Skip to content

กี่ชาติกี่ภพข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้ามีความสุข 5

Cover Kj

Chapter 5 (18+)เข้าหอ

หลังจากกินอิ่มแล้วหว่านหรงก็วางตะเกียบลง หนานกงเยี่ยนก็วางตะเกียบเช่นกัน เขามองนางพลางบอก “ไปที่เตียงเถอะ”

“เจ้าค่ะ” หว่านหรงรับคำเสียงเบา ใจเต้นตึกๆ หนานกงเยี่ยนประคองฮูหยินไปที่เตียง หว่านหรงนั่งลง ใจยิ่งเต้นตึกตักๆ หน้าแดงระเรื่ออย่างเขินอาย นางมองตะเกียงแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านพี่ไม่ดับไฟหรือเจ้าคะ?”

“ดับไฟแล้วจะเห็นเจ้าได้อย่างไร ข้าอยากดูเจ้า” หนานกงเยี่ยนบอก เขายื่นมือไปค่อยๆ ถอดชุดแต่งงานสีแดงบนตัวนางออก หว่านหรงอายแสนอาย แต่ว่านางก็ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ เรื่องนี้จะอย่างไรนางก็ต้องทำ ไม่ทำแล้วจะเป็นฮูหยินของท่านพี่ได้อย่างไร

หนานกงเยี่ยนค่อยๆ ถอดชุดแต่งงานออกเหมือนแกะห่อของขวัญ เขาถอดออกทีละชั้น…ทีละชั้น มองดูผิวขาวผ่องที่แดงระเรื่อเพราะความอายของนาง ผิวนางนุ่มราวกับผ้าไหม ขาวราวกับหิมะ แต่ตอนนี้ผิวขาวๆ ซับสีแดงระเรื่อ ช่างดูเย้ายวนยิ่งนัก ภาพนี้ทำให้บุรุษตื่นตัวอย่างยิ่ง!

เขาถอดจนกระทั่งนางเปลือยเปล่า หว่านหรงอายแสนอาย นางยกมือปิดอกกับเนินกลางตัวเอาไว้ ตัวนางสั่นสะท้านราวกับลูกนกต้องลมหนาว หน้านางแดงก่ำราวกับจะคั้นเลือดออกมาได้ หนานกงเยี่ยนจับมือนางออก “อย่าปิดซิ ข้าอยากดู”

“แต่ว่า…ข้าอาย…” หว่านหรงบอกเสียงเบาหวิว นางอายจนอยากจะวิ่งหนีจริงๆ ข้อมือทั้งสองข้างถูกจับเอาไว้ เปิดเนินอกกับดอกไม้กลางตัวให้สามีได้ยลโฉม หนานกงเยี่ยนชม “เจ้าสวยมาก”

หว่านหรงหน้าแดงจนไม่รู้จะแดงอย่างไรแล้ว หนานกงเยี่ยนดันตัวนางนอนลงบนเตียง หว่านหรงเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มมา หนานกงเยี่ยนจับข้อมือนาง สั่งว่า “อย่าปิด”

“แต่ข้าอายนี่” หว่านหรงบอก นางอายจนไม่รู้จะอายอย่างไรแล้ว ใจนางเต้นโครมครามจนเหมือนมันจะระเบิดออกมาได้ หนานกงเยี่ยนหยิบผ้าสีแดงผืนหนึ่งมา พลางบอก “ถ้าเจ้าอาย เช่นนั้นก็ปิดตาเถิด”

เขาบอกพลางผูกผ้าผืนนั้นปิดตาของนางเอาไว้ หว่านหรงมองไม่เห็นสิ่งใด ใจนางยิ่งเต้นตึกๆ หนานกงเยี่ยนจับข้อมือนางข้างหนึ่ง แล้วเอาเชือกผ้าไหมสีแดงที่เตรียมเอาไว้ มัดข้อมือนางข้างนั้น หว่านหรงสะดุ้ง “อุ้ย! ท่านพี่จะทำอะไรเจ้าคะ?”

นางใช้มืออีกข้างดึงผ้าปิดตาออก มองสามีอย่างงุนงง

“ข้าจะมัดมือเจ้าทั้งสองข้างเอาไว้ เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำให้เจ้าเจ็บหรอก” หนานกงเยี่ยนบอกน้ำเสียงนุ่มนวล หว่านหรงมองเขา หนานกงเยี่ยนจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากนาง แล้วผละออกห่างนิดหนึ่ง พูดว่า “อย่ากลัวไป ข้าสัญญา ข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้าต้องเจ็บ เพียงแต่ว่าข้าชอบเห็นเจ้าถูกมัดน่ะ เจ้าก็ตามใจข้าเถอะนะ”

“ไม่เจ็บแน่นะเจ้าคะ?” หว่านหรงถาม หนานกงเยี่ยนพยักหน้า “อื้ม ไม่เจ็บหรอก ข้าจะค่อยๆ ทำให้เจ้ามีความสุขที่สุด”

เขาจับข้อมือนางอีกข้างอย่างอ่อนโยน บอกเสียงนุ่มว่า “ข้าจะมัดเจ้าไว้ ปิดตาเจ้า ให้เจ้ารับรู้สัมผัสได้ดีขึ้น”

เขาบอกแล้วก็ดึงเชือกมามัดข้อมือนางข้างนั้น หว่านหรงมองข้อมือทั้งสองที่ถูกมัดด้วยเชือกผ้าสีแดง ตัวนางจึงอยู่ในสภาพนอนกางแขนอยู่บนเตียง หนานกงเยี่ยนยิ้มอ่อนโยนพลางจับผ้าปิดตาผูกปิดตาให้นางใหม่ หลังจากปิดตานางแล้ว เขาก็จูบนาง หว่านหรงรู้สึกถึงลิ้นอุ่นๆ แทรกเข้ามาในปากตัวเอง นางถูกลิ้นเขาเกี่ยวไปเกี่ยวมา รสจูบที่นางได้สัมผัสเป็นครั้งที่ 2 ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้น อีกทั้งดวงตานางถูกปิดเอาไว้ ทำให้มองไม่เห็นสิ่งใด จึงทำให้นางรู้สึกถึงสัมผัสบนตัวได้ดีขึ้น

หนานกงเยี่ยนจูบอยู่นานมาก เขาจูบจนคนใต้ร่างแทบจะขาดใจตาย ตอนที่เขาถอนปากออก หว่านหรงหอบหายใจถี่ๆ

ท่าทางพอใจกับรสสัมผัสที่เขามอบให้ เขาเลื่อนปากลงไปจูบไปตามลำคอ หว่านหรงครางออกมา “อือ…”

“ฮูหยิน เจ้าอยากครางก็คราง ไม่ต้องกลัวใครจะได้ยินหรอก คืนเข้าหอ ยิ่งเจ้าสาวครางดังเท่าไหร่ แสดงว่าสามีเจ้ามากความสามารถรู้ไหม” หนานกงเยี่ยนบอกเสียงเบา หว่านหรงครางรับ “อือ…ท่านพี่…”

หนานกงเยี่ยนพรมจูบต่อ เขาและเล็มไปตามผิวแดงก่ำราวกับกลีบดอกไม้สีหวาน หว่านหรงเสียวสยิวจนคราง “อือ…”

หนานกงเยี่ยนพรมจูบไปทั่วลำคอ แล้วเลื่อนปากลงไปหาไหล่เล็ก เขาจูบผิวนางราวกับจะไม่ยอมให้มีส่วนไหนที่ไม่ถูกปากเขาสัมผัส หว่านหรงเสียงสยิวจนตัวเกร็ง “อือ…ท่านพี่เจ้าขา…”

หนานกงเยี่ยนเลื่อนปากไปครอบดอกบัวตูม หว่านหรงสะดุ้งกระถดตัวหนี “อื้อ…”

แต่หลังของนางติดฟูกนุ่มๆ แล้ว อีกทั้งมือทั้งสองข้างก็ถูกมัดเอาไว้ นางหนีไม่ได้ หนานกงเยี่ยนตามประกบดูดดุนราวกับหิวกระหาย ดอกบัวอีกข้างเขาก็ใช้มือเค้นคลึงปลุกเร้าอารมณ์นางให้ลุกโชน หว่านหรงครางดังขึ้น “อื้อ…ท่านพี่…ข้า…ข้า…”

หนานกงเยี่ยนดูดดุนดอกบัวข้างนั้นจนนางขนลุกชันไปทั้งตัว ยิ่งเห็นนางเสียวซ่านเขาก็ยิ่งชอบใจ เขาดูด ขบเม้ม เลียดุนไปดุนมา อีกข้างเขาก็คลึงบีบ บี้ยอดดอกบัวไปมา หว่านหรงบิดตัวไปมา นางเสียวจนแทบขาดใจตาย คิดไม่ถึงว่าการเสพสมจะเสียวถึงเพียงนี้ “อื้อ…ท่านพี่เจ้าขา…พอก่อนเจ้าค่ะ ข้าไม่ไหวแล้ว”

หนานกงเยี่ยนผละจากยอดดอกบัว หว่านหรงคลายความเสียวครู่หนึ่งแล้วนางก็รู้สึกเสียวต่อเมื่อสามีดูดยอดดอกบัวอีกข้าง “อื้อ…ท่านพี่…”

หนานกงเยี่ยนดูดดุนดอกบัวข้างนั้นอย่างไม่ให้มันน้อยหน้าอีกข้างหนึ่ง มือเขาก็เค้นคลึงดอกบัวอีกข้างไปด้วย หว่านหรงบิดตัวไปมา “อื้อ…อื้อ…”

กว่าหนานกงเยี่ยนจะยอมปล่อยดอกบัวทั้งสอง หว่านหรงก็ครางจนเสียงแหบแล้ว หนานกงเยี่ยนเลื่อนริมฝีปากไปคลุกเคล้ากับหน้าท้องนวลเนียน เขาพรมจูบจนทั่วผิวหน้าท้อง หว่านหรงเสียวจนทรมานยิ่งนัก นางรู้สึกทั้งเสียวทั้งจั๊กจี้ “อื้อ…ท่านพี่ พอก่อน”

จนกระทั่งหนานกงเยี่ยนเลื่อนตัวต่ำลงไป เขาจับขานางที่หนีบแน่นออก พลางสั่ง “อ้าขาซิ”

“อื้อ ท่านพี่ ข้าอาย” หว่านหรงบอก หนานกงเยี่ยนสั่งอีกครั้ง “อ้าขาซิฮูหยิน ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขอย่างไรล่ะ”

หว่านหรงยอมอ้าขาออก นางอายจนไม่อยากทำตาม แต่ว่านางจะขัดสามีได้อย่างไร หนานกงเยี่ยนจับขานางอ้าออกไป เขามองดูเนินที่มีเพียงขนอ่อนๆ รำไร ขนของนางไม่รกเหมือนสตรีคนอื่นๆ ขนบางๆ จนดูเหมือนเนินของเด็กสาวที่ขนเพิ่งเริ่มขึ้นทำให้เขารู้สึกยิ่งรักใคร่ฮูหยินของเขามากขึ้นอีก นางช่างงดงามไปทั้งตัว เขาโชคดีจริงๆ ที่ได้นางมาเป็นฮูหยิน ฮ่าๆๆๆ…

กลีบดอกไม้เป็นสีชมพูจางๆ กลีบนางปิดสนิท สมกับที่นางยังเป็นสตรีพรหมจรรย์ เขามองจ้องเนินอยู่ครู่หนึ่งแล้วก้มลงไปใช้ลิ้นเลียกลีบดอกไม้อ่อนนุ่ม หว่านหรงตกใจ “อ้า! ท่านพี่ ท่านทำอะไร! อย่าเจ้าค่ะ มันสกปรก”

หนานกงเยี่ยนเงยหน้าบอก “เจ้าอยู่นิ่งๆ เถอะ ข้าจะทำให้เจ้าขึ้นสวรรค์”

เขาบอกแล้วก้มหน้าลงไปเลียต่อ หว่านหรงบิดเอวหนีเพราะนางรู้สึกจั๊กจี้ “อื้อ…ท่านพี่ อย่าเจ้าค่ะ ข้าจั๊กจี้”

นางอยากหนี แต่ว่านางหนีไม่ได้ เขาจับเอวนางแน่น ทั้งนางยังถูกมัดมือทั้งสองข้างล่ามเอาไว้กับเตียง นี่คือเหตุผลที่เขามัดนางซินะ เพราะเขากลัวนางจะหนี กลัวนางจะไม่ยอมให้เขาทำอย่างที่เขาทำกับนางตอนนี้ หนานกงเยี่ยนเลียกลีบอ่อนนุ่มครู่หนึ่งแล้วเขาก็แทรกลิ้นเข้าไปในรอยแยกของกลีบดอกไม้ หว่านหรงร้องเสียงหลง “อ้า! ท่านพี่!”

หนานกงเยี่ยนเลียไล้ไปทั่วรอยแยก น้ำหวานฉ่ำชื้นถูกเขากลืนเข้าปากไป หว่านหรงเสียวปนจั๊กจี้ นางดิ้นหนีเขา “อ้า…ท่านพี่…อย่า!”

หนานกงเยี่ยนจับสะโพกนางไว้แน่น เขาเลียไล้ไปมา ยิ่งเลียน้ำหวานก็ยิ่งหลั่งไหลออกมา น้ำหวานนั้นเปื้อนปาก เปื้อนจมูก เปื้อนหน้าเขาไปแทบจะครึ่งหน้าแล้ว หว่านหรงจั๊กจี้จนไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นหายไปตอนไหน นางรู้สึกเสียวมากขึ้น จนตัวนางจากที่ดิ้นหนีก็เบียดเข้าหาปากของสามีโดยไม่รู้ตัว “อ้า…ท่านพี่เจ้าขา…ข้า…ข้า…อื้อ…”

หนานกงเยี่ยนเลียไม่หยุด เขาต้องทำให้นางสุขสมเสียก่อนแท่งหยกถึงจะสอดใส่เข้าไปได้ง่ายโดยที่นางไม่เจ็บมาก เขาเห็นนางไม่ดิ้นหนีแล้วจึงจับขานางอ้าออกกว้างจนกลีบดอกไม้แบะออก เขาเลียเกสรกลางดอกไม้ ทำให้นางครางกระเส่า “อ้า…อื้อ…อื้อ…”

หนานกงเยี่ยนเลียๆ ดูดๆ หว่านหรงรู้ซึ้งถึงคำว่า ‘เสียวใจจะขาด’ ก็คราวนี้เอง นางครางเสียงดังขึ้นอย่างกลั้นไม่อยู่ “อ้า…อ้า…”

จนกระทั่งนางตัวเกร็งกระตุก “อ้าาาาา…”

นางสุขสมจนหอบหายใจถี่ๆ การเสพสมทำให้นางรู้สึกมีความสุขถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

หนานกงเยี่ยนเลียน้ำหวานของนางกินแล้วผละออก เขาลุกออกจากเตียง เจ๋อหมิงที่รออยู่แล้วก็เดินเข้าไปที่ข้างเตียง เขายืนเปลือยตั้งแต่ตอนที่ฮูหยินถูกมัดมือปิดตาแล้ว เขายืนอยู่ตรงปลายเตียงมองดูนายท่านปรนเปรอนายหญิงจนแท่งหยกของเขาแข็งขึงปวดหนึบ หนานกงเยี่ยนส่งสายตาสั่ง เจ๋อหมิงจึงก้าวขึ้นไปบนเตียง จับขานายหญิงอ้าออก เอาแท่งหยกถูกับดอกไม้งามกลางกายนายหญิง

“อื้อ…ท่านพี่…” หว่านหรงคราง นางเสียวๆ ไร้เรี่ยวแรง เจ๋อหมิงถูไถไปมาจนส่วนหัวเหมือนดอกเห็ดเปียกน้ำหวานเป็นมันเลื่อม แล้วเขาก็ค่อยๆ กดแท่งหยกเข้ารูเล็กคับแคบ หว่านหรงร้อง “อื้อ…ท่านพี่…เจ็บ…”

เจ๋อหมิงพยายามค่อยๆ ดันแท่งหยกเข้าไปอย่างทนุถนอม หนานกงเยี่ยนก้มลงไปพูดข้างหูฮูหยินว่า “ทนหน่อยนะฮูหยิน ครั้งแรกของสตรีล้วนเจ็บเช่นนี้ทุกคนแหละ ครั้งต่อๆ ไปเจ้าก็ไม่เจ็บแล้ว”

“อื้ม” หว่านหรงพยักหน้ารับ เจ๋อหมิงค่อยๆ ดันแท่งหยกกระแซะๆ เข้าไป เขาทะลวงเยื่อพรหมจรรย์จนฉีกขาด ปึด!

“อื้อ!” หว่านหรงสะดุ้งเจ็บ นางกัดปากอดทนต่อความเจ็บนั้น เจ๋อหมิงจึงก้มลงไปดูดดอกบัวตูมข้างหนึ่ง หว่านหรงรู้สึกเสียวๆ จึงลืมความเจ็บตรงดอกไม้กลางกายไปชั่วครู่ เจ๋อหมิงดูดดอกบัวไปพลางค่อยๆ กระแซะๆ ดันแท่งหยกเข้าไปทีละนิด…ทีละนิด

หนานกงเยี่ยนมองแท่งหยกของเจ๋อหมิงที่กำลังทะลวงรูฮูหยินของเขา หากว่าเขายังมีแท่งหยกอยู่ ไหนเลยเขาจะยอมให้เจ๋อหมิงทำแบบนี้กับฮูหยินของเขา แต่น่าเสียดายที่แท่งหยกของเขาไม่มีแล้ว ดังนั้นหน้าที่ทะลวงรูเขาจึงให้เจ๋อหมิงมาทำแทน

ตอนแรกเจ๋อหมิงก็ไม่อยากทำเช่นนี้ แต่ว่าเขาถูกนายท่านทั้งกล่อมทั้งบังคับขู่เข็นจนเขาไม่ยอมก็ไม่ได้ นายท่านจำเป็นต้องมีทายาทสืบสกุล หากว่าเป็นลูกของคนอื่น หนานกงเยี่ยนก็ทำใจรับเป็นพ่อไม่ลง แต่ถ้าเป็นลูกของเจ๋อหมิง เขาก็ทำใจยอมเป็นพ่อเด็กได้

“อื้อ…ท่านพี่…” หว่านหรงคราง นางเริ่มเสียวๆ ขึ้นมา เจ๋อหมิงจึงค่อยๆ ขยับดึงแท่งหยกออกแล้วดันเข้าไปเบาๆ หนานกงเยี่ยนยืนดูเจ๋อหมิงทะลวงรูฮูหยินของเขา นี่แหละคือเหตุผลที่เขามัดมือนางและปิดตานาง นางจะได้ไม่รู้ว่าคนที่ทะลวงรูนางอยู่ไม่ใช่เขา แต่เป็นเจ๋อหมิง!

“อื้อ…ท่านพี่เจ้าขา…” หว่านหรงเสียวซ่าน ความเจ็บไม่รู้หายไปตอนไหน นางในตอนนี้รู้สึกแต่คำว่าเสียวกับเสียว ดอกบัวก็ถูกดูด รูก็ถูกแทง มันทำให้นางเสียวทั้งบนเสียวทั้งล่าง อา…นางมีความสุขจริงๆ ท่านพี่ของนางเยี่ยมที่สุด!

เจ๋อหมิงเห็นว่านายหญิงเสียวจนควรที่จะเร่งความเร็วได้แล้ว เขาจึงผละจากดอกบัวตูม ยันตัวขึ้นขยับเอวกระแทกกระทั้นแรงขึ้น เขากระแทกถี่ๆ หว่านหรงเสียวจนรู้สึกเหมือนใกล้จะแตะขอบสวรรค์อีกครา นางจึงครางกระเส่าอย่างกลั้นไม่อยู่ “อ้า…ท่านพี่…อื้อ…”

จนกระทั่งนางตัวเกร็งกระตุก สุขสมอีกครั้ง “อ้าาาาา…”

แต่เจ๋อหมิงยังไม่ถึงขอบสวรรค์เลย เรียกว่ายังไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ เขาจึงตะบันเอวใส่นายหญิงต่อไป จนนางหัวสั่นหัวคลอน “อ้า…ท่านพี่…ท่านหยุดก่อน ข้าไม่ไหวแล้ว”

เจ๋อหมิงไม่หยุด เขาเสียวมาก เสียวจนหยุดไม่ได้ เขากระแทกกระทั้นตะบันเอวใส่ไม่ยั้ง ขบปากกลั้นเสียงครางไม่ให้หลุดรอดออกมา สีหน้าเขายามนี้จึงดูถมึงทึง หนานกงเยี่ยนยืนดู เขากำมือแน่น ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไรดี หึงหวง? แน่นอนว่าเขาย่อมหึงหวง เขาชอบหว่านหรง จนออกจะแน่ใจด้วยซ้ำว่าเขารักนาง ดังนั้นเขาจึงหึงหวงนาง แต่ว่าเขาไม่มีแท่งหยก เขาให้ความสุขกับนางไม่ได้ เขาทำให้นางมีลูกไม่ได้ ข้อนี้เขาเข้าใจดี ไม่เช่นนั้นเขาจะบังคับขู่เข็นให้เจ๋อหมิงมาทำหน้าที่นี้แทนเรอะ!

แต่ว่าเขากลับมีความรู้สึกที่ไม่ควรมีขึ้นมา นั่นคือเขารู้สึกพออกพอใจที่เห็นเจ๋อหมิงกำลังทะลวงรูฮูหยินของเขา เขาถึงขั้นจินตนาการว่าถ้าหากเขาบอกให้นางรู้ความจริง ทำให้นางยอมรับเรื่องนี้ได้ บางทีเขาอาจจะได้ร่วมเสพสมกับนางไปพร้อมๆ กับเจ๋อหมิง เขาลูบไล้ดูดเลียนาง ส่วนเจ๋อหมิงก็ทะลวงรูนางไป ถ้าเป็นเช่นนี้ได้จริงๆ เขาจะมีความสุขขนาดไหนนะ? อืม?

เขากำลังจินตนาการว่าตัวเองก้มลงไปดูดเลียดอกบัวตูมคู่นั้นในขณะที่เจ๋อหมิงกำลังทะลวงรูนางอยู่ อา…

เขาอยากทำแบบนั้นใจจะขาด แต่ว่าเขาก็ต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ ไม่งั้นเขาจะทำให้ความลับแตกเสียเอง แล้วถ้านางทำใจยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นมา นางหนีเขาไป เขาได้เสียใจจนตายแน่ๆ

หว่านหรงถูกกระแทกกระทั้นจนนางสุขสมอีกครั้ง “อ้าาาาา…”

เจ๋อหมิงยังคงกระแทกกระทั้นต่อไป เขายังไม่ถึงครึ่งทางเลย รูนายหญิงช่างรัดแน่นเหลือเกิน หากว่าเป็นพวก ‘ไก่อ่อน’ คงสุขสมไปนานแล้วกระมัง แต่ว่าเขาดันเป็นพวก ‘โคถึก’ หรือไม่ก็ ‘ม้าป่าคะนองไพร’ ดังนั้นเขาจึงยังไม่สุขสมง่ายๆ

จนกระทั่งหว่านหรงสุขสมไปอีกเจ็ดแปดครั้ง เจ๋อหมิงจึงได้สุขสม “โอ…”

เขาหลุดปากครางออกมา ครั้นรู้ตัวก็รีบเม้มปากแน่น หลั่งน้ำไว้ในกายนายหญิงจนชุ่มโชก หลังจากสุขสมแล้วเขาก็ถอนแท่งหยกออกมา แล้วลงจากเตียง เดินหายไปทางช่องทางลับที่ข้างผนังห้อง หนานกงเยี่ยนมองฮูหยินของเขาที่นอนอ้าขา มีน้ำขาวขุ่นไหลออกมาจากรูสวรรค์ เขามองนางอยู่นานมาก มองจนกระทั่งเห็นนางผล็อยหลับไป เขาจึงละสายตาจากนาง ถอดชุดแต่งงานออกจนเหลือเพียงอาภรณ์ตัวในแล้วนั่งลงบนเตียง แก้เชือกที่มัดข้อมือนางออก เขานอนลงข้างๆ นาง กอดนางเอาไว้ ถึงเขาไม่มีแท่งหยก แต่ว่าเขาก็จะทำให้นางมีความสุขที่สุด!

ตอนเช้าบ่าวไพร่ต้มน้ำร้อนไว้รอท่า แต่ว่าพวกเขารอแล้วรอเล่า ก็ยังไม่มีเสียงนายท่านเรียกหาให้ยกน้ำร้อนเข้าไป พวกเขาชะเง้อคอมองจนคอยืดคอยาว รอแล้วรออีก รอต่อไป จนกระทั่งเกือบเที่ยงวันถึงได้ได้ยินเสียงนายท่านเรียก “ยกน้ำร้อนเข้ามาที”

“เจ้าค่ะ” สาวใช้รับคำแล้วรีบวิ่งไปเทน้ำร้อนใส่อ่าง จากนั้นก็ยกเข้าไปในห้อง หนานกงเยี่ยนลุกออกจากเตียง ทำให้หว่านหรงสะดุ้งตื่นขึ้นมา นางมองไปเห็นสาวใช้เข้ามาวางอ่างน้ำร้อน นางจึงลุกขึ้นนั่ง นางรู้สึกถึงลมเย็นๆ พัดผ่านผิวนางจึงก้มลงมองตัวเอง พบว่านางไม่ได้สวมอาภรณ์สักชิ้น นางจึงหลุดอุทานออกมา “อุ้ย!”

นางห่อไหล่ รีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัว หนานกงเยี่ยนหันไปมองฮูหยินพลางบอก “เจ้าจะนอนต่อก็ได้ ไม่ต้องรีบลุกหรอก”

“จะได้อย่างไรกันเจ้าคะ เวลาใดแล้วเจ้าคะ?” หว่านหรงถาม หนานกงเยี่ยนหลิ่วตาถามสาวใช้ สาวใช้จึงบอก “ยามอู่* แล้วเจ้าค่ะ”

(ยามอู่ (午:wǔ) คือ 11.00 – 12.59 น.)

“ตายจริง ข้าตื่นสายถึงเพียงนี้เชียวหรือ” หว่านหรงตกใจ สาวใช้ก้มหน้ายิ้ม นางเคยได้ยินว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่คู่แต่งงานใหม่จะตื่นสาย ก็เขาว่ากันว่า คืนเข้าหอบ่าวสาวมักจะทำเรื่องในม่านมุ้งกันเกือบทั้งคืนนี่นา แล้วถ้านางจำไม่ผิด เมื่อคืนนี้ตอนยามโฉ่ว* นางตื่นขึ้นมายังได้ยินเสียงฮูหยินครางแว่วๆ อยู่เลย

(ยามโฉ่ว (丑:chǒu) คือ 01.00 – 02.59 น.)

“เอ่อ…อาภรณ์ข้า…” หว่านหรงถามอย่างกระอักกระอ่วนใจ หนานกงเยี่ยนจึงสั่ง “นายหญิงเจ้าเรียกหาอาภรณ์ เจ้ารีบไปหยิบให้นางซิ”

“เจ้าค่ะ” สาวใช้รับคำสั่งแล้วถอยออกไป หนานกงเยี่ยนจึงหันไปพูดกับฮูหยินว่า “เดี๋ยวข้าไปอาบน้ำที่เรือนข้าง เจ้าก็อาบน้ำแต่งตัวเถอะ ข้าจะไปรอที่ห้องโถง”

“เจ้าค่ะ” หว่านหรงรับคำ หนานกงเยี่ยนจึงเดินออกไปจากห้องหอ ซึ่งก็คือห้องนอนเดิมของเขานั่นเอง ห้องนอนที่เขายกให้หว่านหรงอยู่ ส่วนเขาก็ไปนอนที่เรือนข้างๆ กัน หากว่าเขามีแท่งหยก เขาคงอยากอาบน้ำร่วมกับนางแล้วล่ะ แต่นี่เขาไม่มีแท่งหยก เขาจึงไม่อาจอาบน้ำร่วมกับนางได้ และไม่อาจให้นางเห็นร่างกายเปลือยของเขาได้

หลังจากนายท่านหนานกงเดินออกไปแล้วแม่นมจางกับจางลี่ก็รีบเข้าไปรับใช้นายหญิง จางลี่แอบกระซิบถาม “เมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”

ฉ่า! หว่านหรงหน้าแดงทันตา

“นังคนนี้นี่ ถามอะไรอย่างนั้น” แม่นมจางดุจางลี่พลางถลึงตาใส่ แล้วหันไปถามคุณหนูของนางว่า “นายท่านอ่อนโยนกับคุณหนูไหมเจ้าคะ?”

ฉ่า! หว่านหรงหน้าแดงอีกรอบ นางก้มหน้างุดๆ ดุสาวใช้ทั้งสองว่า “พวกเจ้าถามอะไรห๊ะ!”

แม่นมจางกับจางลี่เห็นปฏิกิริยาของคุณหนูเช่นนั้นก็แอบยิ้มให้กัน พวกนางเองก็ได้ยินเสียงครางของคุณหนูดังแว่วๆ เหมือนกัน เสียงนั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อคืนคุณหนูของพวกนางมีความสุขขนาดไหน เดาว่าฝนคงตกจนท่วมท้นเลยกระมัง ฮี่ๆๆๆ…

“นายหญิงเจ้าคะ น้ำร้อนเต็มอ่างแล้วเจ้าค่ะ” เสียงสาวใช้บอกอยู่หน้าประตู หว่านหรงจึงร้องบอก “ดี”

จากนั้นนางก็ลุกออกจากเตียงอย่างกระมิดกระเมี้ยน ใช้ผ้าห่มคลุมร่างเดินไปทางห้องอาบน้ำด้านหลัง จางลี่รีบเดินตามไปรับใช้ ส่วนแม่นมจางก็มองผ้าปูเตียงสีขาวที่ปูทับผ้าปูเตียงสีแดง บนผ้าขาวมีรอยเลือดเปื้อนอยู่ นางก็จัดแจงดึงผ้าปูเตียงผืนนั้นออกมาแล้วเอาไปส่งให้สาวใช้เอาไปแขวนตากไว้หน้าบ้าน นี่เป็นธรรมเนียมอย่างหนึ่งที่ใช้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของเจ้าสาว ถ้าเจ้าสาวไม่มีเลือดพรหมจรรย์เปื้อนผ้าปูเตียงแสดงว่าเจ้าสาวเคยผ่านมือชายคนอื่นมาแล้ว หากว่าเจ้าสาวเคยผ่านมือชายอื่นมาแล้ว เจ้าบ่าวที่ถูกหลอกลวงก็จะสามารถขอหย่าร้างได้ ซ้ำยังขอคืนสินสอดและของหมั้นได้ด้วย

ถางซือที่รอสืบข่าวอยู่หน้าบ้านตระกูลหนานกง พอเห็นผ้าสีขาวมีรอยเลือดถูกแขวนขึ้นไปนางก็รีบกลับจวนไปรายงานคุณหนูใหญ่ทันที หว่านหรูอี้ฟังรายงานจากสาวใช้แล้วก็คิดๆ นางเดาว่าคืนเข้าหอ หนานกงเยี่ยนคงใช้นิ้วแทงทะลวงแทนแท่งหยกจนพรหมจรรย์ของหว่านหรงขาดกระมัง เขาพิการไม่มีแท่งหยก แล้วจะเอาแท่งหยกที่ไหนมาทำเรื่องนั้นได้ล่ะ หึ! บุรุษต่อให้รูปงามเพียงใด แต่ถ้าพิการไปแล้ว ไม่มีแท่งหยกแล้วยังจะนับว่าเป็นบุรุษได้อย่างไร หนานกงเยี่ยนก็ไม่ต่างจากขันทีในวังหรอก นางไม่รู้ว่าเขาพิการได้อย่างไร แต่ว่าข่าวๆ นี้เชื่อถือได้มากทีเดียว เพราะว่าคนที่ให้ข่าวนี้กับนางคือหนึ่งในสาวใช้อุ่นเตียงของหนานกงเยี่ยนนั่นเอง นางจึงได้หาทางถอนหมั้นกับหนานกงเยี่ยน จนถึงขั้นยอมผลักนังน้องสาวหน้าโง่นั่นลงนรกแทนนางอย่างไรล่ะ

ส่วนนางก็กำลังจะสานสัมพันธ์กับหนุ่มๆ รูปงามที่พบเจอเมื่อวาน แน่นอนว่าเมื่อวานนี้มีบุรุษหลายคนทีเดียวที่เข้ามาพูดคุยกับนาง ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายสาม คุณชายตระกูลหยาง คุณชายตระกูลกวน ฯลฯ พวกเขาล้วนเกี้ยวพานางอย่างออกหน้าออกตา ซ้ำแต่ละคนยังรูปงามทีเดียว ไม่ว่านางจะแต่งกับใครล้วนไม่น้อยหน้านังน้องหน้าโง่นั่นแน่นอน ฮ่าๆๆๆ…

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว หว่านหรงก็เดินไปที่ห้องโถง เห็นสามีนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นางจึงเดินไปนั่งลงตรงข้ามเขา หนานกงเยี่ยนชี้นิ้วบอก “หรงเอ๋อร์ เจ้าต้องมานั่งตรงนี้ซิ เราแต่งงานกันแล้วนะ เจ้าจะนั่งเสียห่างข้าอีกทำไม”

“เอ่อ…เจ้าค่ะ” หว่านหรงจึงลุกขึ้นย้ายไปนั่งข้างๆ เขา จางลี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ข้าวใหม่ปลามันก็อย่างนี้แหละ ฮี่ๆๆๆ…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!