บทที่ 73 : เชือดจอมยุทธ์ขั้นเจ็ด
ตูม!
ร่างของจ้าวเฟิงปลิวไปตามแรงลม ทว่าเด็กหนุ่มใช่แรงนั้นในการลอยตัวออกห่างจากการโจมตีที่สองของอีกฝ่าย
“ฝ่ามือนั่น…” ร่างใหญ่ของชายตาเดียวแข็งเกร็งไปชั่วครู่เพราะเขารู้สึกได้ถึงพลังของเขาที่ถูกหั่นและทำลาย
ฝ่ามือลมลี้ลับที่จ้าวเฟิงได้เรียนรู้นั้นเหนือกว่าวิชาระดับสูง เด็กหนุ่มทำได้เพียงทำความเข้าใจทีล่ะเล็กทีล่ะน้อย ทว่าหลังจากที่เริ่มฝึกฝนวิชาเซียนที่ไม่สมบูรณ์ เขาก็พบว่ามันง่ายขึ้น ในด้านของพลังเพียงอย่างเดียวนั้น ฝ่ามือลมลี้ลับนั้นไม่ได้ดีเด่ไปกว่าดรรชนีดารา ทว่ามันเหนือว่าวิชาอื่นๆ ในด้านของความลึกล้ำ และเมื่อรวมกับการที่วิชากำแพงเหล็กของเขาเข้าสู่ระดับห้า เขาจึงสามารถถอยหนีได้อย่างปลอดภัย
ความสามารถของจ้าวเฟิงนั้นได้รับเสียงชื่นชมจากอัจฉริยะคนอื่นๆ การที่สามารถรับมือกับการโจมตีของจอมยุทธ์และถอยได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บนั้นนับว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมแล้ว
“เจ้าหนีไม่ได้หรอก ไอ้หนู ข้าใช้พลังเพียง 60% ก่อนหน้า” เสียงจากชายตาเดียวดังก้องขึ้นจากเบื้องหลัง
ทว่าจ้าวเฟิงนั้นไม่ได้สู้อยู่เพียงคนเดียว เขายังมีสิบองครักษ์ฟ้าคนอื่นคอยช่วยเหลือ และไม่ช้า ระยะห่างระหว่างทั้งสองก็อนุญาตให้เด็กหนุ่มคว้าธนูของเขาขึ้นอีกครั้ง
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ครานี้ เด็กหนุ่มใช้ศรดวงตาซ้ายแห่งเทพเจ้าของเขา ซึ่งทำให้ทิศทางของศรนั้นมุ่งตรงไปยังศัตรูด้วยองศาที่สมบูรณ์แบบ
อันใดกัน!
โจรตาเดียวพบว่าศรที่วูบไหวตามสายลมนั้นได้ทะลวงผ่านพลังป้องกันจุดที่อ่อนแอที่สุดของเขาเข้ามา
ฉวะ!
หนึ่งในลูกธนูทิ้งรอยยาวบาดลึกไว้บนไหล่ของเขา ภาพนั้นได้เพิ่มขวัญกำลังใจของกองพันองครักษ์ฟ้าขึ้น
“ไอ้หมอนั่นเป็นนักธนู!” ลู่เซียวเหลียนและพวกพ้องชะงักไปเสี้ยววินาที จากนั้นจึงเริ่มโจมตีต่อ
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ครานี้ อีกกลุ่มหนึ่งได้ปรากฏตัวและดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งกว่ากลุ่มของลู่เซียวเหลียนเสียอีก
“นั่นกลุ่มของเหล่ยเฮา!”
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ค่อนข้างไกล ร่างหัวโล้นในชุดสีเงินนั้นก็สามารถสังเกตเห็นได้โดยง่าย เหล่ยเฮานั้นเป็นอันดับสองในสิบองครักษ์ฟ้าและเขานั้นเกือบจะทะลวงเข้าสู่ขั้นเจ็ดแล้ว
“ถอย!” หัวหน้าโจรเอ่ยคำสั่งออกอย่างกะทันหัน
ด้านของเขานั้นตกอยูในสภาวะค่อนข้างยากลำบากแล้วในตอนนี้ และด้วยการปรากฏตัวขึ้นของกลุ่มที่กระทั่งแข็งแกร่งกว่า พวกเขาย่อมไม่เหลือโอกาสอีกต่อไป
“ไอ้เด็กเหลือขอ! ข้าจะเอาชีวิตของเจ้าเมื่อใดก็ได้” ชายตาเดียวจับจ้องไปยังจ้าวเฟิงด้วยสายตาเย็นชาก่อนจากไป
“เวลาใดก็ตามแต่เจ้า!” จ้าวเฟิงเอ่ยตอบขณะที่แสงสีครามเย็นเยียบปรากฏขึ้นบนดวงตาซ้ายของเขาขณะที่เขามองกลับไปยังอีกฝ่าย
เกิดอันใดขึ้น!?
ร่างของหัวหน้าโจรสั่นสะท้านและรู้สึกราวกับหัวใจถูกแทงด้วยดาบ ทว่าเขานั้นกำลังอยู่ในระหว่างการหลบหนี เขาจึงไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับมัน
“นั่นมันอันใด?”
จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดเต้นตุบจากดวงตาซ้าย และเขาพบว่าเขานั้นเสียพลังสมาธิไปเกือบหมดแล้ว
เขาไม่รู้ว่าเขาใช้ทักษะอันใดไปเมื่อสักครู ทั้งหมดที่เขารู้สึกนั้นคือพลังสมาธิของเขาถูกดูดกลืนอย่างรวดเร็ว ทว่าเขาก็ยังเห็นแววตาว่างเปล่าหวาดกลัวจากอีกฝ่ายได้
เด็กหนุ่มปิดตาลงอย่างช้าๆ และพบว่าแสงสีเขียวภายในดวงตาของเขานั้นได้ขยายเป็น 6.9 ฟุตแล้ว ใกล้เคียง 7 ฟุตยิ่งนัก
“เยี่ยม!” ความยินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
เพราะเขาได้ปะทะกับหัวหน้าโจรตาเดียวเมื่อครู่ พลังฝึกตนของเขาจึงได้เพิ่มพูนขึ้นจนเข้าขั้นสุดยอดของขั้นหก บัดนี้พลังฝึกตนที่แท้จริงของเขานั้นเทียบเท่าเหล่ยเฮา อันดับสองของสิบองครักษ์ฟ้า
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าจะอยู่จะไปตามที่ต้องการมิได้!”
จากพุ่มไม้ห่างออกไปหกลี้ เด็กหนุ่มผมเงินผู้งดงามได้ปรากฏตัวขึ้น เขานั้นมีรูปลักษณ์ราวสตรีและกลิ่นอายน่าหวาดผวาในขณะที่ยืนอยู่บนยอดไม้
“เฟิงฮันเยว่!” เหล่าเด็กหนุ่มสาวในกองพันองครักษ์ฟ้าต่างอุทานออกมา
เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุเพียง 15-16 ปี ทว่าเขาเป็นจอมยุทธ์ขั้นเจ็ด
ขั้นเจ็ด…
โจรตาเดียวจับจ้องไปยังอีกฝ่ายด้วยสายตาตื่นตะลึงและเศร้าสร้อยในขณะเดียวกัน เขานั้นอายุ 28 ปีเมื่อครั้งทะลวงเข้าสู่ขั้นเจ็ด และในเวลานั้นเขาได้ภูมิใจในตนเองมากนัก ทว่าเมื่อเห็นเฟิงฮันเยว่ ความมั่นใจและเย่อหยิ่งของเขาทั้งหมดก็แตกสลายไปราวกับฟองอากาศ
ความสำเร็จของเขาไม่อาจนับเป็นอันใดได้เมื่อเทียบกับเด็กหนุ่มเบื้องหน้า
เด็กหนุ่มสาวเหล่านี้มีผู้ใดหนุนหลังอยู่กัน?
หัวหน้าโจรรู้สึกได้ว่าบางสิ่งนั้นผิดพลาด หากมีอัจฉริยะเพียงหนึ่งหรือสองปรากฏตัว มันอาจเป็นเรื่องบังเอิญ ทว่าเมื่อพวกเขาล้วนปรากฏตัวขึ้นในเวลาเดียวกัน กระทั่งผู้ที่ปัญญาอ่อนก็ต้องรู้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ
“กระบวนท่านภาลวงตา!”
แสงสีเงินสว่างขึ้นจากร่างของเด็กหนุ่มผู้งดงาม ในเสี้ยววินาทีเขาก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าของหัวหน้าโจร ความเร็วนั้นทำให้หัวใจของหัวหน้าโจรต้องสั่นสะท้าน เพราะว่าวิชานี้นับว่าเป็นวิชาระดับเซียนโดยแท้ แม้ว่ามันจะยังไม่ได้ถูกทำความเข้าใจจนหมดก็ตาม
ฝ่ามือทลายภูผา!
เขาไม่ได้ออมมือใดๆ ในครานี้และปะทะกับเฟิงฮันเยว่ตรงๆ
ตูม!
ร่างทั้งสองคราง ‘ฮึ่ม’ ก่อนจะแยกออกจากกัน
“อย่าคิดว่าจะหนีได้!”
เฟิงฮันเยว่พลันใช้วิชาเซียนที่ไม่สมบูรณ์ในการไล่ล่าอีกฝ่าย ทั้งสองนั้นหนึ่งวิ่งหนี อีกหนึ่งไล่ตาม หายลับไปในพงไพร
มีเพียงเหล่ยเฮาและจ้าวเฟิงที่สามารถตามติดทั้งสองได้
“หากข้าสามารถฆ่าโจรนั่นได้ ข้าจะได้ 20 แต้ม” จ้าวเฟิงใช้วิชานภาลอยล่องจนสุดขีดความสามารถและปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้ฝึกตนขั้นสุดยอดของขั้นหกออกในเวลาเดียวกัน…
ไม่ช้า ร่างของพวกเขาก็เลือนหายไปกับราวป่า ทิ้งไว้เพียงร่างที่เหน็ดเหนือของคนที่เหลือ
“จ้าวเฟิงนั่นดูจะไม่อ่อนด้อยไปกว่าเหล่ยเฮาแม้แต่น้อย” เด็กหนุ่มส่วนหนึ่งถกเถียงกัน
ลู่เซียวเหลียนและลีจีเวินสบสายตากันและพบความตะลึงในแววตาของอีกฝ่าย ก่อนหน้าพวกเขาจะจากไป พวกเขาได้หัวเราะเยาะกลุ่มของจ้าวเฟิง ทว่าไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงนี้
อีกด้านนั้น
จ้าวเฟิงและเหล่ยเฮาพยายามที่จะล้อมโจรจากทั้งสองฝั่งขณะที่เขาถูกพัวพันโดยเฟิงฮันเยว่ เด็กหนุ่มผู้งดงามได้ทำความเข้าใจวิชาเซียนไปบ้าง และมันเป็นวิชาเคลื่อนไหว ดังนั้นแล้วโจรร่างยักษ์จึงรู้ว่าเขาไม่มีทางหนีพ้น
“อย่าได้บังคับข้า!” โจรตาเดียวคำรามลั่นและใช้วิชาลับที่ไม่มีผู้ใดรู้จักที่ช่วยเสริมความสามารถของเขา
ทลายผาไร้ขีดจำกัด!
หัวหน้าโจรระเบิดออกและปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดที่เขามีเข้าปะทะกับเฟิงฮันเยว่
เปรี้ยง!
ร่างของอันดับหนึ่งแห่งสิบองครักษ์ฟ้าสั่นสะท้านก่อนจะร่วงลงบนพื้นสูงนับสิบเมตรพร้อมด้วยโลหิตที่ไหลย้อยออกจากปาก
ตาย!
โจรตาเดียวกลืนโลหิตที่ไหลย้อนขึ้นมาลงไปและโจมตีอีกฝ่าย
“ไม่ดีแล้ว!” ร่างสีเงินที่หลบซ่อนอยู่ในป่าอุทานขึ้น
ฟุ่บบบ!
ทันใดนั้น ธนูส่องประกายสีครามซีดก็พุ่งทะลุผ่านโล่พลังภายในของโจรตาเดียวและแทงเข้าไปในขาของเขา
“อ๊ากกกกก!” หัวหน้าโจรกรีดร้องและเกือบจะร่วงลงจากท้องฟ้า
ศรดอกนั้นได้แทงทะลุจุดชีพจรบนข้าของเขา และหากไม่เป็นเพราะเขามีพลังภายในที่เข้มข้น มันคงทำให้ช่วงล่างของเขาพิการไป
“ไอ้เด็กเวรบัดซบนี่!” โจรร่างยักษ์พลิกตัวกลางอากาศ ตัดสินใจที่จะหนีไป
ธนูที่จ้าวเฟิงเพิ่งจะยิงออกไปนั้นใช้ออกด้วยวิชาศรดวงตาซ้ายแห่งเทพเจ้า มันไม่เพียงคลี่คลายสถานการณ์ให้เฟิงฮันเยว่ ทว่ายังบังคับให้ศัตรูนั้นต้องหลบหนี
“เจ้าระวังด้วย!” เฟิงฮันเยว่เหลือบตามองไปยังจ้าวเฟิงและเหล่ยเฮาก่อนจะนั่งลงและเริ่มฟื้นตัว
ไม่ช้า
เหลือเพียงจ้าวเฟิงและเหล่ยเฮาที่เผชิญหน้ากับหัวหน้าโจร ทว่าความเร็วของศัตรูนั้นเร็วเกินไป แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น จ้าวเฟิงก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายนั้นได้ก้าวเข้าสู่ความพ่ายแพ้แล้ว ดวงตาซ้ายของเขานั้นมองเห็นสถานการณ์ภายในร่างกายของโจรตาเดียว ทั้งเส้นเลือดและอวัยวะภายในนั้นถูกทำลายจากการใช้วิชาลับ
“บัดซบ ไอ้เด็กเหลือขอพวกนี้ดื้อดึงยิ่ง!” โจรตาเดียวกัดฟันกรอด
แม้ว่าความเร็วของเขานั้นจะมาก เขาก็รับรู้ได้ถึงสถานการณ์แวดล้อมเป็นอย่างดี เขาไม่อาจสลัดจ้าวเฟิงหลุดได้ ในทางกลับกันเด็กหนุ่มกลับเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
“หากเป็นเช่นนี้…” ประกายอันตรายแล่นวาบผ่านดวงตาของโจรตาเดียวขณะที่เขาสูดลมหายใจลึกและกินยาในขณะที่นั่งลง
สิบลมหายใจต่อมา จ้าวเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นห่างออกไป 200-300 เมตร
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
จ้าวเฟิงน้าวสายธนูและใช้วิชาศรดวงตาซ้ายแห่งเทพเจ้า วิชานี้ของเขาสามารถคุกคามจอมยุทธ์ขั้นเจ็ดได้ในขณะที่เขายังอยู่เพียงขั้นหก
“ตายซะ เจ้าเด็กเหลือขอ…”
หัวหน้าโจรได้ฝืนอาการบาดเจ็บของตนพร้อมหักธนูที่อีกฝ่ายยิ่งมาก่อนจะกระโจนเข้าใส่อีกฝ่าย
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
จ้าวเฟิงยิงธนูออกติดกันสามครั้งซึ่งราวกับสายฟ้าฟาด นอกจากนั้นศรทั้งสามยังมีทิศทางที่แตกต่างกัน มุ่งตรงไปยังจุดที่แตกต่างกันในระยะเวลาที่แตกต่างกัน
ตาย!
โจรตาเดียวหักธนูดอกแรกและหลบธนูดอกที่สอง บัดนี้เขาเข้าใกล้ร่างของจ้าวเฟิงอย่างมากแล้ว
ฉวะ!
ธนูดอกสุดท้ายเพียงเฉียวผ่านหัวไหล่ของเขาและทำให้เขาหยุดไปเพียงชั่วขณะ
รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโจร
ตราบเท่าที่เขาเข้าใกล้อีกฝ่าย เขามีความมั่นใจอย่างที่สุดว่าเขาสามารถเอาขณะเด็กหนุ่มได้ในระยะเวลาสั้นๆ
ดรรชนีชี้ดารา!
เด็กหนุ่มในสายตาของเขาพุ่งมาด้านหน้าแทนที่จะถอยหนี และทันใดนั้นก็ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังเข้มข้นออกมา ในตอนนั้นเองที่ระดับพลังฝึกตนขั้นสุดยอดของขั้นหกของจ้าวเฟิงได้ถูกปลดปล่อยออกอย่างเต็มที่
ฉัวะ!
เส้นแสงสีเขียวราวกับอุกกาบาตที่พาดผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน พลังโจมตีของมันนั้นเหนือกว่าขีดจำกัดของผู้ฝึกตนขั้นหก ดรรชนีดาราได้เข้าสู่ขั้นปลายของระดับสี่
กระบวนท่าลมเคลื่อน!
จ้าวเฟิงหลอมรวมวิชาของเขาเข้ากับสายลม ซึ่งทำให้มันยิ่งรวดเร็วขึ้นไปอีก เพียงแค่ศัตรูแย้มยิ้ม ดวงตาของมันพลันเห็นการกระทำของเด็กหนุ่มและหดแคบลง
ฉวะ!
แสงสีครามโจมตีไปที่ศีรษะของโจรตาเดียว
ตุบ!
ร่างของหัวหน้าโจรแข็งทื่อขณะที่รอยเลือดปรากฏขึ้นที่ใจกลางศีรษะของเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและกริ่งเกรง ทว่าไม่ช้าก็เริ่มหม่นแสงลง…