Skip to content

King of Gods 921

King Of Gods

บทที่ 921 ปรมาจารย์นักฝึกสัตว์

“เช่นนั้นก็ให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกช่วงหนึ่ง รอให้ข้าขึ้นเป็นรัชทายาท ถึงตอนนั้นจะเป็นเวลาตายของมัน!”

องค์ชายสิบสามแววตาเหี้ยมโหดเย็นชา

เมื่อศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทจบลง จ้าวเฟิงที่ไม่ใช่คนในราชวงศ์และไม่มีตำแหน่งศักดินา ย่อมไม่อาจอยู่ในวังต่อไปได้ ถึงตอนนั้น การจะฆ่าเขาทิ้งก็ง่ายเพียงพลิกฝ่ามือ

ชายท่าทางทรงอำนาจได้ยินเช่นนี้ก็แอบส่ายหน้า นั่งลงอีกครั้ง

โจวเฉินยังเด็กนัก ยังขาดประสบการณ์ หากจ้าวเฟิงตายเสียตอนนี้ เรื่องของจ้าวหยูเฟยก็จัดการง่ายขึ้นเยอะ

ในยามนั้น เพียงแค่ประกาศเรื่องการหมั้นหมายออกไป อำนาจอิทธิพลขององค์ชายสิบสามก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก!

ก่อนศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทจะเริ่มยังเหลือเวลาอีกปีกว่าๆ หวังว่าในช่วงระยะเวลานี้ ตระกูลตวนมู่จะสามารถรั้งจ้าวหยูเฟยเอาไว้ได้ ห้ามไม่ให้จ้าวหยูเฟยพบกับจ้าวเฟิงเป็นอันขาด ทางที่ดีที่สุดคือแม้แต่ข่าวคราวของจ้าวเฟิงก็อย่าให้นางได้รับรู้

“เฉินเอ๋อร์ คนที่เจ้าชักชวนมาเป็นอย่างไรบ้าง?”

ชายท่าทางทรงอำนาจซักถาม สำหรับเฉินเอ๋อร์ เขายังไม่ค่อยวางใจ ดังนั้นจึงต้องมาหาเพื่อวางแผนการให้บ่อยๆ

“ตอนนี้ครบแล้ว แต่หากมีคนที่ดีกว่าก็สามารถสับเปลี่ยนได้!”

องค์ชายสิบสามมั่นใจอย่างมาก สำหรับเรื่องเรื่องศึกชิงตำแหน่งรัชทายาท เรื่องส่วนมากล้วนแต่เป็นพระมารดาหรือท่านลุงคอยช่วยเขาจัดการ

แต่เรื่องการสรรหากำลังคน เขามีส่วนมากที่สุด และมีผลประโยชน์นอกเหนือจากที่วางแผนไว้ ดังนั้นจึงแอบได้ใจ ถึงเวลานั้นเขาจะทำให้ทั้งพระมารดาและท่านลุงต้องตกตะลึง

“เช่นนั้นก็ดี!”

ชายผู้ทรงอำนาจวางใจได้เล็กน้อย เรื่องการตัดสินพลังว่าแข็งแกร่งหรืออ่อนแอที่ง่ายเพียงนี้ โจวเฉินไม่น่าจะทำพลาดได้ อีกทั้งก่อนที่ศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทจะเริ่มขึ้น ก็จะมีศึกชิงตำแหน่งผู้ติดตามด้วย เช่นว่า หากอิทธิพลในกลุ่มฝักฝ่ายองค์ชายสิบสามมีคนที่ไม่ยอมจำนน อยากจะชิงตำแหน่งนักฝึกสัตว์ ก็สามารถท้าทายนักฝึกสัตว์ที่อยู่ในรายชื่อคนนั้น หากชนะก็แทนที่ได้ ศึกชิงตำแหน่งผู้ติดตามเพิ่งจะเกิดขึ้นในศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทก่อนหน้านี้สามสี่รุ่น

จุดประสงค์ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้องค์ชายคิดเองตัดสินใจเอง และให้กลุ่มอำนาจที่สนับสนุนองค์ชายคนนั้นๆ มีสิทธิ์เข้าไปในสุสานราชวงศ์ นอกจากนั้นยังทำให้องค์ชายได้คนที่มีความสามารถยิ่งขึ้นไปอีก

ในมนตราอากาศ จ้าวเฟิงแบ่งความคิดออกมาอีกส่วนเพื่อสร้างเขตแดนวายุอัสนี

ตั้งแต่ถือกำเนิดใหม่ เวลาของจ้าวเฟิงกระชั้นนัก ระหว่างนั้นใช้พรสวรรค์ด้านวิญญาณสร้างได้เพียงเขตแดนเมืองมายาอย่างรีบเร่ง

“ถึงเวลาสร้างโลกมิติส่วนตัวแล้ว!”

จ้าวเฟิงพึมพำเบาๆ

ระดับพลังของเขาในตอนนี้อยู่ในขอบเขตปราณเทวะช่วงปลาย ห่างจากจักรพรรดิปราณเทวะอีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสร้างมิติส่วนตัวไม่ได้

ความสามารถในการเรียนรู้และการรับรู้ของจ้าวเฟิงเกินหน้าผู้อื่นไปหนึ่งขึ้น ในยามที่สร้างเขตแดนก็นำผู้อื่นไปหนึ่งก้าวเช่นกัน

การสร้างโลกมิติส่วนตัวนำไปก่อนผู้อื่นหนึ่งก้าว ไยจึงจะทำไม่ได้ อีกทั้งจ้าวเฟิงมีประสบการณ์การฝึกบำเพ็ญตนถึงสองครั้ง ความลึกซึ้งเรื่องกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติย่อมเหนือราชันระดับสุดยอดไปมาก นอกจากนั้น จ้าวเฟิงยังรู้สึกอีกว่าพลังที่การแปรสภาพของดวงตาซ้ายนำมาให้ จะสามารถเป็นตัวช่วยอย่างมากในการสร้างโลกมิติส่วนตัว

ดังนั้น จะต้องสร้างของเขตแดนอัสนีวายุออกมาเสียก่อน จึงจะตัดสินได้ว่าตนควรเลือกเขตแดนใดมาสร้างโลกมิติส่วนตัว

สามเดือนหลังจากนั้น จ้าวเฟิงออกจากปิดด่านมายังตำหนักขององค์ชายเก้า

“พ่อบ้านฉี ส่งคนไปนำวัตถุดิบยาบางตัวจากหอโอสถเซียนแห่งเมืองฉางหงมาให้ข้าได้หรือไม่?”

จ้าวเฟิงมาหาพ่อบ้านฉี

“ไม่มีปัญหา!”

พ่อบ้านฉีตะลึงงัน สามเดือนนี้เขาเกือบลืมไปแล้วว่าที่นี่มีเด็กหนุ่มผมทองอาศัยอยู่ด้วย

“ไปหาเจ้าหอโอสถเซียนได้เลย บอกนางว่าจ้าวเฟิงต้องการของธาตุไฟที่ล้ำค่าที่สุด เท่านี้พอ”

ของล้ำค่าธาตุไฟในมือของจ้าวเฟิง นอกจากรังผึ้งอัคคีเทียนหงแล้ว ที่เหลือก็ถูกใช้จนเกลี้ยง

รังผึ้งอัคคีเทียนหงยังกำจัดพิษไม่หมด แต่เดินทางไปกลับหอโอสถเซียนสักรอบ บางทีอาจจะต้องใช้เวลาถึงสองเดือน

พ่อบ้านฉีตกตะลึงทันที ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ได้ขอรับ ไม่คิดเลยว่าคุณชายจ้าวกับเจ้าหอโอสถเซียนจะคุ้นเคยกันดีถึงเพียงนี้”

เจ้าหอโอสถเซียนโจวซู่เอ๋อร์คือองค์หญิงแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน เรื่องนี้เหล่าเชื้อพระวงศ์ไม่มีใครไม่รู้

ตัวของโจวซู่เอ๋อร์เองยิ่งมีความสามารถอย่างหาตัวจับยาก ความสามารถด้านการแพทย์ของนาง แม้แต่ปรมาจารย์ศาสตร์การแพทย์ที่สำนักแพทย์หลวงยังต้องชื่นชม แต่สิ่งที่ทำให้พ่อบ้านฉีตกใจจริงๆ ก็คือฐานะของเด็กหนุ่มคนนี้

ที่แท้คือจ้าวเฟิง มารคู่ผมม่วงที่ก่อวีรกรรมจนโด่งดังไปทั่วในมิติเทพลวงตา

จ้าวเฟิงมีชื่อเสียงด้านสายเลือดและวิชาดวงตาที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าเขามีชื่อในเรื่องการฝึกสัตว์ด้วย

ในเวลานี้ ด้านนอกตำหนักมีเสียงของผู้ชายลอยมา

“ข้าน้อยเหลียงซัง ปรมาจารย์ฝึกสัตว์แห่งเมืองธารสวรรค์ ขอเข้าพบองค์ชายเก้า!”

พ่อบ้านฉีรีบเดินออกไป จากนั้นพูดว่า “ท่านอาจารย์เหลียง วันนี้องค์ชายไม่อยู่ขอรับ!”

“เช่นนั้นก็ดี เจ้าช่วยบอกองค์ชายเก้าให้ข้าที หลังจากข้าคิดทบทวนดูแล้ว ขอเพียงองค์ชายเก้าสามารถนำสัตว์วิเศษขั้นราชันระดับสุดยอดมาให้ข้าได้สามตัว เหลียงซังก็จะยอมช่วยองค์ชายเก้า!”

สีหน้าของเหลียงซังหยิ่งทะนง แสดงทีท่าว่ายอมอ่อนข้อให้แล้ว

สัตว์วิเศษไม่เหมือนกับสัตว์ปีศาจทั่วไป

สัตว์วิเศษหายากเหนือสิ่งอื่นใด การจะฝึกให้เชื่องนั้นยากยิ่งกว่า อีกทั้งเวลาในการเติบโตและความสามารถ ล้วนไม่ใช่สิ่งที่สัตว์ปีศาจธรรมดาจะไล่ตามได้ทัน

“ขอประทานโทษด้วยท่านอาจารย์เหลียง แต่องค์ชายรับสั่งเอาไว้ ในตอนนี้ไม่ขาดนักฝึกสัตว์แล้ว!”

พ่อบ้านฉีมองไปยังในตำหนัก ยิ้มบางๆ พร้อมเอ่ยขึ้น

“อะไรนะ?” เหลียงซังตกตะลึงโดยพลัน

ในยามนี้กลุ่มอิทธิพลส่วนมากจัดกองกำลังเอาไว้เรียบร้อย แต่นักฝึกสัตว์เดิมทีก็หาได้ยากอยู่แล้ว เขาปฏิเสธองค์ชายเก้า ก็เพราะอยากจะรีดเอาเงินจากเชื้อพระวงศ์สักก้อน แต่หลายเดือนผ่านไป ข่าวคราวจากองค์ชายเก้ากลับเงียบหาย เขาจึงต้องมาด้วยตนเอง และลดเงื่อนไขของตัวเองลง คิดไม่ถึงว่าองค์ชายเก้าจะหานักฝึกสัตว์ได้แล้ว

เหลียงซังไม่อาจรับได้ หากรู้เช่นนี้ เขาก็ควรตกลงไปตั้งแต่ตอนแรกเสีย

ผู้อาวุโสข้างเหลียงซังเปิดปากเอ่ยถามขึ้น “ไม่ทราบว่าองค์ชายเก้าชักชวนปรมาจารย์นักฝึกสัตว์คนใดมา?”

เหลียงซังอาศัยอยู่ที่เมืองธารสวรรค์ ส่วนผู้อาวุโสข้างกายคือเจ้าเมืองธารสวรรค์ ถือบรรดาศักดิ์ป๋อ

เมืองธารสวรรค์ในยามนี้ยังไม่ได้เลือกข้างสนับสนุนองค์ชายคนใด สาเหตุเป็นเพราะเหลียงซัง มีเพียงเหลียงซังตกลงใจเป็นคนขององค์ชายคนไหน เมืองธารสวรรค์จึงค่อยเลือกข้างตาม เช่นนี้ประโยชน์ที่ได้รับจึงจะเพิ่มมากขึ้น

แววตาของเหลียงซังเป็นประกายวูบวาบ หากรู้ชื่อของนักฝึกสัตว์คนนี้ก็จะวางแผนรับมือได้ รอจนถึงศึกชิงตำแหน่งผู้ติดตาม ค่อยแย่งตำแหน่งกลับมาก็ได้แล้ว

และในยามนี้ จ้าวเฟิงก็เดินออกมาจากด้านในตำหนักพอดี

พ่อบ้านชราไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เหลือบมองมาทางจ้าวเฟิง

“ข้าคือปรมาจารย์นักฝึกสัตว์คนนั้น!” จ้าวเฟิงเอ่ยออกมาโดยไม่อ้อมค้อม

สำหรับเรื่องศึกชิงตำแหน่งผู้ติดตาม จ้าวเฟิงก็พอจะรู้มาบ้าง

ยามนี้องค์ชายเก้ายังไม่ได้แบ่งหน้าที่ใดให้จ้าวเฟิง แต่จ้าวเฟิงรู้สึกว่าฐานะนักฝึกสัตว์ก็ไม่เลว

เมื่อถึงศึกชิงตำแหน่งผู้ติดตาม ในตอนนั้นน่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาแล้ว

เช่นนี้จึงจะสามารถหลีกเลี่ยงการเปิดเผยพลังที่แท้จริง อีกทั้งยังสังเกตสถานการณ์ได้ก่อนอีกด้วย

“ขอถามนามของท่าน!”

ในใจของเหลียงซังตื่นตกใจ หากแต่ไม่แสดงให้เห็นทางสีหน้า

ปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ที่อายุน้อยเช่นนี้ ผมทองตาทองเช่นนี้ เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

“จ้าวเฟิง!”

เหลียงซังตะลึงงัน ก่อนจะแค่นยิ้มเย็น “จ้าวเฟิง?”

ผู้อาวุโสเมืองธารสวรรค์ที่อยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ผู้เยาว์ ปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ ไม่ใช่ว่าตัวเองพูดว่าเป็นแล้วก็จะเป็นได้!”

เหลียงซังยืดอกขึ้นทันใด ทำท่าราวกับกำลังสั่งสอนเด็ก

ข่าวลือของจ้าวเฟิง ไม่มีใครไม่รู้ สิ่งที่ลือกันหนักที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องสายเลือดดวงตาของเขา ต่อให้สายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงจะค่อนข้างหนักไปทางวิญญาณ สามารถส่งผลกระทบต่อสัตว์ปีศาจได้ แต่ส่งผลกระทบกับฝึกให้เชื่อง มันต่างกันอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งจ้าวเฟิงอายุน้อยถึงเพียงนี้ จะมีประสบการณ์ในการฝึกสัตว์สักเท่าใดกันเชียว?

ผู้เยาว์สมัยนี้สำคัญตัวเองเกินไปแล้ว

“ไม่อย่างนั้น เราก็ใช้สัตว์อสูรวิเศษของตัวเองมาต่อสู้กันสักครั้ง หากเจ้าไม่เคยเอาชนะปรมาจารย์ฝึกสัตว์ได้ ทางที่ดีอย่าเรียกตัวเองว่าปรมาจารย์นักฝึกสัตว์เลยจะดีกว่า”

ในใจของเหลียงซังฮึกเหิม ใช้ชื่อของปรมาจารย์นักฝึกสัตว์มายั่วยุจ้าวเฟิง

ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ฝึกสัตว์ หากแต่ชื่อเสียงไม่อาจเทียบเคียงจ้าวเฟิงได้เลย

ยามนี้คือโอกาสอันยอดเยี่ยม ใช้ขอบเขตความสามารถที่ตนเองเชี่ยวชาญที่สุดโจมตีอีกฝ่าย ได้ทั้งตำแหน่งผู้ติดตามและชื่อเสียงในเวลาเดียวกัน

“ก็ได้ เช่นนั้นเจ้ามอบชื่อปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ให้ข้าก็แล้วกัน!”

มุมปากของจ้าวเฟิงยกขึ้นปรากฏเป็นรอยยิ้ม

แสดงฝีมือในตอนนี้สักเล็กน้อย ใช้ประโยชน์จากปรมาจารย์นักฝึกสัตว์จากเมืองธารสวรรค์คนนี้มาประกาศชื่อเสียงของตน เมื่อถึงศึกชิงตำแหน่งผู้ติดตามก็สบายแล้ว

“ได้ หากข้าชนะ ตำแหน่งผู้ติดตามของเจ้าก็มอบให้ข้าเสีย!”

ในใจของเหลียงซังลิงโลด คนหนุ่มมักบุ่มบ่ามเช่นนี้

เมื่อทั้งสองตกลงกันเรียบร้อย ก็มุ่งหน้าไปยังลานฝึกวิชาของวังหลวง

เจ้าเมืองธารสวรรค์และพ่อบ้านฉีก็รีบเดินตามไป

ในวังหลวงห้ามโบยบินและต่อสู้กันเด็ดขาด ยกเว้นที่ลานฝึกวิชา ระหว่างลูกหลานเชื้อพระวงศ์ หากคิดอยากวัดฝีมือกันและกันก็ล้วนมาที่ลานฝึกแห่งนี้

แม้กระทั่งพวกทหารองครักษ์หรือข้ารับใช้บางคนในวังที่มีความแค้นต่อกัน ก็จะมาใช้ลานฝึกแห่งนี้วัดให้รู้ดำรู้แดงกันไป

เวลาผ่านไปนาน รอบทิศของลานฝึกวิชาจะถูกรายล้อมด้วยคนในราชสำนัก องครักษ์ และข้ารับใช้ว่างงานที่มาคอยชมความสนุกครื้นเครงจากลานแห่งนี้

ในยามนี้ ที่ลานฝึกวิชามีองครักษ์สองคนกำลังประลองกันอยู่ ทั้งสองล้วนเป็นยอดผู้สูงศักดิ์ช่วงสุดยอด

ผู้ที่ใส่เกราะเงิน ในมือถือกระบี่ยาว ตัวกระบี่มีประกายเพลิงรายล้อม ยามที่ร่ายรำ อานุภาพยิ่งใหญ่จะก่อเกิดเป็นคลื่นความร้อนมหาศาล ทำให้อุณหภูมิทั้งลานฝึกเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ส่วนองครักษ์อีกคนในชุดเกราะทอง ทั่วทั้งร่างห่อหุ้มด้วยเกราะวายุ หมัดทั้งสองทรงพลัง ท่าทางการโจมตีเด็ดขาดแม่นยำ ฝีเท้ามั่นคง

“จ้าวเฟิง รออีกสักครู่ก็แล้วกัน องครักษ์เกราะทองผู้นี้ อีกเดี๋ยวก็ได้รับชัยชนะแล้ว”

เหลียงซังอมยิ้มเอ่ย

“เขาใกล้แพ้แล้ว!”

จ้าวเฟิงส่ายหัวเล็กน้อย

ชายชุดเกราะเงินดูไปแล้วเหมือนสู้ไม่ได้ แต่การโจมตีทุกครั้งของเขาสิ้นเปลืองปราณที่แท้จริงในปริมาณมาก แผ่กระจายไอความร้อนออกมาเยอะ คงเป็นเพราะเตรียมการอะไรเอาไว้เป็นแน่

จ้าวเฟิงยังสังเกตเห็นอีกว่า ปราณที่แท้จริงในกายของชายเกราะเงินโคจรค่อนข้างผิดปกติ แต่ชายชุดเกราะทองกลับไม่สังเกตเห็น จะต้องแพ้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ในชั่วเวลาถัดมา ทั่วทั้งร่างของชายชุดเงินแผ่เปลวเพลิงสีเเดงร้อนแรงออกมา แล้วยกกระบี่ยาวในมือขึ้นสูง พลังดึงดูดพลันปะทุขึ้น คลื่นอุณหภูมิร้อนจัดในลานฝึกรวมตัวพุ่งไปยังคู่ต่อสู้ทันใด กระบี่ยาวเล่มนี้พลันปะทุพลานุภาพที่มากเกินระดับออกไป ตัวกระบี่สีแดงชาด แสงจากเปลวเพลิงพุ่งสู่ฟ้า

บึ้ม! เกราะวายุทั่วร่างของชายเกราะทองถูกทำลาย ร่างกายกระเด็นลอยไป ที่หน้าอกมีร่องรอยไหม้ดำหลงเหลือเอาไว้

“เยี่ยม สุดยอด!”

“เฉินชวนเป็นผู้ชนะ ได้ตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์หน่วยที่สาม!”

“ฮ่าๆ ข้าได้เกราะทองแล้ว!” องครักษ์เกราะเงินเฉินชวนผู้ได้รับชัยชนะ เงยหน้าหัวเราะอย่างสบายใจ

ใบหน้าของเหลียงซังแดงขึ้นเล็กน้อย รู้สึกกระอักกระอ่วนนิดๆ จึงรีบเดินเข้าไปในลานฝึกวิชาทันที จ้าวเฟิงก็รีบก้าวเท้าตามไป

“ข้าน้อยปรมาจารย์นักฝึกสัตว์แห่งเมืองธารสวรรค์ เหลียงซัง!”

เมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนที่ล้อมวงดูมากมาย เหลียงซังแนะนำตัวก่อนเป็นอันดับแรก

“นักฝึกสัตว์?”

“การประลองรอบนี้ต้องยอดเยี่ยมแน่ๆ!”

“จนถึงตอนนี้ลานประลองแห่งนี้ไม่เคยมีการประลองของนักฝึกสัตว์มาก่อน!”

เหล่าผู้ชมสนใจนักฝึกสัตว์กันเป็นอย่างมาก

“ผู้ที่อยู่ตรงหน้าข้าคือคนขององค์ชายเก้า อัจฉริยะรายชื่อจักรพรรดิผู้ที่ได้ตำแหน่งนักฝึกสัตว์ในศึกชิงตำแหน่งรัชทายาท จ้าวเฟิง!”

ใบหน้าของเหลียงซังประดับรอยยิ้มบาง แนะนำทั้งชื่อและฐานะของเจ้าเฟิงออกมาในทีเดียว

“จ้าวเฟิง? คงไม่ใช่จ้าวเฟิงในมิติเทพลวงตาคนนั้นหรอกใช่ไหม?”

“จ้าวเฟิงมารคู่ผมม่วงคนนั้น?”

“ที่แท้จ้าวเฟิงถูกองค์ชายเก้าชักชวนมาแล้ว!”

“สวรรค์ คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงยังเป็นนักฝึกสัตว์ด้วย!”

ทันใดนั้น ผู้คนที่ห้อมล้อมอยู่ส่งเสียงตื่นเต้นแปลกใจกันยกใหญ่

เหลียงซังแค่นเสียงเย็น แอบคิดในใจว่า ‘รอให้ข้าโจมตีเจ้าจนแพ้ราบคาบเสียก่อน แล้วชื่อเสียงพวกนี้จะเป็นของข้า!’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!