บทที่ 780 ลมหายใจเดียว
“อวี่ชิง! เหมือนว่านี่จะเป็นของสะสมของบิดาเจ้า นี่เป็นดักแด้ล้ำค่าในตำนานซึ่งอยู่ใน ‘รายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ’ ไม่ใช่หรอกหรือ?” องค์ชายแปดตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
สายเลือดของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ต่อให้เป็นที่ดินแดนทวีปก็เป็นสายเลือดเผ่าพันธุ์ในตำนานที่มีมายาวนานเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่อยู่ตรงหน้ายังเป็นหนอนไหมอสูรล้ำค่าของสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์อีกด้วย
ในยามที่จ้าวเฟิงอยู่ในอุทยานครึ่งเซียนเคยอ่านบันทึกเก่าแก่เรื่อง ‘รายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ’ มาก่อน
ส่วนประกอบของสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์ หลังจากการล่มสลายในยุคบรรพกาลก็กระจัดกระจาย แล้วแทรกซึมเข้าไปตามมุมต่างๆ ในฟ้าดิน
ในวันนี้ เผ่าพันธุ์ดั้งเดิมในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณแทบจะสูญหายไปหมดแล้ว
“โดยปกติสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์ของพวกหนอนอสูร จะบริสุทธิ์กว่ามนุษย์หลายเท่าตัว และใกล้เคียงกับสายเลือดดั้งเดิมอย่างมาก”
แววตาของจ้าวเฟิงเป็นประกายขณะประเมิน ‘ ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ ตัวนี้
‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ ตัวนี้เป็นเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมของสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ถึงแม้ว่ามีเพียงเจ็ดร้อยกว่าอันดับ แต่ถ้าหากว่าอยู่ในระดับเดียวกันย่อมแข็งแกร่งกว่าสายเลือด ‘รายชื่อเกล็ดมังกรเหมันต์’ ของจ้าวเฟิงในช่วงชีวิตก่อน
ในสายเลือดมีลำดับอยู่ แต่ว่าความบริสุทธิ์และระดับความดั้งเดิมของสายเลือดจะส่งผลต่อพลังมากกว่า
อย่างเช่น จ้าวหยูเฟยมีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณซึ่งเป็นลำดับที่สิบเก้า ถ้าหากว่าสายเลือดตื่นขึ้นทั้งหมดหรือตื่นขึ้นครึ่งหนึ่งแล้ว
เกรงว่าจะสะเทือนทั้งฟ้าดิน ในทุกที่ที่ไปถึง จะเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดมากมาย ซึ่งส่งผลกระทบสรรพชีวิตนับหมื่นเผ่าพันธุ์
ถ้าหากว่าเป็น ‘เผ่าพันธุ์โบราณ’ ที่อยู่ในอันดับหนึ่งและครอบครองร่างเทพเจ้าโดยกำเนิด ความแข็งแกร่งของผืนพสุธาในปัจจุบันจะแบกรับไม่ไหว
“ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน เป็นหนึ่งในสี่เผ่าพันธุ์ที่งดงามที่สุดของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ พลังของมันพิเศษอย่างยิ่ง สามารถเปลี่ยนไปมาได้ระหว่างสภาวะหนอนไหม ดักแด้ และผีเสื้อ เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีรูปร่างสามประเภทซึ่งพบเจอได้ยากในสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ”
องค์ชายแปดชื่นชม ‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ ที่เป็นเหมือนกับงานศิลปะที่เปราะบาง สมบัติล้ำค่าประเภทนี้ ถึงแม้จะเป็นเขา ก็ล้วนแต่มีแรงเย้ายวนที่รุนแรงถึงชีวิต แต่ทว่า องค์ชายแปดกลับมีความเสียดายแต่งแต้มบนใบหน้าเล็กน้อย
“ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ ตัวนี้อยู่ในสภาวะจำศีลด้วยสาเหตุบางอย่าง”
จ้าวเฟิงจับจ้องอยู่ชั่วครู่
สามารถพูดได้ว่า กลิ่นอายชีวิตในแต่ละด้านของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนตัวนี้ล้วนแต่ลดลงจนถึงจุดต่ำสุด กระทั่งหยุดชะงักไปชั่วขณะ
“จ้าวเฟิง ‘ ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ ตัวนี้จำศีลมาเป็นเวลาหลายปี ตอนที่ข้าเกิดมาก็เป็นแบบนี้แล้ว จนถึงวันนี้ยังไม่มีนักฝึกสัตว์คนใดสามารถปลุกมันได้”
ท่านหญิงอวี่ชิงกะพริบตาด้วยท่าทีคาดหวังรอคอย
ในป่าไร้เลือนรางคราวก่อน ความสามารถและทักษะการควบคุมสัตว์ของจ้าวเฟิงตราตรึงในจิตใจของนาง จ้าวเฟิงจึงเข้าใจอย่างรวดเร็วรู้สึกว่าท่านหญิงอวี่ชิงผู้นี้เชิญเขามาเพื่อแก้ไขปัญหาที่ยากเย็นนี้
“น้องอวี่ชิง! นี่คือสมบัติล้ำค่าที่บิดาของเจ้าสะสมเอาไว้ จะปล่อยให้นักฝึกสัตว์ผู้หนึ่งเข้าไปทดลองมั่วซั่วได้อย่างไร หากเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ขึ้นมา…” สีหน้าองค์ชายแปดเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ไม่ว่านักฝึกสัตว์ฝีมือสูงส่งขนาดไหน ก็ไม่อาจจะปลุกไหมเมฆาผีเสื้อเซียนตัวนี้ให้ตื่นขึ้นมาได้ นับประสาอะไรกับนักฝึกสัตว์ที่ยังอายุน้อยอย่างจ้าวเฟิง
ถึงแม้ว่าจะจำศีลลึก ไม่ตื่นขึ้น แต่ว่ามูลค่าของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนก็ยังยากเกินจะประมาณ ต่อให้เป็นจักรพรรดิปราณเทวะ เซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับ ก็ยังถูกดึงดูดใจเช่นกัน
“ข้ารู้สึกว่าเขาไม่เหมือนกับนักฝึกสัตว์ทั่วไป ดังนั้นจึงขโมยเอา ‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ ของท่านพ่อออกมา ข้าเพียงแต่อยากช่วยท่านพ่อเพิ่มความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น”
นัยน์ตาสุกสกาวของท่านหญิงอวี่ชิงแดงก่ำเล็กน้อย เกิดละอองน้ำเอ่อขึ้น
ท่าทางน่าสงสารที่เห็นทำให้องค์ชายแปดตำหนิไม่ลง
อีกอย่างเขาเองก็อยากจะดูความสามารถของจ้าวเฟิงด้วย จริงๆ ในใจของเขาจะยินดีอย่างยิ่งหากจ้าวเฟิงทำอะไรผิดพลาด และทำให้หนานเฟิงอ๋องเกิดโมโหขึ้นมา
ถ้าหากว่าจ้าวเฟิงล่วงเกินหนานเฟิงอ๋องแล้วล่ะก็ ต่อให้เป็นสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นก็ยากที่จะปกป้องเขาได้
“จ้าวเฟิง เจ้าลองดู ‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ ตัวนี้ ยังพอจะช่วยได้หรือไม่?”
ท่านหญิงอวี่ชิงเอ่ยด้วยท่าทีน่าสงสาร
จ้าวเฟิงสามารถสัมผัสได้ถึงความหวังในแววตาของนาง และความเชื่อมั่นในตัวเขา เขาอดจะสับสนไม่ได้ว่าเหตุใดท่านหญิงจึงเชื่อมั่นและคาดหวังต่อตนเองมากขนาดนี้
เมื่อเห็นเช่นนี้ จ้าวเฟิงจึงผงกศีรษะเล็กน้อย แล้วเริ่มประเมินไหมเมฆาผีเสื้อเซียนตัวนี้
เมี้ยว เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยก็เดินวนๆ ประเมินไหมเมฆาผีเสื้อเซียน แล้วยังโบกกรงเล็บออกท่าออกทาง
ในระหว่างขั้นตอนนี้ ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเกิดชั้นแสงมายาสีม่วงราวกับปกคลุมด้วยหมอกควัน ขณะมองสำรวจไหมเมฆาผีเสื้อเซียนที่อยู่ในขวดแก้ว
“ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนตัวนี้น่าจะผ่านการต่อสู้หรือเหตุร้ายอะไรมา ส่งผลให้เกิดการทะลักออกของไอสวรรค์ชีวิตมากเกินไป…” จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เมื่อเอ่ยจบ ดวงตาของท่านหญิงอวี่ชิงสว่างวาบ ผงกศีรษะเอ่ย “ถูกต้อง”
สีหน้าขององค์ชายแปดเปลี่ยนไป เพียงปราดตามองจ้าวเฟิงกลับตัดสินได้แม่นยำอย่างยิ่ง
เขามั่นใจว่าก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงต้องไม่รู้จัก ‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ ตัวนี้
“สิ่งที่มันสูญเสียไปคือแก่นสำคัญดั้งเดิมสมัยบรรพกาล ดวงวิญญาณก็หลับใหลอีกครั้ง และที่แย่ไปกว่านั้นคือมันยังเปิดกลไกปกป้องตัวเองไว้ด้วย ทำให้พลังจากภายนอกยากจะกระทบ หรืออาจถึงขั้นถูกกำจัด”
จ้าวเฟิงเอ่ยวิเคราะห์แยกแยะ
เขารู้เรื่องของ ‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ อย่างปรุโปร่งผ่านดวงตาเทพเจ้า
ความสามารถในการมองนี้ ต่อให้เป็นจักรพรรดิทั่วไปหรือว่าจะเซียนก็ยากจะทำได้เช่นนี้ อย่างน้อยก็ไม่สามารถรู้เรื่องราวทั้งหมดอย่างปรุโปร่งและแม่นยำ
“นี่ใกล้เคียงกับการวิเคราะห์ของอาจารย์นักฝึกสัตว์จาก ‘มณฑลเทียนเหลียง’ ยิ่งนัก”
ท่านหญิงอวี่ชิงเอ่ยด้วยสีหน้าปลื้มปีติ
จากมาตรฐานในตอนนี้ เกรงว่าความลึกซึ้งในศาสตร์การฝึกสัตว์ของจ้าวเฟิงไม่ได้ด้อยไปกว่าอาจารย์นักฝึกสัตว์ผู้นั้นแม้แต่น้อย
ในตอนนั้น อาจารย์นักฝึกสัตว์ผู้นั้นใช้เวลากว่าครึ่งวันถึงจะได้ผลสรุปที่คล้ายคลึงกับจ้าวเฟิง
“จ้าวเฟิงผู้นี้…” องค์ชายแปดสีหน้าชะงักค้าง จากสถานการณ์ตอนนี้ จ้าวเฟิงมีความสามารถอย่างแท้จริง
ใบหน้าของท่านหญิงอวี่ชิงเต็มไปด้วยความนับถือและคาดหวัง
ต่อให้จ้าวเฟิงไม่สามารถปลุก ‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ ได้ ความสามารถและพรสวรรค์ในการฝึกสัตว์ของเขาก็ควรค่าแก่การเชิดชู อายุยังน้อยและหล่อเหลา เทียบเท่าได้กับนักฝึกสัตว์ในระดับอาจารย์ ทั่วทั้งราชวงศ์จะสามารถเจอคนที่สองได้หรือไม่?
ในเวลาดังกล่าว ท่านหญิงอวี่ชิงเกิดความปรารถนาอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจ้าวเฟิงจะทำได้หรือไม่ นางต้องช่วยท่านพ่อหว่านล้อมอัจฉริยะผู้นี้เอาไว้ให้ได้
“จ้าวเฟิง เจ้ามีวิธีปลุก ‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ หรือไม่?”
ท่านหญิงอวี่ชิงหน้าแดงระเรื่อ สีหน้าตราตรึงใจคนราวกับผลผิงกั๋ว (แอปเปิล) ใกล้สุก
“มีความหวังเพียงห้าส่วนเท่านั้น” จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ
เดิมทีเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรเรื่องนี้มากนัก แต่ว่าเกิดแปลกใจในปริศนาของยุคบรรพกาล รวมไปถึงความโอบอ้อมอารีของท่านหญิงอวี่ชิงประทับใจเขา
ความหวังห้าส่วน?
คิ้วขององค์ชายแปดกระตุก ท่านหญิงอวี่ชิงอ้าปากเล็กน้อย ฝ่ายแรกออกจะสงสัย ฝ่ายหลังมีสีหน้าคาดคิดไม่ถึง
ความหวังห้าส่วน!
เคยมีนักฝึกสัตว์ฝีมือสูงส่งจำนวนมากมาที่จวนอ๋องโหว แต่ว่าไม่มีใครกล้าพูดว่า ‘ความหวังห้าส่วน’
อย่าว่าแต่ห้าส่วนเลย ต่อให้เพียงสามส่วนสองส่วนก็ไม่เคยพูดถึง
เกรงว่าความหวังเพียงส่วนเดียว ก็ยังถือได้ว่าเป็นความหวังไม่น้อย
ความหวังห้าส่วน! นี่คือความหวังที่น่าตื่นตกใจระดับไหนกัน
“ถ้าหากว่าข้าลงมือ จะต้องได้ทรัพยากรที่พอเหมาะ รวมไปถึงผลตอบแทนด้วย”
จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างคล่องปาก เช่นนั้นก็แปลว่าเขาจะไม่ลงมือเปล่าๆ
“แน่นอนอยู่แล้ว ขอแค่เจ้ามีวิธีปลุกมัน ไม่ว่าเงื่อนไขอะไร ท่านพ่อจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้เจ้าสมหวัง”
ท่านหญิงอวี่ชิงผงกศีรษะติดๆ กัน
“ในวันนี้ข้าทำการทดสอบเพียงขั้นต้นเท่านั้น ถ้าหากมีความหวังที่จะทำให้มันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากกลับไปแล้วจะเตรียมสิ่งของไว้ให้พร้อม”
จ้าวเฟิงเอ่ย
ทันทีที่กล่าวจบ เขาจึงปิดเปลือกตาลง จิตสำนึกดำดิ่งลงไปภายในมิติดวงตาซ้าย เข้าไปในน้ำวนเล็กๆ ไร้รูปร่างตรงใจกลางของทะเลสาบสีฟ้า
พรึ่บ!
ในวินาทีต่อมา จ้าวเฟิงก็เข้าไปภายในผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่และเก่าแก่
ในห้วงฝันบรรพกาล พลังมหาศาลที่มืดฟ้ามัวดิน ทำให้ร่างกายของจ้าวเฟิงหนักอึ้ง สีหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย
ด้วยระดับความแข็งแกร่งของร่างกายจ้าวเฟิงในตอนนี้ สามารถอยู่ในห้วงฝันบรรพกาลได้หลายช่วงลมหายใจ ระดับขั้นดวงวิญญาณและชีวิตในตอนนี้ก็ถือว่าพอเพียงแล้ว
พรึ่บ!
จ้าวเฟิงสูดกลิ่นอายของห้วงฝันบรรพกาล แล้วจึงถอยออกจากที่นั่น
ต่อจากนั้น เขาจึงปลดปล่อยกลิ่นอายไร้รูปร่างให้กับ ‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ ที่ราวกับหยกเนียนละเอียด กลิ่นอายนั้นถูกเก็บงำไว้ถึงขีดสุด และหลอมรวมเข้าไปกับกลิ่นอายดวงตาหลายเส้นของดวงตาเทพเจ้า
ในวินาทีนั้นเอง
สายเลือดในร่างกายองค์ชายแปดกับท่านหญิงอวี่ชิงเกิดความกดดันและสั่นระริกจากความหวาดกลัว
บนใบหน้าขององค์ชายแปดเผยแววตกใจออกมา
พู่ว~
คนทั้งสองตกใจอย่างยิ่ง จ้องจ้าวเฟิงที่กำลังจัดแจงผ่อนหนึ่งลมหายใจให้ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน หรือว่าลมหายใจที่จ้าวเฟิงส่งออกมานั้นคือ ‘ไอเซียน ’ ซึ่งสามารถช่วยไหมเมฆาผีเสื้อเซียนได้
เหตุการณ์คาดคิดไม่ถึงปรากฏขึ้น
วูบ!
ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนที่อยู่ในขวดแก้ว ปีกกึ่งโปร่งแสงขยับน้อยๆ
“ขยับแล้ว?”
ท่านหญิงอวี่ชิงและองค์ชายแปดจ้องเขม็งไปที่ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน
หากไม่ใช่คนทั้งสองที่เห็นสถานการณ์นี้ บางทีอาจจะคิดว่านี่เป็นความรู้สึกที่คิดไปเอง
วินาทีเมื่อครู่ ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนขยับแล้วจริงๆ
แต่ดูๆ ไปแล้วเหมือนเป็นเพียงแค่เหตุการณ์บังเอิญเท่านั้น
“ที่แท้แล้วดวงตาเทพเจ้าอยู่ในระดับ ‘เนตรเทพเจ้า’ จริงๆ เกรงว่าสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์ก็ยังต้องหวั่นเกรง อีกทั้งกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาลยังสัมพันธ์กับสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ดูดซึมง่ายดายยิ่ง…”
จ้าวเฟิงลอบผงกศีรษะ
วิธีการของเขาเมื่อครู่ ไม่ได้เป็นเพียงการวิเคราะห์ของตนเอง แต่ยังมีคำแนะนำของเจ้าแมวขโมยตัวน้อยด้วย
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยมีความเข้าใจในสัตว์อสูรชนิดต่างๆ อย่างปรุโปร่ง ซ้ำยังสามารถสื่อสารและสร้างสัมพันธ์ได้ด้วย
“จ้าวเฟิง! เจ้าเก่งกาจยิ่งนัก! เมื่อครู่ ‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ ขยับจริงๆ ด้วย” ท่านหญิงอวี่ชิงดีใจอย่างยิ่ง
แววตาขององค์ชายแปดเหมือนจะค้างไปชั่วขณะ
ยามนี้ จ้าวเฟิงเหมือนเป็นอสุรกายตัวหนึ่งในสายตาของเขา
บุรุษหนุ่มคนหนึ่งทำให้อัจฉริยะในรายชื่อราชวงศ์อย่าง ‘ลั่วจุน’ อับอายและคับข้องใจ เดิมก็มีฝีมือสูงส่งเกินจะคาด อีกทั้งในตอนนี้ จ้าวเฟิงผู้นั้นใช้ ‘ลมหายใจเดียว’ ทำให้ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนที่หลับใหลขยับเล็กน้อย
ความสามารถระดับนี้ต้องเป็นคนพิเศษจริงๆ จึงจะทำได้
“ดีแล้ว ในตอนนี้ข้าเพียงแค่ต้องการยืนยันว่ามีวิธีการปลุกไหมเมฆาผีเสื้อเซียนให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง ต่อจากนี้ข้าต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนในการกลับไปเตรียมตัว” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ
ต่อจากนั้น เขาปฏิเสธการชักชวนให้รั้งอยู่ต่อของท่านหญิงอวี่ชิง แล้วจึงเอ่ยขอตัวลาโดยทิ้งรายชื่อทรัพยากรเอาไว้
ในรายการทรัพยากรเหล่านั้น มีทั้งที่ใช้ปลุก ‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ และส่วนที่จ้าวเฟิง ‘ใช้เอง’
จ้าวเฟิงจากไปไม่นานนัก
ด้านหน้าทะเลสาบสีดำสนิทในจวนอ๋องโหว
“เอ๋…กลิ่นอายรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ? ไม่สิ! เป็นไหมเมฆาผีเสื้อเซียน!”
ชายหนุ่มท่าทางองอาจในชุดคลุมสีทองสีหน้าเปลี่ยนไปมา
พรึ่บ!
ชายหนุ่มชุดทองหายวับไปจากจุดที่เคยอยู่ พร้อมกับพลังมหาศาลของจักรพรรดิที่ไม่ธรรมดา และชะตาของราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่
ในขณะเดียวกัน ณ ตำหนักของท่านหญิง
“ท่านพ่อ!”
“ท่านลุงสิบสาม!”
ท่านหญิงอวี่ชิงและองค์ชายแปดมองเห็นชายท่าทางองอาจก็รีบทำความเคารพพร้อมกัน ท่าทีว่านอนสอนง่ายยิ่งนัก
ผู้มาเยือนคือหนานเฟิงอ๋อง ผู้ปกครองสูงสุดของดินแดนหมู่เกาะเทียนเฟิง
“อวี่ชิง! เจ้ากลับกล้าขโมยไหมเมฆาผีเสื้อเซียนที่เลี้ยงดูอยู่ใน ‘หอเพาะเลี้ยง’ ”
หนานเฟิงอ๋องจ้องไปที่ขวดแก้วในมือของของท่านหญิงอวี่ชิง สีหน้าเคร่งขรึมลงไป
“ท่านพ่อ เมื่อครู่มีนักฝึกสัตว์ผู้หนึ่งยื่นมือมาช่วย ทำให้ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน…” ท่านหญิงอวี่ชิงสีหน้ายินดี ละล่ำละลั่กอธิบาย
แต่ทว่า นางเอ่ยได้แค่ครึ่งประโยค ก็ถูกพลังมหาศาลช่วงชิงเอาไหมเมฆาผีเสื้อเซียนที่อยู่ในมือของตนไป
“หืม?”
หนานเฟิงอ๋องกำขวดแก้วไว้แน่น ห้วงความคิดเซียนกวาดผ่าน แล้วจึงพบความผิดปกติในทันที “เป็นไปได้อย่างไรกัน! ภายในร่างไหมเมฆาผีเสื้อเซียนมีพลังของชีวิตหมุนเวียน…”