บทที่ 86 : การแลกเปลี่ยนในนครหลวง
จ้าวเฟิงพยายามกดความตื่นเต้นของเขาขณะที่กำเงินนับแสนของเขาไว้และออกจากที่พัก เขาไม่เคยคิดฝันว่าจะมีเงินมากเพียงนี้มาก่อน เมื่อครั้งยังอยู่ที่พรรคจ้าวนั้น เบี้ยเลี้ยงประจำเดือนของเขานั้นเพียง 20 เงินต่อเดือน
“ข้าอาจซื้อทรัพยากรได้จำนวนมากเพื่อช่วยการฝึกวิชากำแพงเงินของข้า…” จ้าวเฟิงคิด
ไม่ช้าเขาก็เดินออกจากตำหนักกว่านจวินจากส่วนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ขนาดของนครหลวงนั้นเหนือกว่าเมืองประกายอรุณไปไกล ผู้ฝึกตนและรถม้าสามารถพบเห็นได้ทั่วไป
จ้าวเฟิงไม่จำเป็นที่จะต้องถามถึงทิศทางของตลาดแม้แต่น้อย เขาไปกับคลื่นฝูงชนและไปถึงที่นั่น ห่างออกไปกว่าร้อยเมตร เขาเห็นร้านค้าที่เขียนป้ายไว้ว่า ‘ตำหนักยา’
“ขุมพลังเบื้องหลังตำหนักยานับว่าแข็งแกร่งโดยแท้ พวกเขากระทั่งมีร้านในนครหลวง” ดวงตาของเด็กหนุ่มส่องประกายวาบด้วยความยินดี
เขาเคยไปยังร้านตำหนักยาไม่กี่ครั้งยามที่อยู่เมืองประกายอรุณ และเขารู้ว่าสินค้าของร้านนี้มีคุณภาพสูง
“หญ้าสามแสงจันทร์ป่า… ไขหยกหิมะล้ำค่า… ยาเชื่อมกระดูก… ท้องอสรพิษเจ็ดพิษสุดท้าย…” จ้าวเฟิงรู้สึกมึนงงเพียงแค่มองสินค้าหลากหลายเหล่านี้
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
จ้าวเฟิงเปิดดวงตาซ้ายของเขาและกวาดตามองสินค้าทั้งหมด ในเสี้ยววินาที เขาก็ได้จดจำชื่อ ลักษณะ และคำอธิบายของมันทั้งหมดไว้
ยานับพัน ยารักษา และทรัพยากรล้วนต้องใช้เวลานับปีในการจดจำสำหรับผู้เรียนรู้การฝึกตน ทว่าเด็กหนุ่มนั้นใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจในการเก็บพวกมันลงในสมอง
เขาหลับตาและตรวจสอบสิ่งของต่างๆ ในสมองเพื่อหาสิ่งที่เขาต้องการ
“มีสิ่งใดที่ท่านต้องการหรือไม่?” ผู้เรียนรู้การฝึกตนเดินเข้ามาก่อนเอ่ยอย่างนบนอบ
เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่แข็งแกร่งกว่าคนอื่นมากของอีกฝ่าย
“อืม”
จ้าวเฟิงเอ่ยขึ้นในไม่ช้า
“ผงเสริมกระดูกสามห่อ ยากลั่นโลหิตสามเม็ด ยากักชี่สามเม็ด และยารวมอัสดงหนึ่งเม็ด””เขาพลันเอ่ยชื่อของทั้งสี่ออกมา
ผู้เรียนรู้การฝึกตนร่างสั่นสะท้านเอ่ยถาม
“ทะ… ท่านมั่นใจหรือว่าต้องการสิ่งเหล่านี้?”
“ผงเสริมกระดูก หนึ่งในทรัพยากรที่ดีที่สุดในการช่วยฝึกฝนวิชาเสริมกายา ราคาราวๆ 39,000 เงินต่อห่อ!” ผู้ฝึกตนใกล้ๆ อุทานออกมา
อีกฝ่ายต้องการซื้อถึงสามในครั้งเดียว
“สหายตัวน้อย เจ้ามั่นใจหรือว่าเจ้าไม่ได้ล้อเล่น” นักปรุงยาวัยกลางคนเดินออกมาและปลดปล่อยพลังขั้นหกออกมา
“นักปรุงยาเหมา!” ผู้ปรุงยาและผู้ปรุงยาฝึกหัดใกล้ๆ มองไปยังเขาด้วยความเคารพ
สถานการณ์นั้นพลันดึงดูดความสนใจของหลายคนในทันที
“ล้อเล่น? ข้าไม่มีนิสัยเช่นนั้น” จ้าวเฟิงแย้มยิ้มบาง
นักปรุงยาเหมาเดินตรงไปก่อนจะเอ่ยอย่างเยือกเย็น
“สหาย สิ่งล้ำค่าเหล่านี้รวมกันแล้วมีราคาอยู่ที่ 40,000 เงิน เจ้ามั่นใจหรือว่าสามารถจ่ายได้?”
ชัดเจนว่านักปรุงยาวัยกลางคนไม่เชื่อว่าเด็กหนุ่มจะมีเงินมากมายเพียงนั้น
40,000 เงิน!
ลูกค้าใกล้ๆ สูดลมหายใจเย็นเยียบก่อนจะถอนหายใจ พวกเขาไม่แม้แต่จะคิดว่าสิ่งของจำนวนเล็กน้อยที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาจะราคาถึง 40,000 เงิน
“มี” จ้าวเฟิงจ้องกลับไป
หึ!
ความกราดเกรี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายวัยกลางคน เพราะว่าหากจ้าวเฟิงซื้อมันไปจริงๆ เหล่าระดับสูงของตำหนักยาอาจปรากฏตัวขึ้น
แม้ว่านักปรุงยาเหมาจะไม่ได้ตวาดออกไป กลิ่นอายขั้นหกของเขาก็แพร่กระจายออก
“เจ้าคิดหรือว่าข้าไม่มีสิทธิทำเช่นนี้?” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเย็นขณะที่พลังภายในกราดเกรี้ยวถูกปลดปล่อยออกจากร่างของเขา
ในเสี้ยววินาทีนั้น อากาศราวกับจับตัวแข็ง ลูกค้าใกล้ๆ นั้นมีความรู้สึกราวกับถูกทรมาน ร่างของนักปรุงยาวัยกลางคนแข็งค้างและรู้สึกได้ว่าพลังภายในของเขานั้นด้อยกว่า โชคดีที่กลิ่นอายนั้นคงอยู่เพียงแค่วินาทีเดียวก่อนจะหายไป
นอกจากผู้ที่อยู่ใกล้ๆ 7-8 คนแล้ว ไม่มีผู้อื่นรู้สึกถึงมัน
“เกิดอันใดขึ้น?”
ผู้เรียนรู้การปรุงยาไม่แม้แต่จะรู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้น
เหงื่อเย็นเยียบไหลโชกแผ่นหลังของชายวัยกลางคน
“โปรดตามข้ามาที่ชั้นสอง”
ตามกฎของตำหนักยานั้น หากสินค้าราคามากกว่า 20,000 เงินถูกซื้อขาย พวกเขาต้องขึ้นไปยังชั้นสอง
การเปลี่ยนแปลงท่าทีของชายวัยกลางคนทำให้คนบางส่วนรู้สึกสงสัย ทว่ามีบางคนที่รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังที่ปรากฏขึ้นและหายไปในเสี้ยววินาที
“จะ… จอมยุทธ์…” ผู้ฝึกตนขั้นห้าพึมพำกับตนเองอย่างขมขื่น
ทว่าเพราะเสียงเขานั้นเบาเกินไป ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดได้ยิน ผู้ที่รู้ความจริงนั้นตกตะลึงราวกับพวกเขาสูญเสียวิญญาณไป นักปรุงยาเหมามองไปยังเด็กหนุ่มด้วยสายตาล้ำลึกจากนั้นจึงยกมือเขาขึ้น เขาไม่เคยเห็นจอมยุทธ์ที่เด็กเช่นนี้มาก่อน เมื่อคนผู้หนึ่งกลายเป็นจอมยุทธ์ พวกเขาจะถูกมองด้วยความหวาดเกรงโดยเหล่าผู้เรียนรู้การฝึกตนและผู้ฝึกตน
จอมยุทธ์นั้นไม่เพียงแค่เป็นสัญลักษณ์ของพลัง พวกเขายังเป็นสัญลักษณ์ของสถานะเช่นเดียวกัน ทว่าเด็กหนุ่มผู้นี้อายุเพียง 14 ปีกลับได้เข้าสู่ขั้นนั้นแล้ว!
“ไม่จำเป็น ข้ายุ่ง แลกเปลี่ยนตงนี้เลย” จ้าวเฟิงส่ายศีรษะ
ความกะทันหันนี้ทำให้นักปรุงยาวัยกลางคนรู้สึกอึดอัดคับข้องเล็กๆ ทว่าเขาไม่อาจขัดขืนได้ ดังนั้นแล้วจึงแลกเปลี่ยนของที่ตรงนั้น
“ผงเสริมกระดูก 39,000 เงินต่อห่อ สามห่อราคา 117,000 เงิน ยากลั่นโลหิตหนึ่งเม็ด 32,000 เงิน สามเม็ดราคา 96,000 เงิน ยากักชี่หนึ่งเม็ดราคา 44,000 เงิน สองเม็ดราคา 88,000 เงิน ยารวมอัสดงหนึ่งเม็ดราคา 80,000 เงิน… ทั้งหมดราคา 381,000 เงิน!” นักปรุงยาเหมาประกาศ
381,000 เงิน!
ลูกค้าที่อยู่ใกล้เคียงจ้างสูดลมหายใจเย็นเยียบ ทุกคนควรรู้ว่าร่างทั้งร่างของสัตว์ปีศาจนั้นมีราคาเพียง 30,000 เงิน และพวกเขาต้องเสี่ยงชีวิตในการเข้าไปในส่วนลึกของป่าเมฆาคล้อยเพื่อล่ามัน
กระทั่งจอมยุทธ์ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปในส่วนลึกของป่าเมฆาคล้อย
“นี่เงิน” จ้าวเฟิงกองเงินหนาออกมาและวางไว้เหนือม้านั่ง
“จำนวนถูกต้อง”
นักปรุงยาเหมาสามารถยืนยันได้ว่ามันเป็นเงินที่ถูกกฎหมายหรือไม่เพียงแค่การมองตราสนธิสัญญาสิบสามจักรวรรดิที่ประทับไว้บนนั้น สนธิสัญญาสิบสามจักรวรรดินั้นรวมทั้งจักรวรรดิเมฆาและจักรวรรดิเฟิ่งเย่ฮั่ว
สนธิสัญญานี้ยังมีชื่อเรียกว่าสนธิสัญญาสิบสามจักรวรรดิเมฆาคล้อย และใช้เงินสกุลเดียวกันในการแลกเปลี่ยน
ไม่ช้า นักปรุงยาวัยกลางคนและอีกสองคนได้ไปนำสิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการมา
“ผงเสริมกระดูกสามห่อ ยากลั่นโลหิตสามเม็ด ยากักชี่สองเม็ด ยารวมอัสดงหนึ่งเม็ด” จ้าวเฟิงตรวจสอบสินค้า
“เจ้าเด็กนั่นสามารถนำเงินเป็นกองออกมาได้”
ดวงตาของผู้ฝึกตนบางคนในตำหนักยาส่องประกาย สองคนในนั้นกระทั่งติดตามเด้กหนุ่มไปด้วยใบหน้าทะมึนทึม พวกเขาไม่รับรู้ถึงระดับฝึกตนที่แท้จริงของจ้าวเฟิง
“นักปรุงยาเหมา ลูกค้าผู้นั้น…” ผู้เรียนรู้การปรุงยาคนหนึ่งเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ความปลอดภัยของลูกค้าด้านนอกตำหนักยาไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับพวกเรา นอกจากนั้นพลังฝึกตนและเบื้องหลังของลูกค้าคนนั้น…”
นักปรุงยาวัยกลางคนไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงอีกฝ่าย จอมยุทธ์อายุสิบสี่ย่อมต้องมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง
ทันทีที่จ้าวเฟิงเดินออกจากร้านตำหนักยา เขาก็รู้สึกได้ถึงการติดตามของคนสองคน เขาส่งเสียงหัวเราะเย็นทว่าไม่ได้ใส่ใจกับทั้งสอง
ในฐานะของศิษย์เจ้าเมืองกว่านจวิน เขาสามารถทำได้เกือบทุกอย่างที่ต้องการในอาณาเขตนครหลวงกว่านจวิน เพราะอาจารย์ของเขานั้นเป็นผู้ปกครองที่นี่
“นายน้อย”
ทันทีที่จ้าวเฟิงเข้าไปภายในตำหนักกว่านจวิน หัวหน้าของทหารอารักขาขั้นหกก็ได้เข้ามาทำความเคารพเขาในทันที ผู้ฝึกตนจำนวนแปดคนรวมทั้งหัวหน้าทหารได้ยืนอย่างเคารพนบนอบ
บางทีทหารโดยทั่วไปอาจไม่รับรู้ถึงเบื้องหลังของจ้าวเฟิง ทว่าหัวหน้าทหารนั้นมีความเกี่ยวข้องบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงรู้ถึงตัวตนของจ้าวเฟิง
“ตำหนักกว่านจวิน!” สองคนที่ลอบติดตามมาด้านหลังเด็กหนุ่มสะดุ้ง
ปึก! ปึก!
เสียงฝีเท้าพลันหยุดลง พวกเขาตกอยู่ในความหวาดผวาที่มากกว่าเก่าเมื่อเห็นว่าหัวหน้าทหารได้ทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม…
ตำหนักกว่านจวิน
เมืองใหญ่แห่งนี้ควบคุมเมืองอีกสิบสองเมือง และผู้ที่จะถูกเรียกว่านายน้อยได้นั้นย่อมต้องมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับ ‘ท่านผู้นั้น’…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เหงื่อเย็นเยียบก็ไหลโชก เพียงแค่อีกก้าวเดียวพวกเขาก็จะเข้าสู่นรกแล้ว