บทที่ 75 : ร่างในชุดคลุม
เด็กหนุ่มถือธนูผู้นั้นคือจ้าวเฟิง!
สองวันก่อน เขาได้ใช้วิชานภาลอยล่องและสายตาที่พัฒนาขึ้นของเขาในการระบุสถานที่ซ่อนตัว เขากระทั่งจดจำทุกเส้นทางที่ใกล้เคียง มันอยู่ภายใต้การนำทางของเขากับการที่กองกำลังองครักษ์ฟ้าได้โจมตีที่ซ่อนแห่งนี้
ในตอนนั้น ผู้นำกองโจรหมาป่ามฤตยูได้มีความรู้สึกว่าสถานการณ์ทั้งหมดนั้นถูกสร้างขึ้นโดยเด็กหนุ่มผู้นั้น
“ตาย…”
ผู้นำกองโจรหมาป่ามฤตยูพุ่งเข้าหาร่างของจ้าวเฟิง
ฟุ่บ!
ความเร็วของเขานั้นน่าเหลือเชื่อ ภายใต้แสงตะวันนั้นมีเพียงเงาร่างสีเขียวซีดที่สามารถมองเห็นได้ ในด้านของความเร็วเพียงอย่างเดียว เขาก็เหนือกว่าโจรตาเดียวแล้ว
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
จ้าวเฟิงยังคงเยือกเย็นขณะที่ใช้วิชาศรดวงตาซ้ายแห่งเทพเจ้าของเขา เสี้ยววินาทีนั้นลูกศร 3-4 ดอกได้พุ่งผ่านอากาศและมีรูปแบบพิเศษเป็นของตน หนึ่งนั้นสูงกว่าขณะที่ที่เหลือนั้นต่ำกว่า หนึ่งนั้นอยู่หน้าขณะที่ดอกอื่นนั้นอยู่เบื้องหลัง พวกมันได้ขวางทางของอีกฝ่ายไว้
ใช้ออก!
หัวหน้ากองโจรใช้พลังภายในของเขาและสร้างโล่เพื่อปกป้องตนเอง
ฉึก!
ทว่าธนูสองดอกก็ยังคงพุ่งทะลุผ่านโล่ป้องกันและแทงทะลุเท้าของเขา ผู้นำกองโจรหมาป่ามฤตยูไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีนักธนูที่อันตรายเช่นนี้อยู่บนโลก
“ปล่อยเขาให้เป็นหน้าที่ข้า!” เด็กหนุ่มผู้งดงามพุ่งมาจากอีกด้านหนึ่ง เขาคือเฟิงฮันเยว่
“ทุกคนถอย…” หัวหน้าโจรไม่กล้าที่จะรั้งอยู่ ดังนั้นเขาจึงใช้วิชาเคลื่อนไหวของเขาและมุ่งหน้าเข้าไปยังส่วนลึกของป่า
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
ธนูจำนวนหนึ่งพุ่งแหวกอากาศอีกครั้งและขัดขวางทางของผู้นำกองโจร บังคับให้เขาจำต้องหยุด
“หยุดเขา!”
เหล่ยเฮาและลู่เซียวเหลียนมาจากอีกด้าน ภายใต้การร่วมมือกันของทั้งสี่ พวกเขานั้นเป็นฝ่ายเหนือกว่าอย่างง่ายดาย
ในบรรดาคนทั้งหมด เฟิงฮั่นเยว่นั้นเป็นผู้ต่อสู้ระยะประชิดเป็นหลัก ในขณะที่เหล่ยเฮาและลู่เซียวเหลียนสนับสนุนจากด้านข้าง จ้าวเฟิงนั้นเป็นผู้ควบคุมระยะไกลและใช้วิชาศรดวงตาซ้ายแห่งเทพเจ้าในการจำกัดการเคลื่อนไหวของเป้าหมาย ผู้นำกองโจรหมาป่ามฤตยูกระอักเลือดอย่างเจ็บแค้น ในสายตาของเขา จ้าวเฟิงนับเป็นผู้ที่สร้างแรงคุกคามมากที่สุด
ฉึก!
อาการบาดเจ็บที่ปรากฏขึ้นบนร่างของเขานั้นล้วนมีสาเหตุจากธนูของเด็กหนุ่ม
เมื่อถึงจุดหนึ่ง
จ้าวเฟิงเก็บธนูก่อนจะเข้าโจมตีหัวหน้ากองโจร
“ดี!” หัวหน้าโจรหัวเราะ เขาต้องการที่จะกำจัดนักธนูก่อน ทว่าอีกฝ่ายนั้นมีวิชาท่าเท้าและมักจะหยุดยั้งเขาไม่ให้เข้าไปใกล้เสมอ
บัดนี้ เด็กหนุ่มผู้นั้นเป็นฝ่ายมุ่งเข้ามาหาเขาเพื่อสู้ในระยะประชิดเอง
“ฝ่ามือลมลี้ลับ!”
แสงสีครามซีดปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของจ้าวเฟิงขณะที่มันเข้าปะทะอย่างรุนแรงกับการโจมตีของผู้นำกองโจรหมาป่ามฤตยู
ตูม!
คลื่นอากาศกระแทกทุกสิ่งในรัศมีไม่กี่เมตร ในขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงได้ใช้แรงระเบิดนี้ในการถอยออกไปนับสิบเมตรและนำเอาธนูของเขาออกมาอีกครั้ง
“เกิดอันใดขึ้น!?”
หัวหน้าโจรรู้สึกได้ว่าฝ่ามือที่แปลกประหลาดนั้นได้ยกเลิกการโจมตีของเขาและรั้งเขาไว้ชั่วขณะ และในช่องว่างนั้น การโจมตีของเฟิงฮันเยว่และพวกพ้องก็ได้มุ่งเข้าสู่ร่างของเขา
พรวด!
ผู้นำกองโจรหมาป่ามฤตยูพลันพ่นเลือดออกมาคำโต เขาสาปแช่งจ้าวเฟิง ทว่าเขากลับพบว่าอีกฝ่ายนั้นได้ออกจากระยะโจมตีของเขาไปแล้ว
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
จ้าวเฟิงยิงธนูออกมาอย่างต่อเนื่องเมื่อหัวหน้าโจรบาดเจ็บ
ผู้นำกองโจรหมาป่ามฤตยูไม่อาจหลบการโจมตีทั้งหมดได้และทำได้เพียงมองธนูสามดอกพุ่งเข้าปักที่จุดตายของเขา ธนูดอกหนึ่งกระทั่งปักเข้าไปเหนือหัวใจเขาเพียงครึ่งนิ้ว
“ระเบิดเมฆาทำลายล้าง!”
หัวหน้าโจรคำรามและระเบิดพลังภายในออกซึ่งผลักร่างของเฟิงฮันเยว่และอีกสองคนออกไป จากนั้นเขาจึงมุ่งไปยังป่าเมฆาคล้อย
“ตามไป!”
เฟิงฮันเยว่และคนอื่นๆ ย่อมไม่ยอมแพ้ โจรนั้นได้บาดเจ็บอย่างมากและนี่นับเป็นโอกาสดีที่จะได้แต้มต่อสู้
“ข้าต้องฆ่ามันเพื่อที่จะมีแต้มเหนือจ้าวเฟิง” ทั้งสามมีความคิดเช่นเดียวกัน
กระทั่งบัดนี้ จ้าวเฟิงได้นำหน้าอยู่ตลอด และโอกาสเดียวที่จะเอาชนะอีกฝ่ายได้คือการผู้นำกองโจรหมาป่ามฤตยู ในด้านของความเร็วนั้น เฟิงฮันเยว่รวดเร็วที่สุด ในขณะที่จ้าวเฟิงนั้นเป็นอันดับสอง
“ไอ้หมอนั่นเป็นคนประเภทใดกัน? เขามันสัตว์ประหลาด”
เหล่ยเฮาและลู่เซียวเหลียนต่างมองหน้ากับพร้อมกับเห็นความตะลึงในแววตาของอีกฝ่าย กลิ่นอายที่จ้าวเฟิงปลดปล่อยออกมานั้นบัดนี้ได้เข้าสู่ขั้นสุดยอดของขั้นหกเช่นกัน ไม่ช้าอัจฉริยะทั้งสี่ก็ได้เข้าสู่ป่าเมฆาคล้อยอันไร้ที่สิ้นสุด
อาณาเขตของพวกโจรนั้นอยู่ใกล้ป่าเมฆาคล้อย ดังนั้นแล้วทั้งสี่จึงไม่ได้ประหลาดใจที่ผู้นำกองโจรหมาป่ามฤตยูจะหนีไปในทิศทางนี้ ในฐานะที่เกิดใกล้ที่นี่และได้มาที่นี่หลายครั้งครา จ้าวเฟิงจึงเข้าใจสภาพภูมิประเทศเป็นอย่างดี
ไม่ช้า เด็กหนุ่มก็กลายเป็นผู้นำขณะที่ดวงตาของเขาจับจ้องตรงไปยังร่างเบื้องหน้า
ครึ่งชั่วโมงถัดมา พื้นที่นั้นพลันกลายเป็นมืดมิด
หืม?
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมองไปไกลนับสามสิบลี้
“ช่วยข้าด้วย นายท่าน” ร่างโชกเลือดของผู้นำกองโจรหมาป่ามฤตยูลอยไปบนต้นไม้
“อันใดกัน? เจ้ามันไร้ประโยชน์! เจ้ากระทั่งเปิดเผยที่อยู่ของข้า!”
บนต้นไม้นั้น ปรากฏร่างในผ้าคลุมผู้เป็นเจ้าของเสียงแหบห้าวนั่งอยู่ ภายใต้หมวกคลุมนั้นมีเพียงดวงตาสีฟ้าคู่หนึ่งซึ่งปลดปล่อยกลิ่นอายน่าหวาดกลัว
ตุบ!
หัวหน้าโจรไม่อาจทนทานแรงกดดันนั้นได้และคุกเข่าลงบนพื้น
“โปรดอภัยให้ข้าด้วย นายท่าน” เขาไม่มีทางต่อต้านกับชายในชุดคลุมได้แม้จะด้วยพลังฝึกตนขั้นเจ็ดของเขา
“เจ้าเสียคุณค่าไปแล้ว” ภายใต้ผ้าคลุมนั้น แสงสีเทามุ่งตรงไปยังร่างของหัวหน้าโจร
“ไม่ดีแล้ว…”
ผู้นำกองโจรหมาป่ามฤตยูพลันปลดปล่อยพลังภายในออกมา
ปุดด!
พลังภายในของเขาสลายหายไปทันทีที่มันสัมผัสกับแสงสีเทา จากนั้นแสงสีเทานั้นก็พุ่งเข้าสู่ร่างของเขาและเปลี่ยนร่างของเขาให้กลายเป็นกองของเหลวสีดำเดือดปุด โครงกระดูกสามารถถูกเห็นได้จากกองของเหลวสีดำนั้น
ภาพนั้นทำให้จ้าวเฟิงผู้อยู่ห่างออกไปนับสิบลี้ต้องสูดลมหายใจเย็นเยียบ
ร่างในชุดคลุมนั่นเป็นอันใดกัน? จอมยุทธ์ขั้นเจ็ดถูกจำกัดภายในกระบวนท่าเดียว
มันน่ากลัวจนเกินไป…
ไม่เพียงเท่านั้น ดวงตาสีฟ้าน้ำแข็งนั่นราวกับมองมาทางเขาเช่นกัน จ้าวเฟิงรู้สึกเช่นโลหิตทั้งร่างแข็งตัว ลมหายใจหยุดชะงัก
โฮกกก
สัตว์ปีศาจขั้นแปดออกมาจากเบื้องหลังของร่างในชุดคลุม พวกมันมุ่งหน้าตรงมายังจ้าวเฟิงและพวก
“หนี!”
จ้าวเฟิงพุ่งไปยังทิศทางตรงข้าม เฟิงฮันเยว่และคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของสัตว์ปีศาจและพุ่งหนีเช่นกัน
“เหตุใดจึงมีสัตว์ปีศาจระดับสูงที่นี่?”
ร่างสีเงินสองร่างปรากฏตัวและมุ่งหน้าตรงไปยังสัตว์ปีศาจระดับสูง
ตูมม
สัตว์ปีศาจระดับสูงทั้งสามถูกจัดการในอีกสิบลมหายใจให้หลัง
“นี่คือพลังที่แท้จริงของกองกำลังกว่านจวินหรือ?” จ้าวเฟิงเห็นทุกสิ่งและอดที่จะเดาะลิ้นไม่ได้
“พลังประเภทใดกันที่เปลี่ยนร่างของจอมยุทธ์ให้กลายเป็นเพียงกองของเหลว?” เมื่อกองกำลังกว่านจวินเห็นเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาต่างสูดลมหายใจเย็นเยียบ ทว่าร่างในชุดคลุมนั้นได้หายไปแล้ว
จ้าวเฟิงและอีกสามคนนั้นต่างถอนลมหายใจเมื่อพวกเขาออกจากป่าเมฆาคล้อย
“ข้าสงสัยนักว่าผู้นำกองโจรหมาป่ามฤตยูนั้นเป็นหรือตาย” ลู่เซียวเหลียนและเหล่ยเฮาไม่เต็มใจนัก
ในตอนนั้นเอง ร่างของหนึ่งในกองกำลังกว่านจวินได้ลอยตรงมา
“แผนการเปลี่ยนแล้ว ภารกิจจบลงตรงนี้” เสียงขององครักษ์นั้นปรากฏแววกังวล
เกิดอันใดขึ้น?
เหตุใดภารกิจจึงจบลงอย่างกะทันหัน?
เฟิงฮันเยว่และคนอื่นๆ นั้นสงสัย จากที่พวกเขารู้นั้น ยังคงมีพื้นที่ที่ยังเหลือโจรจำนวนหนึ่งเหลืออยู่
“อย่าได้เอ่ยถามสิ่งใด! ทุกคนกลับไปยังนครหลวงกว่านจวิน” สีหน้าขององครักษ์เคร่งเครียด
มีเพียงจ้าวเฟิงที่คิดว่าการเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับร่างในชุดคลุม พลังของคนผู้นั้นเหนือกว่าขีดจำกัดของร่างมนุษย์
ในวันเดียวกัน
ภายใต้การนำของกองกำลังกว่านจวิน 7-8 คน กองพันองครักษ์ฟ้าก็ได้กลับสู่ที่ที่พวกเขาจากมาก หลังจากที่ออกจาอาณาเขตของโจร กองกำลังกว่านจวินก็ได้พ่นลมหายใจออก ทว่าจ้าวเฟิงกลับรู้สึกบางอย่างว่าดวงตาสีฟ้าน้ำแข็งนั้นได้ติดตามพวกเขามา
ไม่กี่วันต่อมา เหล่าอัจฉริยะได้กลับไปถึงนครหลวงกว่านจวินและเมื่อนั้นเองที่พวกเขารู้สึกได้ว่าความรู้สึกถูกจับตามองได้หายไป
นครหลวงกว่านจวินนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าเมืองกว่านจวิน กองกำลังใดๆ ล้วนต้องมีความยำเกรงเขาอยู่บ้าง
ภายในกองพันองครักษ์ฟ้า องครักษ์สามได้คำนวณแต้มต่อสู้รวม
“เฟิงฮันเยว่ 45 แต้ม”
“เหล่ยเฮา 32 แต้ม”
…
“ลู่เซียวเหลียน 26 แต้ม”
แต้มของสิบองครักษ์ฟ้าถูกอ่านไล่ตามลำดับ พวกเขาส่วนมากนั้นอยู่ที่ราวๆ 20 หรือมากกว่านั้น ในที่สุดก็ถึงตาของจ้าวเฟิง
“จ้าวเฟิง 72 แต้ม”
เมื่อเขาอ่านออกมานั้น รูม่านตาขององครักษ์สามหดเล็กลงราวกับคาดไม่ถึง ทว่าแต้มต่อสู้นั้นได้ถูกส่งมาโดยกองกำลังกว่านจวินดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงไม่ได้สงสัยอันใด
“72แต้ม!” เหล่าเด็กหนุ่มต่างสูดลมหายใจเย็นเยียบ แต้มของเขานั้นเอาชนะผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย
“หึ หากข้าเป็นผู้ที่เอาชนะหัวหน้าโจรขั้นเจ็ดปางตายนั่น อันดับหนึ่งย่อมเป็นข้า”
หลายคนยังคงรู้สึกว่าจ้าวเฟิงนั้นเพียงโชคดี
ไม่ช้า แต้มต่อสู้ของทุกคนก็ถูกประกาศ จ้าวหยูเฟ่ยและฮวงชี่นั้นต่างมีแต้มคนล่ะ 20 แต้ม เกือบจะเหนือกว่าลู่เซียวเหลียนซึ่งทำให้ใบหน้าของเด็กหนุ่มทะมึนทึมไป
เมื่อพวกเขาแยกกัน พวกเขาได้หัวเราะกลุ่มของจ้าวเฟิง ทว่าภาพนั้นราวกับกลับมาตบที่ใบหน้าของเขา
“จ้าวเฟิง ในฐานะที่มีแต้มมากที่สุด เจ้าจะได้รับรางวัลพิเศษ” องครักษ์สามไล่ทุกคนออกไปเหลือเพียงเด็กหนุ่มตระกูลจ้าว