Chapter 6 (18+)ปรนเปรอฮูหยิน 1
สาวใช้ก็ยกอาหารไปวางบนโต๊ะแล้วพากันถอยออกไปอย่างเป็นระเบียบ หนานกงเยี่ยนมองจางลี่ที่ยังยืนหัวโด่อยู่ เขาถามนาง “แล้วเจ้าทำไมยังไม่ออกไปอีก จะอยู่เกะกะสายตาข้าทำไม”
“อ่า…” จางลี่อึ้งไป นางรีบถอยออกไปอย่างเร็วรี่ หนานกงเยี่ยนไม่สนใจสาวใช้อีก ตอนนี้ในห้องเหลือแค่เขากับฮูหยิน เขาจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบกับให้นาง “เจ้ากินเยอะๆ หน่อย จะได้มีแรง”
หว่านหรงหน้าร้อนฉ่า! นางก้มหน้างุดๆ กินข้าวอย่างเอียงอาย
หลังจากกินข้าวอิ่มแล้ว หนานกงเยี่ยนก็พาฮูหยินออกไปดูกิจการของตระกูลด้วยกัน จางลี่กับแม่นมจางก็ตามคุณหนูของพวกนางไปด้วย วันนี้หนานกงเยี่ยนเลือกไปที่ร้านขายเครื่องประดับก่อน เถ้าแก่ก็รีบออกมาต้อนรับขับสู้อย่างดี ซ้ำยังให้ความเคารพนายหญิงอย่างดียิ่ง หนานกงเยี่ยนตรวจบัญชีไปเรื่อยๆ หว่านหรงนั่งดูอยู่ข้างๆ นางมองสามีทำงานอย่างเพลินตา แม่นมจางกับจางลี่ก็กระซิบกระซาบคุยกันอยู่ตรงมุมห้อง พวกนางเห็นกิจการของตระกูลหนานกงแล้วก็อ้าปากค้างไปรอบหนึ่ง นี่เป็นเพียงร้านหนึ่งเท่านั้นเองนะ พวกนางแอบรู้มาว่าตระกูลหนานกงมีร้านค้ามากมายจนนับด้วยนิ้วมือนิ้วเท้าของพวกนาง 2 คนก็ยังไม่พอให้นับเลย คุณหนูของพวกนางช่างวาสนาดีจริงๆ ฮี่ๆๆๆ…
ตกเย็น หนานกงเยี่ยนก็พาฮูหยินไปกินอาหารที่โรงเตี้ยมฮุ่ยหมิ่น เขาสั่งอาหารมากมาย ซ้ำยังสั่งเผื่อสาวใช้ของภรรยาด้วย สาวใช้ทั้งสองได้แยกตัวไปนั่งกินข้าวที่โต๊ะชั้นล่าง ส่วนหนานกงเยี่ยนกับหว่านหรงก็นั่งกินอาหารอยู่ในห้องส่วนตัวบนชั้นที่สอง และห้องส่วนตัวก็เป็นห้องเดิมที่เขาใช้เป็นประจำ จนแทบจะกลายเป็นห้องประจำของเขาไปแล้ว
ขณะที่กินข้าว หนานกงเยี่ยนก็กระเซ้าฮูหยินว่า “จำได้ไหม ห้องนี้ที่เรามากินข้าวด้วยกันอย่างไรล่ะ”
“จำได้เจ้าค่ะ” หว่านหรงตอบเสียงเบา แก้มแดงๆ นางจะจำไม่ได้ได้อย่างไร เหตุการณ์ในวันนั้นได้เปลี่ยนชีวิตนางไปตลอดกาล
“ต้องขอบคุณพี่สาวเจ้าจริงๆ ที่วางยาข้ากับเจ้าในวันนั้น” หนานกงเยี่ยนพูดยิ้มๆ “ทำให้ข้าได้ฮูหยินงามถึงเพียงนี้”
เขาเชยคางนางแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มนาง หว่านหรงหน้าแดง ฉ่า!
นางก้มหน้างุดๆ อย่างเขินอาย หนานกงเยี่ยนยิ้มถูกใจ แล้วรอยยิ้มของเขาก็หุบลงเมื่อคิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมา “เสียแต่ว่าทำให้คนอื่นเข้าใจเจ้าผิดนี่ซิ คิดว่าเจ้าแย่งคู่หมั้นพี่สาวตัวเอง เจ้าอยากจะแก้ข่าวไหม? ข้าจะช่วยแก้ข่าวให้”
“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ใครจะเข้าใจผิดอย่างไรก็ช่างเถอะเจ้าค่ะ ขอเพียงท่านพี่ไม่เข้าใจผิดข้าก็พอ” หว่านหรงบอกอย่างไม่อยากคิดแค้นอาฆาตอะไร หนานกงเยี่ยนยิ้ม “ก็ได้ ข้าตามใจเจ้า”
ฮูหยินของเขาจิตใจดีงามถึงเพียงนี้ นับว่าเป็นโชคดีของเขาจริงๆ
หลังจากกินอิ่มแล้ว หนานกงเยี่ยนก็พาฮูหยินกลับบ้าน
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว หว่านหรงก็นั่งรอสามีอยู่ในห้องนอน หนานกงเยี่ยนอาบน้ำแล้วสวมเพียงอาภรณ์ตัวในเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องนอน หว่านหรงมองสามีที่กำลังเดินเอื่อยๆ เข้ามา นางใจเต้นตึกๆ หน้าแดงระเรื่อ หนานกงเยี่ยนนั่งลงบนเตียงมองฮูหยินของเขา สายตาเปี่ยมล้นไปด้วยความรัก เขาจับไหล่นาง แล้วถอดอาภรณ์ตัวในออกจากตัวนาง หว่านหรงอายแสนอาย แต่ว่านางก็พยายามฝืนข่มความอายเอาไว้ ถึงอย่างไรเมื่อคืนสามีก็เห็นเรือนร่างนางหมดแล้ว เขาเห็นทุกซอกทุกมุม นางยังจะต้องอายอะไรอีก แต่ว่ามันก็ยังอายอยู่ดีนั่นแหละ ฉ่า!
“หรงเอ๋อร์ นอนลงซิ” หนานกงเยี่ยนสั่ง หว่านหรงนอนลงไป หนานกงเยี่ยนก็เอาเชือกผ้าสีแดงที่ผูกกับเสาเตียงมามัดข้อมือนาง หว่านหรงไม่ขัดขืน นางใจเต้นตึกๆ ด้วยซ้ำ รอคอยให้เขามอบความสุขให้นาง
หนานกงเยี่ยนมัดข้อมือข้างนี้เสร็จแล้ว เขาก็ขยับไปมัดข้อมือนางอีกข้าง หว่านหรงนอนกางแขนเปลือยเปล่าอยู่บนผ้าปูเตียงสีแดงสด สีแดงของผ้าตัดกับผิวขาวผ่อง ทำให้นางดูเหมือนปฏิมากรรมชั้นยอดที่สวรรค์สรรสร้าง หนานกงเยี่ยนเอาผ้าปิดตานาง หว่านหรงใจเต้นตึกๆ หนานกงเยี่ยนขยับตัวลุกไปทางปลายเท้า เขาก้มลงจูบหลังเท้าขาวผ่องของนางพลางลูบไล้ท่อนขาเรียวสวยข้างนั้น หว่านหรงครางออกมา “อือ…ท่านพี่…”
เจ๋อหมิงซึ่งแอบอยู่ในช่องทางลับ เขามองลอดรูเล็กๆ ออกไป เห็นว่านายท่านมัดนายหญิงแล้ว ปิดตานายหญิงแล้วด้วย เขาจึงเปิดประตูทางลับเดินย่องไปที่เตียงด้วยฝีเท้าแผ่วเบาไร้เสียง ไปยืนอยู่ตรงหน้าเตียง มองดูนายท่านกำลังปรนเปรอนายหญิง หนานกงเยี่ยนเห็นเจ๋อหมิงมายืนดูก็ไม่สนใจ เขาพรมจูบขาเรียวงามของนางอย่างหลงใหล เขาคิดอยู่ในใจอยากจะให้เจ๋อหมิงช่วยปรนเปรอนางไปพร้อมๆ กัน แต่ว่าจะทำอย่างไรนางจึงจะไม่รู้ตัวนี่ซิ ความคิดนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด
“อื้อ…ท่านพี่…ข้า…” หว่านหรงครางออกมา นางเสียวสยิวขาจนขนลุกชัน หนานกงเยี่ยนถาม “ข้าอะไรหรือหรงเอ๋อร์? เจ้ารู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาเถอะ ไม่ต้องอายหรอก ข้าจะได้รู้ว่าข้าทำให้เจ้าถูกใจหรือไม่”
เขาพูดแล้วพลางพรมจูบไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ มือก็ลูบไล้ไปด้วย หว่านหรงคราง “ข้า…ข้า…”
นางอายที่จะพูดออกมา หนานกงเยี่ยนก็ไม่ใส่ใจว่านางจะพูดหรือไม่พูด เขาเพียงแค่ปรนเปรอให้นางเยอะๆ ก็พอ ฮี่ๆๆๆ…
เจ๋อหมิงยืนมอง กำมือแน่น เขาอยากจะปรนเปรอนายหญิงแล้ว แต่ว่าเขาก็ยังต้องรอต่อไป รอจนกว่านายท่านจะสั่ง หนานกงเยี่ยนเหล่อมองเจ๋อหมิงที่ยืนเป้ากลางกายตุงออกมา เขาละสายตากลับไปพรมจูบท่อนขาเรียวสวยต่อ เขาจูบขึ้นไปจนถึงเนินกลางกาย เขาขยับไปนั่งตรงกลางหว่างขานาง จับขานางอ้าออก ใช้มือจับกลีบดอกไม้แหวกออกจนเห็นเกสรสีแดงระเรื่อกลางดอกไม้งาม “เจ้างามเหลือเกินหรงเอ๋อร์ของข้า”
“อื้อ…ท่านพี่” หว่านหรงใจเต้นตึกๆ นางเสียวๆ จนอยากให้เขาพาไปแตะสวรรค์อีกครั้ง หนานกงเยี่ยนก้มลงไปเลียดอกไม้งาม หว่านหรงสะดุ้ง “อื้อ!”
แรกเริ่มนางรู้สึกจั๊กจี้ แต่ครู่ต่อมานางก็รู้สึกเสียว หนานกงเยี่ยนใช้สองมือแหวกกลีบดอกไม้จนเกสรเผยโฉมออกมา เขาเลียๆ ดูดๆ อย่างหิวกระหาย ทำหว่านหรงครางกระเส่าเลยทีเดียว “อ้า…ท่านพี่…อื้อ…ซี๊ด…”
ความรู้สึกที่ถูกแหกกลีบออก ถูกลิ้นร้อนๆ เลียไปทั่วทำให้หว่านหรงเสียวจนแทบขาดใจตาย นางร้องครางลั่นเลยทีเดียว “ซี๊ด…ท่านพี่…”
ยิ่งตอนที่เขาดูดๆ นางยิ่งเสียวจนแทบบ้าคลั่งเลยทีเดียว มันเสียวมาก เสียวจนนางบอกไม่ถูก ในตำรานั่นไม่เห็นมีภาพท่าทางแบบนี้เลย นางไม่รู้ว่าสามีไปจำท่าทางแบบนี้มาจากไหน แต่ว่านางชอบมากจริงๆ นางอยากนอนให้เขาเลียๆ ดูดๆ ทั้งวันทั้งคืนเลยทีเดียว “อ้า…ซี๊ด…ท่านพี่…อ้า…”
เจ๋อหมิงเห็นนายหญิงครางกระเส่าบิดตัวเร่าๆ ทำเขารู้สึกอยากเอาแท่งหยกสอดใส่เข้าไปในตัวนางยิ่งนัก เขากำมือแน่น ยืนอดทนอดกลั้นอยู่ตรงนั้น แท่งหยกของเขามันแข็งขึงชี้เด่เลยทีเดียว
“อ้า…ท่านพี่…ข้า…ข้า…” หว่านหรงแอ่นสะโพกขึ้นบดเบียดกับปากสามี หนานกงเยี่ยนจึงยิ่งดูดๆ เลียๆ ดอกไม้งามดอกนั้นอย่างไม่ทนุถนอม เขาดูดจนเสียงดังจ๊วบๆ เลียจนเสียงดังแผล๊บๆ ใบหน้าเขาเปื้อนน้ำหวานของนางไปครึ่งหน้าแล้ว จนกระทั่งหว่านหรงทนไม่ไหว “อ้าาาาา…”
นางสุขสมถึงสวรรค์คาปากสามี หนานกงเยี่ยนเลียกินน้ำหวานของนางครู่หนึ่งแล้วผละออก เขาก้าวลงจากเตียง หลิ่วตาสั่งเจ๋อหมิง เจ๋อหมิงจึงถอดอาภรณ์ออกจนตัวเปลือยๆ แท่งหยกแข็งขึงชี้เด่ หากว่าหว่านหรงได้เห็นขนาดแท่งหยกของเจ๋อหมิงนางคงผวาแน่นอน เพราะว่ามันใหญ่เกือบเท่าข้อมือนางเลยเชียว
หนานกงเยี่ยนเดินไปยกเก้าอี้มาตั้งหน้าเตียง เขานั่งลงรอดู เจ๋อหมิงก็ขยับไปตรงหว่างขานายหญิง จับแท่งหยกถูไถกับดอกไม้งาม หว่านหรงสะดุ้งเสียว “อื้อ!”
เจ๋อหมิงถูๆ ไถๆ จนส่วนหัวเปียกเป็นมันวาว จากนั้นเขาจึงค่อยๆ กดแท่งหยกเข้ารูสวรรค์ หว่านหรงสะดุ้ง “อื้อ!”
นางรู้สึกเจ็บตึง “ท่านพี่ เจ็บ”
หนานกงเยี่ยนลุกขึ้น ก้าวไปชิดเตียงอย่างไร้เสียง เขาขยับไปใกล้ๆ กับเจ๋อหมิงแล้วก้มลงไปดูดดอกบัวตูมข้างหนึ่ง เขาพยายามให้ปากทำมุมใกล้เคียงกับเจ๋อหมิงมากที่สุด หากว่าเขากำลังแทงแท่งหยกเข้าไปแล้วก้มลงไปดูดดอกบัวก็ควรจะให้ปากอยู่ในลักษณะนั้น เพื่อที่ฮูหยินจะได้ไม่สงสัย เขาเลียๆ ดูดๆ ดอกบัวข้างนั้น เจ๋อหมิงก็ค่อยๆ ดันแท่งหยกเข้ารูสวรรค์อย่างทนุถนอม เขารู้ว่านายหญิงยังเจ็บๆ อยู่ ต่อให้เขาอยากทำแรงๆ ขนาดไหนเขาก็ต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ จะทำให้นางเจ็บจนเข็ดขยาดไม่ได้!
“อา…ท่านพี่…” หว่านหรงครางออกมา นางเจ็บล่างแต่ว่าเสียวบนทำให้ความรู้สึกเจ็บๆ กลายเป็นพอทนได้ นางอยากเห็นหน้าสามี แต่ว่าเขาเอาผ้าปิดตานางเอาไว้ นางจึงมองไม่เห็นอะไรนอกจากผ้า กับแสงตะเกียงรางๆ ที่ลอดเข้ามาใต้ตา นางพยายามถูศีรษะกับฟูกนอน หวังให้ผ้าปิดตาหลุดออกแต่ว่าผ้าก็มัดเอาไว้แน่นจนไม่อาจหลุดหรือขยับเขยื้อนได้เลย
หนานกงเยี่ยนเหลือบเห็นนางพยายามเอาผ้าปิดตาออก เขาจึงผละจากดอกบัวบอกน้ำเสียงดุๆ ว่า “หรงเอ๋อร์ อย่าเอาผ้าออก ไม่เช่นนั้นข้าจะโกรธเจ้าแล้ว”
“ท่านพี่ แต่ว่าข้าอยากเห็นหน้าท่านนี่” หว่านหรงบอกเสียงอ่อน หนานกงเยี่ยนกล่อม “เด็กดี เชื่อฟังข้านะ อย่าพยายามเอาผ้าปิดตาออกอีกนะ แล้วข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขที่สุด”
“เจ้าค่ะ” หว่านหรงรับคำอย่างเชื่อฟัง เขาชอบมัดนางแบบนี้นางก็ไม่ขัดขืนอะไร ตราบเท่าที่เขาไม่ได้ทำอะไรที่วิตถารหรือทำให้นางเจ็บปวด นางจะยอมเชื่อฟังเขาก็ได้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นสามีของนางแล้ว อีกทั้งคืนที่ผ่านมาเขาก็ทำให้นางมีความสุขมากจริงๆ
เจ๋อหมิงแอบถอนหายใจโล่งอก เขากลัวว่าผ้าปิดตาจะหลุดแล้วนายหญิงจะเห็นว่าคนที่กำลังทะลวงรูนางเป็นเขา ไม่ใช่นายท่าน!
เขาค่อยๆ ดันแท่งหยกเข้าไปจนสุดแล้วค่อยๆ ขยับแทงเข้าออกเบาๆ หว่านหรงเสียวจนเริ่มคราง “อา…”
หนานกงเยี่ยนก้มลงไปดูดดอกบัวต่อ ผิวนางเนียนนุ่มจริงๆ ทำเขาอดทนดูอยู่เฉยๆ ไม่ไหว ต้องเข้ามาร่วมปรนเปรอนางอีกคน หว่านหรงเสียวบนเสียวล่างจนเริ่มครางกระเส่า “อ้า…ท่านพี่…อื้อ…”
หนานกงเยี่ยนอยากลูบไล้นางแต่ว่าถ้าเขาทำแบบนั้น นางได้รู้แน่ว่ามีคนจับต้องนาง 2 คน เขาจึงได้แต่ใช้ปากอย่างเดียว เขาดูดๆ เลียๆ ยอดดอกบัวที่ชูชันสู้ลิ้น อา…ดอกบัวนางช่างอร่อยเหลือเกิน!
เจ๋อหมิงขยับกระแทกกระทั้นเร็วขึ้น รูสวรรค์รัดเขาแน่นมาก ทำเขาทนไม่ไหวต้องทะลวงรูนายหญิงแรงๆ หว่านหรงครางกระเส่า “อ้า…ท่านพี่…ข้า…ข้า…ซี๊ด…”
หนานกงเยี่ยนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งดูดๆ เลียๆ ดอกบัวงาม หว่านหรงยิ่งครางดังขึ้น “อ้า…ท่านพี่…ท่านพี่…”
เจ๋อหมิงทะลวงรูตับๆๆๆ…
เขากัดปากกลั้นเสียงครางจนริมฝีปากล่างเป็นรอยฟันจางๆ หนานกงเยี่ยนเลียๆ ดูดๆ อย่างเอร็ดอร่อย จนหว่านหรงตัวเกร็ง ครางเสียงดังลั่น “อ้าาาาา…”
นางหอบหายใจสะท้อนสะท้าน “แฮ่กๆ ท่านพี่ พอก่อน ข้าไม่ไหว มันสะ…เสียวเกินไป”
หนานกงเยี่ยนผละจากดอกบัวงาม เขามองดูนางอย่างรักใคร่ ถามว่า “มีความสุขไหม?”
“อื้อ…เจ้าค่ะ” หว่านหรงครางตอบ “ท่านพี่ หยุดก่อน…”
เจ๋อหมิงไม่หยุด เขายังคงกระแทกกระทั้นทะลวงรูนายหญิงอย่างอดทนอดกลั้นไม่ไหวแล้ว หว่านหรงเสียวจนสุขสมอีกครั้ง “อ้าาาาา…”
นางหอบหายใจ นอนหมดเรี่ยวหมดแรง ครางเสียงแหบแห้ง “อื้อ…ท่านพี่ พอก่อน”
หนานกงเยี่ยนมองดูนาง เขาไม่ได้สั่งให้เจ๋อหมิงหยุด เขาปล่อยให้เจ๋อหมิงทำต่อไป จะว่าเขาจิตใจวิปริตก็ได้ เขาชอบเห็นนางเสียวแทบขาดใจตาย ใบหน้านางช่างเย้ายวนปลุกความเป็นชายให้ตื่นตัว ถึงเขาจะไม่มีแท่งหยกแล้ว แต่ว่าอารมณ์ความต้องการปลดปล่อยยังมีอยู่ ทุกครั้งที่เห็นนางสุขสม เขาก็จะรู้สึกเหมือนตนเองเป็นผู้ชนะ มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่ว่าตอนที่เขามองนางอย่างนี้เขาถูกกระตุ้นจนสัญชาตญาณความเป็นชายตื่นตัวถึงขีดสุด แล้วเขาก็จะรู้สึกสุขสมจนเหมือนยังมีแท่งหยกอยู่ ตรงนั้นจะมีน้ำขาวขุ่นไหลออกมา
เจ๋อหมิงกระแทกกระทั้นต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งนายหญิงสุขสมอีกเจ็ดแปดครั้ง เขาจึงได้สุขสม แท่งหยกเกร็งกระตุก “โอ…”
เขารีบกัดปากกลั้นเสียงคราง ปลดปล่อยธารขุ่นไว้ในกายนายหญิง หว่านหรงหอบหายใจถี่ๆ นางเหน็ดเหนื่อยจนแทบอยากจะหลับไปเสียเดี๋ยวนั้น ท่านพี่ของนางช่างมีแรงล้นเหลือจริงๆ นางไม่รู้ว่าตัวเองเสพสมกับสามีนานเท่าไหร่ นางรู้แต่ว่าคล้ายกับเนิ่นนานมาก
เจ๋อหมิงดึงแท่งหยกออกมา เขาก้าวลงจากเตียง หยิบอาภรณ์ขึ้นมาสวมแล้วเดินไปทางช่องทางลับ หนานกงเยี่ยนก็ยกเก้าอี้ไปวางที่เดิมอย่างแผ่วเบายิ่ง เขาล่ะอยากจะถีบเจ๋อหมิงสักที มันสุขสมแล้วก็ไม่ช่วยเขาเก็บเก้าอี้เลย! มันน่ากระโดดถีบขาคู่จริงๆ ชิ!
เขาเก็บเก้าอี้แล้วจึงย้อนกลับไปที่เตียง นั่งลงบนเตียง แกะเชือกออกจากข้อมือฮูหยิน หว่านหรงนอนหมดเรี่ยวหมดแรง จนผ้าปิดตาถูกแก้ออกไปนางจึงมองสามีตาปรือๆ “ท่านพี่…”
หนานกงเยี่ยนยิ้มให้นาง หว่านหรงบอกเสียงแหบ “ขอน้ำสักถ้วยเถอะเจ้าค่ะ”
หนานกงเยี่ยนขยับตัวไปรินน้ำชาให้นาง พลางประคองศีรษะนางขึ้น หว่านหรงจิบน้ำชาอึกๆ นางมองสามีอย่างรักใคร่สุดหัวใจ เขาดีกับนางถึงเพียงนี้ นางจะไม่รักเขาได้อย่างไร
จนนางดื่มน้ำชาหมดถ้วยแล้วหนานกงเยี่ยนจึงถาม “เอาน้ำอีกไหม?”
“พอแล้วเจ้าค่ะ ข้าอยากนอนแล้ว” หว่านหรงบอก หนานกงเยี่ยนจึงดึงถ้วยชาไปจากมือนาง เขาวางถ้วยชาไว้ในถาดแล้วขยับไปนอนข้างๆ นาง ดึงนางมากอด หว่านหรงขยับตัวซุกสามีอย่างรู้สึกอบอุ่นใจ หนานกงเยี่ยนนอนกอดนาง ทั้งสองหลับไปด้วยกัน
จนกระทั่งเกือบเที่ยง หนานกงเยี่ยนจึงได้ตื่นขึ้นมา เขาขยับตัวลุกขึ้น ทำให้หว่านหรงลืมตาตื่น “เวลาใดแล้วเจ้าคะ?”
หนานกงเยี่ยนหันไปมองแสงแดดนอกหน้าต่าง “ยามอู่แล้วกระมัง”
เขาลูบๆ ศีรษะนาง “เจ้านอนต่อเถอะ”
“ท่านพี่ตามใจข้าเช่นนี้ไม่ดีนะเจ้าคะ” หว่านหรงเย้า หนานกงเยี่ยนยิ้มให้นาง “เจ้าเป็นฮูหยินข้า ไม่ต้องทำอะไรมากหรอก แค่คอยดูแลบ่าวไพร่ทำงานก็พอ อีกทั้งพ่อแม่ข้าก็ตายหมดแล้ว เจ้าจึงไม่ต้องตื่นแต่เช้าไปคารวะพ่อแม่สามี ไม่ดีหรือ?”
“ก็ดีอยู่หรอกเจ้าค่ะ แต่ว่าท่านพี่คงจะเหงามากเลยใช่ไหมเจ้าคะ?” หว่านหรงมองสามีอย่างเห็นอกเห็นใจ นางรู้ว่าเขาสูญเสียพ่อแม่ไปในช่วงสงคราม นางเคยได้ยินบ่าวเก่าแก่เล่าว่าครอบครัวของสามี พ่อแม่ลูกรักใคร่กลมเกลียวกันดี เขาต้องสูญเสียคนในครอบครัวไปย่อมเสียใจมากแน่นอน หนานกงเยี่ยนพยักหน้า “อืม เมื่อก่อนเหงา แต่ว่าตอนนี้ข้ามีเจ้าแล้ว ไม่เหงาแล้วล่ะ”
หว่านหรงยิ้ม หนานกงเยี่ยนบอก “ข้าไปอาบน้ำก่อน เจ้าก็อาบน้ำเถอะ กินข้าวแล้วข้าจะพาเจ้าไปดูร้านขายผ้าของเรา”
“เจ้าค่ะ” หว่านหรงรับคำ หนานกงเยี่ยนลุกออกจากเตียงเดินไปที่เรือนข้างๆ
แม่นมจางกับจางลี่ที่คอยเตร็ดเตร่อยู่หน้าเรือน พอเห็นนายท่านออกจากห้องไปแล้ว พวกนางก็แง้มประตูยื่นหน้ามองเข้าไปในห้อง “คุณหนูเจ้าคะ”
หว่านหรงเห็นแม่นมจางกับจางลี่จึงสั่ง “เตรียมน้ำร้อนให้ข้าเร็ว ข้าจะอาบน้ำ”
“เจ้าค่ะ” จางลี่รับคำสั่ง สาวใช้ที่อยู่แถวนั้นก็รีบไปเตรียมน้ำร้อนให้นายหญิงทันที แม่นมจางเดินเข้าไปในห้อง นางจัดแจงรวบม่านมุ้งไปไว้ด้านข้าง พลางถามเสียงเบาว่า “เมื่อคืนนายท่านดีกับคุณหนูไหมเจ้าคะ?”
“แหม ต้องดีซิป้า เมื่อคืนข้าได้ยินเสียงคุณหนูร้องดังซะขนาดนั้น” จางลี่พูดแทรกขึ้นมา หว่านหรงหน้าแดง ฉ่า!
เห็นทีนางต้องพยายามกลั้นเสียงบ้างแล้ว แต่ว่าเพราะท่านพี่นั่นแหละ ทำให้นางเสียวถึงขนาดนั้น นางเลยเผลอร้องเสียงดังจนต้องอับอายบ่าวไพร่เช่นนี้ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษท่านพี่ของนางนั่นแหละ
“พรุ่งนี้นายท่านจะพาคุณหนูไปเยี่ยมบ้านเดิมเวลาใดเจ้าคะ?” จางลี่ถาม เพราะตามธรรมเนียมแล้ว สตรีที่แต่งงานแล้ว ในวันที่ 3 หลังจากแต่งงานต้องพาเขยกลับไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยายที่บ้านเดิมของภรรยา
“อืม ไม่รู้ซิ ถ้าอย่างไรข้าจะถามท่านพี่อีกทีล่ะกัน” หว่านหรงบอก นางขยับตัวออกจากผ้าห่ม แล้วนางก็นึกได้ว่านางไม่ได้สวมอะไรเลย นางจึงหน้าแดงๆ จับผ้าห่มเอาไว้ แล้วกระมิดกระเมี้ยนลุกออกจากเตียงโดยเอาผ้าห่มคลุมตัวอีกหน แม่นมจางก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น จางลี่ก็เช่นกัน ก็นะ นายท่านกับคุณหนูของพวกนางกำลังข้าวใหม่ปลามันนี่นา ฮี่ๆๆๆ…
“นายหญิงเจ้าคะ น้ำร้อนเต็มอ่างแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้ร้องบอกอยู่หน้าประตู หว่านหรงจึงตอบ “อืม”
แล้วนางก็จับผ้าห่มคลุมตัวเอาไว้เดินไปทางห้องอาบน้ำด้านหลัง จางลี่รีบตามไปรับใช้ แม่นมจางก็จัดแจงเก็บที่หลับจัดที่นอน ตอนที่นางจัดที่นอนอยู่นั้นนางบังเอิญเห็นเชือกผ้าสีแดง 2 เส้นผูกอยู่กับเสาเตียงตรงหัวเตียงทั้ง 2 ต้น นางคิดว่าเป็นเชือกที่ใช้ผูกม่านมุ้งกระมัง นางจึงไม่ได้เก็บออกไป เพียงแต่จับเชือกทั้ง 2 เส้นนั้นไปไว้ที่ด้านข้างหัวเตียง นางเห็นผ้าผืนหนึ่งคล้ายสายรัดเอวนางจึงเก็บผ้าผืนนั้นไปใส่ตะกร้า รอให้สาวใช้เอาไปซัก
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวแล้ว หว่านหรงก็ไปที่ห้องโถง นางนั่งกินข้าวกับสามี ขณะที่กินอยู่นั้นนางก็ถามว่า “ท่านพี่เจ้าคะ พรุ่งนี้ข้าต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเดิม ท่านพี่จะไปเวลาใดเจ้าคะ?”
“ตื่นเมื่อไหร่ก็ไปเมื่อนั้นเถอะ” หนานกงเยี่ยนบอกอย่างไม่ใส่ใจ กลับไปเยี่ยมบ้านเดิมภรรยาไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องใส่ใจจริงๆ นั่นแหละ เขาใส่ใจแค่ว่าฮูหยินของเขาต้องพักผ่อนให้เพียงพอก็พอแล้ว ดังนั้นนางตื่นตอนไหน ก็เอาที่นางสะดวกเถอะ
“เอ่อ…แล้วถ้าข้าตื่นยามอู่เหมือนเช่นวันนี้อีกล่ะเจ้าคะ ท่านพ่อมิรอแย่หรือเจ้าคะ?” หว่านหรงมองสามี หนานกงเยี่ยนบอก “เจ้าจะตื่นตอนไหนก็ตอนนั้นแหละ ไม่จำเป็นต้องรีบตื่นแต่เช้า การนอนพักผ่อนของเจ้าสำคัญกว่าเรื่องอื่น ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกลัวว่าใครจะว่าเจ้าหรอก ข้าไม่ว่า แล้วใครหน้าไหนจะกล้าว่าฮูหยินข้าล่ะ”
“แต่ถ้าพรุ่งนี้พวกเราไม่ไปแต่เช้า ท่านพ่อต้องว่าข้าแน่ๆ เจ้าค่ะ” หว่านหรงบอกอย่างกังวล หนานกงเยี่ยนวางตะเกียบลง จับมือนางกุมเอาไว้ “เจ้าไม่ต้องกังวลไป พ่อตาไม่กล้าว่าเจ้าหรอก ถ้าเขากล้าดุด่าเจ้าแม้ครึ่งคำ ข้าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลหว่านเสียเลย”
“ท่านพี่ก็พูดเกินไป” หว่านหรงบอก หนานกงเยี่ยนยิ้ม “เจ้าไม่ใช่คนของตระกูลหว่านอีกแล้ว สตรีที่แต่งงานออกไปก็เหมือนน้ำที่สาดออกไปแล้วนั่นแหละ ตอนนี้เจ้าเป็นคนตระกูลหนานกง ดังนั้นเจ้าต้องวางท่าทางให้สง่าผ่าเผยให้สมกับที่เป็นฮูหยินข้า ข้าไม่กลัวฟ้ากลัวดิน ดังนั้นฮูหยินข้าจะกลัวฟ้ากลัวดินได้อย่างไร เจ้ากลัวคนได้แค่คนๆ เดียว นั่นก็คือข้าอย่างไรล่ะ”