้อยบุปผาได้

แต่ว่าไม่มีอัจฉริยะคนใดจะมองข้ามตำหนักหย่างซินแห่งนี้

ตามบันทึกว่าไว้ ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของการเปิดอุทยานครึ่งเซียน ตำหนักตำหนักหย่างซินเคยปรากฏโอกาสอันดีสองสามครั้ง แต่โอกาสสองสามครั้งนี้ล้วนแต่เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่

 

ครั้งหนึ่งในนั้น

อัจฉริยะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งได้หลอมรวมเข้าสู่สภาวะแปลกประหลาดของต้นไม้เก่าแก่ในตำหนัก ผลลัพธ์ที่ได้เกินกว่าผลของ ‘สุราเซียนมายา’ เสียอีก

หลังจากนั้น

อัจฉริยะคนนั้นลึกซึ้งในวิชาขั้นฟ้า และได้ครอบครองพลังของราชันที่พิเศษก่อนล่วงหน้า จึงอยู่เหนืออัจฉริยะรุ่นเดียวกัน เวลาผ่านไปไม่นานก็สามารถทะลวงขึ้นสู่ขั้นราชันได้ เรียกได้ว่าอยู่เหนือคนในรุ่นเดียวกันอีกเช่นกัน

ตำหนักหย่างซินมีสระน้ำเล็กๆ ด้านข้าง

มีอัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ห้าหกคนเกาะกลุ่มรวมตัวกัน

“ช่างเป็นกลิ่นอายที่น่ากลัวนัก หรือว่านั่นจะเป็น…”

อัจฉริยะดินแดนศักดิ์สิทธิ์หล่านี้จับจ้องไปยังสระน้ำส่งกลิ่นเหม็นเล็กน้อย ซึ่งปกคลุมไปด้วยใบไม้เน่าเปื่อย

สระน้ำนั้นลึกจนเกินจะคาดคะเน

อีกทั้งแรงกดดันที่ทำให้สายเลือดสั่นสะท้านก็มาจากภายในสระน้ำนั้น

อัจฉริยะดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลายคนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทว่าในทุกก้าวย่างต้องแบกรับแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต

“มันคืออะไรกันแน่?”

ในยามที่เข้าใกล้สระน้ำในระยะสิบจั้งนั่นเอง เหล่าอัจฉริยะไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคงนัก

วิ้ง!

ภายในสระน้ำนั้นมีลำแสงสีเลือดผุดขึ้นมาในฉับพลัน

ตุบ! ตุบ!

อัจฉริยะสองคนที่อยู่ใกล้ที่สุดแข้งขาอ่อน ทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้น

“นั่นคือ…”

เหล่าอัจฉริยะดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใบหน้าแดงก่ำ ใจเต้นแรงคล้ายจะระเบิดออกมา

แล้วบริเวณผิวน้ำก็ปรากฏคราบเลือดที่ส่องแสงสีทองสว่างอย่างช้าๆ

“เลือดหยดหนึ่ง!”

อัจฉริยะห้าหกคนในที่แห่งนี้ไม่สามารถแบกรับพลังที่กดดันรุนแรงเช่นนี้ได้ ทั้งหมดคุกเข่าลงกับพื้น ประหนึ่งกำลังเคารพเทพเซียนใดๆ อยู่

อ๊อก! อ๊อก!

คนสองคนในนั้นกระอักเลือดออกมาจนตาย

“หรือว่า…นี่จะเป็นเลือดที่หลงเหลืออยู่ของครึ่งเซียน?”

“เลือดของครึ่งเซียน!”

คราบเลือดหยดเล็กๆ นั้นแฝงไปด้วยแรงกดดันที่แข็งแกร่งสูงส่งกว่าราชันมาก

โครม ฉัวะ!

อัจฉริยะดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกคนหนึ่งหัวใจระเบิดออกอย่างรุนแรง

“เร็ว…รีบแยกย้าย!”

“เลือดของครึ่งเซียน ถึงแม้ว่าเจ้าของเลือดจะจากโลกนี้ไป พลังที่แฝงอยู่ในนั้นก็สามารถคุกคามสรรพชีวิตรุ่นหลังได้”

สามคนที่เหลือเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด คลานหนีหัวซุกหัวซุนบนพื้นราวหนูติดจั่น

“ตำหนักหย่างซิน เลือดของครึ่งเซียน?”

ดวงตาข้ามระยะทางดวงหนึ่งปรากฏบนอากาศเหนือสระน้ำ

ถึงแม้จะเป็นเนตรข้ามระยะทางไร้รูปร่างที่แฝงไปด้วยพลังยิ่งใหญ่ของราชัน ในยามที่มองเลือดครึ่งเซียนจากด้านบนนั้น หัวใจก็ยังเต้นระรัวอยู่ดี

“สลายตัว!” ดวงตาไร้รูปร่างหายไปจากด้านบนตำหนักหย่างซิน

ห้องบ่มสุราครึ่งเซียน

พรึ่บ!

จ้าวเฟิงถอนหายใจยาว บนใบหน้ามีความตื่นตะลึง

สำนึกรู้ราชาและระดับดวงวิญญาณของเขาในวันนี้ สามารถเรียกใช้เนตรสวรรค์ได้เป็นเวลานาน

ในเวลาสิบยี่สิบช่วงลมหายใจสั้นๆ

จ้าวเฟิงสอดส่ายสายตามองบริเวณสำคัญบางส่วนของอุทยานครึ่งเซียน

แต่เขาไม่ได้รู้ตัวเลยว่า เรือนผมสีน้ำเงินของเขาปรากฏเส้นใยสีม่วงขึ้นปะปนหลายเส้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!