บทที่ 935 หยกมังกรคุ้มกัน
เมื่อยืนยันตำแหน่งที่ตนเองอยู่ สอดส่ายมองอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นทั่วบริเวณ จ้าวเฟิงก็ร่อนลงมา
“ตำแหน่งพวกเราในตอนนี้คือสุดขอบสุสานราชวงศ์ อันตรายค่อนข้างต่ำ พื้นที่มรดกที่อยู่ใกล้ที่สุดก็คือ ‘เซียนเทียนฮ่าว’ ”
จ้าวเฟิงสรุปข้อมูลของแผนที่ในหัว ประเมินออกมาอย่างแม่นยำ ตามหลักเหตุผลแล้ว ยิ่งมรดกอยู่ใกล้สุดชายขอบเท่าไหร่ ระดับขั้นก็จะต่ำเล็กน้อยเช่นกัน แต่เป้าหมายของเขาไม่ใช่มรดกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีพลังชะตามังกรด้วย
ในพื้นที่มรดก มีพลังชะตามังกรของเซียนในราชวงศ์ ถ้าหากยึดครองมรดกได้หมดสิ้นแล้ว ก็จะได้พลังชะตามังกรทั้งหมดของผู้สร้างมรดกด้วย แต่จ้าวเฟิงให้ความสำคัญกับทรัพย์สมบัติและของที่ฝังลงหลุมศพของยอดฝีมือในราชวงศ์มากกว่า
“ไปเถอะ ไปที่พื้นที่มรดกของ ‘เซียนเทียนฮ่าว’ ก่อน”
พูดจบ จ้าวเฟิงก็ยิ่งสาวเท้าเร็วเดินไปข้างหน้า
โจวซู่เอ๋อร์ยังต้องย้อนระลึกถึงแผนที่ในหัว ตามหา ‘มรดกเทียนฮ่าว’
“เอ๊ะ เจ้ารอข้าด้วยสิ!” ในวันนี้โจวซู่เอ๋อร์นับว่าเสียใจภายหลังอยู่บ้าง
จ้าวเฟิงโบยบินนำหน้าไปอย่างไร้ปัญหาใด แต่นางกลับรู้สึกว่าตนเองเหมือนอยู่ในกระแสลมที่บ้าคลั่ง หมุนย้อนขึ้นมา กลิ่นอายดั้งเดิมโบราณรอบด้านปะทะเข้าที่ร่างนางไม่หยุดหย่อน ตามหลังจ้าวเฟิงไม่ทันแม้แต่น้อย!
จ้าวเฟิงได้ยินจึงหันกลับไปมอง
โจวซู่เอ๋อร์เป็นถึงองค์หญิงเชื้อพระวงศ์ หนทางในการฝึกตนย่อมต้องไม่เคยลำบากมาก่อน จึงทำให้รากฐานอ่อนแอ และบวกกับฐานะที่นางเป็นแพทย์ ด้วยเหตุนี้ร่างกายจึงอ่อนแอกว่าจักรพรรดิทั่วไปมาก
จ้าวเฟิงโบกมือขวา เรียกงูลายดำตัวยักษ์ออกมา
นี่คือสิ่งที่จ้าวเฟิงเตรียมไว้ก่อนนี้ เอาสิ่งมีชีวิตทั้งสองตัวจากห้วงฝันบรรพกาลใส่เข้าไปภายในในมนตราอากาศ
“นั่งบนนั้น!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ
สีหน้าของโจวซู่เอ๋อร์หวาดหวั่น งูลายตัวยักษ์ตัวนี้ ถึงแม้ว่าจะระดับพลังจะอยู่แค่ขั้นราชันระดับสูงเท่านั้น แต่กลิ่นอายอำมหิตที่แผ่ออกมาทั่วร่าง แม้กระทั่งเขายังหวาดกลัวอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าเจ้างูยักษ์ตัวนี้จะดุร้ายจนเกินไป
โจวซู่เอ๋อร์ก็ทำได้เพียงนั่งลงบนตัวมัน
ในวินาทีที่นั่งอยู่บนตัวของงูลายตัวยักษ์ โจวซู่เอ๋อร์พลันรู้สึกได้ว่าแรงกดดันของมิติที่อยู่รอบบริเวณลดลงไปหลายส่วนทันที จนอดรู้สึกแปลกใจอย่างยิ่งไม่ได้
งูลายตัวยักษ์รวดเร็วมาก ตลอดทางโจวซู่เอ๋อร์รู้สึกผ่อนคลายนัก ดูไปแล้วจับคู่กับนักฝึกสัตว์ก็ถือว่าไม่เลว
“จ้าวเฟิง เจ้ายังมีพาหนะอื่นหรือไม่ เปลี่ยนให้ข้าอีกตัวที!”
โจวซู่เอ๋อร์เริ่มได้คืบจะเอาศอก
ความเร็วของงูลายตัวยักษ์ในที่แห่งนี้สูงมาก เร็วกว่าจ้าวเฟิงที่โผทะยานอยู่หลายส่วน
คนทั้งสองเข้าไปในเขตป่าไม้ที่กว้างใหญ่ไพศาลอย่างรวดเร็ว
จ้าวเฟิงค้นพบว่า ต้นไม้จำนวนมากของที่นี่มีไม้ผลธรรมดา
เมื่อเด็ดผลไม้ออกมาสุ่มๆ จากการมองผ่านของดวงตาซ้าย จ้าวเฟิงก็พบว่าผลลัพธ์ของผลไม้พวกนี้ด้อยกว่าผลไม้ในห้วงฝันอย่างมาก
ผลลัพธ์ของมันน่าจะมีประมาณหนึ่งในร้อยของผลไม้ห้วงฝันเท่านั้น
“มา กินสักหน่อย!”
จ้าวเฟิงโยนผลไม้หลายลูกให้โจวซู่เอ๋อร์
ถึงแม้ว่าผลลัพธ์ของผลไม้จะไม่เลว กลิ่นอายบรรพกาลที่แฝงอยู่น้อยนิดนัก ถึงขั้นปนเปื้อนไม่บริสุทธิ์ แต่ยังพอจะเพิ่มแรงต้านทานส่วนหนึ่งให้กับโจวซู่เอ๋อร์ได้
ทว่าในเวลานี้เอง ตราหยกบนร่างของโจวซู่เอ๋อร์ เห็นได้ชัดว่าส่องแสงสว่างเรืองรอง
น่าจะดูดซึม ‘พลังชะตามังกร’ ในอากาศระหว่างทาง
“จ้าวเฟิง แผนการเดินทางของพวกเราเปลี่ยนไปเล็กน้อยใช่หรือไม่?”
โจวซู่เอ๋อร์ไม่ใช่คนที่ไม่คิดอะไร เอ่ยถามในทันที
“ถูกต้อง ออกนอกเส้นทางเล็กน้อย!”
จ้าวเฟิงไม่ปฏิเสธ
“เพราะอะไร?”
โจวซู่เอ๋อร์สับสน ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงต้องออกนอกจุดหมายปลายทาง
“ไปปล้นของ!” จ้าวเฟิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
ชั่วพริบตา เงาสามร่างกระโจนมาจากด้านข้าง เผชิญหน้ากับจ้าวเฟิงและโจวซู่เอ๋อร์
จ้าวเฟิงระบายยิ้มเล็กน้อย โจวซู่เอ๋อร์กลับชะงักงัน
ตอนแรกสามคนนี้ยังระแวดระวัง แต่หลังจากที่มองเห็นโจวซู่เอ๋อร์และจ้าวเฟิงก็ทอดถอนใจโล่งอก
“ที่แท้ก็เป็นสมาชิกขององค์ชายเก้า!”
ชายวัยกลางคนชุดเหลือง สีหน้าที่ตึงเครียดผ่อนคลายลง
องค์ชายหกที่พวกเขาสนับสนุนอยู่ในลำดับที่แปด ไม่ต่างอะไรกับองค์ชายเก้ามากนัก
พวกเขาเพียงค่อนข้างหวาดกลัวสมาชิกของเหล่าองค์ชายห้าลำดับแรก
“นี่ไม่ใช่จ้าวเฟิงที่เป็นปรมาจารย์นักฝึกสัตว์และแพทย์ในกลุ่มพวกเจ้ารึ? เหตุใดองค์ชายเก้าปล่อยให้พวกเจ้าอยู่ด้วยกัน?”
อัจฉริยะที่อายุไม่มากนักในนั้นเดินมาหน้าจ้าวเฟิงและโจวซู่เอ๋อร์ สีหน้าลำพองใจ ในแววตาเผยแววละโมบออกมา
องค์ชายหกไม่มีเจตนาจะแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท ด้วยเหตุนี้สมาชิกจึงเป็นสายต่อสู้ เข้ามาภายในสุสานราชวงศ์ก็เพื่อค้นหาโอกาสและมรดกต่างๆ
พวกเขาทั้งสามเป็นยอดฝีมือที่ชำนาญการต่อสู้
บุรุษชุดเหลืองคนนั้นได้ยินคำพูดของเพื่อนร่วมทาง ก็เข้าใจในความหมายของเขาทันใด
“มอบทรัพยากรสมบัติล้ำค่าส่วนหนึ่งกับ ‘พลังชะตามังกร’ ในหยกมังกรคุ้มกัน มา พวกเจ้าถึงจะผ่านไปได้!”
บุรุษชุดเหลืองตะเบ็งเสียง
ในบรรดาสามคน ผู้เฒ่าชุดดำคนหนึ่งรีบส่งเสียงให้สหายร่วมทาง
“จ้าวเฟิงผู้นี้ไม่ใช่จะรับมือได้ง่ายๆ อีกทั้งโจวซู่เอ๋อร์ยังเคยเป็นองค์หญิงของราชวงศ์ พวกเราไป ‘มรดกเทียนฮ่าว’ กันเถอะ!”
ผู้เฒ่าชุดดำเข้ามาในสุสานราชวงศ์ค่อนข้างช้า จึงเห็นการต่อสู้ระหว่างจ้าวเฟิงและชายชุดดำ ในใจจึงหวั่นเกรงจ้าวเฟิงอยู่ในที
แต่ว่าชายวัยกลางคนชุดเหลืองและชายหนุ่มอีกคนหนึ่งกลับเผยรอยยิ้มเยาะ
ต่อให้จ้าวเฟิงแข็งแกร่งกว่านี้ ก็เป็นเพียงแค่นักฝึกสัตว์คนหนึ่ง ส่วนโจวซู่เอ๋อร์ก็เป็นปรมาจารย์ศาสตร์การรักษา กำลังรบแทบจะเมินเฉยไปได้
อีกทั้งพวกเขาแค่ ‘ขู่กรรโชก’ ไม่ได้ทำอย่างอื่นอีก ไม่ต้องหวาดกลัวปูมหลังฐานะของโจวซู่เอ๋อร์
โจวซู่เอ๋อร์เหลือบมองจ้าวเฟิง ในแววตามีแววกล่าวโทษ รู้อยู่แก่ใจว่ามีอันตราย ยังจะมาที่นี่อีก! อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามทั้งสามคน ถึงแม้ว่าจะอยู่ในขั้นจักรพรรดิ พลังที่แท้จริงน่าจะอยู่ในขั้นจักรพรรดิไร้เทียมทานเป็นอย่างน้อย
จักรพรรดิเพียงคนเดียวอย่างเจ้า คิดจะเอาชนะจักรพรรดิสามคน?
แต่เมื่อนึกได้ว่าจ้าวเฟิงอาจจะเอาสัตว์วิเศษออกมาต่อสู้ โจวซู่เอ๋อร์ก็พอใจชื้นขึ้นมา
“เหอะๆ พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้วกระมัง ข้าสิถึงจะเป็นคนปล้นชิง มอบทรัพยากรทั้งหมดของพวกเจ้ามา รวมถึง ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ด้วย!”
จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงเย็น
เมื่อได้ฟัง ‘วาจาโอหัง’ ของจ้าวเฟิง อัจฉริยะหนุ่มและบุรุษชุดเหลืองตรงหน้าอึ้งงัน
จากนั้นจึงระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
“ฮ่าๆๆ!” เป็นเพียงแค่นักฝึกสัตว์คนหนึ่ง กลับกล้าเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา!
ปล้นชิงพวกเขาสามคน?
พวกเขาเคยได้ยินมาว่าจ้าวเฟิงมีสัตว์อสูรวิเศษที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
แต่ขอแค่หลีกเลี่ยงสัตว์อสูรวิเศษ และควบคุมตัวผู้เป็นนายไว้ จะมีอันตรายคุกคามอะไรได้อีก?
ผู้เฒ่าชุดดำชะงักไป แววตาออกจะร้อนรน
“ในเมื่อไม่ยอมเอาสมบัติล้ำค่าออกมา เช่นนั้นพวกเจ้าก็มีแต่ต้องเสียโอกาสรักษาชีวิตรอดเพียงหนึ่งเดียวใน ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ แล้ว!”
อัจฉริยะหนุ่มแค่นเสียงเย็น รู้สึกไม่ยินดีเท่าไหร่นัก!
ใน ’หยกมังกรคุ้มกัน’ ทุกชิ้นมีค่ายกลแอบซ่อนอยู่ สามารถช่วยเหลือสมาชิกให้รอดพ้นอันตรายครั้งหนึ่งได้
หลังจากใช้แล้ว จะส่งไปถึงข้างกายองค์ชายของตนเองได้ทันที
สามารถพูดได้ว่า หลังจากที่จ้าวเฟิงเปิดค่ายกลใน ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ก็จะถูกส่งกลับไปข้างกายขององค์ชายเก้า ด้วยเหตุนี้ อัตราการตายในสุสานราชวงศ์จึงค่อนข้างต่ำ ต่อให้มีสมาชิกตกอยู่อันตรายหรืออยู่ในมรดก ก็สามารถใช้วิธีการนี้เคลื่อนย้ายไปข้างกายองค์ชายได้ แต่มันใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น!
“ลงมือได้!”
แววตาของชายชุดเหลืองเย็นชา ปรากฏดาบยาวเล่มหนึ่งในมือ บนดาบเลี่ยมลวดลายมังกรทอง พลานุภาพแกร่งกล้า!
ถึงแม้พวกเขาไม่ยอมมอบสิ่งของให้ เช่นนั้นก็จะบีบบังคับให้ใช้ค่ายกลรักษาชีวิตใน ‘หยกมังกรคุ้มกัน’
อัจฉริยะหนุ่มโคจรปราณที่แท้จริงทันที
ผู้เฒ่าชุดดำจนปัญญา จึงทำได้เพียงลงมือ หวังว่าพวกเขาสามคนร่วมมือกันแล้วจะสามารถโจมตีจนจ้าวเฟิงถอยร่นไป
จักรพรรดิสามคนระเบิดพลังทั้งหมด แต่พลานุภาพในฟ้าดินที่เกิดขึ้นมีระยะแค่ร้อยจั้งเท่านั้น คลื่นปราณที่แท้จริงก็อ่อนแออย่างยิ่ง
พลังของคนทั้งหมดแบกรับแรงกดดันมหาศาลของสุสานราชวงศ์ ในช่วงต้นๆ สามารถสำแดงกำลังรบเพียงหนึ่งในยี่สิบส่วน
“เขตแดนเมืองมายา!”
จ้าวเฟิงปล่อยหมัดออกมา จักรพรรดิสามคนใจสั่นเทา ตกอยู่ท่ามกลางเมืองเขาวงกตเก่าแก่ที่ปกคลุมไปด้วยหมอกควันเลือนราง ประสาทสัมผัสต่างๆ พร่าเลือน จนสูญเสียความสามารถในการควบคุมพลังและร่างกายไปจนหมด
ในเวลาเดียวกัน การโจมตีร่างกายที่แกร่งกล้าของจ้าวเฟิงพลันกระแทกคนทั้งสามจนกระอักเลือด
“โซ่ตรึงวิญญาณ!”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงสั่งสมเจตจำนงดวงตาที่น่าพรั่นพรึง
ดวงวิญญาณของเขาทะลักพลังวิญญาณสีม่วงอ่อนออกมา ก่อนหลอมรวมเข้าไปในดวงตาซ้าย
ชั่วขณะนั้น โซ่สายฟ้าสีม่วงเข้มที่โปร่งแสงดังแก้วผลึก ทะลุผ่านชั้นวิญญาณไปพันรัดร่างของจักรพรรดิทั้งสามเอาไว้
แซ่ด แซ่ด~ เมื่อโดนรัดจากโซ่ตรึงวิญญาณ ดวงวิญญาณของจักรพรรดิทั้งสามไม่อาจจะขยับได้
“อย่า!” ผู้เฒ่าชุดดำหนึ่งในนั้นยังพอมีแรงต้านทาน เตรียมจะสำแดงเคล็ดวิชา
ทันใดนั้น บนโซ่สายฟ้าสีม่วงเข้มเกิดพลังอัสนีเทวะขึ้น จักรพรรดิทั้งสามเปล่งเสียงหวีดร้อง สูญสิ้นสติไปช้าๆ
ตุบ! ทั้งสามคนล้มลงบนพื้นพร้อมกัน!
พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงไปถึงขั้นเซียน จึงแสดงเคล็ดวิชาวิญญาณ หรือกระทั่งสามารถสร้างอาการบาดเจ็บสาหัสต่อเซียนได้
จักรพรรดิทั้งสามคนใช้พลังได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ด้วยโดนกดดันอย่างมหาศาลจากสุสานราชวงศ์
ภายใต้เคล็ดวิชาพลังดวงตาของจ้าวเฟิง พวกเขาจึงไม่มีแรงต้านทานแม้แต่น้อย
โจวซู่เอ๋อร์นั่งอึ้งอยู่บนงูลายตัวยักษ์ เดิมทีคิดว่าจ้าวเฟิงจะปล่อยสัตว์อสูรวิเศษออกมาสู้ แต่คาดคิดไม่ถึงเลยว่า เพียงแค่หนึ่งหมัดง่ายๆ เพียงพริบตาเดียวก็จัดการจักรพรรดิทั้งสามได้
มิน่าตาเฒ่าอิงและองค์ชายเก้าจึงให้จ้าวเฟิงเป็นผู้นำ ที่แท้จ้าวเฟิงไม่ได้เป็นเพียงปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ แต่พลังของเขายังแข็งแกร่งเกินจะคาดเดา และบวกกับการประมือของจ้าวเฟิงและชายชุดดำก่อนเข้ามาในม่านแสง ทำให้โจวซู่เอ๋อร์ยิ่งมั่นใจ
พลังแท้จริงของจ้าวเฟิงอย่างน้อยก็เทียบเท่าได้กับชายชุดดำ
จ้าวเฟิงไม่ได้สังหารพวกเขา เพียงแต่ทำให้จักรพรรดิทั้งสามคนหมดสติไปเท่านั้น
ต่อจากนั้น จ้าวเฟิงก็เริ่มก้าวเข้าไปฉกชิงของภายในมิติเก็บของของพวกเขา
ในเมื่อคนทั้งสามก็เป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของกลุ่มอำนาจใหญ่ สมบัติล้ำค่าบนร่างกายย่อมมีมากเป็นธรรมดา
“เจ้าจะเอา ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ของพวกมันไปทำอะไร?”
โจวซู่เอ๋อร์เห็นจ้าวเฟิงเอา ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ของคนทั้งสามไป จึงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
ค่ายกลเร้นกายบน ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ทำได้เพียงส่งไปถึงข้างกายองค์ชายที่กำหนดเอาไว้ พูดได้ว่า ถ้าหากจ้าวเฟิงกระตุ้นค่ายกลบนหยกแผ่นนี้ จะทำได้เพียงส่งไปหาองค์ชายหก
“แค่ ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ เพียงชิ้นเดียว อาจเก็บ ‘พลังชะตามังกร’ ไม่พอกระมัง!”
จ้าวเฟิงเอ่ยตอบตรงๆ
ปริมาณ ‘พลังชะตามังกร’ ที่เก็บกักเอาไว้ในหยกมังกรคุ้มกันมีขีดจำกัด
แต่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมายาวนาน มีคนจำนวนน้อยนิดที่สะสมจนถึงขีดจำกัดของ ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ เพราะเมื่ออยู่ในมิติบรรพกาล จะใช้ ‘พลังชะตามังกร’ ไม่หยุดไปกับการต้านทานแรงกดดันในมิติ ระหว่างต่อสู้ก็จะยิ่งสิ้นเปลือง ‘พลังชะตามังกร’ มหาศาล ถึงจะสามารถปลดปล่อยกำลังรบที่แข็งแกร่งกว่าเดิมออกมาได้
“อีกอย่าง ปล้นจากองค์ชายหกก็ได้เช่นกัน!”
จ้าวเฟิงครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเอ่ย
ประโยคแรกของจ้าวเฟิง ถึงแม้ว่าออกจะหยิ่งผยอง แต่ก็มีเหตุผลอยู่ไม่น้อย แต่ประโยคหลัง เกือบจะทำให้โจวซู่เอ๋อร์ร่วงลงจากร่างของงูลายตัวยักษ์เสียแล้ว
“เจ้าคิดจะปล้นชิงองค์ชาย?”
โจวซู่เอ๋อร์เหลือจะเชื่อ ถามย้ำอีกครั้ง
ต้องรู้ว่า ในสมาชิกข้างกายองค์ชายย่อมต้องมีคนที่ต่อสู้เก่งกาจที่สุดคอยปกป้องอยู่
หนำซ้ำองค์ชายยังสามารถใช้พลังชะตามังกรมาเพิ่มพลังให้กับตนเอง!
“ตอนนี้ยังไม่มีความคิดนี้!”
เมื่อเปรียบกับ ‘พลังชะตามังกร’ แล้ว จ้าวเฟิงสนใจในทรัพยากรมากกว่า
ทรัพยากรในมรดกเซียนย่อมต้องเพียบพร้อมสมบูรณ์มากกว่าของจักรพรรดิทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น เซียนที่ถูกฝังอยู่ที่นี่ต่างเป็นสมาชิกของราชวงศ์ เมื่อรีดเอาทรัพย์ทั้งหมดแล้ว คนทั้งสองก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนัก สามจักรพรรดิชันกายขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบาก
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมมันแข็งแกร่งเช่นนี้?”
อัจฉริยะหนุ่มตื่นตะลึง
“เพียงแค่หมัดเดียว เคล็ดวิชาวิญญาณวิชาหนึ่ง ก็โจมตีพวกเราสามคนได้งั้นหรือ?”
ชายชุดเหลืองไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
ปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
“หรือว่าพวกเจ้าไม่เห็น? การโจมตีวิญญาณของจ้าวเฟิงทรงพลังนัก แทบไม่โดนกดดันจากจากสุสานราชวงศ์!”
ผู้เฒ่าชุดดำสูดหายใจเข้าปอดลึก
ทันใดนั้น อีกสองคนที่เหลือก็ยืนนิ่งไม่ไหวติง!
เป็นไปได้อย่างไร? แต่เมื่อย้อนคิดอย่างละเอียด สิ่งที่ผู้เฒ่าชุดดำพูดล้วนเป็นเรื่องจริง พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงไม่ถูกกดดันจาก ‘สุสานราชวงศ์’ และใช้ข้อได้เปรียบนี้เอาชนะพวกเขา