บทที่ 81 : การแข่งขันที่รุนแรง
“เจ้าเมืองกว่านจวินได้ออกจากการปิดด่านฝึกตนแล้ว และจะมาถึงที่นี่ในอีกสามวัน” ข่าวนี้กระจายไปทั่วกองพันองครักษ์ฟ้า
เด็กหนุ่มสาวหลายคนกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น ในนครหลวงกว่านจวินนั้น เจ้าเมืองกว่านจวินนั้นหมายถึงพลังอันเป็นที่สุด เขาเป็นตัวตนในตำนานที่ได้รับความเคารพจากผู้ฝึกตนทุกคน
ขณะที่ข่าวนี้ถูกประกาศ การแข่งขันของสิบองครักษ์ฟ้าก็ยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยการที่ทั้งสิบนั้นท้าประลองกันเอง
โดยไม่ต้องสงสัย ยิ่งพวกเจ้าอยู่อันดับสูงเท่าใด โอกาสที่จะได้รับเลือกก็ยิ่งมากเท่านั้น กลุ่มของเด็กหนุ่มสาวเหล่านี้ราวกับเสียสติ ฝึกตนอย่างบ้าคลั่งและท้าประลองกันเอง แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ามันแทบจะไม่มีโอกาสสำหรับพวกเขาเลยก็ตาม
ในระหว่างสองวันนั้น จ้าวเฟิงได้รับคำท้าประลองบ้าง
เด็กหนุ่มรับคำท้าทั้งหมดและใช้ดรรชนีดาราของเขาในการเอาชนะคู่ต่อสู้ในหนึ่งกระบวนท่า เพื่อดึงดูดปัญหาให้น้อยลง เขาจึงปลดปล่อยกลิ่นอายขั้นเจ็ดของเขาออก
เขาทำเช่นนี้เพราะสองเหตุผล
อย่างแรก จะมีคนน้อยลงที่จะท้าประลองเขา หากเขาได้เข้าสู่ขั้นเจ็ด นั่นหมายความว่าเขาจะได้กลายเป็นจอมยุทธ์ด้วยพลังในระดับใหม่โดยสิ้นเชิง แม้ว่าเจ้าจะให้ความกล้าแก่พวกเขาเท่าใด พวกเขาย่อมไม่กล้าที่จะท้าประลองเด็กหนุ่ม
อย่างที่สอง ยิ่งพลังฝึกตนของเขาสูงเท่าใด โอกาสที่จะได้รับเลือกโดยเจ้าเมืองกว่านจวินย่อมมากขึ้นเท่านั้น จ้าวเฟิงเองก็ชื่นชมความลึกลับและตำนานของเจ้าเมืองกว่านจวินเช่นกัน
“โอ้ สวรรค์! จ้าวเฟิงเข้าสู่ขั้นเจ็ดแล้ว!”
“กองพันองครักษ์ฟ้าปรากฏยอดอัจฉริยะขึ้นอีกคนแล้ว!”
ข่าวที่จ้าวเฟิงได้เข้าสู่ขั้นเจ็ดกระจายไปทั่ว จ้าวหยูเฟ่ยและฮวงชี่ต่างมาแสดงความยินดีกับเขา
“ยินดีด้วยศิษย์น้องเฟิงในการกลายเป็นจอมยุทธ์” ฮวงชี่มองไปยังอีกฝ่ายด้วยแววตาเคารพและชื่นชม
สามลำดับชั้นของเก้าขั้นของหนทางแห่งผู้ฝึกตนนั้นถูกเรียกว่า ผู้เรียนรู้การฝึกตน ผู้ฝึกตน และจอมยุทธ์
เมื่อผู้ฝึกเข้าสู่ลำดับชั้นที่สูงกว่า สถานะของพวกเขาจะเปลี่ยนไปอย่างมาก
ผู้เรียนรู้การฝึกตนเป็นชนชั้นล่างสุดในบรรดาผู้ฝึกตน ผู้ฝึกตนนั้นเพียงมีพลังอยู่บ้าง ผู้คนจะเคารพพวกเขา แต่พวกเขาจะกลายเป็นชนชั้นสูงได้เพียงเมื่อกลายเป็นจอมยุทธ์
เมื่อใครบางคนเข้าสู่ขั้นเจ็ด พวกเขาจะได้รับคำเชิญจากสิบสามจักรวรรดิ
“รู้ว่าศิษย์น้องเฟิงย่อมไม่พ่ายแก่เฟิงฮันเยว่และเหล่ยเฮา” ความยินดีลุกโชนในแววตาของจ้าวหยูเฟ่ย
นางรู้สึกว่ามันยอมรับได้ง่ายกับการที่จ้าวเฟิงเข้าสู่ขั้นเจ็ดและนางรู้สึกยินดีกับเขา
จากศิษย์สายนอกสู่ศิษย์สายใน จากนั้นก็อัจฉริยะแห่งเมืองประกายอรุณ เด็กสาวได้เป็นพยานแก่ความก้าวหน้าของเขา
“พี่หยูเฟ่ย ด้วยความสามารถของท่าน ท่านจะเข้าสู่ขั้นเจ็ดในไม่ช้า” จ้าวเฟิงแย้มยิ้มและกวาดดวงตาของเขาไปทางร่างของอีกฝ่าย
พลังฝึกตนของจ้าวหยูเฟ่ยนั้นได้เข้าสู่ขั้นสุดยอดของขั้นหก และนางครองอันดับห้าในสิบองครักษ์ฟ้า
ในสิ่งก่อสร้างใจกลางลาน
“มีอัจฉริยะจำนวนหนึ่งในกองพันองครักษ์ฟ้า ข้าหวังว่ามันจะไม่ทำให้ท่านเจ้าเมืองกว่านจวินผิดหวัง…” องครักษ์สามพึมพำ
แม้ว่าเขาจะอยู่ในตึกแทบจะตลอดเวลา เขาก็ยังคงรับรู้สถานการณ์ภายในกองพันองครักษ์ฟ้า หลังจากได้ยินว่าจ้าวเฟิงได้เข้าสู่ขั้นเจ็ด เฟิงฮันเยว่และเหล่ยเฮาต่างตะลึงไป
เวลาได้เข้าสู่จุดสิ้นสุดของวันที่สาม และบรรยากาศได้เครียดขึงมากขึ้นเรื่อยๆ
ตำแหน่งทั้งเก้านั้นเปลี่ยนแปลงแทบจะตลอดเวลา ผู้ที่ไม่ได้รับคำท้าประลองนั้นคือสามยอดอัจฉริยะผู้ฝึกตนขั้นเจ็ด ซึ่งใช้พลังที่ไม่อาจต้านทานในการเอาชนะคู่ต่อสู้
จ้าวเฟิงเยือกเย็นลงและเริ่มเพ่งความสนใจไปกับการเพิ่มความแข็งแกร่งในสองวันสุดท้าย เวลาที่เด็กหนุ่มมีนั้นมีจำกัด ดังนั้นแล้วเขาจึงให้ความสนใจกับเคล็ดลมหายใจหวนและดรรชนีดาราซึ่งได้ทะลวงเข้าสู่ระดับห้าในวันที่สาม
ดรรชนีดารานั่นแบ่งออกเป็นเจ็ดระดับ และระดับห้าได้ทำให้นิ้วของเด็กหนุ่มส่งประกายแสงสีงดงามออกมาได้
ความสมบูรณ์แบบขั้นสุดยอด! ความเร็วขั้นสุดยอด!
นี่คือความรู้สึกของจ้าวเฟิงขณะที่เขาใช้ดรรชนีดารา ในเวลาเพียงชั่วหนึ่งลมหายใจ เขาสามารถยิงดรรชนีออกไปได้ 7-8 ครั้ง และคุกคามได้กระทั่งผู้ฝึกตนขั้นเจ็ด
กระบวนท่าสุดท้าย ‘ดรรชนีชี้ดารา’ ได้มีพลังเทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นแปด และนั่นเป็นพลังยามที่เขากระทั่งยังไม่ใช่วิชากำแพงเงิน
“เข้าใจแล้ว เจ้าเมืองกว่านจวินจะมาถึงในวันพรุ่งนี้”
ค่ำคืนวันที่สาม การแข่งขันนั้นเร่าร้อนยิ่งนัก
ยามค่ำคืน
ฮวงชี่สามารถเข้าสู่อันดับเก้าในสิบองครักษ์ฟ้าได้สำเร็จและรั้งอยู่ที่ตำแหน่งนั้น บัดนี้เขามีวิชาระดับสุดยอดสองวิชาซึ่งเข้าสู่ขั้นสูง ทั้งพลังฝึกตนของเขายังเข้าขั้นสุดยอดของขั้นหกด้วย
“ในที่สุดข้าก็กลับมา”
ฮวงชี่พ่นลมหายใจออก เขาได้ท้าประลองอันดับแปดและเอาชนะอีกฝ่ายลงได้ เขาทำเช่นนั้นเพราะอันดับเก้านั้นอันตรายเกินไปเมื่อมีหลายคนคอยท้าประลองอยู่
แม้แต่พลังฝึกตนขั้นสุดยอดของขั้นหกของเขา เขาก็ยังคงรั้งได้เพียงอันดับแปดซึ่งพิสูจน์ได้ถึงความเข้มข้นของการแข่งขันนี้
“จ้าวเฟิง ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าสามารถติดหนึ่งในสามได้” ฮวงชี่รู้สึกสงสัย
เขารู้ความแข็งแกร่งของจ้าวเฟิง อีกฝ่ายนั้นสามารถฆ่าผู้ฝึกตนขั้นเสมือนจอมยุทธ์ได้ยามที่อยู่ขั้นสุดยอดของขั้นหก ทั้งยังได้รับแต้มต่อสู้จำนวนมากจากภารกิจ ฮวงชี่มั่นใจว่าอีกฝ่ายนั้นหากไม่ใช่อันดับหนึ่งก็ย่อมต้องเป็นสอง เขาเอ่ยถึงอันดับสองเพราะว่าพลังฝึกตนของเฟิงฮันเยว่นั้นได้เข้าขั้นสุดยอดของขั้นเจ็ดแล้ว
ในบรรดาสิบองครักษ์ฟ้า เฟิงฮันเยว่นั้นคืออันดับหนึ่ง จ้าวเฟิงอันดับสอง และเหล่ยเฮาอันดับสาม แน่นอนว่านี่เป็นอันดับที่ผู้อื่นตั้งให้พวกเขา ทว่าจ้าวเฟิงยังคงอยู่อันดับสิบในสิบองครักษ์ฟ้า
“ข้าเข้าสู่ขั้นเจ็ดแล้ว ดังนั้นมันก็ไม่สำคัญมากนัก” จ้าวเฟิงเผยรอยยิ้มสบายๆ
ฮวงชี่เผยสายตาอิจฉาขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยพลังฝึกตนยามนี้ของอีกฝ่าย มีโอกาสสูงที่เขาจะถูกเลือกโดยเจ้าเมืองกว่านจวิน ดังนั้นแล้วอันดับของเขาจึงไม่สำคัญมากนัก
เขานั้นเป็นยอดอัจฉริยะที่เข้าสู่ขั้นเจ็ดก่อนอายุสิบหก
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
ในที่สุดยามเช้าก็มาถึง องครักษ์สามเดินออกจากตึกของเขา
“เวลาหมดแล้ว! สิบองครักษ์ฟ้ามาพบข้าที่นี่พรุ่งนี้เช้า ในตอนนั้นท่านเจ้าเมืองกว่านจวินจะมาชี้แนะพวกเจ้าด้วยตนเอง”
ได้ยินเช่นนั้น เหล่าสิบองครักษ์ฟ้าต่างร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นในขณะที่ผู้ที่ไม่ได้รับเลือกรู้สึกเศร้าสร้อย
“ฮะฮะฮะ… ในที่สุดข้าก็นอนได้แล้ว!” ฮวงชี่หัวเราะเสียงลั่น
ชัดเจนว่าองครักษ์สามต้องการให้เหล่าเด็กหนุ่มสาวอยู่ในสถานะที่พร้อมที่สุดขณะที่พบเจ้าเมืองกว่านจวิน จ้าวเฟิงเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน ตั้งแต่เขาได้หลอมรวมเข้ากับดวงตาซ้าย เขาได้พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เมื่อเขาเข้ามายังตำหนักกว่านจวิน การแข่งขันระหว่างอัจฉริยะได้กระตุ้นความสามารถแฝงของเขา และบัดนี้ เขาได้มีโอกาสพบตัวตนในตำนานของจักรวรรดิเมฆา
คืนนั้น สิบองครักษ์ฟ้านอนหลับอย่างสบายใจ
เด็กหนุ่มสาวทุกคนตื่นเช้า เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
โดยไม่ต้องมีเสียงเรียก สิบองครักษ์ฟ้าก็ได้เดินไปยังสิ่งก่อสร้างเพียงหนึ่งเดียวใจกลางลาน
ภายในตึก
เด็กหนุ่มสาวทั้งสิบมาถึงก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง
“ไม่เลว พวกเจ้ามาก่อนเวลาทั้งหมด”
องครักษ์สามนับจำนวนคนที่ปรากฏตัวและยืนยันชื่อของพวกเขา มันมีความเปลี่ยนแปลงในอันดับในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้ามากเกินไป
“อื้อหืมมม สิบคนที่นี่ เฟิงฮันเยว่ เหล่ยเฮา ลู่เซียวเหลียน จ้าวหยูเฟ่ย… ฮวงชี่ ลีจีเวิน จ้าวเฟิง”
เมื่อเขาอ่านชื่อของจ้าวเฟิงออก เขาชะงักนิ่งไปเล็กๆ และเด็กหนุ่มสาวคนอื่นๆ ต่างมีสีหน้าแปลกประหลาดเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทว่าไม่มีผู้ใดตั้งคำถามในความแข็งแกร่งของเขา
ปึก! ปึก! ปึก!
ในตอนนั้นเองที่เสียงฝีเท้าดังก้องขึ้นจากด้านนอก
เด็กหนุ่มสาวทั้งสิบกลั้นลมหายใจ กระทั่งก่อนที่ประตูจะเปิดอ้าออก พลังที่น่าหวาดผวาก็ได้กดดันมายังร่างของพวกเขา เสียงฝีเท้านั้นราวกับเหยียบย่ำลงไปที่หัวใจ
ภายใต้การจับจ้องของทุกคน ร่างสองสามร่างได้เดินเข้ามา