บทที่ 739 คำสั่งล่าสังหาร (2)
คู่สามีภรรยาแห่งตำหนักเซียนพิณสวรรค์ ราชันทั้งสองถือกระบี่และพิณเคียงบ่าเคียงไหล่ เผชิญหน้ากับศัตรูที่มาเยือน
แต่ทว่าไอมรณะหนาวเหน็บราวกับน้ำที่ไหลบ่าทำให้คนทั้งสองร่างกายแข็งค้าง จิตใจโดนกดดัน
ยังไม่ทันได้เริ่มสู้รบ คนทั้งสองกลับคิดไปแล้วว่าไม่สามารถจะควบคุมความเป็นตายของตนเองได้
“จ้าวเฟิง เจ้าอยู่ที่ตำหนักเซียนพิณสวรรค์อย่างที่คิด”
น้ำเสียงของจักรพรรดิแห่งความตายเหมือนมาจากจักรวาลแปดทิศ ท้องฟ้าที่มืดมิดฝั่งหนึ่งราวตกอยู่ในยุดมืดทมิฬ
ครืน!
พลังมรณะมหาศาลครอบคลุมไปทั่วฟ้าดิน ในตอนแรกเริ่มจึงปะทะเข้ากับพลังราชันของสามีภรรยา ‘พิณคู่ดาบ’ แห่งตำหนักพิณ
ทันใดนั้น
อากาศเหนือตำหนักพิณสวรรค์ทั้งหมดเกิดแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรง ค่ายกลปกป้องของสำนักสองดาวเก่าแก่กระเทือนเบาๆ แสงสว่างเรืองรองของค่ายกลพลันอับแสงลงไป
“รีบต้านเอาไว้!”
“แย่แล้ว ถ้าหากว่าค่ายกลป้องกันสำนักทลายลง เกรงว่าตำหนักพิณสวรรค์จะกลายเป็นเพียงแค่พื้นที่รกร้างเท่านั้น”
ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้นเอง คนจำนวนนับหมื่นของตำหนักพิณรีบเข้าร่วมตรึงค่ายกลเอาไว้
ในนี้มีผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดหลายสิบคน ส่วนที่เหลือเป็นขั้นขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงหลายร้อยคน
ยอดฝีมือของสำนักจำนวนมากมายหลอมรวมพลังของตนเองเข้าไปในค่ายกลป้องกันอย่างห้าวหาญ
คนมากจึงทำให้พลังรุนแรง ค่ายกลป้องกันของสำนักสองดาวเองก็มหัศจรรย์อย่างยิ่ง สามารถรวมพลังที่แท้จริงและปราณที่แท้จริงของคนมากมายเข้าไว้ด้วยกัน
วิ้ง!
ค่ายกลป้องกันสำนักถูกปกป้องเอาไว้ได้
แต่สามีภรรยาแห่งตำหนักเซียนพิณสวรรค์ที่อยู่อีกฟากจิตใจสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลังราชันในพิณและดาบที่เคียงคู่กันถูกจักรพรรดิแห่งความตายกระเทือนจนแหลกละเอียดเป็นหลายส่วน
ร่างของคนทั้งสองสั่นไหว เลือดลมปั่นป่วนจนเกือบจะกระอักเลือดออกมา
นี่ขนาดว่าสามีภรรยาแห่งตำหนักเซียนพิณสวรรค์ถนัดร่วมมือกันโจมตี และสามารถช่วยกันแบกรับอาการบาดเจ็บได้
อีกทั้งจักรพรรดิแห่งความตายแทบจะไม่ได้มองคนทั้งสองตรงๆ เลยด้วยซ้ำ เพียงแค่อานุภาพของจักรพรรดิที่พลังมรณะสาดซัดออกมาโดยธรรมชาติก็กดดันสองสามีภรรยาได้แล้ว
ห้วงคิดเซียนของเขาปกคลุมทั่วตำหนักเซียนพิณสวรรค์ เหมือนว่ากำลังค้นหาอะไร
แล้วไม่นานนักก็ตรึงไปยังตำแหน่งที่จ้าวเฟิงอยู่
“เอ๊ะ!” จักรพรรดิแห่งความตายหน้าเปลี่ยนสี จ้าวเฟิงผู้นี้เหมือนจะมีพลังของปราณเทวะที่สมบูรณ์
ใจของเขาสั่นสะท้าน จะรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?
ไม่ว่าการถือกำเนิดของจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะคนใด ล้วนแต่ต้องมีโอกาสและโชคชะตาที่ดี เบื้องหลังยังมีความพยายามจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วยังต้องผ่านชีวิตที่มีอุปสรรคมากมายด้วย
ต่อให้จ้าวเฟิงมีพลังจักรพรรดิแฝงอยู่ และยังมิได้ทะลวงผ่านขอบเขตปราณเทวะที่สมบูรณ์
แต่หากสามารถโอบอุ้มพลังจักรพรรดิได้สำเร็จ การจะทะลวงผ่านขอบเขตปราณเทวะที่สมบูรณ์ก็จะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
“เหอะเหอะ จ้าวเฟิง! ต่อให้มีพลังจักรพรรดิแฝงอยู่ในร่างเจ้าได้สำเร็จ เจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี อีกทั้งข้าไม่มีทางให้เจ้าได้สมดั่งใจแน่นอน”
เสียงหัวเราะของจักรพรรดิแห่งความตายเป็นประหนึ่งลมเย็นแห่งความตายที่ไร้ซึ่งความปราณีใด
ทันทีที่เอ่ยจบ
พลังมรณะของระดับขั้นจักรพรรดิกระเทือนจิตวิญญาณและความว่างเปล่า ตรงดิ่งไปหาจ้าวเฟิงที่อยู่ในหอคอยเก่าแก่
พลังจักรพรรดินั้นแฝงไปด้วยพลังเสวียนอ้าวมรณะที่แข็งแกร่ง หากโจมตีขึ้นมาในฉับพลัน ก็แทบจะสามารถทำลายดวงวิญญาณของราชันธรรมดา หรืออย่างน้อยๆ ดวงวิญญาณก็แตกสลาย และต้องตายอย่างแน่นอน
“ฝันไปเถอะ!”
สามีภรรยาแห่งตำหนักเซียนพิณสวรรค์รวมเป็นพลังราชันที่เป็นหนึ่งเดียว พลังที่ทั้งแข็งแกร่งและอ่อนโยน ต้านทานอยู่ส่วนบนของหอคอย
พลังจากความร่วมมือของราชันในระดับลึกซึ้งสองคน ระดับของมันเหนือกว่าราชันระดับสุดยอดอยู่เล็กน้อย
อีกทั้งพลังหลังจากหลอมรวมเข้าหากันยิ่งถนัดในการป้องกันมากขึ้น
“น่าสนใจอย่างยิ่ง!”
เด็กน้อยครึ่งเซียนสาวเท้าออกมาก้าวหนึ่ง พลังครึ่งเซียนที่อยู่เหนือผู้ใดในใต้หล้าพุ่งขึ้นไปในฟากฟ้า ก่อนตรงดิ่งไปยังพลังของจักรพรรดิแห่งความตายในรูปแบบการโจมตี
“โครม เปรี้ยง”
พลังของราชันทั้งสามปะทะเข้าหาพลังมรณะ ก่อให้เกิดคลื่นสาดซัดกลืนกินในชั้นดวงวิญญาณ
ถึงแม้ว่าจะเป็นพลังในชั้นจิตวิญญาณ แต่ถ้าแบกรับเอาเสวียนอ้าวและสำนึกรู้ของผู้เป็นเจ้าของอยู่ พลังนั้นก็สามารถทำให้แตกสลายได้เช่นกัน
อึก!
ร่างของเด็กน้อยครึ่งเซียนสั่นสะท้าน มุมปากปรากฏคราบเลือดไหลออกมา
เขาใช้รูปแบบการโจมตีปลดปล่อยพลังออกมาจู่โจม แรงโจมตีที่แบกรับก็ค่อนข้างรุนแรง
คู่สามีภรรยาแห่งตำหนักเซียนพิณสวรรค์หน้าแดงก่ำและซีดขาว ไอวิญญาณบาดเจ็บสาหัส นี่ขนาดคนทั้งสองแบ่งกันแบกรับความเสียหายแล้ว อีกทั้งแรงกดดันส่วนมากเด็กน้อยครึ่งเซียนก็แบกรับเอาไว้
“พลังแตกต่างไม่เหมือนใครเช่นนี้…เจ้าเป็นเซียนคนใดมาเกิดใหม่?”
สีหน้าจักรพรรดิแห่งความตายตึงเครียดขึ้นเล็กน้อยขณะจ้องไปที่เด็กน้อยครึ่งเซียน
การปะทะกันของพลังเมื่อครู่ เด็กน้อยครึ่งเซียนกลับใช้วิธีการประหลาดคลี่คลายเสวียนอ้าวมรณะในนั้น
แต่ที่เกินความคาดหมายไปก็คือ เด็กน้อยครึ่งเซียนใช้แก่นแท้กายศักดิ์สิทธิ์ที่แกร่งกล้าของตนแบกรับการทำลายล้างส่วนหนึ่งไว้โดยตรง
“จะต้องยืดเวลาออกไป ต้านทานจักรพรรดิแห่งความตายเอาไว้!”
“ถ้าหากจ้าวเฟิงสร้างพลังจักรพรรดิขึ้นได้สำเร็จ ตำหนักเซียนพิณสวรรค์คงยังพอจะมีความหวังอยู่บ้าง”
คู่สามีภรรยาแห่งตำหนักเซียนพิณสวรรค์สบตากัน สูดหายใจเข้าลึก
เรื่องราวดำเนินมาจนถึงตรงนี้ คนทั้งสองไม่มีเวลาว่างมาโทษจ้าวเฟิงที่นำพาอันตรายมาสู่ตำหนักเซียนพิณสวรรค์
แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของเด็กน้อยครึ่งเซียนก็อยู่เหนือความคาดหมายของคนทั้งสองไปมาก
พละกำลังบนร่างของเขาทำให้จักรพรรดิแห่งความตายเคลือบแคลงใจ ถ้าหากเด็กน้อยผู้นี้เป็นเซียนที่ถือกำเนิดใหม่จริง บางทีอาจจะมีวิธีการรับมือกับจักรพรรดิแห่งความตายได้
“เซียน? ฮึ! ตอนที่ข้าเย้ยฟ้าท้าดินอยู่เจ้ายังไม่ทันเกิดเลยด้วยซ้ำไป” เด็กน้อยครึ่งเซียนแค่นเสียงเย็น แล้วปาดคราบเลือดบริเวณมุมปากทั้งใบหน้าหยิ่งผยอง
พลังที่แข็งแกร่งของจักรพรรดิแห่งความตายก็ปลุกความหวาดกลัวในส่วนลึกของเขาขึ้นมาเช่นกัน
หากพลังของคนทั้งหมดไม่ร่วมมือกัน ต่อให้เป็นเขาก็ยากจะผ่านด่านนี้ไปได้
เมื่อเผชิญหน้ากับตัวจริงของจักรพรรดิแห่งความตาย เด็กน้อยครึ่งเซียนอดจะยอมรับไม่ได้ ต่อให้เขาเพิ่มระดับขึ้นเป็นจักรพรรดิก็ยังมีสิทธิ์พ่ายแพ้มากกว่าชนะหากสู้กันตัวต่อตัว
“จักรพรรดิแห่งความตาย เจ้าไม่มีทางต้านทานพลังจักรพรรดิที่ข้ามีได้”
น้ำเสียงสุขุมที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นดังขึ้นจากภายในหอคอยวิจิตร พลังแกร่งกล้าของจักรพรรดิที่สมบูรณ์กลุ่มหนึ่งหมุนวนอยู่ในอากาศ
จ้าวเฟิง!
สามีภรรยาแห่งตำหนักเซียนพิณสวรรค์อดเผยสีหน้ายินดีไม่ได้
เสียงของจ้าวเฟิงส่งผลให้ใจคนรู้สึกสงบลงได้
“ขอกล่าวอย่างไม่อาย วิชาของข้ายังไม่ได้เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำไป…”
จักรพรรดิแห่งความตายหัวเราะเย้ยหยัน
ถึงแม้ว่าจะพูดเช่นนั้น ทว่าในใจของจักรพรรดิแห่งความตายก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันเสียแล้ว
ถ้าหากว่าจ้าวเฟิงประสบความสำเร็จในการโอบอุ้มพลังจักรพรรดิ เช่นนั้นความยากในการสังหารเขาก็จะเพิ่มขึ้นหลายส่วนนัก ต่อให้เป็นจักรพรรดิแห่งความตายก็ไม่หวาดกลัว
“ไป!”
จ้าวเฟิงตะโกนเสียงดัง แล้วอานุภาพของพลังที่รุนแรงราวสายอัสนีบาตก็ทะยานไปหาจักรพรรดิแห่งความตาย
ในชั้นดวงวิญญาณเหมือนมีพลังทำลายของอัสนีเทวะอยู่
“กลิ่นอายนั้น…” จักรพรรดิแห่งความตายสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ทำให้ไม่สงบนั้น
พลังของจ้าวเฟิงจัดอยู่ในประเภทโจมตีแกร่งกล้า เข้าใกล้ขั้นจักรพรรดิอย่างยิ่งยวด แล้วยังหลอมรวมพลังเสวียนอ้าวของอัสนีเทวะเข้าไปด้วย
“ฮึ!” จักรพรรดิแห่งความตายหัวเราะเย้ยหยัน พลังมรณะกลายร่างเป็นมังกรมรณะสีดำตัวใหญ่ที่กลืนกินฟ้าดิน มันอ้าปากกางกรงเล็บตรงดิ่งมายังจ้าวเฟิง
เพล้ง เพล้ง โครม!
การร่วมมือโจมตีของเด็กน้อยครึ่งเซียนกับคู่สามีภรรยาแห่งตำหนักเซียนพิณสวรรค์ถูกทำลายลงในทันที
“ในพลังจักรพรรดิยังผสานกลยุทธ์ความตายที่น่ากลัวเช่นนี้เอาไว้ด้วย ระดับความลึกซึ้งในศาสตร์วิญญาณของจักรพรรดิแห่งความตายผู้นี้เกินกว่าจะจินตนาการได้จริงๆ…” เด็กน้อยครึ่งเซียนเจ็บปวดในวิญญาณ
มีแต่พลังของจ้าวเฟิงซึ่งผสานเสวียนอ้าวอัสนีเทวะเข้าไปที่ฝืนปะทะกับจักรพรรดิแห่งความตายอย่างจังๆ
แซ่ด แซ่ด!
พลังสองกลุ่มนั้นเกี่ยวกระหวัดกันอยู่หนึ่งสองลมหายใจ เกิดเป็นควันสีดำพวยพุ่งออกมา
ทันใดนั้น พลังของจ้าวเฟิงก็แตกกระจายออก เขาร้องเสียงต่ำออกมา
“เคียวมรณะ!”
อากาศรอบตัวจักรพรรดิแห่งความตายมีพลังมรณะมหาศาลกระเพื่อมไหว เหนือฝ่ามือของเขาปรากฏเคียวเล่มยักษ์ที่หมุนวนด้วยหมอกควันสีเทา ไอเพลิงแห่งความตายฟาดฟันฟ้าดิน
ในครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้พลังจักรพรรดิอีก แต่เปลี่ยนมาใช้กลยุทธ์มรณะแทน
ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิแห่งความตายไม่มีโอกาสชนะ แต่เขาค้นพบว่าในขณะที่ปะทะกันเมื่อครู่เหมือนจะกระตุ้นให้พลังของจ้าวเฟิงก้าวหน้าขึ้น
“กลายเป็นว่าโดนเขาจับได้ซะแล้ว…” จ้าวเฟิงผู้อยู่ภายในหอคอยสีหน้าเคร่งขรึม
ตอนที่อยู่ในอุทยานครึ่งเซียน เขาใช้ประโยชน์จากราชันเงือกเพื่อเพิ่มความเร็วในการสรรสร้างพลังราชันให้เป็นรูปเป็นร่าง
แกรก!
ค่ายกลป้องกันของตำหนักเซียนพิณสวรรค์สั่นไหว พลังที่น่าสะพรึงกลัวของเคียวมรณะหมุนวนไปทั่วในอากาศตามแต่ใจนึก
“ไม่ได้การ!” คู่สามีภรรยาแห่งตำหนักเซียนพิณสวรรค์ถูกบีบจนล่าถอยติดๆ กัน เขตแดนมิติของคนทั้งสองยังต้องแบกรับการกัดกร่อนของกลิ่นอายเคียวมรณะนั้นอีก
สิบแปดฝ่ามือผนึกนภา!
เด็กน้อยครึ่งเซียนลงมือในทันที ลำแสงฝ่ามือสีทองที่ทรงพลังและลี้ลับแต่ละเส้นบิดเบี้ยวคดโค้ง ก่อนจะหลอมรวมเข้ากับฟ้าดิน แล้วจึงกลายเป็นปราการกั้นพลังจักรพรรดิแห่งความตายเอาไว้
ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ว่าสองสามีภรรยาแห่งตำหนักเซียนพิณสวรรค์ก็ยังได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
อีกทั้งนี่ยังเป็นการโจมตีของจักรพรรดิแห่งความตายที่มีเป้าหมายเป็นจ้าวเฟิงผู้อยู่ภายในค่ายกล
เขาต้องการขัดขวางจ้าวเฟิง!
จ้าวเฟิงผู้มีเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าจึงจะเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของเขา
แต่ทว่า
ฝ่ามือผนึกนภาของเด็กน้อยครึ่งเซียนได้ขัดขวางอำนาจคุกคามของจักรพรรดิแห่งความตาย ในด้านของสำนึกรู้ถูกกดข่มลงไปถึงครึ่งส่วน
“อ๊าก อ๊าก อ๊าก…”
พลังมรณะเล็ดลอดเข้าไปโจมตียอดฝีมือในค่ายกลป้องกันสำนักจนกลายเป็นกองเลือดสีดำ
‘เคียวมรณะ’ ที่ร่ายระบำกลางอากาศของจักรพรรดิแห่งความตายสร้างการโจมตีเป็นวงกว้าง ครอบคลุมรัศมีหลายร้อยลี้
ทั้งคู่สามีภรรยา เด็กน้อยครึ่งเซียน จ้าวเฟิง และทั่วทั้งตำหนักเซียนพิณสวรรค์ล้วนแต่ต้องเผชิญกับการโจมตีดังกล่าว
สามารถเรียกได้ว่าเขาใช้พลังของตนเพียงคนเดียวกดดันทั้งสำนักสองดาวอย่างสบายๆ รวมไปถึง จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนซึ่งเป็นคู่ต่อสู่ที่แข็งแกร่งด้วย
ดูจากสถานการณ์แล้ว สองสามีภรรยาแห่งตำหนักเซียนพิณสวรรค์และเด็กน้อยครึ่งเซียนคงทนต่อได้อีกไม่กี่ช่วงลมหายใจเท่านั้น
กลิ่นอายมรณะยังคงหมุนวนอยู่ในรัศมีพันลี้ จนราวกับว่าตกลงไปในนรกบนดิน
ในทุกๆ วินาทีล้วนแต่มีลูกศิษย์ตำหนักพิณสวรรค์ดับดิ้นไป
“จะปล่อยให้ตำหนักเซียนพิณสวรรค์ต้องแบกรับมหันตภัยนี้ไม่ได้…” จ้าวเฟิงค่อยๆ ชันกายขึ้น
ทันใดนั้นเอง เรือนผมสีม่วงของเขาก็โบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง ‘อัสนีมายาสีม่วง’ ในดวงตาซ้ายจับจ้องไปบนร่างของจักรพรรดิแห่งความตาย
“เนตรพิฆาตผ่านอากาศ!”
ระลอกพลังดวงตาที่แปลกประหลาดปกคลุมทั่วบริเวณที่จักรพรรดิแห่งความตายยืนอยู่
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงจับจ้องอยู่บนร่างศัตรู
สิบแปดฝ่ามือผนึกนภา!
เด็กน้อยครึ่งเซียนให้ความร่วมมือได้ทันท่วงทีนัก จึงจำกัดและปิดกั้นจักรพรรดิแห่งความตายไปอีกขั้นหนึ่ง
“ฝีมืออ่อนหัด!”
จักรพรรดิแห่งความตายยืนนิ่งไม่ไหวติง ยอมให้ใบมีดสีชาดฟันฉับออกมาจากภายในร่าง
แซ่ด ฟู่~
จักรพรรดิแห่งความตายยืนอยู่จุดเดิมโดยไม่ขยับแม้แต่น้อย ร่างกายประหนึ่งรูปสลักของความตายที่ตั้งตระหง่านมาแต่โบราณกาล
“นั่นเป็น ‘ร่างศพอมตะ’! ร่างกายของเขาเป็นเหมือนศพมีชีวิต ตามหลักการแล้วไม่มีสิ่งใดทำอันตรายได้ ต่อให้ทำลายอวัยวะภายในก็ตาม” เด็กน้อยครึ่งเซียนสูดลมหายใจเย็นเข้าปอด
ร่างศพอมตะ เป็นสภาวะร่างกายที่ไม่สูญสลายประเภทหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ใช้พลังแก่นแท้ร่างกาย แต่การดำรงอยู่ก็แข็งแกร่งเกินจะเปรียบ
พูดให้ง่ายสักหน่อยคือ ให้ถือว่าจักรพรรดิแห่งความตายเป็นร่างศพที่มีคุณสมบัติเป็นอมตะ
“เนตรพิฆาตถูกจำกัดอย่างนั้นรึ…” จ้าวเฟิงไม่ได้ประหลาดใจแต่อย่างใด
เขาเรียนรู้เรื่องราวมากมายของจักรพรรดิแห่งความตายมาจากตวนมู่ชิง
โดยปกติแล้ว ศัตรูผู้แข็งแกร่งซึ่งมีร่างอมตะ ต่อให้กายเนื้อแกร่งกล้ายากจะลงมือสังหาร แต่ก็ยังสามารถจัดการดวงวิญญาณได้
แต่ปัญหาก็คือ ความลึกซึ้งในด้านดวงวิญญาณของจักรพรรดิแห่งความตายถือว่าเป็นเลิศในทั่วทั้งดินแดนชังไห่ แล้วยังเป็นเพราะความพิเศษของเนตรมรณะด้วย
จึงไม่น่าประหลาดใจเลยที่จักรพรรดิแห่งความตายขึ้นมายืนอยู่บนจุดสูงสุดของจักรพรรดิได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า…สังหารเจ้าพวกนี้ก่อนแล้วกัน!”
เสียงหัวเราะร่วนที่อำมหิตชวนเสียวสันหลังของจักรพรรดิแห่งความตายดังสะท้อนในอากาศ
เขาประสบความสำเร็จในการขัดขวางไม่ให้จ้าวเฟิงสร้างพลังจักรพรรดิขึ้นมาได้ ความสนใจจึงหันเหไปทางคู่สามีภรรยาแห่งตำหนักเซียนพิณสวรรค์และเด็กน้อยครึ่งเซียน
ลงมือสังหารพวกมดแมลงเหล่านี้ก่อน จากนั้นค่อยจัดการจ้าวเฟิงทีหลัง ดำเนินไปตาม ‘แผนการช่วงชิงดวงตา’
‘เคียวมรณะ’ ในมือเขาหมุนคว้างไปหาคู่สามีภรรยาแห่งตำหนักเซียนพิณสวรรค์ตรงๆ
โครม ฉัวะ!
เคียวเล่มใหญ่ที่มีหมอกควันสีดำของพลังมรณะหมุนวนรอบๆ ลากคมมีดเย็นยะเยือกผ่าเกราะป้องกันของคู่สามีภรรยาออกจากกันอย่างง่ายดาย
ทั้งสองร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเคียวมรณะขนาดยักษ์ฟาดฟันลงมา อย่างน้อยๆ ต้องมีผู้ใดผู้หนึ่งในสองคนดับสูญไป