บทที่ 721 ปราณที่แท้จริงพัฒนาไปอีกขั้น
“เป็นเจ้าแมวขโมยตัวนั้นนี่เอง!”
“ระวัง!”
ราชาอินหยางและราชาวิญญาณมืดพบว่ามีเงาคลุมเครืออยู่ด้านหลังราชาแม่มด
แต่ทว่า คนทั้งสองเพิ่งจะระดมโจมตีจึงไม่ทันต้านทาน
ร่างกายและจิตใจของราชาแม่มดได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ไอน้ำแข็งเกาะทั่วร่างจนเคลื่อนตัวได้ช้าลง
วูบ!
เส้นลำแสงสีเทาเงินสว่างวาบแล้วหายไป
ฉัวะ โครม!
กริชลึกลับที่เหมือนเงามืดมิด ลากคมมีดเย็นยะเยือกทะลวงผ่านศีรษะของราชาแม่มด
“อ๊าก…” ร่างของราชาแม่มดแข็งค้าง ส่งเสียงกรีดร้องออกมาขณะหนังศีรษะกระเด็นออกไป
เลือดสดๆ ไหลทะลักเต็มหน้าผาก ดวงตา และแก้มของนาง ราวกับภูติผีสาวที่ตายอนาถน่าสยดสยอง
การโจมตีจากกริชจักรพรรดิเงาสังหารส่งผลให้นางบาดเจ็บจนเกือบถึงแก่ชีวิต จุดตายก็ยังโดนโจมตีไปด้วย
แต่ในฐานะที่เป็นราชันปราณเทวะ จึงทำให้พลังดวงวิญญาณของนางแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ไม่ได้ล้มพับไปในทันทีทันใด
“จะหนีไปไหน!”
ราชาแม่มดเปล่งเสียงหัวเราะแหลมสูงอย่างเหี้ยมโหด ร่างกายของนางเปลี่ยนเป็นลูกไฟวิญญาณ รวมตัวกันกลายเป็นราชินีเพลิงภูติที่สูงใหญ่หลายสิบจั้ง
ฟู่!
เพลิงวิญญาณที่แห้งผากน่ากลัวแตกกระจายออกไปทั่วสี่ทิศ
เมี้ยว!
หลังจากโจมตีเจ้าแมวขโมยตัวน้อยก็หายวับไป
ลางสังหรณ์ต่อเหตุการณ์อันตรายของมันว่องไวเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้าที่ราชาแม่มดจะพุ่งทะยานมา จึงหนีห่างออกจากขอบเขตการต่อสู้
“ราชาแม่มด!” ราชาอินหยางและราชาวิญญาณมืดเผยสีหน้าทนไม่ได้
ราชาแม่มดที่อยู่ในสภาพเช่นนี้ จะต้องชดใช้โดยการเผาผลาญชีวิตและดวงวิญญาณของตนเอง
หนำซ้ำก่อนที่กลายร่างเป็น ‘ราชินีเพลิงภูติ’ นางได้รับบาดเจ็บจนเกือบถึงแก่ชีวิต ถึงนางจะรักษาบาดแผลจนถึงสภาวะปกติ ก็เกรงว่ายังมีโอกาสรอดน้อยมาก
“สมุนของจักรพรรดิแห่งความตายไม่มีใครที่ปกติเลยสักคน…”
สีหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งเครียดอย่างยิ่ง มาจนถึงขั้นนี้แล้ว เหลือเพียงเล็กน้อยก็จะสามารถสังหารราชาแม่มดได้
ภายใต้กลุ่มของจักรพรรดิแห่งความตาย ไม่ว่าจะเป็นราชาจิตวิญญาณมรณะในขอบเขตปราณเทวะหรือองครักษ์แห่งความตาย พลังล้วนอยู่เหนือคนในระดับขั้นเดียวกัน
ในเวลานี้เอง
ราชาอินหยางและราชาวิญญาณมืดลงมือโจมตีจ้าวเฟิงพร้อมกัน การโจมตีของราชาวิญญาณมืดไม่ได้ทำให้จ้าวเฟิงหวาดกลัว แต่กำลังรบของราชาอินหยางที่เกือบจะเท่าจักรพรรดิปราณเทวะกลับจัดการได้ยากยิ่ง
ทว่าการโจมตีของราชาจิตวิญญาณมรณะทั้งสองล้วนแต่โดนเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น
เงาของจ้าวเฟิงหายไปจากจุดเดิมเสียแล้ว
“ปีกอัสนีโบยบิน!”
ในครรลองสายตามองเห็นเพียงแสงของปีกอัสนีที่เลือนรางราวมายา โบกสะบัดอย่างรวดเร็วผ่านแกนกลางมิติ แล้วหายวับไปจากจุดที่เคยอยู่
วินาทีต่อมา
ปีกอัสนีพิฆาตสีชาดขนาดยี่สิบจั้งคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างกายราชินีเพลิงภูติที่เพิ่งจะเปลี่ยนร่าง
ฟิ้ว ฟุ่บ!
“คมปีกวายุอัสนี!”
คมแสงปีกอัสนีที่เกิดจากปีกอัสนีพิฆาตรวมตัวกันจนถึงขีดสุด หอบเอากลิ่นอายทำลายล้างฟันฉับลงไปยังส่วนศีรษะของราชินีเพลิงภูติ
ชั่วไม่กี่อึดใจ คมปีกวายุอัสนีนั่นก็ฟันลงไปยังตำแหน่งที่เจ้าแมวขโมยตัวน้อยเคยแทงกริชในคราวก่อนพอดิบพอดี อีกทั้งราชินีเพลิงภูติของราชาแม่มดเพิ่งจะเปลี่ยนรูปร่าง จึงยังไม่เสถียรมั่นคง
“กรี๊ด…” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นจนสะเทือนไปถึงชั้นดวงวิญญาณ
ปีกอัสนีโบยบิน!
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงได้สอดส่องพลังที่เปลี่ยนไปภายในร่างของราชาแม่มดไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว จึงหายไปจากที่เดิมอีกครั้ง
“ตูม——”
สภาวะเพลิงวิญญาณของราชาแม่มดระเบิดออกในฉับพลัน กลายเป็นลูกไฟท่วมเลือดที่แห้งเหี่ยวแล้วสลายเป็นฝุ่นธุลี
แซ่ด พรึ่บ!
ปีกอัสนีด้านหลังจ้าวเฟิงโบกสะบัดหนีไปเป็นระยะทางร้อยจั้ง ถึงพอจะสามารถหลบออกจากจุดศูนย์กลางของแรงระเบิดได้ ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ผิวหนังเกล็ดมังกรสีฟ้าทั่วร่างของเขาก็ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออกมา
“ราชาแม่มด!”
ราชาอินหยางและราชาวิญญาณมืดร้องตกใจ มองดูราชาแม่มดระเบิดตนเองตายไปต่อหน้าต่อตา
การโจมตีของจ้าวเฟิงเป็นดั่งประกายอัสนีแปลบปลาบ ถ้าไม่ลงมือก็จะไม่เป็นไร แต่ทันทีที่ลงมือนั่นคือจะสังหารให้ตายในพริบตาเดียว
นี่เป็นเอกลักษณ์ในยามก่อนของ ‘จักรพรรดิวายุอัสนี’
ภายใต้ระดับความเร็วที่เหนือใครในใต้หล้า ทันทีที่เขาลงมือ คู่ต่อสู้ก็จะไม่มีกำลังต้านทาน
นี่ก็คือการไล่ล่าของมรดกวายุอัสนีที่โดดเด่นในด้านความเร็วและการโจมตี
เมี้ยว เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยปรากฏอยู่บนไหล่ของจ้าวเฟิง ถูกับแก้มของเขาไปมา
หนึ่งคนหนึ่งแมวอยู่ตรงขอบนอกของค่ายกลนรกกลืนวิญญาณ
เมื่อครู่จ้าวเฟิงบินออกมาจากรอยโหว่ขนาดใหญ่ที่ถูกผนึกด้วยน้ำแข็ง
ในเวลานี้ ค่ายกลนรกกลืนวิญญาณสูญเสียผู้สร้างซึ่งเป็นกำลังสำคัญถึงสองคนในเวลาติดๆ กัน พลังจึงลดลงไปกว่าครึ่ง อีกทั้งยังมีรอยโหว่มากมาย ใกล้จะสูญสลายไปทุกที
“ตอนนี้แหละ!” เด็กน้อยครึ่งเซียนเปิดทางให้ด้านหน้า แล้วจึงนำค่ายกลร้อยศพต้องสาปพุ่งทะลวงไปทางรอยโหว่ยักษ์ที่ผนึกไว้ด้วยน้ำแข็ง
ใจของราชาอินหยางและราชาวิญญาณมืดพลันหนักอึ้ง
ฟากของจ้าวเฟิงประสบความสำเร็จในการร่วมมือกันโจมตีทั้งภายในและภายนอก ถล่มค่ายกลนรกจนยับเยิน
ภายในกลุ่มนี้ ยังมีเจ้าแมวขโมยตัวน้อยที่มีบทบาทสำคัญยิ่ง เพราะเมื่ออยู่ในค่ายกลนรก พลังที่จะโจมตีด้านนอกค่ายกลจะลดลงไปมาก
นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมจ้าวเฟิงจึงสังหารราชาแม่มดได้อย่างยากเย็น
ประกายปีกอัสนี!
ปีกอัสนีที่อยู่ด้านหลังของจ้าวเฟิงโบกสะบัด เขาไม่ได้กลับเข้าไปภายในค่ายกล
“อ๊าก อ๊าก…”
นอกค่ายกลนรกกลืนวิญญาณ บรรดาองครักษ์แห่งความตายเหล่านั้นแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดติดต่อกัน
ในทุกครั้งที่ปีกวายุอัสนีขยับเคลื่อนไหว จะมีองครักษ์แห่งความตายคนสองคนเป็นอย่างน้อยตายลง
เมี้ยว เมี้ยว!
ทุกครั้งที่เจ้าแมวขโมยตัวน้อยกวัดแกว่ง ‘กริชจักรพรรดิเงาสังหาร’ เงามีดเย็นเยือกจะทะลวงผ่านความว่างเปล่า ต่อให้อยู่ในสภาวะเงาก็โดนสังหารได้
โครม วิ้ง!
ค่ายกลนรกกลืนวิญญาณสั่นไหว ไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ จนปรากฏรอยแยกครั้งแล้วครั้งเล่า
องครักษ์แห่งความตายเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในการตั้งค่ายกลนรกกลืนวิญญาณ เดิมทีค่ายกลสูญเสียกำลังหลักทั้งสองคนไปแล้ว เมื่อองครักษ์แห่งความตายที่ช่วยตั้งค่ายกลมาทยอยล้มหายตายจากไปอีก จึงยิ่งไม่เป็นรูปเป็นร่างไปทุกที
บัดนี้ การตายขององครักษ์แห่งความตายเหล่านั้นทำให้ราชาอินหยางและราชาวิญญาณมืดร้องคำรามด้วยความโกรธแค้น จะยังนั่งมองดูโดยไม่สนใจใยดีได้อย่างไรกัน
“ตราประทับนภาทมิฬ!”
ราชาอินหยางถอดใจจากค่ายกลนรกอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาขาวข้างหนึ่ง ดำข้างหนึ่ง ความสว่างและความมืดมิดบิดเบี้ยวไปมา
โครม!
ราชาอินหยางยกมือขึ้นข้างหนึ่ง เหมือนจะช้า แต่ที่จริงแล้วรวดเร็วอย่างยิ่ง ลำแสงตราประทับสีขาวดำที่บิดเบี้ยวแทรกซึมผ่านฟากฟ้าหลายร้อยลี้
ในวินาทีนั้นเอง ฟ้าและดินเหมือนโดนบิดเบือนไป
รูปร่างปีกอัสนีของจ้าวเฟิงพลันค้างแข็ง เหมือนกับตกลงไปในบ่อโคลนแล้วขยับไม่สะดวก
ในครั้งนี้ เมื่อไม่ต้องแบ่งสติไปจัดการค่ายกล จึงทำให้พลังที่ปล่อยออกมาจากเคล็ดวิชา ‘ตราประทับนภาทมิฬ’ ของราชาอินหยางแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“ตายเสีย…”
ราชาอินหยางโบกมือ ม่านฟ้ากว้างใหญ่ที่ทั้งมืดและสว่างปรากฏลำแสงตราประทับขาวดำขนาดมหึมา ทรงพลังเสียจนบดบังทุกสิ่งบนฟ้าได้
ฟ้าดินในละแวกใกล้เคียงล้วนแต่โดนเขาควบคุมจนถึงขีดสุด
แสงฝ่ามือนั้นหลอมรวมเข้ากับฟากฟ้า อาณาเขตโจมตีกว้างใหญ่ ตรงดิ่งไปหาจ้าวเฟิงราวกับจะปิดนภา
ต่อให้จ้าวเฟิงกระตุ้นวิชาปีกอัสนีโบยบินก็ยังไม่อาจหนีได้พ้น แล้วยังต้องแบกรับแกนกลางของพลังด้วย
เพราะว่าความเข้าใจลึกซึ้งที่ราชาอินหยางมีต่อฟ้าดินใกล้เคียงกับจักรพรรดิอย่างหาใดเปรียบ
จ้าวเฟิงจึงทำได้เพียงสู้ยิบตา
ทั่วร่างของเขาปรากฏเกราะน้ำแข็งสีฟ้าสุกสกาว สายเลือดโบราณของ ‘เผ่าพันธุ์เกล็ดมังกรเหมันต์’ ถูกกระตุ้นไปจนถึงขีดสุด
“ปีกอัสนีปิดแผ่นฟ้า!”
ปีกอัสนีสีชาดที่อยู่ด้านหลังจ้าวเฟิงขยายออกอย่างรวดเร็วจนมีขนาดร้อยจั้ง บรรลุไปจนถึงระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ปีกวายุอัสนีโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่งโดยมีเขาเป็นใจกลาง พื้นที่ในรัศมีสิบลี้ตกอยู่ในวงล้อมพายุอัสนีสีชาดอานุภาพร้ายแรง ราวกับเป็นพายุสายฟ้าที่มีไฟลุกโชน
เมื่อมีปีกวายุอัสนีขนาดร้อยจั้ง ความสามารถในการควบคุมที่จ้าวเฟิงมีต่อพลังวายุอัสนีจึงเพิ่มขึ้นอย่างมากในเวลาอันสั้น
อ๊าก!
จ้าวเฟิงร้องตะโกนสุดเสียง สายเลือดกับร่างกายของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์และลำแสงหมัดพิฆาตที่รวมตัวกันถึงขีดสุด ชักนำให้พายุสีชาดที่เผาไหม้ปะทะเข้าใส่ราชาอินหยาง
การโจมตีในครั้งนี้บีบให้ปราณที่แท้จริงในสายเลือดของจ้าวเฟิงเพิ่มไปจนถึงขีดสุด
ในพริบตาเดียวเท่านั้น
พลังสายเลือดและปราณที่แท้จริงในร่างของจ้าวเฟิงก็ทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายเพิ่มขึ้นสูงฉับพลัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปราณที่แท้จริงพิฆาตสีชาดที่เกาะกลุ่ม หดเล็กลง และเดือดพล่านจนถึงจุดสูงสุด
โครม!
ภายในกายของจ้าวเฟิงสั่นสะเทือน ปราณที่แท้จริงพิฆาตสีชาดเกาะกลุ่มขึ้นไปอีกขั้น คุณสมบัติความแข็งแกร่งไปถึงระดับราชันปราณเทวะ ถึงกระทั่งอยู่เหนือกว่าราชันธรรมดาเล็กน้อย
ในความเป็นจริงแล้ว คุณสมบัติปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงสูงส่งอย่างยิ่งมาตลอด เดิมทีเมื่อเปรียบกับราชันปราณเทวะแล้วก็ต่างกันไม่มากนัก ทั้งหมดนี้ล้วนแต่ได้ประโยชน์มาจากห้วงฝันบรรพกาลและการผลักดันของเลือดครึ่งเซียน
และในตอนนี้ ‘จำนวน’ ปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงก็ทะลวงผ่านไปถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงสุดยอดแล้ว
เขาห่างจากขั้นราชันในขอบเขตปราณเทวะเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น
“ปัง! โครม…”
ผืนฟ้าขาวดำขนาดใหญ่มีเสียงดังโครมครามลอยล่องมา แล้วจึงอับแสงลงไปสามสี่ส่วน
“เจ้าเด็กคนนั้น…” ราชาอินหยางไร้ซึ่งสติไปครู่หนึ่งด้วยยากที่จะเชื่อได้
แซ่ด พรึ่บ!
แสงปีกอัสนีด้านหลังจ้าวเฟิงปริร้าวออกทีละชั้นจนกลายเป็นขนาดปกติ จากนั้นจึงโบยบินไปรวมตัวกับเด็กน้อยครึ่งเซียนและค่ายกลร้อยศพประหนึ่งเศษเสี้ยวอัสนี
ในขณะที่ปีกอัสนีโบยบินไปนั้น มุมปากของจ้าวเฟิงมีคราบเลือดไหลออกมาเป็นทาง
“ไม่เสียทีที่เป็นราชันในช่วงสุดยอด ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าจักรพรรดิลงไปไม่อาจจะต้านทานได้”
จ้าวเฟิงหายใจหอบถี่พลางเช็ดคราบเลือด
ในด้านพลังแฝง เขาและราชาอินหยางต่างกันมากเกินไป
การโจมตีเมื่อครู่ หากฝืนรับแรงโจมตีต่อไปจะบาดเจ็บไม่หนัก แต่ว่าการสิ้นเปลืองปราณที่แท้จริงกลับน่ากลัวยิ่งกว่ามาก
ถ้าหากจำนวนปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงสามารถบรรลุถึงขั้นราชัน เชื่อได้เลยว่าจะต้านทานและรับมือกับราชันในช่วงสุดยอดได้อย่างสบายๆ
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้ใช้ดวงตาเทพเจ้า จ้าวเฟิงสามารถรับมือกับราชันในระดับสุดยอดอย่างราชาฉลามยักษ์ได้ช่วงหนึ่ง แต่เมื่อผ่านไปนานๆ จะไม่เป็นผลดี
แต่ทว่า พลังของราชาอินหยางสูงกว่าราชาฉลามยักษ์ไปอีกขั้นหนึ่ง
ดวงวิญญาณ ระดับพลังและกำลังรบของเขา ในแต่ละด้านล้วนเข้าใกล้จักรพรรดิปราณเทวะอย่างยิ่ง
ขนาดอานุภาพวิชาสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงยังลดลงบนร่างเขา
“นายท่าน!” เด็กน้อยครึ่งเซียนและค่ายกลหุ่นเชิดศพรวมกลุ่มกับจ้าวเฟิงได้สำเร็จ
จ้าวเฟิงผ่อนลมหายใจโล่งอก คว้าเอาทรัพยากรล้ำค่าสองสามอย่างกลืนเข้าไปในร่างกายเพื่อเพิ่มเติมพลังที่สิ้นเปลืองไป
เมื่อได้ความช่วยเหลือจากเด็กน้อยครึ่งเซียนและค่ายกลร้อยศพ ทำให้โอกาสชนะของทางฝั่งจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นมากมาย
เมื่อมองกลับไปฟากของราชาอินหยาง ค่ายกลถูกทำลาย เหลือเพียงราชาจิตวิญญาณมรณะสองคน กับองครักษ์แห่งความตายที่ไม่มีประโยชน์ใดๆ สิบกว่าคน
“คุนอวิ๋นน้อย! สิ่งที่เจ้าต้องทำตอนนี้ก็คือทุ่มเทพลังทั้งหมดควบคุมราชาอินหยางเอาไว้” จ้าวเฟิงเอ่ยกำชับ
ในด้านของสำนึกรู้ เด็กน้อยครึ่งเซียนสามารถกดดันราชาอินหยาง ถึงแม้ว่าพลังจะแตกต่างกันอยู่มากก็ตาม
“ได้! นายท่าน!”
ผิวกายทั่วร่างเด็กน้อยครึ่งเซียนเปล่งประกายสีทองเจิดจ้า กำลังของกายศักดิ์สิทธิ์หรือแม้กระทั่งพลังสายเลือดของครึ่งเซียนถูกกระตุ้นจนตื่นตัวขึ้นอีกขั้น
พลังของเด็กน้อยครึ่งเซียนถูกกระตุ้นจนฟื้นฟูได้ว่องไวขึ้นผ่านการต่อสู้เช่นนี้
สิบแปดฝ่ามือผนึกนภา!
เด็กน้อยครึ่งเซียนผลักฝ่ามืออกมาช้าๆ
โครม! โครม! โครม!
ลำแสงหมัดสีทองที่ลึกลับแต่ละสายบิดเบี้ยวไปมาและหลอมรวมเข้ากับฟ้าดิน
พื้นที่ทั้งหมดผสานเข้ากับลำแสงหมัดสีทอง ให้ความรู้สึกคล้ายเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เหมือนกับว่าตกลงไปในบ่อโคลน
พื้นที่ที่ราชาอินหยางยืนอยู่ทั้งหมดล้วนแต่แบกรับการผนึกและจำกัดทีละชั้นๆ
“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่!”
หน้าของราชาอินหยางเปลี่ยนสี เคล็ดวิชาอินหยางของเขา ถึงแม้ว่าจะเรียกออกมาได้แต่กลับโดนปิดกั้นเอาไว้จนไม่มีกำลังแม้แต่น้อย
เมื่อสู้กันตัวต่อตัว เด็กน้อยครึ่งเซียนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
แต่ว่าระดับสำนึกรู้ของเด็กน้อยครึ่งเซียน เมื่อใช้เคล็ดวิชา ‘ฝ่ามือผนึกนภา’ ในตำนานที่สูงส่งเกินจะเปรียบ จะเป็นการกดดันเขาขนานใหญ่
ขอแค่ ‘ฝ่ามือผนึกนภา’ ไม่หยุดโคจร การโจมตีจากเคล็ดวิชาลับของราชาอินหยางหรือว่าการกระทำต่างๆ ล้วนแต่ยากเย็น
ในยามก่อน ขนาดจักรพรรดิมู่อวิ๋นยังไม่สามารถรอดพ้นได้ นับประสาอะไรกับเขาที่เป็นราชันในขอบเขตปราณเทวะ
“ทำได้ดี!”
จ้าวเฟิงยินดียิ่ง แผนการฟื้นคืนชีพครึ่งเซียนไม่ได้เสียแรงเปล่า
ในขณะเดียวกัน สายเลือดดวงตาซ้ายของเขาก็ปรากฏระลอกพลังดวงตาและดวงวิญญาณที่ทำให้คนตื่นตกใจ ธนูโบราณสีเงินเข้มปรากฏขึ้นในมือ
ตอนนี้ตาชั่งของชัยชนะเอนเอียงมาทางจ้าวเฟิง สิ่งที่เขาต้องทำต่อก็คือเพิ่มน้ำหนักในตาชั่งของเขาให้มากกว่าเดิม